นิทานเรื่องตุ้มเม้ง
ตุ้มเม้งเป็นคนเงียบๆ เขาชอบคิดอะไรเงียบๆ ทำอะไรเงียบๆ ตุ้มเม้งไม่ค่อยมีเพื่อน คงเพราะว่าเขาเป็นคนเงียบๆ นั่นเอง เวลาที่ตุ้มเม้งเงียบ ความคิดของเขาไม่เคยเงียบ เขามักจะครุ่นคิดอยู่เสมอ ว่าเขาควรทำอย่างไรดี
พ่อกับแม่ของตุ้มเม้งไม่คุยกันมานานแล้ว ตุ้มเม้งเองก็เด็กเกินไปที่จะเข้าใจเหตุผลของผู้ใหญ่ ในขณะเดียวกัน เขาก็โตเกินไปที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร ที่แน่ๆ พ่อกับแม่ของเขาไม่ปิดบังเสียด้วยสิ
ทุกๆ วัน พ่อกับแม่ของตุ้มเม้งจะแวะเวียนเข้ามาคุยกับเขา บทสนทนาก็เป็นไปในทำนองเดิม พ่อด่าแม่ แม่ด่าพ่อ แต่เชื่อสิ ใครๆ ก็ไม่มีทางรู้ว่าบ้านที่ดูอบอุ่นนี้มีปัญหา พ่อกับแม่เก่งเหลือเกินในการตีหน้าชื่นเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น เชื่อมั้ย แม้แต่ตุ้มเม้งเองก็อยากให้มีแขกมาที่บ้าน เพราะบรรยากาศที่บ้านจะดีขึ้นมาทันตาเห็น เขาเริ่มชินแล้ว กับความหลอกลวง เขาหลอกใจของตัวเอง
บ้านของตุ้มเม้งยังคงนั่งกินข้าวด้วยกันสามคน แต่บนโต๊ะอาหาร พ่อกับแม่ไม่คุยกันเลย เวลาตุ้มเม้งคุยกับพ่อ แม่จะทำเป็นไม่สนใจ เวลาตุ้มเม้งคุยกับแม่ พ่อจะเงียบเหมือนหายตัวไปเลย ตุ้มเม้งรู้ แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ เพราะมันสบายใจกว่า
หลายครั้งพ่อขอร้องให้ตุ้มเม้งไปบอกแม่ อย่าทำตัวอย่างนั้นอย่างนี้ได้มั้ย แม่ของตุ้มเม้งก็มักจะขึ้นต้นประโยคบ่อยๆ ว่า ....นี่ เธอไปบอกพ่อเธอนะ.... ตุ้มเม้งพยายามทำหน้าที่ของลูกให้ดีที่สุดมาตลอด เขาพยายามเป็นกาวประสานใจให้พ่อให้แม่ เขารู้ว่าพ่อยังรักแม่ และแม่ยังรักพ่อ แต่อะไรบางอย่างทำให้คุยกันไม่ได้ เขาพยายามบอกพ่อ แต่พ่อบอกว่า ...แต่เขาทำตัวไม่น่ารัก เขาพยายามบอกแม่ แต่แม่บอกว่า ...ก็พ่อเธอเขาไม่เคยรักฉัน
บทสนทนาระหว่างเขากับพ่อมักจะจบลงตรงการทะเลาะกัน ตุ้มเม้งกลัวพ่อโมโหมาก เพราะพ่อโมโหแล้วจะเสียงดัง พ่อจะโวยวาย ขว้างปาข้าวของ ถ้าพ่อขับรถอยู่ พ่อก็จะขับเร็วน่ากลัวมาก ลึกๆ แล้ว ตุ้มเม้งกลัวพ่อมากทีเดียว
บทสนทนาระหว่างเขากับแม่มักจะจบลงที่น้ำตาของแม่ ตุ้มเม้งเจ็บยิ่งกว่าเจ็บที่ทำให้แม่เสียน้ำตา เสียงสะอื้นของแม่ทำให้ตุ้มเม้งประสาทเสีย แล้วตุ้มเม้งก็จะหลบเข้าไปในตู้เสื้อผ้าเพื่อร้องไห้บ้าง
ตุ้มเม้งมักสับสนอยู่เสมอว่าเขาควรพยายามต่อไปดีไหม เพราะเขาสังเกตว่า ยิ่งเขาพยายาม ยิ่งเขาพูดอะไรออกไป ทุกครั้ง เรื่องมันจะกลับแย่ลง ดูเหมือนว่า พ่อและแม่เขาพร้อมที่จะมองอีกคนในแง่ร้ายตลอดเวลา ตุ้มเม้งโกรธตัวเองทุกครั้งที่พูดอะไรออกไป หลังๆ เขาเชื่อแน่ว่า ตัวเองเป็นคนปากเสีย และเริ่มที่จะไม่พูด
แต่ตุ้มเม้งก็รู้สึกว่า เขากำลังเป็นลูกที่แย่ ถ้าจะปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนี้โดยที่ไม่ทำอะไรเลย มันเป็นปัญหาของเขา หรือปัญหาของพ่อกับแม่นะ ตั้งแต่เด็ก เขาไม่เคยเห็นพ่อกับแม่กอดกัน (ยกเว้นตอนโดนจับถ่ายรูป) เขาไม่เคยเห็นพ่อกับแม่คุยเรื่องตลกกัน เขาไม่เคยเห็นพ่อกับแม่หัวเราะด้วยกัน (ตอนที่ไม่มีแขกมาเยี่ยมบ้าน) เขาไม่เคยเห็นพ่อกับแม่จูงมือกันเดิน ตั้งแต่เด็ก เขาได้ยินแต่อคติที่พ่อมีต่อแม่ และแม่มีต่อพ่อ ตุ้มเม้งควรทำอย่างไรดี
ยิ่งวัน ตุ้มเม้งยิ่งกลัวการอยู่บ้าน กลัวการอยู่กับพ่อกับแม่ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็กลัวการที่พ่อกับแม่ต้องอยู่กันตามลำพัง เขาสับสนในตัวเองมาก
ตุ้มเม้งเป็นคนเงียบ เพราะเขาขี้เกียจพูด สาเหตุที่เขาขี้เกียจพูดก็เพราะว่าเขากำลังคิด ถ้าเขาคิดจนเหนื่อยเขาก็จะเล่นเกม เขาจะได้ไม่ต้องคิด ไม่ต้องสับสน ไม่ต้องฟุ้งซ่าน ตุ้มเม้งกลายเป็นคนแปลก มีคนบอกว่าเขามองคนในแง่ร้าย
ตุ้มเม้งไม่อยากมีเพื่อน เพราะเขาเชื่อว่ามีเพื่อนแล้วต้องทะเลาะกัน เขาไม่อยากทะเลาะกับใครอีก เขาไม่ชอบคุยกับใครด้วย เพราะการคุยกันมักมีแต่เรื่องนินทา เขาเบื่อการนินทา เขาเลยไม่คุย
จบ.
เรื่องนี้ไม่ใช่นิทานอีสป เลยไม่ต้องมี ... เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
จบแล้ว.
Create Date : 24 เมษายน 2553 |
|
13 comments |
Last Update : 24 เมษายน 2553 13:26:41 น. |
Counter : 3143 Pageviews. |
|
 |
|
ได้ยินชื่อนี้
คิดถึงแมวอ้วนๆหนึ่งตัวครับ
น่ารัีกดี