พร้อมแล้ว (มั้ง) ทั้งตัวทั้งใจ "ไปอินเดีย" แล้วจ้า
จะเริ่มเล่าจากไหนดี
ราวๆ สิบปีที่แล้ว ครูบัลเล่ต์ได้พาฝรั่งคนหนึ่งเข้ามาทำการแสดงในเมืองไทย ตอนนั้นไอ้เราที่ยังเป็นเด็กๆ ก็ได้แต่นั่งดูพี่ๆ เขาซ้อม ฝรั่งคนนั้นเขาไม่ได้ใช้บัลเล่ต์วอร์มร่างกาย แต่เขาใช้โยคะ ครูบอกว่าเขาเป็นนักเต้นที่เป็นทั้งครูสอนเต้นและครูสอนโยคะ แล้วครูก็ลากเราเข้าไปเล่นโยคะด้วย เป็นอะไรที่แปลก ไม่เคยทำ จำไม่ได้ว่าสนุกหรือไม่สนุก เพราะเข้าไปเล่นโยคะด้วยแค่ครั้งเดียว
เวลาผ่านมาหน่อยเดียว แคลิฟอร์เนีย ฟิตเนส เซนเตอร์ (ที่ยังไม่ว้าว) ก็เข้ามาเปิดสาขาแรกที่สีลม ใกล้ๆ โรงเรียนเลย ตอนนั้นเรากำลังเห่อแฟชั่น อยากมีหุ่นดีๆ (ตอนนี้ก็ยังอยาก) ก็เลยไปสมัคร ลากแม่ไปสมัครให้ เพราะตอนนั้นอายุยังไม่ 18 ในแคลิฟอร์เนียมีโยคะให้เล่น ก็ไปเล่นด้วย ตอนนั้นยังเป็นโยคะธรรมด๊าธรรมดา เป็นเพราะตัวเองตัวอ่อนด้วย ทำอะไรก็ทำได้หมด ก็เลยชอบ แต่ก็เข้าคลาสบ้าง ไม่เข้าคลาสบ้าง เพราะกิจกรรมในโรงเรียนเยอะ จนกระทั่งหมดสมาชิก ก็ไม่ได้ต่อ เพราะชักไม่ปลื้มฟิตเนสแล้ว หลังๆ คนเยอะ มันไม่เนี้ยบเหมือนตอนเปิดแรกๆ จะเอ็นท์แล้วด้วย
โตขึ้นมาอีกหน่อย ครูบัลเล่ต์คนเดิมพาฝรั่งคนใหม่เข้ามาอีกครั้ง คราวนี้เราได้เต้นด้วย จากที่เคยแต่นั่งดู ฝรั่งคนนี้ก็ใช้โยคะวอร์มอีกแล้ว ได้เล่นโยคะตอนเช้าทุกวันเป็นเวลาเกือบเดือน เรียกได้ว่าชอบๆๆๆ ชอบมากๆๆๆๆ ตอนนั้นเริ่มสอนบัลเล่ต์เด็กเล็กๆ แล้วด้วย บอกได้คำเดียวว่าเหนื่อยมาก และสารภาพตรงๆ ว่าไม่ชอบสอนเด็กๆ เลย มันต้องใช้พลังงานมากมายก่ายกอง พอได้มาเล่นโยคะ ก็เริ่มแอบคิด ... ให้สอนโยคะดีกว่าสอนเต้นอีก แต่ก็ได้แค่คิดเท่านั้น เรามันไม่ได้เรียนจริงๆ จังๆ นี่นา
ผ่านมาอีก 3 ปี ก็ได้ไปสมัครฟิตเนสอีกที่ ทรูฟิตเนส สมัครตอนเปิดใหม่ๆ อีกแล้ว ตั้งแต่คลับยังสร้างไม่เสร็จเลย พอคลับเปิดก็ได้เล่นโยคะที่คลับนั้นกับครูอีกคน ที่เป็นลูกชายของครูคนแรกที่ได้เรียนด้วยที่แคลิฟอร์เนีย (ที่ตอนนั้นว้าวแล้ว) ยิ่งเล่นยิ่งชอบ ยิ่งเรียนหนักๆ แล้วพอได้มาเล่นโยคะยิ่งรู้สึกดี ช่วงนั้นนิตยสาร Be Well เพิ่งออกมาใหม่ๆ เราเองสนใจอะไรอย่างนั้นอยู่แล้วก็ซื้อมา