เบียร์
A Beer 1. เครื่องดื่มน้ำเมา ดีกรีต่ำ เบียร์ ถือว่าเป็นเครื่องดื่มน้ำเมาชนิดหนึ่ง ที่ต่างจากสุรา เพราะเบียร์เกิดจากการหมักส่า วิธีการหมักจะคล้ายกับ กะแช่ของไทย ที่ทำขึ้นจากหมักน้ำตาลสด หรือ อุ ของไทย ที่ทำขึ้นจากการหมักข้าวเหนียวกล้อง แต่เบียร์ ทำขึ้นจากการหมักข้าวบาร์เลย์ (Barley) บางคนกล่าวว่า เบียร์ต่างกับไวน์ ที่ เบียร์ เกิดจากการหมักน้ำตาลที่ได้จากการเปลี่ยนแปลงแป้งของเมล็ดธัญพืช หรือธัญชาติประเภทข้าวมอลต์ (Malt) ส่วนไวน์ จะเป็นการหมักน้ำตาลที่ได้จากผลองุ่น ที่เรียกว่า ไวน์องุ่น หรือการหมักน้ำตาลที่ได้จากน้ำผลไม้ ที่เรียกว่า ไวน์ผลไม้ ส่วนสุราประเภทเหล้า วิสกี้ และบรั่นดีนั้น จะต้องนำแอลกอฮอล์ที่ได้จากการหมักน้ำตาลจากเมล็ดธัญชาติ หรือผลองุ่น หรือผลไม้อื่น มาทำการกลั่น แล้วแยกเอาแอลกอฮอล์ออกมาอีกครั้งหนึ่ง จึงเรียกสุราประเภทนี้ว่า สุรากลั่น ดังนั้น เบียร์จึงเป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์น้อยที่สุด เมื่อเทียบกับไวน์ หรือเหล้าวิสกี้ หรือบรั่นดี เบียร์ของประเทศไทย ได้แก่แบรนด์ สิงห์, ช้าง, ไท เบียร์, อาชา, ลีโอ, เบียร์เชียร์ เป็นต้น เบียร์ต่างชาติที่มีจำหน่ายในประเทศไทย ได้แก่แบรนด์ อัมสเทล (Amstel) - ประเทศเนเธอร์แลนด์, อาซาฮี (Asahi) ประเทศญี่ปุ่น , คาร์ลสเบิร์ก (Carlsberg) ประเทศเดนมาร์ก, โคโรนา (Corona) ประเทศเม็กซิโก, เออดิงเกอร์ (Erdinger) ประเทศเยอรมนี, ไฮเนเก้น (Heineken) ประเทศเนเธอร์แลนด์, และ ไทเกอร์ (Tiger) ประเทศสิงคโปร์ สุรา อย่างพวก แม่โขงนั้น มีแอลกอฮอล์ 35 % จะดื่มจึงควรจะผสมน้ำ น้ำแข็ง หรือโซดา แต่เบียร์ ทุกยี่ห้อ จะมีแอลกอฮอล์น้อยกว่า ประมาณ 6 เท่า บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด บอกว่าสิงห์ ลาเกอร์เบียร์ มีปริมาณแอลกอฮอล์ 6.0% บรรจุในกระป๋องและขวดขนาด 330 มล., 355 มล., และ630 มล. เบียร์สด สิงห์ เป็นเบียร์ลาเกอร์ ที่ยังไม่ผ่านกระบวนการพาสเจอร์ไรส์ มีปริมาณแอลกอฮอล์ 6.0% บรรจุในถังขนาด 30 ลิตร สิงห์ ไลท์ มีปริมาณแอลกอฮอล์ 3.5% บรรจุในกระป๋องและขวดขนาด 330 มล. เท่านั้น ลีโอ เบียร์ มีปริมาณแอลกอฮอล์ 6.0% บรรจุในกระป๋องและขวดขนาด 330 มล.,และ 630 มล. ไท เบียร์ มีปริมาณแอลกอฮอล์ 6.5% บรรจุในกระป๋องและขวดขนาด 330 มล.,และ 630 มล. คลอสเตอร์ เบียร์ มีปริมาณแอลกอฮอล์ 5.2 % บรรจุในกระป๋องและขวดขนาด 330 มล.,และ 640 มล.(ใหญ่กว่า สิงห์ เล็กน้อย) โฆษณาเบียร์สิงห์ เบียร์แรกของไทย สมัยที่พวกเรายังไม่เกิด และคุณปู่เพิ่งจีบคุณย่า
.เอ เป็นคุณย่า คนไหน? เพื่อนท่านใด อยากจะรู้จักเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ชนิดอื่นๆเชิญกดที่นี่ เมืองไทยเป็นเมืองเสรี โฮะโฮะ
.มีเบียร์ขาย กันริมถนน แต่ที่บราซิล เขาอนุญาตให้คนท้องโฆษณาเบียร์ได้ ขอเอ่ย โฮะโฮะ สองรอบ
