เบียร์




A Beer




1. เครื่องดื่มน้ำเมา ดีกรีต่ำ



เบียร์ ถือว่าเป็นเครื่องดื่มน้ำเมาชนิดหนึ่ง ที่ต่างจากสุรา เพราะเบียร์เกิดจากการหมักส่า วิธีการหมักจะคล้ายกับ กะแช่ของไทย ที่ทำขึ้นจากหมักน้ำตาลสด หรือ อุ ของไทย ที่ทำขึ้นจากการหมักข้าวเหนียวกล้อง แต่เบียร์ ทำขึ้นจากการหมักข้าวบาร์เลย์ (Barley)











บางคนกล่าวว่า เบียร์ต่างกับไวน์ ที่ เบียร์ เกิดจากการหมักน้ำตาลที่ได้จากการเปลี่ยนแปลงแป้งของเมล็ดธัญพืช หรือธัญชาติประเภทข้าวมอลต์ (Malt) ส่วนไวน์ จะเป็นการหมักน้ำตาลที่ได้จากผลองุ่น ที่เรียกว่า ไวน์องุ่น หรือการหมักน้ำตาลที่ได้จากน้ำผลไม้ ที่เรียกว่า ไวน์ผลไม้



ส่วนสุราประเภทเหล้า วิสกี้ และบรั่นดีนั้น จะต้องนำแอลกอฮอล์ที่ได้จากการหมักน้ำตาลจากเมล็ดธัญชาติ หรือผลองุ่น หรือผลไม้อื่น มาทำการกลั่น แล้วแยกเอาแอลกอฮอล์ออกมาอีกครั้งหนึ่ง จึงเรียกสุราประเภทนี้ว่า สุรากลั่น



ดังนั้น เบียร์จึงเป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์น้อยที่สุด เมื่อเทียบกับไวน์ หรือเหล้าวิสกี้ หรือบรั่นดี



เบียร์ของประเทศไทย ได้แก่แบรนด์ สิงห์, ช้าง, ไท เบียร์, อาชา, ลีโอ, เบียร์เชียร์ เป็นต้น







เบียร์ต่างชาติที่มีจำหน่ายในประเทศไทย ได้แก่แบรนด์ อัมสเทล (Amstel) - ประเทศเนเธอร์แลนด์, อาซาฮี (Asahi) – ประเทศญี่ปุ่น , คาร์ลสเบิร์ก (Carlsberg) – ประเทศเดนมาร์ก, โคโรนา (Corona) – ประเทศเม็กซิโก, เออดิงเกอร์ (Erdinger) – ประเทศเยอรมนี, ไฮเนเก้น (Heineken) – ประเทศเนเธอร์แลนด์, และ ไทเกอร์ (Tiger) – ประเทศสิงคโปร์









สุรา อย่างพวก แม่โขงนั้น มีแอลกอฮอล์ 35 % จะดื่มจึงควรจะผสมน้ำ น้ำแข็ง หรือโซดา แต่เบียร์ ทุกยี่ห้อ จะมีแอลกอฮอล์น้อยกว่า ประมาณ 6 เท่า บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด บอกว่า


สิงห์ ลาเกอร์เบียร์ มีปริมาณแอลกอฮอล์ 6.0% บรรจุในกระป๋องและขวดขนาด 330 มล., 355 มล., และ630 มล.








เบียร์สด สิงห์ เป็นเบียร์ลาเกอร์ ที่ยังไม่ผ่านกระบวนการพาสเจอร์ไรส์ มีปริมาณแอลกอฮอล์ 6.0% บรรจุในถังขนาด 30 ลิตร








สิงห์ ไลท์ มีปริมาณแอลกอฮอล์ 3.5% บรรจุในกระป๋องและขวดขนาด 330 มล. เท่านั้น


ลีโอ เบียร์ มีปริมาณแอลกอฮอล์ 6.0% บรรจุในกระป๋องและขวดขนาด 330 มล.,และ 630 มล.


ไท เบียร์ มีปริมาณแอลกอฮอล์ 6.5% บรรจุในกระป๋องและขวดขนาด 330 มล.,และ 630 มล.


คลอสเตอร์ เบียร์ มีปริมาณแอลกอฮอล์ 5.2 % บรรจุในกระป๋องและขวดขนาด 330 มล.,และ 640 มล.(ใหญ่กว่า สิงห์ เล็กน้อย)




โฆษณาเบียร์สิงห์ เบียร์แรกของไทย สมัยที่พวกเรายังไม่เกิด และคุณปู่เพิ่งจีบคุณย่า ….เอ เป็นคุณย่า คนไหน?







เพื่อนท่านใด อยากจะรู้จักเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ชนิดอื่นๆเชิญกดที่นี่




เมืองไทยเป็นเมืองเสรี โฮะโฮะ ….มีเบียร์ขาย กันริมถนน







แต่ที่บราซิล เขาอนุญาตให้คนท้องโฆษณาเบียร์ได้ ขอเอ่ย โฮะโฮะ สองรอบ….







2. สังคมคนดื่มเบียร์


คนดื่มเบียร์ เขาคุยกัน ในเว๊บบอร์ดของเขา ….ม๊ะ เราไปแอบฟังเขาคุยกัน






ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์
Posted by: ยิ้มยิ้ม
Date: September 25, 2006 04:52PM

คลอสเตอร์ เบียร์ เป็นเบียร์ที่ดังมานานแล้ว ก่อนที่ไฮเนเกนเสียอีก โดยโฆษณาว่าเป็นเบียร์จากเยอรมัน แต่เคยมีสื่อบางสื่อ รายงานว่า แท้จริง คลอสเตอร์ เบียร์ เป็นเพียงเบียร์ไทยที่มีคราบไคลเป็นเยอรมัน คือไทยทำเอง แต่ใช้ชื่อฝรั่ง แล้วจริงๆ มันป็นเบียร์ของประเทศไหนกันแน่ครับ แล้วคำว่าเบียร์ของ คลอสเตอร์ เขียนว่า bier แทนที่จะเป็น beer เพราะอะไรครับ

อยากรู้จริงๆครับ ช่วยบอกหน่อย ขอบคุณครับ




Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์
Posted by: น้าตู่
Date: September 25, 2006 08:10PM

เบียร์เยอรมัน แต่ซื้อสิทธิการผลิต มาผลิตในไทยขอรับ




Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์
Posted by: เรย์
Date: September 25, 2006 10:05PM

แล้วไฮเนเก้น ละ เบียร์ของสิงค์โปร์ หรือเปล่า ?







Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์
Posted by: กูรู
Date: September 26, 2006 09:43AM

ไฮเนเกน เป็นเบียร์ฮอลแลนด์ครับ มาทีหลังคลอสเตอร์ แต่มาแรงแซงทางโค้งไปแล้ว






ส่วนเบียร์ของสิงคโปร์ คือ ไทเกอร์ เบียร์ครับ






แฮ่ๆๆ โดยส่วนตัวนะ ผมว่า คลอสเตอร์ รสชาติเยี่ยมกว่า ไฮเนเกน เป็นไหนๆ ได้รสชาติความเป็นเบียร์ที่ดีกว่า แต่เอ...ทำไมขายสู้ ไฮเนเกน ไม่ได้





Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์
Posted by: น้าตู่
Date: September 26, 2006 10:19AM

คลอสเตอร์ เดิม ไทยอมฤต ของเตชะไพบูลย์ ทำอยู่ กลุ่มนี้การตลาดสมัยใหม่ไม่เก่งครับ แล้วธุรกิจในตอนหลัง ก็ทยอยเจ๊ง บ.ล้มละลายไป ค่ายบุญรอดฯ ไปฟื้นเอาคลอสเตอร์ กลับมาทำใหม่สักสามสี่ปีมานี้เอง

จริงๆห่างเหินวงการน้ำเมาไปนาน แต่พูดถึง คลอสเตอร์แล้ว ฮึ่ม....ชอบ น้ำลายไหลเลยเนี่ย




Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์
Posted by: เอกเอง
Date: September 26, 2006 12:14PM

น้าตู่ จำได้ว่าคลอสเตอร์ เนี่ย เสี่ยเจริญ เบียร์ช้าง ซื้อไปนะครับ ตอบแทนบุญคุณ ตอน ตระกูลเตชะไพบูลย์ รับให้ทำงานในโรงเหล้าแม่โขง นั่นแหละ




Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์
Posted by: : ยิ้มยิ้ม
Date: September 30, 2006 08:51PM