ก็เจอประชาสัมพันธ์ของโยคะวิชาการ เปิดอบรมครูโยคะ หลักสุตร 7 เดือน ไม่คิดอะไรมาก สมัครเลย ความฝันดั้งเดิมคืออยากเป็นครูโยคะอยู่แล้ว เล่าอย่างรวบรัดก็คือเริ่มเรียนแล้วก็เรียนจบ (ลัดไปมั้ย) ได้ทฤษฎีมาเป็นกระบุง เข้าใจโยคะในอีกแง่ มันไม่น่าเบื่อเลย ตรงกันข้าม มันน่าสนใจมากๆๆๆๆๆ มากขึ้นไปอีก
(((ข้ามเลยแล้วกัน)))
เข้าเรื่องดีกว่า คือว่าพรุ่งนี้เราจะไปอินเดียแล้วล่ะ ไปไม่นานหรอก เดือนเดียวเอง ไปเรียนโยคะจากแหล่งกำเนิดเลย แต่ว่าใช้เวลาเตรียมใจอย่างนานเลย คืออยากไปตั้งแต่ตอนเรียนกับโยคะวิชาการแล้ว ก็ผ่านมาสัก 3-4 ปีแล้วล่ะ ตอนตัดสินใจนั้นอยู่ที่มหาสารคาม กำลังซ้อมเต้นอยู่ในมมส. ตอนตัดสินใจนั้นอยู่ที่มหาสารคาม กำลังซ้อมเต้นอยู่ในมมส. ก็มองน้องๆ เขาเต้น แล้วก็สงสัย เราเต้นแล้วเราได้อะไรหากการเต้นไม่ใช่การภาวนา แปลว่าอะไร คนอ่านคงนั่งสงสัยอยู่ การเต้นมันไม่ยั่งยืนหรอก เราทำเพราะเรารัก เราทำเพราะมันเลือกเรา แต่มันไม่พอ มันไม่เคยพอ มันไม่ใช่องค์รวมของชีวิต ตอนนั้นคิดอยากจะเลิกเต้น คงเพราะจิตตกด้วยในหลายๆ เรื่อง มีอยู่วันหนึ่งตื่นขึ้นมาเร็วผิดปกติ ตีสี่ เปิดทีวีในห้องหอพักอาจารย์ดู ก็เจออ.ประมวล เพ็งจันทร์กำลังให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับอินเดียอยู่ ตัดสินใจเดี๋ยวนั้นเลย แล้วก็บอกตัวเองว่า ...พร้อมแล้ว...
นั่นแหละ พร้อมแล้ว
พี่เล็ก โยคีรุ่นพี่เคยบอกไว้ว่า ทางสายนี้ยากลำบาก และเมื่อเลือกแล้วก็จะหันหลังกลับมาไม่ได้อีกแล้ว เพราะเราจะรู้แล้วว่า เส้นทางสายอื่นนั้นมันไม่เพียงพอ มันไม่ใช่อีกต่อไป แล้วเราก็หาทางกลับไปสู่เส้นทางสายภาวนานี้อีกครั้ง
นั่นแหละ พร้อมแล้ว ที่จะกลับไปหาเส้นทางสายนี้ เขียนอะไรไม่ค่อยออกแล้ว เพราะ ตื่นเต้น เอาเป็นว่า เดือนตุลาคมกลับมาจะมาเล่าให้ฟังนะคะ
ไปเตรียมตัวเตรียมใจต่อก่อนนะคะ
Create Date : 29 สิงหาคม 2553 |
|
15 comments |
Last Update : 29 สิงหาคม 2553 13:36:20 น. |
Counter : 1418 Pageviews. |
|
 |
|
ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพทั้งไปและกลับค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้ประสบความสำเร็จดังเป้าหมายนะคะ