Group Blog
All Blog
<<< ขอข้อธรรมให้แม่ซึ่งกำลังป่วยหนัก >>>










"ขอข้อธรรมให้แม่ที่กำลังป่วยหนัก"

ถาม : ตอนนี้แม่ป่วยหนัก

วันนี้หมอเข้ามาคุยกับแม่แล้วบอกว่า

ให้เลือกว่าจะรักษาต่อหรือไม่

 ถ้าเลือกที่จะรักษาต่อก็ต้องทรมาน

กับทุกขเวทนาทางกาย

แต่ถ้าเลือกที่จะไม่รักษาต่อ 

หมอก็จะหยุด และรักษาตามอาการ

และให้กลับบ้าน

แต่เมื่อก่อนแม่เคยพูดเสมอว่า

พร้อมที่จะตาย อยากจะตายเพราะทรมาน

แต่พอแม่ได้ยินหมอพูดแบบนั้น

 หนูเห็นแม่ช๊อกไปเลยกับคำพูดของหมอ

ที่พูดประมาณว่าหมดทางที่จะรอดแล้ว

ตอนนี้คือรอความตายอย่างเดียว

 ขอพระอาจารย์ให้ข้อคิด ทางธรรมด้วยค่ะ

พระอาจารย์ : มันก็เป็นธรรมอยู่แล้วคำถามนี้

 ก็รู้อยู่แล้วว่าต้องปล่อย

 ปล่อยแล้วใจก็จะสงบ ใจก็จะไม่ทรมาน

 ถ้าไม่ยอมปล่อยใจก็ทรมานไปเปล่าๆ

 และผลก็ไม่เปลี่ยนแปลง ผลก็เหมือนกัน

ตายเหมือนกัน แต่ตายแบบสงบ

ตายแบบสบายหรือตายแบบทุกข์ทรมาน

ก็อยู่ที่การจะปล่อยไม่ปล่อย 

การจะปล่อยได้ก็ต้องเห็นว่า

ร่างกายไม่ใช่ตัวเรา เห็นว่าร่างกายไม่เที่ยง

เกิด แก่ เจ็บ ตาย โดยเฉพาะการเห็นว่า

มันไม่เป็นตัวเรานี้เป็นตัวที่สำคัญ

ถ้าเราเห็นว่ามันไม่ใช่ตัวเรา

เราก็จะไม่เดือดร้อน วิธีจะเห็นว่าไม่ใช่ตัวเรา

 เราก็ต้องแยกกายออกจากใจให้ได้

"วิธีที่จะแยกใจออกจากกาย

ก็ต้องทำใจให้สงบ เจริญพุทโธๆ

 หรือดูลมหายใจเข้าออก อย่าให้คิดอะไร

 ตอนนี้อย่าไปคิดถึงเรื่องร่างกาย

 ให้อยู่กับพุทโธๆ ไป หรืออยู่กับลมหายใจไป

 เพื่อให้ใจเข้าสู่ความสงบ"

พอใจเข้าสู่ความสงบ

ใจกับร่างกายก็จะแยกออกจากกัน

 ร่างกายก็จะ หายไปจากความรู้สึก

จะเหลือแต่ตัวรู้ ผู้รู้อยู่ตัวเดียว

ก็จะรู้ว่าตัวนี้ไม่ได้ตาย

 ตัวนี้ไม่ได้เป็นร่างกาย

 ตัวนี้ไม่ต้องไปทุกข์กับร่างกาย

 ขอให้ตัวนี้ปล่อยเท่านั้นเอง 

วิธีปล่อยก็ให้รู้เฉยๆ

อย่างที่ขณะที่อยู่ในสมาธิ

 ขณะที่อยู่ในสมาธินี้ ใจหยุดทำงาน

 ใจหยุดยึดหยุดติดหยุดอยากกับร่างกาย

ดังนั้นวิธีที่จะปล่อยอย่างมีความสงบ

 อย่างมีความสุข ก็ต้องพยายามทำสมาธิให้ได้

 คนเราบางทีถึงเวลาจนตรอกแล้วมันทำได้

 เช่น คนเราเวลาจะจมน้ำตายนี้

มีศพลอยมา ยังกอดศพไว้เลย

ยอมกอดศพดีกว่ายอมตายเข้าใจไหม

 ตอนนี้จะตายแล้วก็ต้องกอดสมาธิ

เท่านั้นแหละถึงจะไม่ทรมาน

กอดสมาธิ กอดปัญญา

มีสมาธิแล้วถ้าเห็นว่า

ไม่เป็นตัวเราของเรา

ก็จะปล่อยได้อย่างง่ายดาย

ถ้ายังไม่มีสมาธิ ถึงแม้ใครจะมาบอกว่า

ไม่ใช่ตัวเราของเราก็ไม่เชื่อ

ก็มองไม่เห็นอีกแหละ

ก็ยังคิดว่าเป็นตัวเราของเราอยู่

ดังนั้น จำเป็นจะต้องมีสมาธิก่อน

พอมีสมาธิแล้วจะรู้ว่า

 อ๋อ ไม่มีร่างกายนี้กลับสบายกว่ามี

 เวลามีร่างกายนี้เหมือนแบกภูเขาไว้บนอก

 พอจิตเข้าไปใน ความสงบ

 ปล่อยวางร่างกายแล้วนี้

 เหมือนกับยกภูเขาออกจากอก

แล้วจะรู้จักวิธีปล่อยร่างกายได้

 ก็คือไม่แบกมัน ไม่ไปยึดไปติด

ไม่ไปถือว่ามันเป็นตัวเราของเรา

 แล้วใจก็จะอยู่อย่างสงบ อยู่อย่างสบาย

 ไม่เดือดร้อนกับ ความตายของร่างกาย

 นี่คือคำตอบ.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

.............................

ธรรมะบนเขา

วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘

”มรรคผลนิพพานในอุ้งมือ"






ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2560
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2560 10:33:50 น.
Counter : 712 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