แล้วคำว่าเบียร์ของ คลอสเตอร์ เขียนว่า bier แทนที่จะเป็น beer เพราะอะไรครับ




Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์
Posted by: เอกเอง
Date: October 02, 2006 02:35AM

Bier เป็นภาษาเยอรมันครับ




Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์
Posted by: ยิ้มยิ้ม
Date: October 02, 2006 10:46AM

ขอบคุณครับ

ผมไปคนในพจนานุกรมภาษาอังกฤษ คำว่า Bier ในภาษาอังกฤษ มีความหมายว่า เชิงตะกอน หรือ ศาลาพักศพอะไรทำนองนี้ ฟังแล้ว น่ากลัวชะมัด




Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์
Posted by: เฒ่าทารก
Date: October 02, 2006 05:39PM

เบียร์ ................................. ได้ยินชื่อ แล้ว เมาครับ




Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์
Posted by: มารสุรา
Date: October 26, 2006 05:50AM

คลอสเตอร์ดัง เกิดไม่ทัน แล้วก็ยังไม่เคยลอง

เบียร์ ผม ต้องสิงห์ อย่างเดียว







Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์
Posted by: ดักแด้
Date: October 26, 2006 11:30PM

แวะมาชนแก้วคร้าบบบ








Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์
Posted by: pupe
Date: January 14, 2007 05:42AM

ชอบ คลอสเตอร์ เบียร์ เหมือนกัน นิ่มกว่ากันเยอะเลย อ่ะ

เคยสงสัยเหมือนกันว่าหายไปไหน เพิ่งมารู้ ก็วันนี้เอง แต่คิดว่า ยังไง ทุกยี่ห้อ ก็น่าจะผลิตที่ไทยหมดเหมือนกันนี่นา โรงงานอยู่ในไทยทั้งนั้นเลยนี่คะ




Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์
Posted by: กูรู
Date: January 14, 2007 07:50PM


ถึงจะเสื่อมความนิยมลง แต่คลอสเตอร์ก็จะไม่มีวันหมดไปจากเมืองไทยแน่นอนครับ แต่อาจเป็นแค่กระแสรอง อาจไม่เป็นที่นิยมเท่ากับ " ไฮเนเก้น" ครับ







Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์
Posted by: ดารา
Date: January 14, 2007 10:55PM


ที่สิงคโปร์ มีเบียร์ ยี่ห้อหนึ่ง ชื่อ บารอน ดีกรี หนึ่งกระป๋อง อยู่ที่ 8.5

แพง....แต่ น่าดื่ม เพราะ เมาแน่นอน




Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์
Posted by: กูรู
Date: January 15, 2007 10:01PM

ดารา ….. คลอสเตอร์ เป็นเบียร์ที่พี่ชอบที่สุด และ สิงห์ อีกยี่ห้อ พี่เคยไปถามคนที่ดื่มเบียร์ มักจะเข้าใจว่า คลอสเตอร์เบียร์ เป็นเบียร์ราคาแพง เนื่องจากความผิดพลาดของการทำโฆษณา ที่ดูหรู คนไม่กล้าซื้อ

ในขณะที่ไฮเนเกน โฆษณาเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากกว่า เลยทำตลาดได้ดีกว่า ทั้งๆที่ราคาพอๆกัน แถมคลอสเตอร์ราคาถูกกว่าไฮเนเกน ราวๆ 3 - 4 บาท



หมายเหตุ : ไฮเนเกน มีที่รองมือ ตอนเบียร์เย็นเจี๊ยบ






บารอน หากดูจากดีกรี 8.5% ถือเป็นเบียร์ที่แรงมากๆ

เบียร์ไทยที่แรงที่สุดในขณะนี้ คือ ไท เบียร์ ของค่ายบุญรอดฯ 6.5 ซึ่งสูงกว่าช้าง ที่แรง แค่ 6.4


เบียร์นอกอีกรายที่แรง ที่วางขายในตลาดเมืองไทย คือ เรดฮอร์ท สูงถึง 6.9 เบียร์จากค่าย ซานมิเกล ฟิลิปปินส์ แต่รสชาติ ห่วยสุดๆ พอมาเจอ บารอน ดีกรีที่ว่าแรง ชิดซ้ายไปเลยครับทั่น!




Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์
Posted by: ดารา
Date: January 15, 2007 10:07PM

ใช่ค่ะ พี่กูรู ดาราเคยตระเวนตามหา ตามห้างหรือร้านขายเหล้าจากนอก ทั่วไป แต่ก็ไม่เจอ

กระป๋องสีเขียว มีรูป สิงห์โต เหยียบ อะไรสักอย่างค่ะ โลโก้สีทอง เล็ก ๆ กระป๋องสีเขียวเข้ม เข้มกว่า ไฮเนเก้น แต่รสชาติ ดีนะคะ จะขมกว่าสิงห์ นิดเดียวเอง

หากใครไปสิงคโปร์ ต้องลองดูค่ะ เมาจริง ๆ




Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์
Posted by: กูรู
Date: January 15, 2007 10:17PM

ฮ่า ๆๆๆ เบยลาว ก็ไม่เลวนะ ดารา







Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์
Posted by: ดอกไม้เมรี
Date: January 16, 2007 04:05PM

น้องกูรู เบยลาว นี่ตอนพี่ไปช่องเม็ก จังหวัดอุบลฯ พี่ที่ทำงาน เขาแซว สาวคนขายว่า "แหม นี่หลงซื้ออยู่ตั้งนาน หวังจะเป็นเขยลาว ทำไมไม่ได้เป็นซะที ที่แท้ก็เป็น "เบียร์ลาว" นี้เอง"

ภาษาลาว บ.ใบไม้ เขียนหมือน ข.ไข่ เห็นเขาพูดกันว่า เจ้าของเป็นคนไทย








Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์
Posted by: กูรู
Date: January 16, 2007 04:54PM

ดารา ช่วยมาดูหน่อยสิว่า เบียร์ บารอน ที่ว่า ใช่ขวดนี้ไหม






Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์
Posted by: ดารา
Date: January 16, 2007 05:24PM

ไม่ใช่ค่ะ พี่ กูรู เป็น แคนค่ะ

เดี๋ยวดาราหาดูก่อน




Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์
Posted by: ดารา
Date: January 16, 2007 05:44PM

This Beer Can is top opened and is empty. It is Barron's Beer 330ml Brewed and packed by Guiness Anchor Brewery, Malaysia.

Can is in excellent condition. No dents no scratches.






เขาว่าจะอี้เน้อ

ผลิตในมาเลเซีย ดาราเคยไปตีกอล์ฟ ที่ อวาน่า มาเลย์ แต่หาไม่เจอ





Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์
Posted by: กูรู
Date: January 16, 2007 06:00PM

เหรอ ….พี่เป็นแต่ตีกบ เอาไปผัดเผ็ด กับทอดกระเทียมพริกไทยดำ แกล้มเบียร์อีกต่อนึง




Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์
Posted by: ดารา
Date: January 16, 2007 06:33PM

5555555555555 ลุง กูรู ผีบ้า

จริง ๆนะคะ หรือว่า เบียร์ยี่ห้อนี้เขา ส่งออกอย่างเดียว ดาราไป ปีแนง ก็ไม่มีนะคะ มะละกา ลังกาวี ก็ไม่มีเช่นกัน น่าแปลก เดี๋ยวขอโทรถามเพื่อนก่อนนะจ้า




Re: ข้อสงสัยเกี่ยวกับ คลอสเตอร์ เบียร์
Posted by: กุน
Date: January 22, 2007 06:19PM

เราชอบเบียร์ ลีโอ แต่ตอนนี้ ไม่ได้กินและ เสียดายนิดนิด
อยากเบียร์เป็นบางวัน แต่วันนี้....อยาก...อย่างแรง ไม่น่าเข้ามาอ่านเลย...เฮ้อ














เพื่อนท่านใด อยากจะรู้เรื่องเหล้า เย๊อะเยอะ มีอยู่ในหลายเว๊บครับ ลองเว๊บนี้ ก็ได้







3. เบียร์ ดีกว่า ผู้หญิง !!




เชื่อหรือไม่ …







A beer is better than a woman


Because


1. You can pick up a beer in any bar in town.


2. You can have more than one beer a night and not feel guilty.


3. A beer won’t get upset if you come home with beer on your breath.


4. A beer will never complain about your beer belly.


5. A beer won’t get jealous if you bring home other beers.


6. You don’t have to wine and dine a beer.


7. A beer don’t throw things if you come home after 2 am.


8. A beer won’t ever expect you to buy it flowers.


9. you don’t have to take your socks off with a beer.


