"วิบากของบาปที่กระทำ"
ถ้าทำบุญ ผลที่เกิดปัจจุบันก็คือ
ความสุขใจ สบายใจ
เวลาทำบุญ ได้ทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น
แล้วเราก็มีความสุขใจ เช่นใส่บาตร
หรือว่าไปช่วยคุณพ่อคุณแม่
พาคุณพ่อคุณแม่ไปโรงพยาบาล
ทำประโยชน์อะไรให้กับผู้อื่น
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามนะ
แม้แต่สัตว์เดรัจฉาน ปล่อยนกปล่อยปลา
ทำแล้วก็เกิดความสุขใจขึ้นมา
เรียกว่าบุญ และบุญนี้จะสะสมไปในใจ
เป็นพลังที่จะผลักดันใจ เวลาที่ไม่มีร่างกายนี้
ให้ไปสู่สุคติ ให้ไปสู่สวรรค์ชั้นต่างๆ
อันนี้เรียกว่าบุญ ส่วนบาปที่เราทำ
ทำการกระทำที่เกิดโทษแก่ผู้อื่น เช่นฆ่าผู้อื่น
รักทรัพย์ของผู้อื่น ประพฤติผิดประเวณี
โกหกหลอกลวงผู้อื่น ทำแล้วมันก็จะทำให้
เกิดความร้อนใจทุกข์ใจขึ้นมา เรียกว่าบาป
บาปก็คือความร้อนใจ ความทุกข์ใจ
แล้วก็ถ้าทำมากๆมันก็สะสม
เป็นพลังที่จะผลักดันจิต
เวลาที่ไม่มีร่างกายเป็นตัวยึดเหนี่ยว
จิตก็จะถูกพลังบุญพลังบาปนี้ผลักดัน
ให้ไปสู่ภพต่างๆ
ถ้าพลังบาปมีกำลังมากกว่าพลังบุญ
พลังบาปนี้ก็จะดันให้จิตนี้ไปเกิดในอบายสี่
อย่างใดอย่างหนึ่งตามลักษณะของบาปที่ทำนั้น
แสดงว่าทำบาปเพราะหลง เพราะไม่รู้ว่าเป็นบาป
ยิ่งคนที่เขาทำมาหากิน ที่เขาคิดว่าสุจริต
อาชีพคือไม่ผิดกฎหมาย
แต่เป็นอาชีพที่ยังเป็นบาป
อย่างฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ฆ่าเป็ดฆ่าไก่
ฆ่าวัว ฆ่าควายเพื่อเป็นการเลี้ยงชีพของตนเอง
อันนี้ก็ลักษณะของเดรัจฉานนะ
เดรัจฉานเขาก็ทำ เขาก็ต้องฆ่าเพื่ออยู่
สัตว์ใหญ่กินสัตว์น้อย เขาก็ไม่รู้ว่าบาป
เขาก็ต้องทำเพราะเขาคิดว่า
มันเป็นการดำรงชีพของเขา นี่ก็เช่นเดียวกัน
ผู้ที่ทำบาปโดยความไม่รู้ว่าเป็นบาป
ไม่รู้ว่ามีผลลัพพ์ตามมา
ตายไปก็ต้องไปเกิดเป็นเดรัจฉาน
ถ้าทำบาปด้วยความโลภ อยากได้มากๆ
อยากมีมากๆ ทั้งๆที่พอมีพอกินไม่ทำบาปก็ได้
แต่อยากร่ำอยากรวย อยากมีอะไรมากๆ
ก็เลยทำบาป เพื่อจะได้สิ่งที่ต้องการมามากๆนี้
เรียกว่าเปรต พวกเปรตนี้
ไม่มีกายหยาบเหมือนเดรัจฉาน เป็นดวงจิต
ที่มีคุณลักษณะที่หิวตลอดเวลา
เพราะความอยากนี้ ได้เท่าไรมันจะไม่อิ่มไม่พอ
มีแต่อยากจะได้มากขึ้นไปเรื่อยๆ
ก็เลยทำให้เกิดความหิวโหยอยู่เรื่อยๆ
พวกนี้ไม่เคยทำบุญ เพราะอยากจะได้ของคนอื่น
และไม่อยากจะให้คนอื่นมีอะไรหวง
เก็บเอาไว้ซ่อนเอาไว้นี่พวกนี้เวลาตายไป
จิตจะหิวโหยเป็นเปรตพวกนี้แหละ
เป็นพวกที่ จะมาขอส่วนบุญของพวกที่มีชีวิตอยู่
เพราะว่าบุญนี้ทำให้เขาเหมือนกับความหิวได้
แต่เขาไม่เคยทำก็เลยไม่มีบุญติดไป
เค้าก็เลยต้องมารอรับส่วนบุญของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่
ส่งไปให้เรียกว่าแปลบทที่สาม
พวกอสุรกายนี้เรียกว่าผู้ที่ทำบาปด้วยความกลัว
ภาษาอังกฤษเค้าเรียก พารานอยด์ กลัวไปหมด
กลัวโน่นกลัวนี่ก็ฆ่ามันเสียก่อน
กลัวยุง กลัวมด กลัวแมลง กลัวงู
กลัวอะไรที่คิดว่ามันจะมาทำร้ายเรา
เราก็ฆ่ามันเสียก่อน
อันนี้เรียกว่าทำบาปด้วยความกลัว
ลักษณะของจิตที่ทำบาปด้วยความกลัว
ที่เป็นอสุรกายก็คือ มีแต่ความทุกข์
ที่เกิดจากความกลัวตลอดเวลา
แล้วประเภทที่สี่
ผู้ที่ทำบาปด้วยความอาฆาตพยาบาท
โกรธเกลียดเคียดแค้น
ใครพูดอะไรไม่ดีทำอะไรไม่ดี
ดูถูกดูแคลนเหยียดหยามน้ำใจ
ก็อาฆาต พยาบาท จองเวรจองกรรม
ใจก็จะร้อนเป็นไฟขึ้นมา
เขาเรียกว่าพวกนี้เป็นพวกนรก
ทำบาปด้วยอาการอาฆาตพยาบาท
ฆ่าผู้อื่นใครมาทำร้ายเรา
หรือมาทำอะไรให้เราเสียหาย
มีความโกรธเกลียดเคียดแค้น
ทำบาปแล้วก็จะทำให้ตัวเองต้องไปนรก
นรกก็คือสภาพใจของใจที่ทำบาปนั้น
มีความร้อนเหมือนถูกไฟเผาอยู่ตลอดเวลา
มันเป็นตั้งแต่ยังไม่ตายเวลาเราเคียดแค้นใคร
ใจเราสงบใจเราเย็นไหม ใจร้อน
บางทีกินไม่ได้นอนไม่หลับ
นี่คือ ลักษณะของ วิบากของบาปที่กระทำ...
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
......................
สนทนาธรรมะบนเขา
วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๐
วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ชลบุรี
ขอบคุณที่มา fb. ธรรมะพระธุดงคกรรมฐาน
สายพระบูรพาจารย์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺตเถระ
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