.2. สังคมคนดื่มเบียร์ คนดื่มเบียร์ เขาคุยกัน ในเว๊บบอร์ดของเขา
.ม๊ะ เราไปแอบฟังเขาคุยกันข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์ Posted by: ยิ้มยิ้ม Date: September 25, 2006 04:52PM คลอสเตอร์ เบียร์ เป็นเบียร์ที่ดังมานานแล้ว ก่อนที่ไฮเนเกนเสียอีก โดยโฆษณาว่าเป็นเบียร์จากเยอรมัน แต่เคยมีสื่อบางสื่อ รายงานว่า แท้จริง คลอสเตอร์ เบียร์ เป็นเพียงเบียร์ไทยที่มีคราบไคลเป็นเยอรมัน คือไทยทำเอง แต่ใช้ชื่อฝรั่ง แล้วจริงๆ มันป็นเบียร์ของประเทศไหนกันแน่ครับ แล้วคำว่าเบียร์ของ คลอสเตอร์ เขียนว่า bier แทนที่จะเป็น beer เพราะอะไรครับ อยากรู้จริงๆครับ ช่วยบอกหน่อย ขอบคุณครับ Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์ Posted by: น้าตู่ Date: September 25, 2006 08:10PM เบียร์เยอรมัน แต่ซื้อสิทธิการผลิต มาผลิตในไทยขอรับ Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์ Posted by: เรย์ Date: September 25, 2006 10:05PM แล้วไฮเนเก้น ละ เบียร์ของสิงค์โปร์ หรือเปล่า ? Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์ Posted by: กูรู Date: September 26, 2006 09:43AM ไฮเนเกน เป็นเบียร์ฮอลแลนด์ครับ มาทีหลังคลอสเตอร์ แต่มาแรงแซงทางโค้งไปแล้ว ส่วนเบียร์ของสิงคโปร์ คือ ไทเกอร์ เบียร์ครับ แฮ่ๆๆ โดยส่วนตัวนะ ผมว่า คลอสเตอร์ รสชาติเยี่ยมกว่า ไฮเนเกน เป็นไหนๆ ได้รสชาติความเป็นเบียร์ที่ดีกว่า แต่เอ...ทำไมขายสู้ ไฮเนเกน ไม่ได้ Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์ Posted by: น้าตู่ Date: September 26, 2006 10:19AM คลอสเตอร์ เดิม ไทยอมฤต ของเตชะไพบูลย์ ทำอยู่ กลุ่มนี้การตลาดสมัยใหม่ไม่เก่งครับ แล้วธุรกิจในตอนหลัง ก็ทยอยเจ๊ง บ.ล้มละลายไป ค่ายบุญรอดฯ ไปฟื้นเอาคลอสเตอร์ กลับมาทำใหม่สักสามสี่ปีมานี้เอง จริงๆห่างเหินวงการน้ำเมาไปนาน แต่พูดถึง คลอสเตอร์แล้ว ฮึ่ม....ชอบ น้ำลายไหลเลยเนี่ย Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์ Posted by: เอกเอง Date: September 26, 2006 12:14PM น้าตู่ จำได้ว่าคลอสเตอร์ เนี่ย เสี่ยเจริญ เบียร์ช้าง ซื้อไปนะครับ ตอบแทนบุญคุณ ตอน ตระกูลเตชะไพบูลย์ รับให้ทำงานในโรงเหล้าแม่โขง นั่นแหละ Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์ Posted by: : ยิ้มยิ้ม Date: September 30, 2006 08:51PM แล้วคำว่าเบียร์ของ คลอสเตอร์ เขียนว่า bier แทนที่จะเป็น beer เพราะอะไรครับ Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์ Posted by: เอกเอง Date: October 02, 2006 02:35AM Bier เป็นภาษาเยอรมันครับ Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์ Posted by: ยิ้มยิ้ม Date: October 02, 2006 10:46AM ขอบคุณครับ ผมไปคนในพจนานุกรมภาษาอังกฤษ คำว่า Bier ในภาษาอังกฤษ มีความหมายว่า เชิงตะกอน หรือ ศาลาพักศพอะไรทำนองนี้ ฟังแล้ว น่ากลัวชะมัด Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์ Posted by: เฒ่าทารก Date: October 02, 2006 05:39PM เบียร์ ................................. ได้ยินชื่อ แล้ว เมาครับ Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์ Posted by: มารสุรา Date: October 26, 2006 05:50AM คลอสเตอร์ดัง เกิดไม่ทัน แล้วก็ยังไม่เคยลอง เบียร์ ผม ต้องสิงห์ อย่างเดียว Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์ Posted by: ดักแด้ Date: October 26, 2006 11:30PM แวะมาชนแก้วคร้าบบบ Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์ Posted by: pupe Date: January 14, 2007 05:42AM ชอบ คลอสเตอร์ เบียร์ เหมือนกัน นิ่มกว่ากันเยอะเลย อ่ะ เคยสงสัยเหมือนกันว่าหายไปไหน เพิ่งมารู้ ก็วันนี้เอง แต่คิดว่า ยังไง ทุกยี่ห้อ ก็น่าจะผลิตที่ไทยหมดเหมือนกันนี่นา โรงงานอยู่ในไทยทั้งนั้นเลยนี่คะ Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์ Posted by: กูรู Date: January 14, 2007 07:50PM ถึงจะเสื่อมความนิยมลง แต่คลอสเตอร์ก็จะไม่มีวันหมดไปจากเมืองไทยแน่นอนครับ แต่อาจเป็นแค่กระแสรอง อาจไม่เป็นที่นิยมเท่ากับ " ไฮเนเก้น" ครับ Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์ Posted by: ดารา Date: January 14, 2007 10:55PM ที่สิงคโปร์ มีเบียร์ ยี่ห้อหนึ่ง ชื่อ บารอน ดีกรี หนึ่งกระป๋อง อยู่ที่ 8.5 แพง....แต่ น่าดื่ม เพราะ เมาแน่นอน Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์ Posted by: กูรู Date: January 15, 2007 10:01PM ดารา
.. คลอสเตอร์ เป็นเบียร์ที่พี่ชอบที่สุด และ สิงห์ อีกยี่ห้อ พี่เคยไปถามคนที่ดื่มเบียร์ มักจะเข้าใจว่า คลอสเตอร์เบียร์ เป็นเบียร์ราคาแพง เนื่องจากความผิดพลาดของการทำโฆษณา ที่ดูหรู คนไม่กล้าซื้อ ในขณะที่ไฮเนเกน โฆษณาเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากกว่า เลยทำตลาดได้ดีกว่า ทั้งๆที่ราคาพอๆกัน แถมคลอสเตอร์ราคาถูกกว่าไฮเนเกน ราวๆ 3 - 4 บาท หมายเหตุ : ไฮเนเกน มีที่รองมือ ตอนเบียร์เย็นเจี๊ยบบารอน หากดูจากดีกรี 8.5% ถือเป็นเบียร์ที่แรงมากๆ เบียร์ไทยที่แรงที่สุดในขณะนี้ คือ ไท เบียร์ ของค่ายบุญรอดฯ 6.5 ซึ่งสูงกว่าช้าง ที่แรง แค่ 6.4 เบียร์นอกอีกรายที่แรง ที่วางขายในตลาดเมืองไทย คือ เรดฮอร์ท สูงถึง 6.9 เบียร์จากค่าย ซานมิเกล ฟิลิปปินส์ แต่รสชาติ ห่วยสุดๆ พอมาเจอ บารอน ดีกรีที่ว่าแรง ชิดซ้ายไปเลยครับทั่น! Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์ Posted by: ดารา Date: January 15, 2007 10:07PM ใช่ค่ะ พี่กูรู ดาราเคยตระเวนตามหา ตามห้างหรือร้านขายเหล้าจากนอก ทั่วไป แต่ก็ไม่เจอ กระป๋องสีเขียว มีรูป สิงห์โต เหยียบ อะไรสักอย่างค่ะ โลโก้สีทอง เล็ก ๆ กระป๋องสีเขียวเข้ม เข้มกว่า ไฮเนเก้น แต่รสชาติ ดีนะคะ จะขมกว่าสิงห์ นิดเดียวเอง หากใครไปสิงคโปร์ ต้องลองดูค่ะ เมาจริง ๆ Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์ Posted by: กูรู Date: January 15, 2007 10:17PM ฮ่า ๆๆๆ เบยลาว ก็ไม่เลวนะ ดารา Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์ Posted by: ดอกไม้เมรี Date: January 16, 2007 04:05PM น้องกูรู เบยลาว นี่ตอนพี่ไปช่องเม็ก จังหวัดอุบลฯ พี่ที่ทำงาน เขาแซว สาวคนขายว่า "แหม นี่หลงซื้ออยู่ตั้งนาน หวังจะเป็นเขยลาว ทำไมไม่ได้เป็นซะที ที่แท้ก็เป็น "เบียร์ลาว" นี้เอง" ภาษาลาว บ.ใบไม้ เขียนหมือน ข.ไข่ เห็นเขาพูดกันว่า เจ้าของเป็นคนไทย Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์ Posted by: กูรู Date: January 16, 2007 04:54PM ดารา ช่วยมาดูหน่อยสิว่า เบียร์ บารอน ที่ว่า ใช่ขวดนี้ไหม Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์ Posted by: ดารา Date: January 16, 2007 05:24PM ไม่ใช่ค่ะ พี่ กูรู เป็น แคนค่ะ เดี๋ยวดาราหาดูก่อน Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์ Posted by: ดารา Date: January 16, 2007 05:44PM This Beer Can is top opened and is empty. It is Barron's Beer 330ml Brewed and packed by Guiness Anchor Brewery, Malaysia. Can is in excellent condition. No dents no scratches. เขาว่าจะอี้เน้อ ผลิตในมาเลเซีย ดาราเคยไปตีกอล์ฟ ที่ อวาน่า มาเลย์ แต่หาไม่เจอ Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์ Posted by: กูรู Date: January 16, 2007 06:00PM เหรอ
.พี่เป็นแต่ตีกบ เอาไปผัดเผ็ด กับทอดกระเทียมพริกไทยดำ แกล้มเบียร์อีกต่อนึง Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์ Posted by: ดารา Date: January 16, 2007 06:33PM 5555555555555 ลุง กูรู ผีบ้า จริง ๆนะคะ หรือว่า เบียร์ยี่ห้อนี้เขา ส่งออกอย่างเดียว ดาราไป ปีแนง ก็ไม่มีนะคะ มะละกา ลังกาวี ก็ไม่มีเช่นกัน น่าแปลก เดี๋ยวขอโทรถามเพื่อนก่อนนะจ้า Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์ Posted by: กุน Date: January 22, 2007 06:19PM เราชอบเบียร์ ลีโอ แต่ตอนนี้ ไม่ได้กินและ เสียดายนิดนิด อยากเบียร์เป็นบางวัน แต่วันนี้....อยาก...อย่างแรง ไม่น่าเข้ามาอ่านเลย...เฮ้อเพื่อนท่านใด อยากจะรู้เรื่องเหล้า เย๊อะเยอะ มีอยู่ในหลายเว๊บครับ ลองเว๊บนี้ ก็ได้ 3. เบียร์ ดีกว่า ผู้หญิง !! เชื่อหรือไม่
A beer is better than a woman Because 1. You can pick up a beer in any bar in town. 2. You can have more than one beer a night and not feel guilty. 3. A beer wont get upset if you come home with beer on your breath. 4. A beer will never complain about your beer belly. 5. A beer wont get jealous if you bring home other beers. 6. You dont have to wine and dine a beer. 7. A beer dont throw things if you come home after 2 am. 8. A beer wont ever expect you to buy it flowers. 9. you dont have to take your socks off with a beer. 10. Hangovers are only temporary.แฮ่ะ แฮ่ะ