10. Hangovers are only temporary.



แฮ่ะ แฮ่ะ……..












4. การผลิตเบียร์



รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม …..กันบ้าง เอามั๊ย?








การผลิตเบียร์ จะเริ่มต้นจากการเพาะเมล็ดข้าวบาร์เลย์(Barley) จนเมล็ดข้าวบาร์เลย์เริ่มงอก เกิดเอนไซม์การเปลี่ยนแปลงเป็นน้ำตาล เรียกกันว่า ข้าวมอลต์ (Malt) แล้วจึงนำข้าวมอลต์ ไปต้มด้วยความร้อนต่ำ กับน้ำที่ปรับสภาพจนได้ที่ ….และแล้ว ข้าวมอลต์เละๆ ก็จะเปลี่ยนสภาพเป็นน้ำตาล อีกรอบหนึ่ง



จากนั้น นำส่วนผสมที่ต้มแล้วเข้าเครื่องกรอง เพื่อแยกกากข้าวมอลต์ออก เหลือแต่ส่วนที่เป็นของเหลวที่มีน้ำตาลข้าวมอลต์ ละลายอยู่ เรียกว่า เวิร์ท (Wort) ซึ่งจะถูกส่งเข้าหม้อต้มอีกครั้ง แล้วจึงเติมฮ็อพส์ (Hops) ซึ่งเป็นดอกของพืชล้มลุก ที่จะทำให้เบียร์มีรสขมกลมกล่อม ดอกฮ็อพส์ จะปลูกแพร่หลายอยู่ในทวีปยุโรป โดยเฉพาะในประเทศเยอรมัน ที่ส่งออกดอกฮ็อพส์ไปขาย ยังทั่วโลก



เมื่อต้มต่อไปจนได้ที่ จึงนำลงจากเตา ทำให้ส่วนผสมเย็นลง แล้วจึงกรองแยกกากและส่วนที่เหลือของฮ็อพส์ออกอีกครั้ง แล้วจึงจะเตรียมเข้าสู่การหมัก ซึ่งจะต้องอาศัย ยีสต์(yeast) ที่จะเป็นตัวเปลี่ยนน้ำตาลข้าวมอลต์ ให้กลายเป็น แอลกอฮอล์และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์



การหมัก เมื่อหมักได้ที่แล้ว ก็จะนำไปบ่มในถังเก็บ ที่ควบคุมความดัน ในห้องที่เย็นจัด เพื่อให้ ยีสต์ และโปรตีนจากข้าวมอลต์ที่ไม่ละลาย ตกตะกอน



เมื่อบ่มจนครบกำหนดอายุแล้ว ก็จะนำเบียร์ที่ได้ มากรองเอาส่วนที่ตกตะกอนออก เมื่อกรองแล้ว เบียร์ที่ได้ในขั้นนี้ เรียกว่า "เบียร์สด" ส่วนหนึ่งจะบรรจุลงถัง เพื่อส่งไปขาย



อีกส่วนหนึ่ง จะนำไปบ่มใหม่ แล้วบรรจุขวด แล้วให้ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อโรค หรือพาสเจอร์ไรเซชั่น (Pasteurization) เมื่อปิดฉลากแล้ว ก็พร้อมที่จะส่งไปขายเช่นกัน


















5. ส่วนผสมหลักในการผลิตเบียร์




ส่วนผสมหลักในการผลิตเบียร์ คือ น้ำ ข้าวมอลต์(คือเมล็ดข้าวอบแห้งหรือคั่ว ของเมล็ดธัญพืชที่แตกหน่อแล้ว โดยปกติ จะใช้เมล็ดข้าวบาร์เลย์) ฮอปส์ และ ยีสต์ และยังมีส่วนผสมอื่น ๆ



น้ำ ( Water ) : เนื่องจากน้ำ เป็นองค์ประกอบหลักของเบียร์ รสชาติของเบียร์จะอร่อยหรือไม่ จึงอยู่ที่คุณสมบัติของน้ำที่ใช้ด้วย น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีส่วนผสมของแคลเซี่ยม จะเหมาะกับการทำเบียร์รสเข้มข้น เช่น ….ที่ประเทศอังกฤษ เบียร์ชนิด ปอลเอล ผลิตที่ เบอร์ตัน ออน เทรสต์ มีชื่อเสียงมาก เพราะน้ำที่ใช้ มีปริมาณแคลเซี่ยมซัลเฟต (ยิปซัม) สูงกว่าที่อื่น



ข้าวมอลต์ ( Malts ) : เกิดจากการนำข้าวบาร์เลย์มาเพาะให้รากงอก การทำเบียร์ให้ได้คุณภาพดี จะต้องเลือกข้าวบาร์เลย์ที่มีคุณภาพดี มีผู้ผลิตเบียร์จำนวนไม่น้อย ที่มักจะทุ่นค่าใช้จ่ายของต้นทุน โดยนำเอาธัญพืชอื่น ๆ เช่น ข้าวสาลี (wheat) ข้าวเจ้า (rice) ข้าวโพด (maize) ข้าวโอ๊ต (oat) และ ข้าวไรย์ (rye) ทั้งแบบที่ทำเป็น ข้าวมอลต์ และแบบที่เป็นเมล็ดปกติ มาใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเบียร์ สิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้เบียร์ ไม่อร่อยและหอม


เหตุที่ ข้าวมอลต์ จากข้าวบาร์เลย์ มีคุณภาพดี เนื่องจากมีปริมาณ เอนไซม์อะไมเลส (amylase enzyme) สูง ซึ่งจะทำให้การแตกตัวของแป้ง เป็นน้ำตาลเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มีข้าวบาร์เลย์ อยู่ 2 พันธุ์ ที่นิยมใช้ทำเบียร์มากที่สุด คือ พันธุ์ ทู-ราว บาเลย์ และพันธุ์ ซิก-ราว บาเลย์ ผู้ผลิตเบียร์ ในยุโรป จะใช้สองพันธุ์นี้ในการผลิตเบียร์ เช่น ในเยอรมัน สเปน ฝรั่งเศส อังกฤษ และ เดนมาร์ก



ฮอพส์ (Hops) : เป็นดอกไม้ที่มีรสขมและหอม มีคุณสมบัติเป็นยารักษาโรคหลายชนิด การนำดอกฮอพส์ มาผสมในเบียร์ ก็เพื่อสมดุลรสหวานจากข้าวมอลต์ และยังมีผลเป็นยาปฏิชีวนะ ต่อต้านจุลินทรีย์อื่นๆที่ไม่ใช่ยีสต์ ที่มีผลต่อการหมักเบียร์ และทำให้เกิดกลิ่นหอมและขมลึกๆ ภายในเบียร์ ดอกฮอพส์มีหลายพันธุ์ด้วยกัน



ยีสต์ (yeast) : ใช้ในกระบวนการหมักเพื่อย่อยสลายน้ำตาล ที่สกัดจากข้าวมอลต์ ให้เป็นแอลกอฮอล์ และ คาร์บอนไดออกไซด์ โดยปกติแล้ว ระดับแอลกอฮอล์ในเบียร์ จะอยู่ที่ 4 - 6 เปอร์เซ็นต์ แต่อาจจะต่ำถึง 2 เปอร์เซ็นต์ หรือ สูงถึง 14 เปอร์เซ็นต์ก็ได้


ยีสต์ที่ใช้ จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ยีสต์หมักลอยผิว ยีสต์หมักนอนก้น และยีสต์ธรรมชาติ












6. การจำแนกเบียร์




เบียร์มีกี่ประเภท? … อุอุ ที่จริงไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะยังไงๆ เบียร์ที่ดีที่สุด ก็คือ ประเภทเบียร์ฟรี อยู่ดี



แต่ถ้าจะมีจำแนกประเภทเบียร์ ก็อาจจำแนกออกได้ ตามลักษณะของการหมัก คือ จำแนกตามชนิดของเชื้อยีสต์ที่ใช้ ซึ่งแบ่งออกเป็น



การหมักโดยใช้ยีสต์ที่ลอยตัวอยู่เหนือผิวน้ำเบียร์ เมื่อเสร็จสิ้นการหมัก เรียกยีสต์ชนิดนี้ว่า ท็อปยีสต์ (Top yeast) …..เบียร์ที่ได้จากการหมักโดยใช้ยีสต์ประเภทนี้ เป็นพวก วีท เบียร์ (Wheat beer) ไวท์ เบียร์ (White beer) อัลท์ เบียร์ (Alt beer) เคิลช์ (Koelsch) เอล (Ale) พอร์ทเทอร์ (Porter) และ สเตาท์ (Stout)



