Group Blog
All Blog
<<< รักษาใจไม่ให้ทุกข์ไม่ให้วุ่นวาย >>>









"รักษาใจไม่ให้ทุกข์ไม่ให้วุ่นวาย"

มาอยู่วัดถือศีล ๘ แล้วจะรู้ว่า

 ถ้าไม่ได้กินไม่ได้ดื่มมันจะทุกข์ไหม

 ถ้าเราไม่ได้กินข้าวเย็นนี้

แต่มันเป็นความทุกข์ที่เราดับได้

ความทุกข์ที่เกิดจากความอยากนี้เราดับได้

เราเพียงแต่หยุดความอยากเท่านั้นเอง

 ทำใจให้นิ่งทำใจให้เฉยๆ อย่าไปคิดถึง

ของที่เราอยากจะกินอยากจะดื่ม มันก็ลืมไป

ความอยากมันก็หยุดไป หรือใช้ปัญญาก็ได้

ว่าไม่ตายหรอกถ้าไม่ได้กินไม่ได้ดื่มมื้อเดียว

อันนี้ไม่ตายหรอก อันนี้เราสามารถที่จะแก้ได้

ความทุกข์ที่เกิดจากความอยากต่างๆ

 ด้วยการหยุด อย่าไปติดมัน

อย่าไปติดกับลาภยศสรรเสริญ

 อย่าไปติดกับความสุขทางตาหูจมูกลิ้นกาย

วิธีจะทำให้เราไม่ติดได้ก็ต้องมีของที่ดีกว่า

ของที่ดีกว่าลาภยศสรรเสริญ

 ที่ดีกว่ารูปเสียงกลิ่นรสก็คือ

 ความสงบที่เกิดจากการมานั่งสมาธิ

ถ้าเรานั่งสมาธิทำใจให้สงบได้

 เราจะได้ความสุขที่ดีกว่าความสุขที่จะได้จาก

ลาภยศสรรเสริญ จากรูปเสียงกลิ่นรสต่างๆ ได้

พอเรามีความสุขที่เกิดจากความสงบนี้แล้ว

 เราก็เลิกได้ เลิกติดรูปเสียงกลิ่นรส

เลิกติดลาภยศสรรเสริญได้

นี่พวกที่เป็นนักบวชนี้

 เขาไม่ติดลาภยศสรรเสริญ

 เขาไม่ติดรูปเสียงกลิ่นรสโผสฐัพพะ

 เพราะเขามีสิ่งที่ดีกว่า มีความสุขที่เหนือกว่า

ความสุขทั้งปวง คือความสงบจากใจ

ใจสงบได้ด้วยสติ ถ้าสติมีกำลังมาก

ก็จะหยุดความคิดได้ หยุดความคิดได้

ก็หยุดความอยากได้

พอความคิดหยุด ความอยากหยุด จิตก็สงบ

เกิดความสุขเกิดความอิ่มขึ้นมา

เกิดความพอขึ้นมา

 ไม่ต้องการอะไรไม่ต้องกินอาหารเย็น

 กินวันละมื้อก็อยู่ได้

 ดื่มน้ำเปล่าเปล่าอย่างเดียวก็พอ

 ไม่ต้องเป็นน้ำที่มีสีมีกลิ่นมีรส

ไม่จำเป็นไม่สำคัญสำหรับร่างกาย

ร่างกายไม่ต้องการสีกลิ่นรส

ร่างกายต้องการน้ำต้องการลมต้องการดิน

 ดินก็ข้าว ร่างกายต้องการดินน้ำลมไฟ

มาเติมอยู่เรื่อยๆ ไฟก็นี่ความร้อน

จากแสงจากดวงอาทิตย์

 หรือความร้อนจากอาหาร

ที่มันเข้าไปในร่างกาย

 เวลารับประทานอาหารนี้

เราจะเหงื่อแตกกันนะ

 เพราะเราเอาธาตุดินน้ำลมไฟเข้าไป

ร่างกายต้องการเพียงเท่านี้

ร่างกายกินเพียงวันละหนเดียวก็พอ

 เหมือนกับเติมน้ำมันรถยนต์

 เติมทีให้มันเต็มถังไปเลย เติมทีเดียว

ทำไมต้องไปเติมสามสี่ครั้ง

 นี่เราไปสั่งให้เขาเอาแค่ครึ่งถัง

 เติมทีเดียวเต็มไปเลย

ฉะนั้น เวลากินข้าว

ทำไมต้องแบ่งเป็นสามตอนด้วย

ตอนเช้าหน่อยตอนกลางวันหน่อย

ตอนเย็นหน่อย

 กินมันทีเดียวพร้อมกันไปเลยหนเดียว

 แต่ความอยากมันชอบมีกินอยู่เรื่อยๆ

 ถ้ากินหนเดียวนี้

พออยากเดี๋ยวมันกินไม่ได้แล้ว

 ก็เลยแบ่งไว้เป็นสามมื้อ

มื้อเช้าหน่อยมื้อกลางวันหน่อยมื้อเย็นหน่อย

ก่อนนอนหน่อย กินด้วยความอยาก

ก็จะทุกข์เวลาไม่มีกินเวลากินไม่ได้

กินมากเกินไปหมอห้ามแล้ว

 หมอห้ามกินแล้ว

 ต้องลดน้ำหนักแล้ว เดี๋ยวเบาหวานมาแล้ว

โรคหัวใจมาแล้ว โรคเก๊ามาแล้ว

 โรคข้อเข่าเสื่อมมาแล้ว

 คนที่น้ำหนักมากๆ นี่ข้อเข่ามันก็จะเสื่อม

 น้ำหนักมากๆ ก็จะทำให้มันเจ็บ

 ต้องลดอาหาร ตอนนั้นก็จะทุกข์แล้ว

 ฉะนั้นหันมาลดตั้งแต่ร่างกายยังไม่เสื่อม

ไม่ดีกว่าเหรอ กินให้น้อยกินพอประมาณ

 หัดกินวันละมื้อดูก็ได้ กินวันละมื้อได้

รับรองไม่มีวันอ้วน ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ

ที่เกิดจากการกินมากเกินไป

แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญเรื่องร่างกายนี้

 ถ้าดูแลมันดีมันก็ไม่ทุกข์ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย

มันก็จะอายุยืน แต่มันก็ต้องตายอยู่ดี

 ฉะนั้นร่างกายนี้ไม่ใช่เป็นเป้าหมายหลัก

ของการปฏิบัติของเรา

 เป้าหมายหลักของการปฏิบัติของเราก็คือ

 การรักษาใจไม่ให้ทุกข์ไม่ให้วุ่นวาย

ให้ใจนิ่ง ให้ใจสงบ

ให้ใจมีความสุขตลอดเวลา

จะนิ่งจะสงบได้ตลอดเวลา

ก็ต้องมีสติคอยควบคุมความคิด

ความอยากต่างๆ แล้วก็ใช้ปัญญาเข้ามา

ทำลายความอยากความคิดต่างๆ ที่ไม่ดี

ให้คิดว่าลาภ ยศ สรรเสริญ

 หรือรูป เสียง กลิ่น รสนี้มันไม่เที่ยง

อย่าไปยุ่งกับมันดีกว่า อย่าไปมีดีกว่า.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

.......................

สนทนาธรรมมะบนเขา
วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐






ขอบคุณที่มา fb.. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพด่ะ




Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2560
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2560 11:14:15 น.
Counter : 782 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