พล.ต.ท.เสรีพิศุทธ์
พล.ต.ท.เสรีพิศุทธ์ ข่าวแรก
. คุณสำราญ รอดเพชร จาก น.ส.พ.ผู้จัดการ เขียนชื่นชม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จเรตำรวจ เอาไว้ว่า ผมจำได้แม่นบางคำพูดที่ คุณเสรีพิศุทธ์ ตอบคำถามระหว่างการให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ในรายการ เกาะติดสถานการณ์ ทางวิทยุคลื่นสามัญประจำบ้าน 97.75 เมกะเฮิร์ตซ์ เมื่อไม่นานมานี้ คุณเสรีพิศุทธ์เขาพูดว่า จะยศพันตรี พันโท หรือ พันเอก ไอ้พวกเสธ.พวกนี้มันก็ไอ้เด็กวานซืนทั้งนั้น.. ในรายการนั้น คุณมนตรี จอมพันธ์ จากสถานีข่าวโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม นิวส์ 1 ที่มาร่วมจัดรายการกับผม ถึงกับเผลอ ดีดนิ้วเป๊าะ ชื่นชมและออกอาการสะใจ กรณีที่ มาเฟียโบ๊เบ๊ที่มีข่าวว่า มี 3 เสธ. คนสีเขียวของไทยเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่ด้วย ถ้ามองกันแบบชาวบ้าน ไม่คิดอะไรมาก การที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ดึงเอาพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์มาปะฉะดะ ถือว่า โดนใจ จริงๆ โดนใจเพราะคนทั่วไปเชื่อว่า จะกี่สิบเสธ.ก็ไม่เป็นไร ขอให้คู่ชนเป็น เส ที่ชื่อ เสรีพิศุทธ์ ก็แล้วกัน นี่เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า...ผู้คนไม่น้อย ยังเชื่อใจและมั่นใจในตัวนายตำรวจตงฉินที่ชื่อ เสรีพิศุทธ์ ความจริง ภารกิจลุยมาเฟียโบ๊เบ๊ มาเฟียเมืองหลวง ไม่ใช่งานชิ้นแรกที่รัฐบาลทักษิณ ใช้บริการ จาก พล.ต.อ.พิศุทธ์ เพราะก่อนหน้านั้น พล.ต.อ.พิศุทธ์ เคยได้รับมอบหมายให้สอบทุจริตอื่นๆ รวมทั้งกรณีลำไยอบแห้งมาแล้ว ในสภาพการณ์ที่ดูเหมือนว่า ประชาชนแทบจะสิ้นหวังไม่เชื่อน้ำยารัฐบาลที่จะปราบการทุจริตคอรัปชั่น การได้ทราบว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เป็นประธานสอบทุจริตด้วยตนเอง ก็พอจะช่วยยืดความรู้สึกของประชาชน ที่เป็นเสมือนต้นไม้ที่รอวันแห้งตาย ไปได้บ้าง ต้องขอขอบคุณ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ นายตำรวจผู้มีภาพลักษณ์ดี เป็นตงฉิน และมีประวัติการต่อสู้อย่างโชกโชน ข่าวที่ 2
. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส จเรตำรวจแห่งชาติ เปิดฉากลงพื้นที่ติดตามผลงานปราบปรามผู้มีอิทธิพลอย่างต่อเนื่อง " 9 วัน 9 จุดอิทธิพล " พร้อมจัดขบวนรณรงค์ ขอความร่วมมือจากประชาชนที่เดือดร้อน ร่วมแจ้งข้อมูลเบาะแสได้ ที่ตู้ ปณ. 1234 รหัสไปรษณีย์ 10000 , E-mail: jaray@police.go.th สายด่วน โทร. 1721 ตลอด 24 ชม. ณ ห้องประชุม 4 อาคาร 1 ชั้น 2 กรมตำรวจ จเรตำรวจแห่งชาติเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่กระทำความผิดเกี่ยวกับบาทวิถีและเรียกรับผลประโยชน์จากการจอดรถผิดกฎหมายในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 2 โดยมีรองปลัดกรุงเทพมหานคร , รองเลขาธิการ ปปง. , รองอธิบดีกรมสรรพากร , รอง ผอ.สำนักเทศกิจ กทม. , ผบช.ประจำ ตร. , รองแม่ทัพภาค 1 ทบ. เป็นต้น เข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อประชุมชี้แจงซักซ้อมความเข้าใจ และติดตามผลการปฏิบัติงานการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับบาทวิถีฯ และลงสำรวจตรวจพื้นที่เป้าหมาย พร้อมรับฟังความเดือดร้อนของประชาชนด้วยตนเองในเขต บก.น. 1- 9 ข่าวที่ 3
. สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง "สถานการณ์การเมืองปัจจุบันและบุคคลผู้นำด้านต่างๆ ของประเทศ" จำนวนทั้งสิ้น 1,208 ราย จากการสำรวจปรากฏว่า บุคคลที่เหมาะสมในการเป็นผู้นำด้านจัดระเบียบสังคม ประชาชน 61.3% คิดว่าเป็น ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ประชาชน 40.2% คิดว่าเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประชาชน 38.6% คิดว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส พล.ต.ท.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส
ด้วยสำนึกแห่ง เกียรติยศและศักดิ์ศรี ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
*** ความกล้าหาญที่บ่มเพาะจากวัยเด็ก มีพี่น้อง 6 คน ผมเป็นคนโต นอกจากดูแลตัวเอง ก็ต้องดูแลน้องๆ ด้วย ทำให้ฝึกความเป็นผู้นำ รู้จักเสียสละตั้งแต่เด็ก ช่วงวัยเรียนนักเรียนนายร้อยตำรวจ ได้รับคัดเลือกให้เป็น "นักเรียนปกครอง" มีหน้าที่ดูแลและปกครอง นรต.รุ่นน้อง ซึ่งผมพยายามทำสิ่งที่ถูกต้องเป็นหลัก ความหมายของผม ความถูกต้องคือ ความเป็นธรรม สมัยเป็นวัยรุ่น บ้านผมอยู่แถวหลังโรงพัก บางยี่เรือ ตรงนั้นมีสนามแบดมินตัน วันหนึ่งขณะที่ผมตีแบดกับเพื่อนๆ จู่ๆ ลูกชายสารวัตร ก็เตะลูกบอล เข้ามาในสนามแบด เพื่อรบกวน ผมจับลูกบอลเตะออกไปให้พ้นๆ ลูกชายสารวัตรก็วิ่งกลับไปฟ้องแม่ คุณนายสารวัตรมาถึง ก็ตรงเข้ามาจะตบผมท่าเดียว เราไม่ผิดอยู่ดีๆ จะมาตบ เราก็ไม่ยอม เพราะเป็นความไม่ถูกต้อง กรณีนี้ถึงกับต้องไปแก้ปัญหากันบนโรงพัก ผมก็คิดอยากเป็นตำรวจกับเขาบ้าง หลังจากนั้นพอมารับราชการ ก็มีปัญหาของชาติบ้านเมืองบวกกับประสบการณ์ต่างๆ เข้ามาให้เราต่อสู้ เมื่อมีประสบการณ์สูงขึ้น ก็เลยกลายเป็นคนกล้าไป*** เกียรติตำรวจของไทย เกียรติวินัยกล้าหาญมั่นคง ตั้งแต่เรียนนายร้อยตำรวจ เขาจะให้สวดมนต์ไหว้พระ กล่าวคำสัตย์ปฏิญาณ เคารพธงชาติ ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เพื่อเป็นการปลุกจิตสำนึกความรับผิดชอบให้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สำหรับผมแล้ว ถือว่าเรื่องส่วนรวม เรื่องประเทศชาติ เป็นเรื่องสำคัญกว่าตัวเรา โดยเราจะเป็นอะไรก็ได้แต่ประเทศชาติต้องอยู่ ช่วงที่ทำงาน มีประสบการณ์เรื่องหนึ่ง ตอนนั้นผมอยู่ในเมือง มีผู้แจ้งข่าวว่า ผู้กองวิลาศ เจริญศรี ซึ่งเป็นลูกพี่ผม ขับรถออกไปแล้ว ถูกกับระเบิด ผกค. เสียชีวิต ผมไปช่วย ได้แต่เก็บชิ้นส่วนต่างๆ คืนญาติพี่น้อง ได้เห็นภาพ ที่ภรรยาขาดสามี ลูกขาดพ่อ ผมเกิดความคิดว่า พื้นที่มีปัญหา ทำไมเขาส่งคนที่ไม่มีความพร้อมเข้าไป ส่งคนที่มีครอบครัว มีพันธะ มีภาระ แบบนี้จะให้เขาทำงานทุ่มเทเต็มที่ เขาก็คงทำไม่ได้ ไหนจะต้องห่วงลูก ห่วงเมีย ห่วงครอบครัว เดี๋ยวต้องไปเยี่ยมไปดูแล ก็สงสัยว่า ทำไมผู้ใหญ่ บริหารงานกันแบบนั้น ไม่เพียงแค่นี้ พื้นที่มีปัญหาก็มักเอาข้าราชการที่กินเหล้าเมายา เล่นการพนัน