การหมักเบียร์โดยใช้ยีสต์ที่จมลงสู่ก้นถังหมัก เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการหมัก เรียกยีสต์ชนิดนี้ว่า บ็อททอมยีสต์ (Bottom yeast) ……เบียร์ที่ได้จากการหมักโดยใช้ยีสต์ประเภทนี้ เป็น พวกลาเกอร์ เบียร์ (Lager beer) พิลเซ่น เบียร์ (Pilsen beer) เบียร์ดำ (Dark beer) บ๊อค เบียร์ (Bock beer) ไอซ์ เบียร์ (Ice beer) เบียร์ที่ปราศจากแอลกอฮอล์ (Alcohol free beer) และ ไดเอ็ท เบียร์ (Diet beer)




นอกจากนั้น ยังจำแนกเบียร์ ได้อีกหลายแบบ เช่นแยก ตามสี หรือรสชาติ ของเบียร์ เช่น เบียร์ดำ (Dark beer) ที่ทำมาจาก มอลต์ดำ หรือ คาราเมล มอลต์ จะทำให้เบียร์มีสีดำ เช่น เบียร์ สเตาท์ (Stout) ซึ่งมีรสชาติ ตลอดจนกลิ่นหอมของน้ำตาลไหม้ หรือบางชนิด ที่มีรสชาติเฉพาะตัว เช่น วีท เบียร์ (Wheat beer) มีกลิ่นหอมของข้าวสาลี และมีคาร์บอนไดออกไซด์สูง



หรือ จำแนกประเภทเบียร์ ตามความหวานของน้ำตาล ของการเริ่มต้นการหมัก เช่น ลาเกอร์ เบียร์ (Lager beer) โดยทั่วไปจะมีน้ำตาลเริ่มต้นประมาณ 11 เปอร์เซ็นต์ พิลเซ่น เบียร์ (Pilsen beer) จะมีน้ำตาลเริ่มต้นประมาณ 12 เปอร์เซ็นต์ พวกเบียร์ที่มีปริมาณ แอลกอฮอล์สูงๆ เช่น บ๊อค เบียร์ (Bock beer) หรือ สตรอง เบียร์ (Strong beer) จะมีน้ำตาลเริ่มต้นประมาณ 13 - 16 เปอร์เซ็นต์ เป็นต้น
















เรื่องกระป๋องเบียร์ ….อุอุ ค้นไปเจอเรื่องกระป๋องด้วย …ท่านใดอยากอ่าน เชิญกดอ่านที่นี่







เบื่ออ่านหรือยัง?






7. ประวัติการผลิตเบียร์




ข้อมูลทางประวัติศาสตร์พบว่า มีการผลิตเบียร์เป็นเครื่องดื่มมาเป็นเวลานานเกือบ 5,000 ปีแล้ว โดยมีการค้นพบบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับ แคว้นเมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) ราว 2,800 ปีก่อนคริสต์ศักราช ที่พูดถึงการแบ่งปันเบียร์และขนมปังให้กับผู้ใช้แรงงานในสมัยนั้น



การทำเบียร์และการบริโภคเบียร์ในสมัยนั้น พบว่า ใกล้เคียงกับข้อบัญญัติที่บังคับใช้ ในสมัยของกษัตริย์ฮัมมูราบี (Hammurabi, 1728 ถึง 1686 ก่อนคริสต์ศักราช) แห่งแคว้นบาบิโลเนีย (Babylonia)








สมัยอียิปต์โบราณ ก็มีการพบว่า มีการผลิตเบียร์และนิยมดื่มเบียร์กัน โดยมีการพบหลักฐานที่เป็นภาพเขียน และภาพแกะสลักเกี่ยวกับเรื่องราวของการผลิตเบียร์บนแผ่นหิน ….



เบียร์ของอียิปต์โบราณ ผลิตขึ้น โดยเอาขนมปังที่ทำจากแป้งข้าวบาร์เลย์ ที่เอาเมล็ดข้าวบาร์เลย์มาเพาะให้รากงอก แล้วเอามาป่นหยาบๆ ผสมกับน้ำ ปั้นเป็นก้อนๆ ต่อจากนั้นจึงเอาไปปิ้ง ไม่ต้องให้สุกดี แล้วเอาไปแช่น้ำ หมักทิ้งค้างคืนเอาไว้ ขนมปังจะเริ่มบูดโดยเชื้อยีสต์ในอากาศ และเกิดแอลกอฮอล์ขึ้น เมื่อนำเอาไปกรอง จะได้น้ำเบียร์สีขาว มีฟอง รสเปรี้ยว ใช้เป็นเครื่องดื่ม บางครั้งอาจจะมีการเติมสมุนไพรลงไป เพื่อทำให้มีกลิ่นหอม



ในดินแดนของชาวอินเดียนแดง ทวีปอเมริกาใต้ ก่อนที่ชาวฝรั่งผิวขาวจะเข้ายึดครอง มีการพบว่า ชาวอินเดียนแดงรู้จักผลิตสุรา โดยใช้แป้งข้าวโพดมาทำเป็น ส่าหมัก



ในทวีปยุโรป ในสมัยโบราณ เบียร์เป็นเครื่องดื่มที่นิยมกันในชนชาติเยอรมัน ซึ่งในสมัยก่อนจะผลิตกันภายในครอบครัว เหมือนกับการเตรียมอาหารประจำวัน โดยสตรีจะมีหน้าที่ผลิตด้วยวิธีการง่ายๆ ต่อมาการผลิตเบียร์ ได้กระจายเข้าไปมีบทบาทในศาสนาคริสต์ โดยมีการผลิตในปริมาณที่มากขึ้น เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้มาร่วมงานทางศาสนา







ชาวเยอรมันในสมัยโบราณ รู้จักผลิตเบียร์ขึ้นก่อนประเทศอื่นๆในทวีปยุโรป และตั้งชื่อสุราประเภทที่ผลิตด้วยแป้งจากข้าวบาร์เลย์ ที่เพาะให้รากงอก แล้วนำมาคั่ว บด ต้ม และนำไปหมักว่า บิเออร์ (Bior)



เครื่องดื่มบิเออร์ นี้ มีรสเปรี้ยวอมหวาน และใช้บริโภคเป็นอาหารประจำวันของชาวเยอรมัน จากหลักฐานทางโบราณคดีพบว่า เมื่อนำกากแห้งที่ติดอยู่ที่ภาชนะดินเผา ซึ่งขุดพบในซากเมืองโบราณ มาวิเคราะห์ ก็พบว่า มีเบียร์ดีกรีสูง ที่ผลิตจากข้าวสาลีผสมน้ำผึ้ง เบียร์ชนิดนี้ เรียกว่า อโล (Alo) ซึ่งน่าจะเพี้ยนมาเป็น เอล (Ale) ในยุคต่อมา



ในสมัยก่อน ในการทำเบียร์มีการนำพืชชนิดต่างๆ ที่มีกลิ่นหอม เช่น เครื่องเทศ และดอกไม้แห้ง มาผสมใส่ลงไปเพื่อให้เบียร์มีกลิ่นหอม แต่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ก็มีการนำดอกฮ็อพส์ มาใช้เป็นส่วนผสมสำคัญของการทำเบียร์ เพื่อให้มีกลิ่นหอม รสและกลิ่นหอมของดอกฮ็อพส์เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภค และนิยมอย่างแพร่หลายมาก จนดอกฮ็อพส์ กลายเป็นของมีค่า มีราคาสูง และนิยมปลูกกันมากในเยอรมัน



ในศตวรรษที่ 15 พบว่า วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตเบียร์ มีปริมาณน้อยลง เนื่องจากผลกระทบจากสภาพธรรมชาติ ทำให้การเก็บเกี่ยวข้าวบาร์เลย์ และฮ็อพส์ได้น้อยลง จึงมีการนำพืชชนิดอื่นมาใช้แทนฮ็อพส์บ้าง….. ขณะเดียวกันก็มีการนำธัญชาติอื่นๆ ที่ใช้สำหรับทำขนมปัง มาใช้แทนข้าวบาร์เลย์



ดังนั้น ในปี ค.ศ. 1516 จึงมีการตั้งกฎแห่งความบริสุทธิ์ (Purity law) ในประเทศเยอรมนี เพื่อกำหนดให้ผู้ผลิตเบียร์ ต้องใช้เฉพาะข้าวมอลต์ ฮ็อพส์ ยีสต์ และน้ำ เท่านั้น สำหรับการผลิตเบียร์



เหตุผลก็คือ ต้องการให้ผู้บริโภคได้รับความยุติธรรม ในเรื่องของราคาและคุณภาพ เมื่อใช้วัตถุดิบที่เหมือนกัน และยังใช้กฎนี้มาจนกระทั่งทุกวันนี้ กฎดังกล่าวมิได้กำหนดบังคับใช้ในประเทศอื่น ดังนั้นจึงมีการนำเอาข้าวเจ้า ข้าวโพด มัน หรือน้ำตาลมาใช้ เป็นส่วนผสมปนกับข้าวมอลต์ ในการผลิตเบียร์ นอกประเทศเยอรมนี.