.. 4. การผลิตเบียร์ รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม
..กันบ้าง เอามั๊ย? การผลิตเบียร์ จะเริ่มต้นจากการเพาะเมล็ดข้าวบาร์เลย์(Barley) จนเมล็ดข้าวบาร์เลย์เริ่มงอก เกิดเอนไซม์การเปลี่ยนแปลงเป็นน้ำตาล เรียกกันว่า ข้าวมอลต์ (Malt) แล้วจึงนำข้าวมอลต์ ไปต้มด้วยความร้อนต่ำ กับน้ำที่ปรับสภาพจนได้ที่
.และแล้ว ข้าวมอลต์เละๆ ก็จะเปลี่ยนสภาพเป็นน้ำตาล อีกรอบหนึ่ง จากนั้น นำส่วนผสมที่ต้มแล้วเข้าเครื่องกรอง เพื่อแยกกากข้าวมอลต์ออก เหลือแต่ส่วนที่เป็นของเหลวที่มีน้ำตาลข้าวมอลต์ ละลายอยู่ เรียกว่า เวิร์ท (Wort) ซึ่งจะถูกส่งเข้าหม้อต้มอีกครั้ง แล้วจึงเติมฮ็อพส์ (Hops) ซึ่งเป็นดอกของพืชล้มลุก ที่จะทำให้เบียร์มีรสขมกลมกล่อม ดอกฮ็อพส์ จะปลูกแพร่หลายอยู่ในทวีปยุโรป โดยเฉพาะในประเทศเยอรมัน ที่ส่งออกดอกฮ็อพส์ไปขาย ยังทั่วโลก เมื่อต้มต่อไปจนได้ที่ จึงนำลงจากเตา ทำให้ส่วนผสมเย็นลง แล้วจึงกรองแยกกากและส่วนที่เหลือของฮ็อพส์ออกอีกครั้ง แล้วจึงจะเตรียมเข้าสู่การหมัก ซึ่งจะต้องอาศัย ยีสต์(yeast) ที่จะเป็นตัวเปลี่ยนน้ำตาลข้าวมอลต์ ให้กลายเป็น แอลกอฮอล์และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การหมัก เมื่อหมักได้ที่แล้ว ก็จะนำไปบ่มในถังเก็บ ที่ควบคุมความดัน ในห้องที่เย็นจัด เพื่อให้ ยีสต์ และโปรตีนจากข้าวมอลต์ที่ไม่ละลาย ตกตะกอน เมื่อบ่มจนครบกำหนดอายุแล้ว ก็จะนำเบียร์ที่ได้ มากรองเอาส่วนที่ตกตะกอนออก เมื่อกรองแล้ว เบียร์ที่ได้ในขั้นนี้ เรียกว่า "เบียร์สด" ส่วนหนึ่งจะบรรจุลงถัง เพื่อส่งไปขาย อีกส่วนหนึ่ง จะนำไปบ่มใหม่ แล้วบรรจุขวด แล้วให้ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อโรค หรือพาสเจอร์ไรเซชั่น (Pasteurization) เมื่อปิดฉลากแล้ว ก็พร้อมที่จะส่งไปขายเช่นกัน 5. ส่วนผสมหลักในการผลิตเบียร์ ส่วนผสมหลักในการผลิตเบียร์ คือ น้ำ ข้าวมอลต์(คือเมล็ดข้าวอบแห้งหรือคั่ว ของเมล็ดธัญพืชที่แตกหน่อแล้ว โดยปกติ จะใช้เมล็ดข้าวบาร์เลย์) ฮอปส์ และ ยีสต์ และยังมีส่วนผสมอื่น ๆ น้ำ ( Water ) : เนื่องจากน้ำ เป็นองค์ประกอบหลักของเบียร์ รสชาติของเบียร์จะอร่อยหรือไม่ จึงอยู่ที่คุณสมบัติของน้ำที่ใช้ด้วย น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีส่วนผสมของแคลเซี่ยม จะเหมาะกับการทำเบียร์รสเข้มข้น เช่น