ไม่สนใจหน้าที่การงาน เหมือนกับเนรเทศไป ส่งไปลงโทษ คนพวกนี้ก็ไม่ทำงาน และสร้างปัญหา ทำให้บ้านเมืองเกิดความเสียหาย ผมมาคิดว่า ทำไมตัวเราคนเดียว เป็นโสด ไม่มีภาระพันธะ ไม่มีครอบครัว อยู่ในเมืองอย่างสบาย แต่เราก็ไม่มีอำนาจอะไร ทำได้ก็แค่ย้ายตัวเองออกไป เพื่อทำงานตรงนั้น อย่างน้อยก็ได้ไปแทนคนที่มีภาระครอบครัวหนึ่ง เขาจะได้กลับไปดูแลครอบครัวของเขา ถ้าตำรวจหนุ่มๆเหมือนเรา คิดเหมือนเรากันหมด บ้านเมืองก็คงเจริญ แต่เราทำหรือคิดแทนคนอื่นไม่ได้ เราทำได้แต่ที่ตัวเรา ตอนนั้นผมตัดสินใจ อาสาสมัครไปเป็น หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ที่อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ไปทำงานด้วยใจ มันก็ได้ผล ถึงแม้จะต้องใช้ชีวิตเข้าเสี่ยง เข้าแลก ต่อสู้อะไรต่างๆ มากมายก็ตาม*** สมญา วีรษุรุษนาแก ผมทำงานสำเร็จก็ด้วยการสร้างคน ถือคติว่า สร้างคนก่อนสร้างงาน เราสร้างคนให้มีความพร้อม ที่จะทำงาน ขาดเหลืออะไรผู้บังคับบัญชา ดูแลสร้างขวัญกำลังใจ สวัสดิการ ทำทั้งระบบ ผมเป็นผู้กำกับจังหวัดตอนนั้น ผู้ว่าฯ ถามว่า ทำไม เสรีไม่จับผู้ร้าย คือคิดว่าตำรวจต้องจับผู้ร้าย อย่างเดียว แต่ผมใช้หลักบริหารจัดการต่างๆ ผมจะคัดเลือกคนที่ดีที่สุด ออกไปเป็นสารวัตรใหญ่อำเภอ สารวัตรอำเภอ สารวัตรกิ่งอำเภอ หรือ หัวหน้าตำรวจ ผมจะคัดคนที่ดีที่สุดในแต่ละระดับ ลงไปทำงานแทนผม เป็นหูเป็นตาคอยรับนโยบาย ไม่ใช่เอาคนดีๆ ไว้ เอาคนเลวๆ ออกไป เพราะฉะนั้น ในพื้นที่ที่ผมทำงาน จะมีลูกน้องเป็นหัวหน้าหน่วยดีๆ เป็นผู้นำที่ดีในทุกระดับ เราก็เบาภาระ มีเวลาที่จะพัฒนางานไปข้างหน้า ลูกน้องขาดแคลนอะไร ผมตั้งร้านค้า ทำมูลนิธิ เลี้ยงลูกให้ ฝึกอาชีพให้ หางานให้ลูกเมียตำรวจทำ ตำรวจไม่ต้องไปคุมบ่อนคุมหวย ทำสิ่งผิดกฎหมาย การทำสิ่งที่ถูกต้อง ก็สามารถที่จะทำได้ ผู้บังคับบัญชาไม่เข้าใจว่า มาทำอะไร นั่นเป็นระบบตำรวจเก่า พอทำอย่างผม หน้าเมืองสงบหมด เพราะลูกน้องผมพร้อมทำงาน เราสนับสนุน ใครทำดีก็ได้ดี ใครทำชั่วก็ถูกลงโทษ ใช้หลักง่ายๆ ที่ ในหลวงให้ยกย่องคนดีสนับสนุนคนดี ควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ ส่งเสริมให้ขวัญกำลังใจ คนดีเต็มที่ คนไม่ดีล่อให้เต็มที่ ผมอยู่ นาแก ขังตำรวจไป 80 กว่าคน นำเงินเดือน 80 คนที่ไม่ได้ขึ้น ไปให้อีกพวกที่เขาทำดี แต่โควต้าไม่ถึง เป็นภาพที่เห็นชัดเจน ทำดีได้ดี ทำชั่วต้องถูกลงโทษ มีกฎหมายภัยสังคม ผมไล่ตำรวจ 12 คนออก ผมไม่กลัวเขาจะกลับมาแอบยิงผม พวกนี้สู้ผม ไม่ได้หรอก เพราะเรามีความพร้อม เมื่อตำรวจได้เห็น การทำดีได้ดี ทำไม่ดีถูกลงโทษ เขาก็ทำดีกัน ก็แค่นั้น การปกครองง่ายๆ ด้วยหลักง่ายๆ ตามที่ในหลวงทรงสอน แต่ทุกวันนี้ที่ทำไม่สำเร็จ เพราะคนชั่วมักได้ดี แต่คนดี กลับไม่ได้ดี *** ช่วงชีวิตแห่งความภาคภูมิ ตอนอยู่ นาแก ปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาให้เป็นตำรวจที่ดี จากตำรวจเกเร กินเหล้าเมายา เล่นการพนัน เป็นหนี้เป็นสิน ผมฝึกอบรมสร้างความเข้าใจ จัดสวัสดิการ สร้างความมั่นใจให้เขา ทำงานได้อย่างท่านนายกฯบอกว่า ถ้าใครจน มาลงทะเบียนไว้เลย จะแก้ไขปัญหาให้ ผมก็สำรวจ มาแล้ว เมื่อ 30 ปีก่อน ตำรวจคนไหนเป็นหนี้บอกมา ไปกู้ใครร้อยละเท่าไหร่ ผมแก้ไขปัญหามาแล้ว ไม่งั้นพอสิ้นเดือน ไม่มีเงินเหลือ คือเราสนใจผู้ใต้บังคับบัญชา เดินไปโรงพัก พบคุณป้า มาเรื่องอะไร ป้าบอกไม่ได้มาแจ้งความ มาทวงหนี้ตำรวจ คุณลุงล่ะ ลุงก็มาทวงหนี้ ไปๆ มาๆ ตำรวจไม่ขึ้นโรงพัก หนีหมด กลัวโดนทวงหนี้ บางคนรับเงินเดือนแล้วเหลือ 4 บาท ก็เลยไปรีดไถคนอื่น เราเป็นผู้บังคับบัญชาเขา เราต้องแก้ไข ถ้าพวกคุณเป็นหนี้ ประชาชนก็เดือดร้อน ผมจัดระบบสวัสดิการต่างๆ ให้ เอาเงินกำไรมาตั้งเป็นกองทุนให้กู้ เอาเงินกู้ดอกเบี้ยถูก ไปใช้ดอกเบี้ยแพง ชีวิตก็ดีขึ้น มีความสุขขึ้น เมื่อครอบครัวมีความสุข ก็มีความมั่นใจในการทำงาน เป็นเรื่องที่ผม เคยทำมาแล้ว*** สร้างประสิทธิภาพตำรวจไทย ในหลวงทรงสอนไว้หมดแล้ว ผู้ที่เป็นตำรวจ จำเป็นต้องอบรมฝึกฝนตนเองให้แข็งแกร่งเสมอ ทั้งกำลังความคิด จิตใจ ต้องให้มากพอ จนเป็นอุดมคติ จึงจะสามารถทำงานให้เกิดประสิทธิภาพได้ ต้องทำให้มาก ไม่ใช่ทำเล่นๆ ถามว่า เรื่องการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี สนง. ตำรวจแห่งชาติ ให้ตำรวจออกกำลังกายบ้างหรือเปล่า ไม่มี เรื่องความคิด คือต้องให้ตำรวจ มีความรู้ สนง. ตำรวจแห่งชาติ ช่วยเหลือสนับสนุนให้ตำรวจมีความรู้ เพื่อให้เกิดความคิด หรือไม่ ....ไม่มี มีแต่การอบรมเป็นปกติ เรื่องจิตใจ ทำยังไงให้ตำรวจมีคุณธรรม จริยธรรม ซื่อสัตย์ เสียสละ ไม่มีกิจกรรมอะไรสักอย่าง เราไม่ได้ปฏิบัติกันเลย แต่ผมทำมาหมดแล้ว ผมอยู่ที่ไหน จะให้ตำรวจ ออกกำลังกาย ไม่บังคับด้วย วิธีบังคับไม่ได้ประโยชน์ และไม่เกิดอะไรขึ้น แต่วิธีออกกำลังกาย คุณชอบอะไรก็ทำไป แต่ถึงเวลาผมจะทดสอบคุณ เอามาตรฐานคนอายุเท่านี้ ต้องวิ่งระยะทางเท่านี้ ในเวลาเท่านี้ ต้องวิดพื้นได้เท่านี้ ใครไม่ผ่าน ก็ไม่มีสิทธิ์ได้ 2 ขั้นนะ ถือว่าไม่มีความพร้อม ในการทำงาน ส่วนเรื่องความรู้ ตั้งแต่ผมเป็นสารวัตร ผมให้เรียนฟรีหมด สมัยก่อนมีรามคำแหง ถึงเวลาสอบ หน่วยกิตผ่าน ผมก็แจกทุนการศึกษาให้ ผมสร้างระบบสวัสดิการ โดยไม่ต้องควักเงินตัวเอง ตำรวจของผม จบปริญญา จบเนติฯ ไปสอบเป็นจ่า เป็นนายร้อยได้ที่ 1 ของประเทศ ขนาดบ้านนอกอย่างนั้น ส่วนเรื่องของจิตใจ ผมมีกิจกรรมให้ลูกน้องผม ซื่อสัตย์ เสียสละ เช่น เราจะบริจาคโลหิตกัน ผมบริจาค เป็นตัวอย่างมาแล้ว 150 ครั้ง บริจาคเช้า เย็นวิ่ง สุขภาพแข็งแรง ลูกน้องก็เชื่อ ทำตาม ขนาดเลือดเนื้อ ยังสละได้ ทำไมต้องทุจริต คดโกง เอาเปรียบผู้อื่น หรือเสื้อผ้าเครื่องใช้ต่างๆ ที่ไม่ใช้แล้ว เก็บไว้ทำไม รกบ้าน สู้นำมาบริจาคคนยากไร้ ดีกว่า ฝึกให้เขาเสียสละ พอใหญ่โตมา ก็มีพรรคพวก เพื่อนฝูงมากขึ้น มีโรงงานนี้โรงงานนั้นมาแล้ว สินค้ามีตำหนิ ปลากระป๋องบุบหน่อย เขาไม่เอา เราก็นำมาขายถูกหน่อย ให้ตำรวจ แทนที่จะไปซื้อกระป๋องใหม่ๆ 20 กว่า ก็ซื้อเพียง 5 บาท เพราะเราได้มาฟรี เงินที่ได้นำไปเป็นกองทุนสวัสดิการ พอตำรวจสุขภาพแข็งแรง ความรู้ดี สวัสดิการดี เขาก็ทำงานทำการกันดี แต่จะสำเร็จต้องทำเป็นระบบต่อเนื่อง ผมทำทุกอย่าง ทุกขั้นตอน ทุกตำแหน่งหน้าที่ ที่มีโอกาส เพียงแต่ระบบราชการไม่อำนวย ถ้าเราเป็นเจ้าของบริษัทแห่งหนึ่ง เราเป็นประธาน ก็คงทำมันจนตายเลย แต่ในระบบราชการทำ 2 ปีย้าย 1 ปีย้าย มันไม่จบ ถ้าคนใหม่มาไม่สานต่อ เพราะฉะนั้น การจะทำอะไรให้สังคมส่วนรวม ต้องเสียสละ แต่ถ้าได้คนที่จะเอาประโยชน์ ก็ไม่มีทางสำเร็จ ระบบราชการ เราก็รู้ๆ กันอยู่ การแต่งตั้งโยกย้าย มันยังไม่มีระบบ ที่มีประสิทธิภาพดีพอ ทำให้ไม่ได้คนที่เหมาะสมมาทำงาน นี่คือปัญหาของบ้านเมืองเรา*** ความรู้สึกท้อแท้ใจ ถ้าย้อนกลับไปมอง ผมเคยคิดลาออกจากราชการ ตอนอยู่นาแก พอย้ายจากนาแกไป มองกลับมา ก็เข้าอีหรอบเดิม ถึงแม้ตรงนั้นจะสร้างไว้หนาแน่นแล้วก็ตาม มันก็ค่อยๆ คลายไปทีละนิดๆ อาจจะหลายปีหน่อย เมื่อไปอยู่มุกดาหาร พอย้ายมาชลบุรี หันไปมองมุกดาหาร ก็ค่อยๆ คลายไปอีก จากชลบุรี ย้ายขึ้นมาตึกใกล้ๆ เป็นรองผู้การ คนละตึกกับกองกำกับ ผู้กำกับใหม่เขาก็ไม่เอาแล้ว นโยบายเดิม มันก็เปลี่ยนไปอีก เหมือนกับบ่อน้ำที่มีจอกแหน เราขว้างก้อนหินลงไป แหนก็กระจาย พอก้อนหินจมไป แหนก็กลับมาเหมือนเดิม เพราะเราไม่ได้ทำอย่างต่อเนื่อง ตอนนั้น ผมอายุไม่ถึง 40 ก็มองว่า อายุราชการอีก 20 ปีข้างหน้า จะเสียเวลาเปล่าไหม ทั้งที่ทุ่มเทให้มัน ก็ไม่เห็นได้อะไร ขึ้นมา เกือบจะลาออก แต่ถูกครอบครัวยับยั้งไว้ เลยอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ จนวันนี้ก็ยังเป็นอย่างนี้ ในสังคมตำรวจ หรือสังคมข้าราชการทั้งหมด ทำอะไรได้ไม่มากเลย ระบบการแต่งตั้ง หรือการบริหารบุคคล สมัยก่อนเป็นอย่างไร เดี๋ยวนี้ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น เมื่อตัดสินใจไม่ลาออก ก็ทำไป อยู่ที่ว่า จังหวะไหนมีโอกาส ในระบบของข้าราชการตำรวจ จังหวะที่มีโอกาสทำงาน คือเป็นหัวหน้าสถานีตำรวจ หัวหน้าตำรวจจังหวัด ผู้บัญชาการ หรือ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่ถ้าเป็นรอง เป็นผู้ช่วย เหมือนอย่างปัจจุบัน แทบไม่มีความหมาย เสียเวลามาก เสียโอกาสทำงาน ไม่มีประโยชน์ อยากคิดอยากทำอะไรก็ทำไม่ได้ แต่เมื่อมันเป็นหน้าที่ เขามอบให้เราทำ ก็ต้องทำ ทำตามระบบ จะไปเกินกรอบไม่ได้ ประชาชนไม่เข้าใจ คิดว่าตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประชาชนเดือดร้อน คงจะแก้ไขปัญหาได้
.ไม่ใช่ เขาให้เราทำอยู่แค่นี้ ขณะนี้ผมดูแลรับผิดชอบเรื่องการเงินกับการศึกษา*** คนส่วนใหญ่ไม่กล้าท้าชนหนังสือพิมพ์ มีคนเคยถามว่า ทำไม ส.ส. หรือนักการเมืองบ้านเราเป็นอย่างนี้ ข้อสรุปก็คือ ส.ส.เป็นอย่างไร คนในจังหวัดนั้น ก็เป็นอย่างนั้น เขาต้องเลือกคนที่เหมือนเขา ตำรวจไทยเป็นอย่างไร ประชาชนไทย ก็เป็นอย่างนั้น ประชาชนไทยเป็นอย่างไร หนังสือพิมพ์สื่อมวลชนก็เป็นอย่างนั้นแหละ ตำรวจไทยบางคน อาจแสวงหาผลประโยชน์กอบโกย สื่อหนังสือพิมพ์บางฉบับก็เช่นกัน อะไรที่จะเหยียบคนอื่นขึ้นมา เพื่อผลประโยชน์ ในทางการค้าของตน ก็เอาแล้ว สร้างเรื่องเท็จ เขียนข่าวพาดหัวหน้าหนึ่ง เพื่อให้หนังสือพิมพ์ขายได้ จะป้ายสีใครก็ได้ เพราะรู้ว่ายังไงก็ไม่ติดคุก อย่างดีก็แค่รอลงอาญา อย่างคดีผมฟ้อง 34 คดี ถ้าเป็นต่างประเทศ ติดคุกไปแล้วพวกนี้ มีที่ไหนไปหมิ่นคนอื่น ให้เขาฟ้อง จนศาลพิพากษา 