ฝาเบียร์ ใช่ครับ ฝาเบียร์ …..เป็นของสะสมชนิดหนึ่ง























































บางคน ก็สะสม ที่เปิดขวดเบียร์
























อันนี้ ที่เปิดขวดเบียร์เหมือนกัน แต่ เป็นรูปลังเบียร์







และบางคนก็สะสม เบียร์ …...




รุ่น ไทยแลนด์ โอเพ่น





รุ่นมิสยูนิเวอร์ส





รุ่นท่องเที่ยวไทย





อุอุ ภาพนี้ ...รุ่นสะสมไว้ใกล้ตัว








ฉันรัก เบียร์











เขียนบล็อก โดยคนที่ไม่กินเบียร์ ครับ








โดย yyswim





Create Date : 02 มิถุนายน 2550
Last Update : 2 มิถุนายน 2550 17:31:59 น. 42 comments
Counter : 61039 Pageviews.

 
Eiiii No. 1 คร้าบบบ

ไม่ได้กินเบียร์ แต่ เมาแน่นอนคร้าบบบ

information ขนมาขนาดนี้

แม่ผม Up blog ละครับ

--Kevin--



โดย: rd_lam วันที่: 2 มิถุนายน 2550 เวลา:18:02:40 น.  

 
แวะเข้ามาดูหลังจากหายไปสองเดือน

ผมยังอัพบล๊อกอยู่เรื่อยๆ ครับแต่ไม่ค่อยได้ไปหาใครเท่าไหร่
วันสองวันนี้ว่างๆ เลยได้ทะยอยเยี่ยมบ้านเพื่อนๆ
รู้สึกมีความสุขดีเหมือนกันครับ

คุณสินไม่ยอมอัพเดท link บล๊อกใหม่ๆ เลยนะครับ
ผมจะคลิกไปเลือกดูทีละกรุ๊ปสงสัยว่าจะต้องใช้เวลาทั้งวัน
ฝากด้วยนะครับ แล้วจะแวะมาใหม่ครับผม

ปอลอ
ผมยังคงคอนเซ็ปต์เมาไม่ขับอย่างเหนียวแน่นครับ


โดย: พลทหารไรอัน วันที่: 2 มิถุนายน 2550 เวลา:18:40:12 น.  

 
พี่สินให้ความรู้กับผมเพียบเลย

เยอรมันเป็นประเทศที่ผลิตเบียร์มาก และก็ดื่มเบียร์แทนน้ำ จริงหรือเปล่าครับพี่สิน

ผมเคยดื่มเบียร์กับเพื่อนหนเดียว
รู้ว่าไม่ถูกคอกับผมแน่

ก็ศึกษาไว้เป็นความรู้นะครับ



โดย: basbas วันที่: 2 มิถุนายน 2550 เวลา:19:46:00 น.  

 
แวะมาดูเฉยๆค่ะ เรื่องแบบนี้คอพับคออ่อนมาก
ไม่เคยลองแม้แต่หนเดียว เพราะไม่ชอบตั้งแต่แรกค่ะ


โดย: ซออู้ วันที่: 2 มิถุนายน 2550 เวลา:20:03:17 น.  

 



อ่าน และ comment โดยคนเคยรู้รสเบียร์ค่ะ


ดี.เคยเข้าบล็อกอยู่บล็อกนึง แล้วรู้สึกชอบมาก
รู้ว่าเจ้าของบล็อกตั้งใจมากๆ
ดี.เข้าไป comment ไว้
อยากกลับไปอีก
แต่จำชื่อเจ้าของบล็อกไม่ได้
เลยไม่รู้ว่าจะกลับไปยังไง

วันนี้มาอ่านเรื่องเบียร์
รู้สึกคุ้นๆกับวิธีเขียน วิธีการเล่าเรื่องอย่างตั้งใจ
แล้วฉุกคิดขึ้นมาว่าหรือจะใช่
(ทั้งๆที่เข้ามาอ่านอยู่บ่อยๆ
แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นบล็อกที่ตามหาอยู่)

รีบดูด้านซ้ายมือว่ามีเรื่องที่ชอบหรือเปล่า
แล้วก็เจอจริงๆค่ะ

เลยกลับเข้าไปอีกครั้ง
ดี.เข้าไป Comment ไว้เมื่อวันที่ 20 มกราคม
บล็อกที่ชื่อ “น้ำ”


เพิ่งเห็นว่าจขบ เขียนตอบไว้ด้วย
อ่านช้าไปหน่อย แต่ก็ได้อ่านแล้วค่ะ

ขออนุญาต add บล็อกเลยนะคะ...น๊า





โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 2 มิถุนายน 2550 เวลา:21:02:22 น.  

 
วันนี้ได้ความรู้เรื่องเบียร์เยอะเลยครับ

แต่อ่านยังไง ๆ ก็ไม่รู้รสชาติ ต้องไปแสวงหาจากที่อื่นซะแล้ว


โดย: 9A วันที่: 2 มิถุนายน 2550 เวลา:21:48:21 น.  

 
ขออนุญาต add blog ค่ะ


โดย: prettyguide (prettyguide ) วันที่: 2 มิถุนายน 2550 เวลา:22:43:46 น.  

 
อ่านยังไม่ทันจบเลย เมาเสียก่อนแล้วครับ เดี๋ยวต้องไปนอนแล้ว

ตอนเริ่มทำงานใหม่ๆ เพื่อนๆมานั่งดื่มเบียร์กันที่บ้าน

มีเพื่อนคนหนึ่งเค้าเริ่มเมา เพื่อนอีกคนเลยฉี่ใส่แก้วให้ดื่ม

ทั้งสีทั้งฟองคล้ายกันมาก คิดดูเค้าดื่มเข้าไปจะเกิดไรขึ้น

มีใครเคยเล่นพิเรนแบบนี้ไหมครับ


โดย: หน่อไม้ดอง IP: 58.8.71.59 วันที่: 3 มิถุนายน 2550 เวลา:0:35:45 น.  

 
อย่างนี้เขาเรียกรู้ลึก รู้จริง เขียนได้ละเอียดยิบ ทุกขั้นตอน ชอบที่เปรียบเทียบเบียร์กับผู้หญิงอ่ะ เขาเรียกแถไปได้เนอะ เวลาคนถามพี่สินว่าทำไมไม่กินเบียร์(เหล้า) พี่สินตอบไปว่าไงอ่ะ ผมตอบว่า"ก็มันขม ไม่อร่อยเหมือนโค๊กนี่" ตอบดีๆ ไม่กวนทีนใคร


โดย: coming soon (The Yearling ) วันที่: 3 มิถุนายน 2550 เวลา:13:45:25 น.  

 
-ข้อมูลเยอะมากเลยค่ะ

บางอย่างเพิ่งรู้เลยนะเนี่ยะ



โดย: noonat (Happy Noonat ) วันที่: 3 มิถุนายน 2550 เวลา:17:29:34 น.  

 
ดื่มเบียร์ผิดศีลข้อ 5 ครับ


โดย: 90210 IP: 124.120.187.191 วันที่: 3 มิถุนายน 2550 เวลา:21:11:13 น.  

 
ตอนนี้ก็นั่งอ่านไปพลางจิบเบียร์ไปพลางอยู่ครับ...


โดย: ยังไม่เมา (ฟ้าดิน ) วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:2:26:19 น.  

 
อ่านแล้วเปรี้ยวปาก


ในรูปโปสเตอร์โฆษณาเบียสิงห์ที่เก่าๆ นั่นน่ะครับ ตรงมุมขวาล่างมันเป็นเบอร์โทรศัพท์หรือครับ มีแค่ 3 หลักเอง สงสัยจะเก่าจริงๆ


โดย: คนทับแก้ว วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:9:19:19 น.  