.ที่ประเทศอังกฤษ เบียร์ชนิด ปอลเอล ผลิตที่ เบอร์ตัน ออน เทรสต์ มีชื่อเสียงมาก เพราะน้ำที่ใช้ มีปริมาณแคลเซี่ยมซัลเฟต (ยิปซัม) สูงกว่าที่อื่น ข้าวมอลต์ ( Malts ) : เกิดจากการนำข้าวบาร์เลย์มาเพาะให้รากงอก การทำเบียร์ให้ได้คุณภาพดี จะต้องเลือกข้าวบาร์เลย์ที่มีคุณภาพดี มีผู้ผลิตเบียร์จำนวนไม่น้อย ที่มักจะทุ่นค่าใช้จ่ายของต้นทุน โดยนำเอาธัญพืชอื่น ๆ เช่น ข้าวสาลี (wheat) ข้าวเจ้า (rice) ข้าวโพด (maize) ข้าวโอ๊ต (oat) และ ข้าวไรย์ (rye) ทั้งแบบที่ทำเป็น ข้าวมอลต์ และแบบที่เป็นเมล็ดปกติ มาใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเบียร์ สิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้เบียร์ ไม่อร่อยและหอม เหตุที่ ข้าวมอลต์ จากข้าวบาร์เลย์ มีคุณภาพดี เนื่องจากมีปริมาณ เอนไซม์อะไมเลส (amylase enzyme) สูง ซึ่งจะทำให้การแตกตัวของแป้ง เป็นน้ำตาลเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มีข้าวบาร์เลย์ อยู่ 2 พันธุ์ ที่นิยมใช้ทำเบียร์มากที่สุด คือ พันธุ์ ทู-ราว บาเลย์ และพันธุ์ ซิก-ราว บาเลย์ ผู้ผลิตเบียร์ ในยุโรป จะใช้สองพันธุ์นี้ในการผลิตเบียร์ เช่น ในเยอรมัน สเปน ฝรั่งเศส อังกฤษ และ เดนมาร์ก ฮอพส์ (Hops) : เป็นดอกไม้ที่มีรสขมและหอม มีคุณสมบัติเป็นยารักษาโรคหลายชนิด การนำดอกฮอพส์ มาผสมในเบียร์ ก็เพื่อสมดุลรสหวานจากข้าวมอลต์ และยังมีผลเป็นยาปฏิชีวนะ ต่อต้านจุลินทรีย์อื่นๆที่ไม่ใช่ยีสต์ ที่มีผลต่อการหมักเบียร์ และทำให้เกิดกลิ่นหอมและขมลึกๆ ภายในเบียร์ ดอกฮอพส์มีหลายพันธุ์ด้วยกัน ยีสต์ (yeast) : ใช้ในกระบวนการหมักเพื่อย่อยสลายน้ำตาล ที่สกัดจากข้าวมอลต์ ให้เป็นแอลกอฮอล์ และ คาร์บอนไดออกไซด์ โดยปกติแล้ว ระดับแอลกอฮอล์ในเบียร์ จะอยู่ที่ 4 - 6 เปอร์เซ็นต์ แต่อาจจะต่ำถึง 2 เปอร์เซ็นต์ หรือ สูงถึง 14 เปอร์เซ็นต์ก็ได้ ยีสต์ที่ใช้ จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ยีสต์หมักลอยผิว ยีสต์หมักนอนก้น และยีสต์ธรรมชาติ 6. การจำแนกเบียร์ เบียร์มีกี่ประเภท?
อุอุ ที่จริงไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะยังไงๆ เบียร์ที่ดีที่สุด ก็คือ ประเภทเบียร์ฟรี อยู่ดี แต่ถ้าจะมีจำแนกประเภทเบียร์ ก็อาจจำแนกออกได้ ตามลักษณะของการหมัก คือ จำแนกตามชนิดของเชื้อยีสต์ที่ใช้ ซึ่งแบ่งออกเป็น การหมักโดยใช้ยีสต์ที่ลอยตัวอยู่เหนือผิวน้ำเบียร์ เมื่อเสร็จสิ้นการหมัก เรียกยีสต์ชนิดนี้ว่า ท็อปยีสต์ (Top yeast)
..เบียร์ที่ได้จากการหมักโดยใช้ยีสต์ประเภทนี้ เป็นพวก วีท เบียร์ (Wheat beer) ไวท์ เบียร์ (White beer) อัลท์ เบียร์ (Alt beer) เคิลช์ (Koelsch) เอล (Ale) พอร์ทเทอร์ (Porter) และ สเตาท์ (Stout) การหมักเบียร์โดยใช้ยีสต์ที่จมลงสู่ก้นถังหมัก เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการหมัก เรียกยีสต์ชนิดนี้ว่า บ็อททอมยีสต์ (Bottom yeast)