30 กว่าคดี แล้วก็ยังรอลงอาญา อยู่อย่างนั้นแหละ ชีวิตผมผ่านความเป็นความตายมาเยอะแยะแล้ว มันจะมีอะไรเหนือกว่านั้นอีก อิทธิพลทุกรูปแบบ ผมก็จับมาเยอะแล้ว นักการเมือง รัฐมนตรีที่ทำผิด ผมก็จับ แล้วสื่อมวลชนมีอะไรดีกว่าผม คนเราจะเคารพนับถือกัน ต้องเคารพกันด้วยความดี เลวแล้ว จะมาให้ผมเคารพ ไม่มีทางหรอก คุณจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ จะมีเงินมาก หรือแม้กระทั่งเอาเงินของประชาชน มาต่อสู้คดีกับผม ผมก็สู้ เพราะคุณเป็นบริษัทมหาชน คุณใช้เงินของประชาชนของผู้ถือหุ้นทั้งหมด แต่ถึงผมต้องใช้เงินในกระเป๋าผม สู้คุณ ผมก็สู้ มันไม่ใช่การแก้แค้น แต่ถ้าผมปราบสื่อชั่วๆ ให้อยู่ในกรอบได้ ต่อไปพวกนี้ ก็จะไม่กล้าไปรังแกคนอื่น ทำไมประชาชนไม่คิดอย่างนี้บ้าง อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล ต้องเข้าใจ ธรรมชาติอย่างนี้ ถ้าคนมีแผลเยอะ ทำผิดไว้เยอะ เสียงมันไม่ดัง ไม่กล้าแสดงออกมาหรอก แต่ถ้าคนมือสะอาด ไม่มีอะไร จะกล้าสู้ *** ของนอกตัว คือมายา ทุกอย่างอยู่ที่ใจเรา ไม่มีปัญหาอะไร เราก็คือตัวเรา ตำแหน่งหน้าที่ ยศถาบรรดาศักดิ์ หรือคนรอบข้าง มันของปลอมทั้งนั้น คุณจะรักผม ก็รัก คุณไม่รัก ก็ไม่รัก ใครจะมารู้ดีเท่าตัวผม มาตรฐานเป็นยังไง เอาอะไรมาวัด บางคนบอก ทำไมผมไม่พยายามเดินสายกลางหน่อย ถามว่า ถ้าเอาไม้บรรทัดมาวาง แล้วบอกว่า ตรงนี้ 12 นิ้ว ตรงกลางก็คือ 6 นิ้ว มันวัดกันง่าย แต่ในสังคม ทางสายกลาง อยู่ตรงไหน ผมรักษากฎหมาย จับผู้มีอิทธิพล จับนักการเมือง บอกไม่เดินสายกลาง ให้เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ใช้ได้เหรอ คุณเอาอะไรมาเป็นมาตรฐาน ตรงกลางมันอยู่ตรงไหน ก็เรารักษาผลประโยชน์ ให้ชาติบ้านเมือง เราทำตามหน้าที่ *** วิกฤตสำคัญในชีวิต ผมผ่านมาเยอะ ปราบคอมมิวนิสต์มา 100 กว่าครั้ง เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ยิงกันหูดับไฟแลบ ก็สามารถผ่านวิกฤตต่างๆ มาได้ตลอด ช่วงหลังโตขึ้นด้วยยึดหลักความถูกต้อง บางทีก็ต้อง เผชิญกับปัญหา ยิ่งสูงยิ่งหนาว ถ้าเราเป็นนายตำรวจใหม่ๆ ปัญหาก็อยู่ในระดับต่ำๆ ไม่ค่อยมีอิทธิพล อิทธิฤทธิ์เท่าไหร่ แต่ยิ่งอยู่สูง ก็ต้องต่อสู้กับผู้ที่เหนือกว่า หรือคนที่มีอำนาจ มีอิทธิพล เกือบจะถูกปลดตั้งหลายครั้ง ความที่เราไม่ยอมเขานั่นเอง ตอนเป็นผู้การกองปราบ เขาให้คุมคดีลอบสังหาร พอดีคณะรสช. ให้ทำคดีเพื่อใช้เป็นเครื่องมือ ยึดอำนาจกัน และก็ทำสำเร็จ เพราะคดีนี้หลอกประชาชนว่า จะมีการลอบปลงพระชนม์ เราดูแล้วไม่มี ก็แถลงว่าไม่มี ผมก็จะโดนปลดครั้งที่ 1 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง จะปลดออก ย้ายภายใน 24 ชั่วโมง ห้ามเข้ากรุงเทพฯ ผมก็ว่า จะห้ามได้ยังไง ประเทศไทยของผม ถึงเวลาก็เดินทางกลับ ตำรวจมาโบกมือ มีคำสั่งห้าม ผมบอกไปว่า ใครจะห้ามกูไม่ให้กลับกรุงเทพฯ ให้โผล่หน้ามาซิ ก็ไม่เห็นมีอะไร ในที่สุด รสช.