 
เอื๊อกส์ๆ
อ่านแล้วต้องขอบอกว่า อ่านไปกลืนน้ำลายไปเลยครับ

เรื่องเบียร์นี่ ต้องบอกว่าช่วงหลังนี่ได้ลิ้มรสแทบทุกเย็นเลยครับ บางวันก็ขวดน้ำตาล บางวันก็ขวดเขียว

ว่ากันว่าเบียร์ เค้าแบ่งชั้นวรรณ กันที่สีของขวด
ถ้าขวดสีน้ำตาล รสชาติจะไม่กลมกล่อมเท่าขวดสีเขียว
แน่นอนว่าราคาก็ต่างกัน

อ่ะๆ ! แต่คงใช้ไม่ได้กับเบียร์นามว่า "โคโรน่า" ครับ เพราะว่ายี่ห้อนี้ขวดใส่แจ๋ว แต่ราคาขวดเป้นร้อย (ขวดเล็กกระปิ๋ว) แต่ขั้นตอนการกินของโคโรน่านี่ ไม่ธรรมดา ก่อนกินต้องบีบมะนาวใส่ในขวดก่อน จากนั้นก็ต้องยัดเปลือกมะนาวที่เปื้อนขี้มือของคนบีบ ลงไปในปากขวดเบียร์ด้วย นัยว่าแทนเกลือ

ผมชอบกินเบียร์ขวดเขียวมากที่สุด ครอสเตอร์ นี่ชอบมากกกก แต่ทุกวันนี้หากินลำบาก ก็เลยมาคบกับ ไฮเนเก้นแทน เคยอ่านเจอบทความด้วยว่า รูปดาวแดงบนขวด ไฮเนเก้น มีไว้ป้องกัน ภูตผีปีศาจ ที่จะเข้ามาทำลายรสชาติเบียร์ในขวด

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเบียร์ไหนๆ ก็ซดสู้สาวเชียร์เบียร์ไม่ได้



โดย: merf1970 วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:13:59:40 น.  

 
อ่อย ออกไปจาก blog นี้ ขาริ่มพันกันแล้ว

แต่เราก็ไม่กินเบียร์นะ แต่เคยกิน อุ

อร่อยดี


โดย: cilladevi วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:14:55:16 น.  

 
อ่ะ ชนแก้ว

อ๊ายยยย ไม่ค่ะไม่

ไม่เคยดื่มเครื่องดื่มมีalcoholค่ะ

อืม จะว่าไปนานมาแล้วเคยดื่ม spy คนเดียวสองขวด

เมาค่ะเมา ... เมา spy เวียนหัว คลื่นไส้ แน่นหน้าอก

ตั้งแต่นั้นมาไม่เคยดื่มอีกเลย

PS. ไม่ชอบคนขี้เมาด้วยค่ะ


โดย: random-4 วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:18:43:11 น.  

 

หลานเควิน...... เมนต์ครั้งนี้ ส่งไกลมาจากลำปาง บ้านคุณตาของหลานเควิน

ลุงมาบรรยายที่นี่.... โฮะโฮะ แทนตัวเองเป็นลุง ซะ

อาหารก็อร่อยดี กินแต่ปลา

เมื่อวาน ลุงได้แวะไปเยี่ยมบล๊อกของคุณแม่แล้ว



เจฟ..... ฝีมือของผม ยังไม่ถึงขั้น

เลยยังหาโปแกรม ที่จะมาช่วยบอก รายการบล๊อกล่าสุด ไม่เจอ

ก็คงจะต้อง ค้นหาโปรแกรมนี้ ต่อไป

อยากจะมีนะ โปรแกรมนี้ จะได้ช่วยให้เพื่อนๆสะดวกในการรับทราบว่า บล๊อกเรื่องล่าของผม เขียนเรื่องอะไรไว้

หากเจฟไม่ได้แวะเข้ามา บอกว่า อัพบล๊อกอยู่บ่อยๆ ผมก็คงจะยังไม่รู้

บล๊อกของเจฟ เป็นบล๊อกที่ผมชอบเข้าไปเยี่ยม ซะด้วยซิ

แต่ที่ไม่ได้เข้าไป ก้อเพราะนึกเอาเองว่า จะหยุดพักยาว ....

เพราะ อุอุ นึกว่ามีสาวๆ ตอแย เจฟ เลยพักบล๊อก



น้องบาส.....น้ำดื่มที่มัขายในซุปเปอร์มาเก็ต หรือในภัตตาคาร ราคาเท่าๆกับเบียร์ครับ ประมาณ 100-150 บาทต่อแก้ว เพราะน้ำนั้นเป็นน้ำแร่

ราคาน้ำดื่ม หากต้องการชนิดที่ไม่แพง ก็คือน้ำผสมแก๊ส(โซดา) หากไม่ซื้อ ก็ดื่มน้ำประปา แทนน้ำแร่ได้

คนเยอรมันที่พี่อยู่ใกล้ชิดที่สุด ก็คือ "คุณ มิชาเอล" คนขับรถ

ก็เห็นเขาดื่มน้ำโซดาในเวลางาน แต่พอเลิกงาน เขาจึงดื่มเบียร์ครับ คุณมิชาเอล หุ่นสูงและแข็งแรง แต่คนเยอรมันส่วนใหญ่ จะลงพุง อาจจะเพราะดื่มเบียร์มาก ก็เป็นได้

ในซุปเปอร์ฯ มีเบียร์ขายอยู่หลายยี่ห้อ แต่ที่พี่ทดลองดื่มในภัตตาคาร เป็นเบียร์สีเหลืองและรสอ่อน อาจจะอ่อนเท่าไลท์เบียร์ (หน้าพี่ยังไม่ทันแดง ก้อหมดแก้วแล้ว) เห็นเพื่อนบางคน(คนละโต๊ะ) ดื่มเบียร์สีดำ อาจจะรสเข้มก็ได้ ก้อเห็นเขาหน้าแดงกันทุกคน


คุณซออู้……ไม่ดื่มแอล ก็นับว่าเข้าสังคมได้ แถมครองสติได้ดี

แต่ระดับเบียร์ มีดีกรีอ่อนครับ รสขมๆ ปนหวานนิดๆ ดื่มแล้วจะเลือดสูบฉีด

ผมเองน่ะไม่ดื่ม ที่ดื่มก็แค่ทดลอง ให้ตัวเองรู้เท่านั้น

ปกติ ผมหากดื่มมาก จะพะอืดพะอม อยากจะอ๊วกครับ ไม่ใช่แบบคออ่อนคอพับ อย่างคนเมาง่าย





โดย: yyswim วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:21:57:22 น.  

 

คุณดี……ขอบคุณครับที่ แอดบล๊อกผม เป็นเพื่อน

ผมเขียนบล๊อก ยังไม่ลื่นหรอกครับ รู้สึกยังตะกุกตะกัก คล้ายๆกับคนเพิ่งหัดขับรถ น่ะ

แถมไม่เคยมีสำนวนโวหารเลยด้วย

ขอแรง คุณดี ช่วยแนะนำ ที


9A….อุอุ สั่งเบียร์จากหน้าปากซอย หรือจากใต้คอนโด เลย

แล้ว มีเพื่อนคุย ยัง?


คุณprettyguide…….เชิญแอดบล๊อกได้ตามสะดวกครับ

รู้สึกเป็นเกียรติครับ


หน่อไม้…..เอ้ย เล่นบร้าๆๆ คนเมา ก็คงดื่มแบบไม่รู้เรื่อง ดิ

คนอื่น คงไม่มีใครกล้าเล่นพิเรนทร์ ม้าง




โดย: yyswim วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:22:01:09 น.  

