ตายได้อย่างสงบ
การหมั่นพิจารณามรณสติ
จะทำให้เรารู้จักใช้ประโยชน์
จากการสูญเสียสิ่งรักสิ่งหวงแหน
แทนที่จะเอาแต่ทุกข์ไปกับเหตุการณ์ดังกล่าว
ควรถือว่าความสูญเสียเหล่านั้น
มิใช่อะไรอื่นหากคือสัญญาณเตือนภัยว่า
สักวันหนึ่งเราจะต้องประสบกับความสูญเสีย
ที่ใหญ่หลวงกว่านั้น ถ้าหากเรายังทำใจ
กับความสูญเสียสิ่งรักสิ่งหวงแหนไม่ได้
เราจะรับมือกับความตายได้อย่างไร
เพราะถ้าวันนั้นมาถึงเราจะต้อง
สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่มี ไม่ว่าทรัพย์สมบัติ
ครอบครัว คนรัก อำนาจ
ตลอดจนชีวิตจิตใจและร่างกาย
รวมทั้งโลกที่เรารู้จัก
นอกจากการระลึกถึงความตายอยู่เสมอแล้ว
เรายังสามารถเตรียมตัวเผชิญความตายได้
ด้วยการหมั่นทำความดีอยู่เสมอ
เพราะความดีนั้นช่วยเสริมสร้างคุณภาพจิต
ให้มีความสงบเย็น และเป็นปกติ
ขณะเดียวกันการละเว้นความชั่ว
ก็ทำให้จิตไร้สิ่งเศร้าหมอง
คุณภาพจิตเหล่านี้มีความสำคัญมาก
ในวาระสุดท้ายของชีวิตเพราะช่วยประคองใจ
ไม่ให้อารมณ์อกุศลเข้ามาครอบงำ
จนเกิดความทุกข์ทรมาน
ขณะเดียวกันความอิ่มเอิบปีติก็จะเกิดขึ้น
เมื่อระลึกถึงบุญกุศลที่ได้เคยทำ
ทำให้จากไปอย่างสงบ
ในทางตรงกันข้าม
กับคนที่ทำความชั่วอยู่เป็นอาจิณ
จิตจะเต็มไปด้วยอารมณ์อกุศล
ในยามใกล้ตายบาปกรรมที่เคยกระทำ
จะมาปลุกเร้าอารมณ์อกุศลให้แผ่ซ่าน
เช่น ความรู้สึกผิด ความหวาดกลัว
ความตื่นตระหนก ความเคียดแค้นชิงชัง
ซึ่งทำให้ทุรนทุรายและตายอย่างไม่สงบ
ควบคู่ไปกับการทำความดีหมั่นบำเพ็ญกุศล
ก็คือฝึกจิตอย่างสม่ำเสมอให้มีสติที่เข็มแข็งฉับไว
หรือมีความตื่นรู้อยู่เป็นนิจ
ในยามที่ร่างกายใกล้แตกดับ
จิตจะแปรปรวนและง่าย
ที่จะเข้าไปในอารมณ์ที่เป็นอกุศล
ซึ่งทำให้ทุกข์และทุรนทุรายมากขึ้น
สติที่ฝึกฝนไว้ดีแล้วจะเป็นเครื่องรักษาใจ
ไม่ให้ถลำจมในอารมณ์อกุศลทั้งหลาย
และช่วยให้จิตใจเกิดความสงบเย็นเป็นสมาธิได้ง่าย
ยิ่งศึกษาและปฏิบัติจนเกิดปัญญา
คือความเข้าใจแจ่มชัดในความจริงของสิ่งทั้งปวง
ก็จะปล่อยวางสิ่งต่าง ๆ ลงได้ง่ายดาย
ไม่คิดเหนี่ยวรั้งสิ่งใด ๆ ไว้
แม้กระทั่งร่างกายหรือชีวิต
เพราะตระหนักชัดว่าสิ่งทั้งปวงล้วนไม่เที่ยง
และไม่น่ายึดถือแต่อย่างใด
ความตายจึงไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวอีกต่อไป
และดังนั้นจึงพร้อมรับความตายได้อย่างสงบ
ไม่ต่างจากคนที่เมื่อได้ยินระฆังเลิกงาน
ก็วางงานลงและกลับบ้าน
โดยไม่มีความรู้สึกอาลัยแต่อย่างใด.
พระไพศาล วิสาโล
ขอบคุณที่มา fb. ข้อธรรมคำสอน พระไพศาล วิสาโล
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