ก็ออกไปเอง ผมไม่ต้องไปทำอะไร ความไม่เป็นธรรมในสังคม โดยเฉพาะเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย ยังมีอีกมาก การแต่งตั้งครั้งหนึ่ง ผมถูกข้ามไป 28 คน ไม่ใช่ข้ามผม ไปทีละ 3-4 คน แต่ข้ามไป 28 คนเลย ผมก็ไม่ยอม เขาจึงตั้ง คณะกรรมการ จะปลดผมอีก ผมก็ขอดำเนินคดีอาญา กับอดีตอธิบดีตำรวจสมัยนั้น ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก็เลยยุติเรื่อง รอมชอมกัน ต่อมาศูนย์เศรษฐศาสตร์จุฬาฯ เชิญผมไปบรรยายพิเศษ เรื่องเศรษฐกิจนอกระบบ เรื่องน้ำมันเถื่อน บ่อนการพนัน โสเภณี เงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ของหนีภาษี ผมพยายามให้ความจริงกับสังคม หนังสือพิมพ์เอาไปเขียนต่อ อธิบดีก็ตั้งคณะกรรมการ จะสอบสวนผมอีก แต่ผมไม่กลัว ผมคำนวณดูแล้ว นี่มันธันวาคม จะมาตั้งคณะกรรมการสอบสวนผม คุณเหลืออีก 10 เดือน จะเกษียณแล้ว ผมสู้คุณได้ ตั้งได้ตั้งไป แต่ไปๆ มาๆ อธิบดีก็ถูกปลดไปอีกคน ไม่ทันได้เซ็นคำสั่งตั้งกรรมการสอบผม มันก็แปลก ใครจะปลดผม กลับถูกปลดทุกคนเลย ผมก็อยู่มา ถึงแม้มีปัญหา มีอุปสรรค *** บนถนนของคนจริง คนเราอย่าไปติดยึด ตำแหน่งหน้าที่ต่างๆ มันหัวโขน เกษียณออกไป พลเอกกับสิบเอก ก็เหมือนกัน ยิ่งถ้าไม่เคารพนับถือกัน ก็เดินชนกันได้ ถึงเวลามันก็ต้องไป เพราะฉะนั้น อย่าไปติดยึด ทั้งหมดอยู่ที่ตัวเรา ผมคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นความจริง เป็นธรรมชาติ พูดง่ายๆ คือ คนเราเกิดมาก็ต้องแก่ ต้องเจ็บต้องตาย จะห้ามไม่ให้เกิดไม่ได้ แต่สิ่งที่เราทำไว้ต่างหาก ควรทำเลวหรือทำดี ถ้าทำดี ชีวิตเราก็ดี ทำชั่วไป ก็ไม่เห็นมีประโยชน์อะไร นอกจากให้คนอื่นด่า เราเดินถนนหนทาง ให้คนเขา ยกย่องเคารพนับถือดีกว่า ไอ้นี่ชั่วอย่างนี้ เลวอย่างนี้ หรืออย่างที่ถามว่า ตอนนี้ภาพพจน์ไม่ดี ก็ตอบแทนกันไม่ได้ เพราะว่าเจ้าคุณนรฯ เคยสอนว่า คนเราถึงจะดีแสนดีอย่างไร คนก็ติ ชั่วแสนชั่วอย่างไร เขาก็ชม นี่เป็นเรื่องธรรมดา เขาไม่รู้เท่าเรา เขาก็ด่าเรา เขาไม่รู้เท่าเรา เขาก็ชมเรา แต่สิ่งที่เราพูด เราคิด เราทำ ต้องพิสูจน์ได้ และกล้าท้าพิสูจน์ เชื่อเรื่องทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คิดดีทำดีแล้ว ต้องได้ดีเสมอ มันก็ไม่ใช่ บางทีเราทำดี แต่ไปเจอ ผู้บังคับบัญชาเลว ที่มุ่งแต่หาผลประโยชน์ เราก็ไม่มีทางได้ดีหรอก แต่ถ้าเราทำเลว แล้วไปเจอผู้บังคับบัญชา ที่แสวงหาผลประโยชน์ กลับได้ดีซะอีก เราจะเลือกเอาอย่างไร ถ้าเราทำเลว เจอผู้บังคับบัญชาเลว เราก็ได้ดีไป เดี๋ยวเราก็ทำเลวจนเคยตัว พอไปเจอผู้บังคับบัญชาดี เราก็ตาย เพราะฉะนั้น เราทำดีของเราไป เจอผู้บังคับบัญชาเลว ก็ช่างมัน เหมือนตอนผมอยู่อีสาน ผมเจริญเติบโต ในหน้าที่การงานมาตลอด จนกระทั่งอธิบดีตำรวจสมัยโน้น เอาตัวผมมาชลบุรี มาปราบอิทธิพล ปรากฏว่า ผมซึ่งมีประวัติกล้าหาญ เป็นคนไทยตัวอย่าง เป็นบุคคลดีเด่นของประเทศ ประวัติการทำงานที่ได้รับการยอมรับจากสังคมขนาดนี้ พอย้ายไปชลบุรี แม้ 2 ขั้น ก็ไม่ได้ ถ้าเราคิดจะมาเอาความดีตอบแทน จากผู้บังคับบัญชาเลวๆ อย่างนี้ เราต้องเครียดแน่ ในที่สุด แกก็หัวใจวายตาย คือมันไปกันไม่ได้ ไม่ให้ 2 ขั้นเราก็ไม่เอา*** หยุดคิวบู๊ ผมแต่งงานตอนเป็นผู้กำกับจังหวัด พ.