 

สุ่น……ผมตอบตรงๆว่า ไม่รับครับ ขอบคุณ หน้าตาแบบจริงใจ ไม่เคยพูดว่ามันขม

ก็จากนั้น ไม่ค่อยจะมีใครถามซ้ำ อาจจะเพราะบุคลิกเป็นคนดี คนรักสุขภาพ มั๊ง โฮะโฮะ

เหตุผลอื่น ก็ อาจจะไม่ค่อยออกไปเที่ยวกลางคืน ก็เลยไม่เจอสุรา เบียร์ …เพื่อนสนิทไม่มีใครเป็นนักดื่ม …และเพื่อนๆที่ทำงานทุกคน เขาคงจะรู้กันอยู่แล้ว และเกรงใจด้วย

ส่วนใหญ่เขาจะไม่ค่อยกล้าหยอกล้อผมหรอก สุ่น เพราะผมไม่เคยหยอกล้อใคร เขาจะพูดกับผมแบบเกรงใจ ทักทายแบบทักอาจารย์


คุณ noonat …..ข้อมูลเรื่องเบียร์ ยังพอมีอีกครับ ผมค้นไว้พอควร แต่เพราะบล๊อกยาวแล้ว

เดี๋ยว ถ้ายาวไป วันหน้าจะไม่มีใครกล้าเข้าบล๊อกนี้ อุอุ


90210……อุ๊บ หลวงพี่เข้ามาเตือนสติ ศีลข้อ 5


คุณฟ้าดิน…..ยังไม่เมา แสดงว่าสุขภาพยังดีอยู่

ดื่มอยู่กะใคร…..




โดย: yyswim วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:22:07:41 น.  

 

คนทับแก้ว……สังเกตเก่งครับ เบอร์โทร. มีเลขแค่ 3 ตัวในสมัยนั้น เป็นโปสเตอร์ที่โบ..มากๆ จริงๆครับ

ประวัติการผลิตเบียร์ในประเทศไทย(จาก วิกิพีเดีย)

ประเทศไทยนั้น เริ่มมีการผลิตเบียร์ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระยาภิรมย์ภักดี (บุญรอด เศรษฐบุตร) ได้ยื่นเรื่องขอจัดตั้ง บริบัทผลิตเบียร์ขึ้น ในปี พ.ศ. 2473 โดยจะใช้ปลายข้าวในการผลิต แทนข้าวมอลต์. ส่วนตัวโรงงานนั้นได้ถูกสร้างขึ้นภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2476 ในย่านบางกระบือ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภายใต้ชื่อบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และทำการผลิตเบียร์ ออกจำหน่ายครั้งแรกในปี พ.ศ. 2477 ภายใต้เครื่องหมายการค้า ตราหมี ตราสิงห์แดง ตราสิงห์ขาว ตราแหม่ม ตราพระปรางค์ทอง ตราว่าวปักเป้า ตรากุญแจ ตรารถไฟ และ ที่ยังคงอยู่จนปัจจุบันนี้คือ ตราสิงห์





ตราสิงห์แดง ออกจำหน่ายครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2477 ยุคที่เพิ่งสร้างสะพานพุทธ อ่ะ



นิ๊ง…..นักดื่มแฟนพันธุ์แท้ เดินเข้ามา …หวัดดีพี่ วันนี้ สักกี่โหล? เออ สาวเชียร์เบียร์ ที่ไหน สวย?

ผม ไม่ใช่นักดื่ม เขียนโม้ ซะ…. ขอโทษ พี่


คุณ cilladevi ….. อุ ผมยังไม่เคยลอง รสหวานมั๊ย? ดีกรีเท่าเบียร์ได้มั๊ย?



คุณสุ่มสี่…..ขอให้สมใจนึก เจอคนที่ไม่ขี้เมา เร็วๆนี้นะครับ

อ๊ะ แต่ถ้าดีครบหมด เสียแต่ชอบเบียร์ จะว่ายังไง….



โดย: yyswim วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:22:15:36 น.  

 

โห....นี่ขนาดคุณสินไม่ดื่มเบียร์นะคะเนี่ย ข้อมูลและภาพแน่นเอี๊ยดเลยค่ะ ถ้าดื่มสงสัยจะได้อ่านกันตาลายไปเลยอ่ะค่ะ

บุ๋มไม่ชอบเบียร์เหมือนกันค่ะ ชอบไวน์อ่ะค่ะ วันนี้ยังอ่านไม่หมดเลยค่ะ วันหน้าค่อยมาอ่านต่อนะคะ

นอนหลับฝันดีค่ะ


โดย: Htervo วันที่: 5 มิถุนายน 2550 เวลา:1:39:16 น.  

 
แวะมาชื่นชมบทความครับ ชอบจริง ๆ


โดย: Johann sebastian Bach วันที่: 5 มิถุนายน 2550 เวลา:7:54:19 น.  

 


แวะมาขอบคุณค่ะ ที่บอกย้ำคำว่า "หน้าหยาม"
ดี.มีปัญหากับคำนี้
ต้องรอคำยืนยันจาก "ลุงแมว"
ซึ่งเป็นคนสุราษฎร์ก่อนค่ะ
จะได้ไม่ผิดพลาด
คุณสินมายืนยันอีกคน
เลยสรุปได้ว่าต้องเขียนอย่างนี้

ขอบคุณค่ะ


อ้อ!ยินดีที่ได้รู้จักหนุ่มเกาะสมุยค่ะ




โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 5 มิถุนายน 2550 เวลา:7:59:01 น.  

 
ทักทายพี่สินที่ลำปาง อย่าลืมนั่งรถม้าชมเมืองล่ะ เดี๋ยวจะไปไม่ถึงลำปาง


โดย: coming soon (The Yearling ) วันที่: 5 มิถุนายน 2550 เวลา:10:38:56 น.  

 
ขอซักแทงค์ เอ๊ย ซักแก้วได้ไหมครับ

แหม คุณสิน กลับจากไปเที่ยวเมืองเบียร์มานี่ เอาเรื่องเบียร์มาหากินเลยนิ

เอื๊อกส์...


โดย: กุมภีน วันที่: 5 มิถุนายน 2550 เวลา:14:32:29 น.  

 
บล๊อกที่อัพเดทล่าสุดของผมไม่ได้ใช้โปรแกรมนะครับ ใช้อัพเดทเองด้วยมือเลยครับ
ไม่มีอะไรมากมาย แค่อัพบล๊อกเสร็จเมื่อไหร่ ก็เขียน link ไปใส่ไว้ใน profile
คุณสินลองทำแบบนี้ดูก็ได้นะครับ

วันนี้แวะมาก็อ่านและฝากข้อความไว้อีก 4 หน้าในกรุ๊ปนี้
เรื่องเยอรมันจะแวะไปดูอีกทีตอนว่างๆ ครับ ว่าแต่ bag tag อยู่กรุ๊ปไหนเหรอครับ


โดย: พลทหารไรอัน วันที่: 5 มิถุนายน 2550 เวลา:18:22:15 น.  

 
เข้ามาอีกครั้งเพื่อขอบคุณ ที่กรุณาไปเยี่ยม บล็อก

และช่วยทำลิงค์ ด้วยค่ะ

ขอบคุณมากๆค่ะ


โดย: prettyguide วันที่: 6 มิถุนายน 2550 เวลา:19:50:19 น.  

 

เจฟ……..ขอบคุณครับ ที่ใจดีเข้ามาบอกเรื่องวิธีอัพบล็อกล่าสุด ที่บล๊อกผม

ผมลองคลิกเข้าไปดู View Source ที่ Home Page ของนาย ….

อ๊ากส์ ยากชะมัด …..อาจจะก๊อปของนาย ถ้าทำอะไรเองไม่เป็น ….ช่วงนี้ ผมกำลังทดสอบอยู่(เพราะ ผมไม่คิดจะมีตารางแนวนอน)

บล็อกเรื่อง Bag Tag อยู่ในกลุ่ม Guest Book ครับ เป็นเรื่องส่วนตัวของผม ก็เลยนำมาไว้ที่นี่ อยู่ที่เดียวกะ Blog Tag และเรื่องของคุณพ่อ คุณแม่ของผม คือ คิดว่าจะเหมาะกับเพื่อนๆสนิท จึงนำมาหลบสายตาหน่อยเชิญกดที่นี่


ขอบคุณ นายมากๆ ที่ติดตามอ่าน บล็อกของผมหลายเรื่อง

แต่ละเรื่อง ที่จริงผมยังเขียนไม่เป็น แถมออกจะยาวด้วย หากสังเกต ช่วงหลังๆผมจะใช้รูปภาพเข้ามาช่วยครับ เพื่อหวังจะให้ เรื่องไม่หนักมาก

อุอุ เอารูปตัวเอง เอาออกมาอยู่ในบล๊อก 1 รูป ….ถ้าหล่อเท่านาย ก็ จะเอาออกมาโชว์บ่อยๆ


วันนี้ ลองตระเวนเข้าไปเยี่ยมใน Web ของนายบ้าง ….


