ความรู้ทางศาสนากับความรู้ทางโลก
ความรู้ทางพระพุทธศาสนาที่ต่างจากทางโลก
ต่างด้วย ๒ ลักษณะ ต่างอย่างหนึ่งก็คือ
เป็นความรู้ที่ดับความทุกข์ได้ ความทุกข์ทางโลกนี้
ไม่ว่าจะเรียนจากที่ไหนก็ดับความทุกข์ไม่ได้
แล้วความทุกข์อันนี้ความรู้อันนี้จะดับความทุกข์ได้
ก็ต้องดับด้วยการปฏิบัติด้วยการกระทำ
ไม่ใช่เพียงแต่การทำการบ้านเท่านั้นเอง
ไม่ได้เกิดจากการฟังการทำการบ้านอย่างเดียว
ต้องเอาไปปฏิบัติกับเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น
แล้วถ้าเราปฏิบัติได้เราก็จะผ่าน แล้วต่อไป
เราจะไม่มีความทุกข์อยู่ในใจของเราเลย
ใจของเราใจเย็นจะสบายไป
ใครจะพูดอะไรใครจะทำอะไรเราก็มองว่า
เป็นเหมือนเด็กทารกไปเท่านั้นเอง
เคยเห็นเด็กทารกเราเคยไปโกรธเด็กทารกไหม
มันจะส่งเสียงร้องไห้จะทำอะไรเสียหาย
ทำข้าวของเสียหายเราก็ไม่เคยไปโกรธเด็ก
เพราะเรารู้ว่ามันไม่รู้เรื่อง
มันก็ทำไปตามประสีประสาของมัน
ถ้าเรามีปัญญาเราก็จะรู้ว่าคนที่เบียดเบียนกันนี้
ก็เป็นเหมือนเด็กทารกที่ไม่รู้ประสีประสานั่นแหละ
ที่ไปด่ากันไปฆ่ากันไปทำสงครามต่อกันและกัน
มันเป็นเหมือนเด็กทารก
ไปโกรธเด็กทารกเขาก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร
ก็ต้องสอนเท่านั้นเอง จะสอนเขาได้หรือไม่ได้
ก็อยู่ที่ว่าเขาอยากจะฟังหรือไม่ฟัง
ถ้าเขาไม่อยากฟังก็สอนไม่ได้ ถ้าเขาไม่มาที่นี่
เราจะไปที่ทำงานเขาแล้วไปสอนเขา ไม่ได้
ไปสอนนายก ไปที่สำนักนายก เราขอสอนนายกที
สอนไม่ได้หรอกถ้าเขาไม่มาขอให้เราสอน
ธรรมนี้ต้องรอให้มีคนมาสอนให้สอนถึงจะสอนได้
เพราะอะไรจึงมีธรรมเนียมยังไง
เวลาพระจะเทศน์นี้ต้องอาราธนาก่อน
เชิญให้พระมาเทศน์ก่อน ถ้าไม่เชิญพระไม่ไปหรอก
ไปแล้วโดนถีบออก มาทำไม
พวกพระที่เขาไม่เชิญให้ไปเทศน์ เห็นไหม
โดนเขาด่ากลับเห็นไหม
นี่คือเรื่องของความรู้ทางศาสนา
เป็นความรู้ที่ดับความทุกข์ได้
มีความรู้ทางศาสนาเพียงทางเดียวเท่านั้น
ที่จะดับความทุกข์ต่างๆ ได้
ความรู้ทางโลกที่เรียนกันอยู่ในมหาวิทยาลัย
ต่อให้ได้เรียนจากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่ง
ได้ปริญญาเอกได้เกียรตินิยมก็ดับความทุกข์ไม่ได้
มีความรู้ทางพระพุทธศาสนาเท่านั้นที่จะดับได้
ฉะนั้นขอให้พวกเราจงนำเอาความรู้ที่ได้ยินได้ฟังในวันนี้
ไปทบทวนไปทำการบ้าน แล้วลองนำเอาไปปฏิบัติดู
ดูว่าจะดับความโกรธได้หรือไม่
ดับความทุกข์ที่เกิดจากความโกรธได้หรือไม่
ถ้าพยายามทำรับรองได้ว่าได้
เอาล่ะนะก็คิดว่าพอสมควรแก่เวลา
จะอนุโมทนาให้พร.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
.....................................
สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๑
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