Group Blog
All Blog
<<< ความอยากเป็นตัวทำให้เกิดความทุกข์ >>>










"ความอยากเป็นตัวทำให้

เกิดความทุกข์ "

ธรรมที่จะทำให้พระอริยสัจสี่

ปรากฎขึ้นมาในใจของพวกเรา

ก็คือ "มรรค" นี้เอง

เพราะอริยะสัจ ๔ ข้อที่ ๔ นี้

พวกเราต้องเจริญกัน

ส่วนพระอริยสัจ ๔ ข้อที่ ๑ ข้อที่ ๒ นี้

เราไม่ต้องเจริญ

 เพราะมันมีอยู่กับเราตลอดเวลา

 ความทุกข์ใจความไม่สบายใจนี้

 พวกเรามีอยู่ตลอดเวลา

 ความอยากทั้งสามประการ

 พวกเราก็มีอยู่ตลอดเวลา

คือกามตัณหา ภวตัณหา และวิภวตัณหา

 เรามีกันอยู่ตลอดเวลา

 เพียงแต่เราไม่สามารถไปโยงผูกกันได้

ว่าปัญหาทั้งสามนี้ เป็นตัวที่ทำให้เราทุกข์ใจ

 เป็นตัวที่ทำให้เราไม่สบายใจกัน

 เพราะความหลงมันกลับหลอกให้เรา

มองกลับตาลปัตรไป กลับให้เรามองเห็นว่า

ความอยากนี้จะกำจัดความทุกข์ใจได้

เช่นเราทุกข์ใจเพราะอยากจะดื่มกาแฟ

 ถ้าเราไม่ได้ดื่มกาแฟแล้ว

จะรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจ

 พอเราได้ดื่มกาแฟ

ได้ทำตามความอยากดื่มกาแฟ

ความทุกข์ใจนั้นก็หายไป

ความสุขใจก็ปรากฎขึ้นมา

เราก็เลยกลับไปคิดว่า

ความอยากทั้งสามคือ

กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา

เป็นตัวที่ทำให้เราได้รับความสุขกัน

 เวลาอยากอะไรแล้ว

เราต้องทำตามความอยากกัน

 พอเราทำตามความอยากแล้ว

 ความไม่สบายใจที่เกิดขึ้นในเบื้องต้น

 ก็จะหายไป แล้วความสุขใจสบายใจ

ก็ปรากฏขึ้นมา นี่คืออำนาจของความหลง

 แทนที่จะให้เราเห็นว่า

ความไม่สบายใจของพวกเรานี้

เกิดจากความอยากของพวกเราเอง

 กลับไปเห็นว่าความไม่สบายใจนี้

จะหายไปได้ จะต้องเกิดจาก

การที่เราทำตามความอยาก

เช่นอยากดื่มกาแฟก็ต้องไปหามาดื่ม

ช่วงที่อยากแล้วยังไม่ดื่มนี้มันจะไม่สบายใจ

 แต่พอได้ดื่มแล้วมันสบายใจกัน

 ก็เลยแทนที่จะไปเห็นว่า

ความอยากเป็นตัวทำให้เกิดความทุกข์

กลับไปเห็นว่า ความอยากทำให้

ดับความทุกข์ภายในใจได้

 ก็เลยไม่ละความอยากกัน

 มีแต่คอยส่งเสริมสนับสนุนความอยากกัน

 ความทุกข์มันเลยไม่เคยหมดไปจากใจเสียที

 ดื่มกาแฟไม่รู้กี่ร้อยแก้วแล้ว

 ความทุกข์จากการดื่มกาแฟก็ยังมีอยู่เรื่อยๆ

 เวลาเกิดความอยากดื่มกาแฟขึ้นมา

แล้วไม่ได้ดื่ม ความทุกข์ใจ

ก็ปรากฎขึ้นมาทันที อันนี้เป็นเพราะว่า

เราไม่มี มรรค ไม่มีสติ ไม่มีปัญญา

ที่จะสามารถมองเห็น

ตามที่พระพุทธเจ้าทรงรู้ทรงเห็นได้

แม้พระพุทธเจ้าทรงรู้ทรงเห็นแล้ว

 ทรงบอกพวกเรา ถ้าเรายังไม่มีมรรค

 เราก็จะไม่มีกำลังที่จะมาดึงผ้าม่าน

ที่คอยหลอกเราให้เห็นกลับตาลปัตร

 กลับทำให้เราเห็นว่า

การทำตามความอยากนั้น

เป็นการนำความสุขมาให้กับเรา

ไม่ใช่เห็นว่าการไม่ทำตามความอยาก

เป็นการนำความสุขมาให้กับเรา

คือ การทำลายความอยาก

ไม่ทำตามความอยากจะทำให้ความทุกข์

ความไม่สบายใจต่างๆ หมดไปจากใจ

เรายังไม่ได้พิสูจน์ความจริงอันนี้

 เราจึงต้องมาพิสูจน์กัน

 ด้วยการเจริญศีล เจริญสมาธิ เจริญปัญญากัน.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

..........................

ธรรมะบนเขา

วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๐

"ธรรมที่ทรงตรัสรู้"







ขอบตุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 01 พฤษภาคม 2560
Last Update : 1 พฤษภาคม 2560 5:46:45 น.
Counter : 788 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