"มองเห็นตามความเป็นจริง"
วิปัสสนาก็คือการรู้แจ้งเห็นจริง
รู้ตามความเป็นจริง
ตอนนี้เรามันรู้ตามความหลง
เราไม่เห็นสิ่งที่ทุกข์ว่าทุกข์
เรากลับไปเห็นว่าสิ่งที่ทุกข์เป็นสุข
เราเห็นสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าเที่ยง
เราเห็นสิ่งที่ไม่เป็นของเราว่าเป็นของเรา
เราก็เลยต้องมาสอนใจไหม่ว่า
สิ่งที่เราคิดว่าเป็นสุขนั้นมันทุกข์นะ
เช่นเงินทองนี้เราคิดว่าสุขกันนะ
เวลาได้เงินทองมาแล้วเราสุข
แต่เราลืมไปว่าเดี๋ยวมันหายไปนะ
เดี๋ยวมันหมดได้ เวลามันหมด
มันก็จะกลายเป็นความทุกข์ขึ้นมา
ถ้าเราไม่ต้องเกี่ยวข้องกับเงินทอง
เราก็จะไม่ต้องทุกข์กับเรื่องของเงินทอง
เพราะเรารู้ว่ามันเป็นทุกข์
ทุกข์เพราะว่ามันไม่แน่นอน เวลามันมีก็ดี สุข
แต่เวลามันหมดมันก็จะทุกข์
นี่ก็ต้องเห็นว่าเงินทองก็เป็นทุกข์
ตำแหน่งต่างๆ ก็เป็นทุกข์
ได้ตำแหน่งก็ดีใจเลี้ยงกันสามวันสามคืน
เดี๋ยวพอถูกเขาปลดขึ้นมาก็หน้าซีด จ๋อย
ไม่แน่นอน มีเจริญมีเสื่อม
หรือเมื่อถึงอายุครบเกษียณ
เขาก็ต้องให้เราออกจากราชการไป
จะเป็นตำแหน่งอะไรจะเป็นใหญ่เป็นโตขนาดไหน
พอถึงเวลาเกษียณอายุ เขาก็ปลดเราออกไป
มันก็ทำให้เราทุกข์ได้
หลังจากที่เราสูญเสียตำแหน่งไป
นี่คือการมองความจริงเรียกว่า วิปัสสนา
มองให้เห็นว่าทุกอย่างเป็นทุกข์
เพราะทุกอย่างไม่เที่ยงแท้แน่นอน
ทุกอย่างไม่ได้เป็นของเราอย่างแท้จริง
เป็นของเราเพียงชั่วคราว
เวลาเขาเป็นของเราก็กีอกดีใจ
ถ้าเขาไปเป็นของคนอื่นก็เสียอกเสียใจ
เช่นแฟนเราไปรักเขาเป็นของเราก็สุข
พอเขาไปเป็นของคนอื่นเข้าก็ทุกข์
เพราะไปคิดว่าเขาจะเป็นของเรา
เพราะจะคิดว่าเขาแน่นอนเที่ยงแท้แน่นอน
จะต้องเป็นของเราไปตลอด
แต่ความจริงมันเปลี่ยนได้
ทุกอย่างมันเปลี่ยนได้ มีเกิดมีดับ
มีเจริญมีเสื่อม
นี่คือการมองเห็นตามความเป็นจริง
เรียกว่าวิปัสสนา
เห็นทุกสิ่งในโลกนี้ว่าเป็นทุกข์
เพราะว่ามันไม่เที่ยง
เพราะว่ามันไม่ได้เป็นของเราอย่างแท้จริง.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
.........................
ธรรมะบนเขา
วันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๐
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