เบียร์ที่ได้จากการหมักโดยใช้ยีสต์ประเภทนี้ เป็น พวกลาเกอร์ เบียร์ (Lager beer) พิลเซ่น เบียร์ (Pilsen beer) เบียร์ดำ (Dark beer) บ๊อค เบียร์ (Bock beer) ไอซ์ เบียร์ (Ice beer) เบียร์ที่ปราศจากแอลกอฮอล์ (Alcohol free beer) และ ไดเอ็ท เบียร์ (Diet beer) นอกจากนั้น ยังจำแนกเบียร์ ได้อีกหลายแบบ เช่นแยก ตามสี หรือรสชาติ ของเบียร์ เช่น เบียร์ดำ (Dark beer) ที่ทำมาจาก มอลต์ดำ หรือ คาราเมล มอลต์ จะทำให้เบียร์มีสีดำ เช่น เบียร์ สเตาท์ (Stout) ซึ่งมีรสชาติ ตลอดจนกลิ่นหอมของน้ำตาลไหม้ หรือบางชนิด ที่มีรสชาติเฉพาะตัว เช่น วีท เบียร์ (Wheat beer) มีกลิ่นหอมของข้าวสาลี และมีคาร์บอนไดออกไซด์สูง หรือ จำแนกประเภทเบียร์ ตามความหวานของน้ำตาล ของการเริ่มต้นการหมัก เช่น ลาเกอร์ เบียร์ (Lager beer) โดยทั่วไปจะมีน้ำตาลเริ่มต้นประมาณ 11 เปอร์เซ็นต์ พิลเซ่น เบียร์ (Pilsen beer) จะมีน้ำตาลเริ่มต้นประมาณ 12 เปอร์เซ็นต์ พวกเบียร์ที่มีปริมาณ แอลกอฮอล์สูงๆ เช่น บ๊อค เบียร์ (Bock beer) หรือ สตรอง เบียร์ (Strong beer) จะมีน้ำตาลเริ่มต้นประมาณ 13 - 16 เปอร์เซ็นต์ เป็นต้น เรื่องกระป๋องเบียร์
.อุอุ ค้นไปเจอเรื่องกระป๋องด้วย
ท่านใดอยากอ่าน เชิญกดอ่านที่นี่ เบื่ออ่านหรือยัง? 7. ประวัติการผลิตเบียร์ ข้อมูลทางประวัติศาสตร์พบว่า มีการผลิตเบียร์เป็นเครื่องดื่มมาเป็นเวลานานเกือบ 5,000 ปีแล้ว โดยมีการค้นพบบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับ แคว้นเมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) ราว 2,800 ปีก่อนคริสต์ศักราช ที่พูดถึงการแบ่งปันเบียร์และขนมปังให้กับผู้ใช้แรงงานในสมัยนั้น การทำเบียร์และการบริโภคเบียร์ในสมัยนั้น พบว่า ใกล้เคียงกับข้อบัญญัติที่บังคับใช้ ในสมัยของกษัตริย์ฮัมมูราบี (Hammurabi, 1728 ถึง 1686 ก่อนคริสต์ศักราช) แห่งแคว้นบาบิโลเนีย (Babylonia) สมัยอียิปต์โบราณ ก็มีการพบว่า มีการผลิตเบียร์และนิยมดื่มเบียร์กัน โดยมีการพบหลักฐานที่เป็นภาพเขียน และภาพแกะสลักเกี่ยวกับเรื่องราวของการผลิตเบียร์บนแผ่นหิน
. เบียร์ของอียิปต์โบราณ ผลิตขึ้น โดยเอาขนมปังที่ทำจากแป้งข้าวบาร์เลย์ ที่เอาเมล็ดข้าวบาร์เลย์มาเพาะให้รากงอก แล้วเอามาป่นหยาบๆ ผสมกับน้ำ ปั้นเป็นก้อนๆ ต่อจากนั้นจึงเอาไปปิ้ง ไม่ต้องให้สุกดี แล้วเอาไปแช่น้ำ หมักทิ้งค้างคืนเอาไว้ ขนมปังจะเริ่มบูดโดยเชื้อยีสต์ในอากาศ และเกิดแอลกอฮอล์ขึ้น เมื่อนำเอาไปกรอง จะได้น้ำเบียร์สีขาว มีฟอง รสเปรี้ยว ใช้เป็นเครื่องดื่ม บางครั้งอาจจะมีการเติมสมุนไพรลงไป เพื่อทำให้มีกลิ่นหอม ในดินแดนของชาวอินเดียนแดง ทวีปอเมริกาใต้ ก่อนที่ชาวฝรั่งผิวขาวจะเข้ายึดครอง มีการพบว่า ชาวอินเดียนแดงรู้จักผลิตสุรา โดยใช้แป้งข้าวโพดมาทำเป็น ส่าหมัก ในทวีปยุโรป ในสมัยโบราณ เบียร์เป็นเครื่องดื่มที่นิยมกันในชนชาติเยอรมัน ซึ่งในสมัยก่อนจะผลิตกันภายในครอบครัว เหมือนกับการเตรียมอาหารประจำวัน โดยสตรีจะมีหน้าที่ผลิตด้วยวิธีการง่ายๆ ต่อมาการผลิตเบียร์ ได้กระจายเข้าไปมีบทบาทในศาสนาคริสต์ โดยมีการผลิตในปริมาณที่มากขึ้น เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้มาร่วมงานทางศาสนา ชาวเยอรมันในสมัยโบราณ รู้จักผลิตเบียร์ขึ้นก่อนประเทศอื่นๆในทวีปยุโรป และตั้งชื่อสุราประเภทที่ผลิตด้วยแป้งจากข้าวบาร์เลย์ ที่เพาะให้รากงอก แล้วนำมาคั่ว บด ต้ม และนำไปหมักว่า บิเออร์ (Bior) เครื่องดื่มบิเออร์ นี้ มีรสเปรี้ยวอมหวาน และใช้บริโภคเป็นอาหารประจำวันของชาวเยอรมัน จากหลักฐานทางโบราณคดีพบว่า เมื่อนำกากแห้งที่ติดอยู่ที่ภาชนะดินเผา ซึ่งขุดพบในซากเมืองโบราณ มาวิเคราะห์ ก็พบว่า มีเบียร์ดีกรีสูง ที่ผลิตจากข้าวสาลีผสมน้ำผึ้ง เบียร์ชนิดนี้ เรียกว่า อโล (Alo) ซึ่งน่าจะเพี้ยนมาเป็น เอล (Ale) ในยุคต่อมา ในสมัยก่อน ในการทำเบียร์มีการนำพืชชนิดต่างๆ ที่มีกลิ่นหอม เช่น เครื่องเทศ และดอกไม้แห้ง มาผสมใส่ลงไปเพื่อให้เบียร์มีกลิ่นหอม แต่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ก็มีการนำดอกฮ็อพส์ มาใช้เป็นส่วนผสมสำคัญของการทำเบียร์ เพื่อให้มีกลิ่นหอม รสและกลิ่นหอมของดอกฮ็อพส์เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภค และนิยมอย่างแพร่หลายมาก จนดอกฮ็อพส์ กลายเป็นของมีค่า มีราคาสูง และนิยมปลูกกันมากในเยอรมัน ในศตวรรษที่ 15 พบว่า วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตเบียร์ มีปริมาณน้อยลง เนื่องจากผลกระทบจากสภาพธรรมชาติ ทำให้การเก็บเกี่ยวข้าวบาร์เลย์ และฮ็อพส์ได้น้อยลง จึงมีการนำพืชชนิดอื่นมาใช้แทนฮ็อพส์บ้าง
.. ขณะเดียวกันก็มีการนำธัญชาติอื่นๆ ที่ใช้สำหรับทำขนมปัง มาใช้แทนข้าวบาร์เลย์ ดังนั้น ในปี ค.ศ. 1516 จึงมีการตั้งกฎแห่งความบริสุทธิ์ (Purity law) ในประเทศเยอรมนี เพื่อกำหนดให้ผู้ผลิตเบียร์ ต้องใช้เฉพาะข้าวมอลต์ ฮ็อพส์ ยีสต์ และน้ำ เท่านั้น สำหรับการผลิตเบียร์ เหตุผลก็คือ ต้องการให้ผู้บริโภคได้รับความยุติธรรม ในเรื่องของราคาและคุณภาพ เมื่อใช้วัตถุดิบที่เหมือนกัน และยังใช้กฎนี้มาจนกระทั่งทุกวันนี้ กฎดังกล่าวมิได้กำหนดบังคับใช้ในประเทศอื่น ดังนั้นจึงมีการนำเอาข้าวเจ้า ข้าวโพด มัน หรือน้ำตาลมาใช้ เป็นส่วนผสมปนกับข้าวมอลต์ ในการผลิตเบียร์ นอกประเทศเยอรมนี.ฝาเบียร์ ใช่ครับ ฝาเบียร์
..เป็นของสะสมชนิดหนึ่ง บางคน ก็สะสม ที่เปิดขวดเบียร์ อันนี้ ที่เปิดขวดเบียร์เหมือนกัน แต่ เป็นรูปลังเบียร์และบางคนก็สะสม เบียร์
... รุ่น ไทยแลนด์ โอเพ่น รุ่นมิสยูนิเวอร์ส รุ่นท่องเที่ยวไทย อุอุ ภาพนี้ ...รุ่นสะสมไว้ใกล้ตัวฉันรัก เบียร์ เขียนบล็อก โดยคนที่ไม่กินเบียร์ ครับ โดย yyswim
Create Date : 02 มิถุนายน 2550
Last Update : 2 มิถุนายน 2550 17:31:59 น.
42 comments
Counter : 61039 Pageviews.
ไม่ได้กินเบียร์ แต่ เมาแน่นอนคร้าบบบ
information ขนมาขนาดนี้
แม่ผม Up blog ละครับ
--Kevin--