อื๊อ ฮือ ฝีมือระดับเทพ …ของเบียร์สิงห์เอย ภัทราวดีเธียเตอร์เอย ลวดลายติดรอบตัวรถเอย

ที่ให้ลองคลิกสี เอามาใส่ลงในช่อง และปรับรูปทรงของสี และสกรีนของสีภายในช่อง อันนี้ก็สนุกดี ได้ทดลองทำเล็กน้อย

แต่ คิดว่าในบล็อกของนาย จะมีคนเข้าไปเยี่ยมมากกว่าใน Web ของนาย และขอเดาว่า ในบริษัทของนาย คงจะมีลูกน้องระดับฝีมือพระกาฬหลายคน

โฮะโฮะ เพิ่งจะรู้ว่า บริษัทนายไม่ใช่ ธรรมดา….ข้า ขอคารวะ



โดย: yyswim วันที่: 7 มิถุนายน 2550 เวลา:0:28:22 น.  

 

คุณดี…..ผมคนเกาะหมุยก็จริง แต่เข้ามาเรียนและทำงานในกรุงเทพนานมากแล้วครับ แบบเดียวกับ ศุ บุญเลี้ยง

คำว่า “หน้า” และคำว่า “หยาม” ในภาษาเกาะหมุย แปลอย่างเดียวกันครับ แปลว่า ฤดู หรือช่วงเวลา เช่น หน้าเรียน หรือ หยามเรียน แปลว่า ฤดู(ช่วงเวลา)ทุเรียนแก่จัด พร้อมตัดนำออกขาย

หน้าม่วง หน้าเงาะ ก็แปลว่า ฤดูมะม่วง ฤดูเงาะ ออกลูกจนแก่จัดหรือสุก พร้อมนำออกขาย

คราวนี้ หากใครแหลงว่า มีต้นเงาะหน้าหยาม ก็หมายความคำว่า “หน้า” เป็นคำว่า “ก่อนถึง” นะครับ ….ต้นเงาะหน้าหยาม จึงหมายถึง ต้นเงาะต้นที่ออกลูกสุก ก่อนจะถึงฤดูที่เงาะต้นทั่วไปจะสุก

หากจะแหลงคำนี้ ผมว่า เขาจะแหลงว่า “ต้นหน้าหยาม” มากกว่า ..”หน้าหยาม” เฉยๆ

เพราะ”หน้าหยาม” เฉยๆ …..จะแปลว่า .”ฤดู” เพียงแต่พูดฤดู สองครั้ง


ทางใต้ ผลไม้ทุกชนิดจะสุกช้ากว่าทางภาคกลางเสมอครับคุณดี เงาะโรงเรียนของทางใต้ จะเริ่มนำออกขายเมื่อทางระยอง จันทบุรี เริ่มวาย …..ลางสาดเกาะหมุย(แถวลิปะน้อย) ก็จะสุกหวาน ราวๆเดือนสิงหาคมครับ แต่ไม่ค่อยจะได้นำออกขายนอกเกาะหรอกครับ เพราะมีน้อย จึงขายหมดตั้งแต่ในเกาะแล้ว ใครไปเกาะตอนเดือนสิงหาคม ก็จะโชคดีได้กิน หวานอร่อยครับ แบบลองกอง


โดย: yyswim วันที่: 7 มิถุนายน 2550 เวลา:1:38:07 น.  

 



ดี.มาส่งความสุขยามเช้าค่ะ
และขอบคุณมากๆๆๆๆกับความรู้ที่บล็อกดี.





โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 7 มิถุนายน 2550 เวลา:6:58:00 น.  

 
ห็นแล้วเปรี้ยวปากเลยคะ

ช่วงนี้โดนแบน login คงไม่ได้เข้าไปอัพบล็อกแต่ก็จะตามมาทักทายเพื่อนๆคะ

ขอบคุณความหวังดีและข้อคิดดีๆนะคะ


โดย: Lilly IP: 58.9.59.198 วันที่: 7 มิถุนายน 2550 เวลา:10:01:59 น.  

 
มาช้าไปเปล่าคะเนี่ย..คงเหลือขวดแน่ๆเลย..คริๆๆ..
ไม่ดื่มคะ..ไม่ดื่ม..เพราะดื่มบ่เป็น..

ชอบฝาคะ..ชอบฝาเบียร์..เดี๋ยวจะถ่ายถาพฝาเบียร์สะสมจะดีไหม...
สวยดีคะ..ชอบ...



โดย: ดอกหญ้าเมืองเลย วันที่: 7 มิถุนายน 2550 เวลา:10:54:35 น.  

 
วันนี้ขอมาดูแค่รูปนะคะ
แค่นี้ก็เกือบมาวววแว้วว
อิอิ
ปกติเราไม่ค่อยดื่มเบียร์อ่ะค่ะ
นานๆ ที
ถ้าสั่งของมึนเมา
ก็ต้องเหล้าเท่านั้น
แหะแหะ
^^


โดย: I am just fine^^ วันที่: 7 มิถุนายน 2550 เวลา:18:10:20 น.  

 
ึคนไทยเรา ไม่น่าตาทั่วเลย เมื่อผมดูตัว บ กะ ข ของเขาแล้ว ไม่เหมือนกันเลบ แต่มาดูของเราแล้ว บ กะ ข ไใม่ต่างกันเลย อายลาวตั้ง 100 ปี 1000 ปี พูกันคนเ้ดียวยังพอไหว แต่ที่นี้พูกันทั้งประเทศ อายไหมละ


โดย: อริยะ IP: 202.137.146.63 วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:23:36:52 น.  

 
แค่อยากเข้ามาชื่นชมค่ะ
ตั้งใจเขียนมากๆ
รูปสวยมากๆ
อ่านจบแล้วรู้สึกว่าอายจัง
ขนาดเปนคนชอบกินเบียร์ยังไม่รู้อะไรมากขนาดนี้เลยค่ะ
ประทับใจค่ะ^^


โดย: วัยเรียนรู้ IP: 125.24.153.229 วันที่: 13 ธันวาคม 2552 เวลา:22:20:38 น.  

 
พวกคน ผู้ดี มีการศึกษา ไฮโซ เขานิยมกิน heineken กันหรือคับ


โดย: เสี่ย IP: 124.122.101.58 วันที่: 18 มิถุนายน 2553 เวลา:15:05:15 น.  

 
มีใครรู้ที่ซื้อ เบียร์คลอสเตอร์ในกรุงเทพฯบ้าง
แต่ถ้าใครอยู่พัทยาเหนือมีขายตามร้านเส้นทางนาเกลือ-พัทยาเหนือ แล้วก็แถวหัวหิน


โดย: eaglesone IP: 125.25.52.114 วันที่: 26 กันยายน 2553 เวลา:21:19:13 น.  

 
ถ้ารู้ช่วย bee_eagle@hotmail.com ขอบคุณครับ


โดย: eaglesone IP: 125.25.52.114 วันที่: 26 กันยายน 2553 เวลา:21:22:43 น.  

 
อิ่ม


โดย: omi IP: 110.164.92.24 วันที่: 8 สิงหาคม 2554 เวลา:15:52:28 น.  

 
ตอนอยู่ LA ชอบกิน Magnum กระป๋องสีดำ เมาสุดๆ ราคาไม่แพงด้วย


โดย: Nick IP: 223.207.20.51 วันที่: 10 กันยายน 2556 เวลา:17:11:31 น.  

 
ทำไมไม่เห็นพูดถึงเบียร์ช้างบ้างเลย???


โดย: Apirome IP: 27.55.208.156 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2557 เวลา:11:38:22 น.  

 
จะเชื่อดีมั้ยละครับ ว่าเขียนจากคนไม่ดื่มเบียร์ ข้อมูลเน้นซะขนาดนี้ 555+


โดย: beer Nontanun IP: 171.96.240.31 วันที่: 10 กรกฎาคม 2559 เวลา:18:32:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

yyswim
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]





บล็อกสรรสาระนี้ จขบ.ไม่ได้เขียน-ไม่ได้ถ่ายภาพ-ไม่ได้อัพโหลดคลิปเอง หากแต่ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการบล็อก เสาะหาเรื่องดีๆ รูปสวยๆ คลิปแปลกๆ มาไว้ในบล็อก


ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม ขอเชิญชมหรืออ่านตามสบาย ไม่ต้องคอมเมนต์ก็ได้ จขบ.ชอบการเข้ามาเยี่ยม แบบกันเอง ง่ายๆ สบายๆ




เริ่มเขียนBlog เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2548


เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2550 เวลา 23.30 น.


เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม




Latest Blogs

New Comments
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
2 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add yyswim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.