"อามิสบูชา ปฏิบัติบูชา"
วันนี้เป็นวันพฤหัส ที่ ๑๓ เมษายน
พุทธศักราช ๒๕๖๐ เป็นวันสงกรานต์
เป็นวันขึ้นปีใหม่ของปวงชนชาวไทย
ก็มีประเพณีธรรมเนียมคือการสรงน้ำพระ
การรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ผู้ที่อาวุโส
ผู้มีพระคุณทั้งหลาย
เพื่อเป็นการแสดงความคารวะ สัมมาคารวะ
แสดงความกตัญญูกตเวที
ตามหลักของพระพุทธศาสนาก็เรียกว่า
การบูชาพระคุณของผู้มีพระคุณ
ในมงคลสูตรพระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงว่า
ปูชา จะ ปูชะนียา นัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง
การบูชาบุคคลที่สมควรแก่การบูชา
เป็นมงคลอย่างยิ่ง
คือทำให้ผู้ที่ได้ทำการบูชานั้นมีความสุข
มีความเจริญรุ่งเรือง แต่การบูชานี้
พระองค์ได้ทรงแสดงไว้ ๒ รูปแบบด้วยกัน
รูปแบบที่ ๑ เรียกว่า อามิสบูชา
คือการบูชาด้วยเครื่องสักการะ
เช่นดอกไม้ธูปเทียนเครื่องหอมทั้งหลาย
เช่นน้ำหอมที่เราเอาไปสรงน้ำพระ
เอาไปรดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่
การบูชาแบบนี้เรียกว่าอามิสบูชา
และแบบที่ ๒ พระองค์ทรงสอนไว้ก็คือ
ปฏิบัติบูชา คือการปฏิบัติตามคำสั่งคำสอน
ของผู้ที่เรารักที่เราเคารพที่เรานับถือ
พระองค์ทรงตรัสว่าการบูชาชนิดที่ ๒ นี้
เป็นการบูชาที่มีคุณมีประโยชน์มากกว่า
การบูชาชนิดที่ ๑ คือ อามิสบูชา
ทรงตรัสว่าการปฏิบัติบูชานี้แล
เป็นการบูชาที่แท้จริง เพราะอานิสงส์
ประโยชน์ที่ผู้บูชาจะได้รับนั้นต่างกันมาก
ถ้าเปรียบเทียบ ถ้าผลที่ได้คือน้ำ
การทำด้วยอามิสบูชานี้
ก็เหมือนได้น้ำสักขวดหนึ่ง
เป็นผลตอบแทน คือได้ความสุขใจ
ที่จะใส่ไปได้ในน้ำขวดหนึ่งเท่านั้น
ส่วนการปฏิบัติบูชานี้
จะได้น้ำทั้งหมดในมหาสมุทร
คือความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ความสุขที่ไม่มีวันสิ้นสุด
ถ้าเราสามารถปฏิบัติบูชา
พระคุณของพระพุทธเจ้า
ของพระธรรมคำสอนของพระอริยสงฆ์สาวก
ได้ ผลตอบแทนที่จะได้รับจากการปฏิบัติบูชา
พระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ก็คือ
เราจะได้ความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ความสุขที่ไม่มีวันสิ้นสุด
ความสุขที่ไม่มีความทุกข์
ความสุขนี้ก็คือความสุขของพระนิพพาน
ความสุขของพระอริยเจ้าทั้งหลาย
ท่านได้ผลตอบแทนได้ความสุขแบบนี้กัน
ส่วนผู้ที่กระทำอามิสบูชา
ก็ได้ความสุขชั่วขณะหนึ่ง
ขณะที่ได้ไปทำการสักการะ
กราบไหว้บูชาผู้ที่มีพระคุณ
แล้วความสุขนั้นก็จะจางหายไป
พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้ชาวพุทธเรานี้
มาปฏิบัติบูชากันจะดีกว่า
เพราะผลลัพธ์ที่จะได้นี้มันต่างกัน
เหมือนกับฟ้ากับดินนั่นเอง
ปฏิบัติบูชาแล้วจะได้หลุดพ้นจากกองทุกข์
แห่งการเวียนว่ายตายเกิด ปฏิบัติบูชาแล้ว
จะได้บรรลุมรรคผลนิพพานนั่นเอง
นี่คือการบูชาที่แท้จริง
ปูชา จะ ปูชะนียะนัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง
การบูชาบุคคลที่พึงแก่การบูชา
เป็นมงคลอย่างยิ่ง
มงคลก็คือจะได้ไปถึงพระนิพพานกัน
ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ได้หลุดพ้น
ออกจากกองทุกข์แห่งการเวียนว่ายตายเกิด
ที่พวกเรายังติดกันอยู่
ยังต้องกลับมาเกิด มาแก่มาเจ็บมาตาย
กลับมาพลัดพรากจากกันอยู่เรื่อยๆ
ทุกครั้งที่แก่ทุกครั้งที่เจ็บทุกครั้งที่ตาย
ทุกครั้งที่มีการพลัดพรากจากกัน
ก็เป็นเวลาของความเศร้าโศกเสียใจ
ร้องห่มร้องไห้ น้ำตาไหลนอง
พระองค์ทรงตรัสว่าถ้าเอาน้ำตาไหลนอง
ที่เราหลั่งกันในแต่ละภพแต่ละชาตินี้
มาสะสมมารวมกันแล้วนี้ จะได้น้ำตามากกว่า
น้ำในมหาสมุทรเสียอีก
เพราะนี่คือปริมาณของภพชาติ
ที่เรามาเกิดมาแก่มาเจ็บมาตายกัน
และจะเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ
จนกว่าเราจะสามารถปฏิบัติบูชากันได้
พระพุทธเจ้าจึงทรงเน้นความสำคัญ
ในเรื่องของการปฏิบัติบูชา
ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
ที่ทรงสอนให้พวกเราและการทำบาปทั้งปวง
สร้างกุศลทั้งหลายให้ถึงพร้อม
ชำระใจให้สะอาดบริสุทธิ์
นี่คือสิ่งที่เราจะต้องปฏิบัติกัน.
อาจารย์สุชาติ อภิชาโต
........................
ธรรมะบนเขา
วันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๖๐
"สถาบันพระพุทธศาสนา"
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ
มีความสุขมากๆนะคะ