ศ. 2527 อายุ 36 ปีแล้ว ถ้าแต่งงานก่อนหน้านั้น คงบู๊ไม่ได้ถึงขนาดนี้หรอก มีลูก 3 คน อายุ 18-16-13 หญิงหัวท้าย ผู้ชายตรงกลาง พวกเขาอยู่กับผมจนชินแล้ว กับการที่ต้องใช้ชีวิตเข้าเสี่ยงเข้าแลก ถูกปลด ไม่ถูกปลด หลังจากมีครอบครัว ผมไม่ค่อยจะมีเรื่องเสี่ยงอะไร ไม่ได้รบทัพจับศึกกับใคร*** ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ เราต้องทำงานตรงไปตรงมา อย่าไปกลั่นแกล้งเขา ผมไม่เคยแกล้งใคร ว่ากันตามพยานหลักฐาน ปกติใครอยู่เมืองชล ที่ว่าแน่ๆ ก็แพ้เงินทั้งนั้นแหละ จริงๆ แล้วไม่มีอะไรยาก จะปราบโจรผู้ร้าย ปราบผู้มีอิทธิพล ขอให้ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา และเราลูกผู้ชายนะ เมื่อเราพ้นหน้าที่แล้ว ก็ไม่ยุ่ง ไม่ใช่พ้นแล้ว ก็ยังไปตามราวี เมื่อสอบสวนคดีเสร็จ ก็คือจบ ว่ากันไปตามหลักฐาน ไม่มีอะไรติดค้าง เจอหน้าก็ยังไหว้ทักทายกัน*** ถ้าวันนี้มีอำนาจในมือ ท่านคิดจะทำอะไร ผมจะทำให้ตำรวจทุกคน มีสุขภาพและร่างกายที่ดี สามารถแก้ไขปัญหาและตัดสินใจอะไร ต่างๆ ได้ทันที อย่างกรณีโจรปล้นธนาคาร เอาผู้หญิงเป็นตัวประกัน มีทั้งปืน ทั้งระเบิด เขาระดม นักแม่นปืนไป ก็ทำอะไรไม่ได้ ถึงยิงแม่น แต่โจรตายระเบิดหลุด ผู้หญิงก็ตาย บรรดานักแม่นปืน ไม่กล้าทำอะไร แต่ประสบการณ์ของเรา ที่ผ่านชีวิตการต่อสู้มามาก ในป่าในเขา ผมจัดการโดย หาทางเข้าประชิดตัว โดยที่โจรไม่รู้ตัว ก็สามารถช่วยตัวประกันได้ปลอดภัย ตำรวจอยู่กับสังคม อยู่กับปัญหา ไม่รู้หรอกว่าปัญหาจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่เมื่อเกิดขึ้น ถ้าร่างกายไม่พร้อม จะทำอะไร ผมเดินไปสยาม เกิดเหตุต่อหน้าต่อตา ถึงไม่ใช่หน้าที่ของเรา แต่เราเป็นตำรวจ ก็ต้องแก้ไข แต่ถ้าร่างกายเราไม่พร้อม ไม่มีทางแก้ปัญหาได้ เพราะฉะนั้น ตำรวจทุกคน จะต้องพร้อมในเรื่องสุขภาพร่างกาย ผมอยู่นาแก มีลูกน้องเป็นนักวิ่งทีมชาติ วันนั้นไปจับ พวกยาเสพย์ติด พวกนี้วิ่งหนี ลูกน้องผมก็วิ่งตาม วิ่งไปวิ่งมา ไอ้นั่นหมดแรง ยกมือไหว้ ยอมให้จับ ผมจึงต้องการทำให้ตำรวจทุกคน มีสุขภาพร่างกายดีก่อนประการต่อมา ผมต้องสนับสนุนเขา ให้เรียนมากที่สุด ต้องตรวจสอบคุณวุฒิ ความรู้ ความสามารถ ในขณะที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้ไปส่งเสริมสนับสนุนพวกเขา ควรอยู่ตรงไหน ควรให้อนาคตเขาอย่างไร ควรทำเพื่อเขา ไม่ใช่เพื่อตัวเอง เช่น ตำแหน่งตำรวจว่าง ก็ไปเอาแต่ ลูกท่าน หลานเธอ ลูกนายทหาร ลูกนายตำรวจ ลูกพรรคพวก ลูกเสี่ย เข้าเป็นตำรวจกันหมด ตำรวจผู้น้อย อุตส่าห์ไปขวนขวายเรียนมา ไม่มีโอกาสเจริญเติบโตในหน้าที่ ถูกพวกนี้แย่งโควต้า แย่งตำแหน่ง กันหมด บางทีเกรดยังไม่ผ่านเลย ก็รับเข้ามา ตำรวจที่มีความรู้ความสามารถ ก็หงอยประการสุดท้าย ผมจะสร้างกิจกรรมต่างๆ เพื่อปลูกฝังให้ตำรวจเป็นคนดีมีศีลธรรม ซื่อสัตย์ เสียสละ และนั่นแหละ ต้องมาสร้างระบบสวัสดิการให้เขา และเดี๋ยวเขาก็จะทำงานกันเต็มที่ ผมต้องเอาตำรวจ 2 แสนกว่าคนมาทำงาน ไม่ใช่เอาตำรวจกลุ่มเดียวมาทำงาน และนั่นก็เป็น ความต้องการของประชาชนด้วย เหมือนกับถ้าเป็นรัฐบาล ก็ต้องทำให้คนไทย สุขภาพร่างกายดี ทำให้คนไทย มีความรู้ความสามารถพึ่งตนเองได้ ทำให้คนไทยมีคุณธรรม มีจริยธรรม นี่คือหลักการ และสังคมก็จะดีขึ้น คนผิดชอบชั่วดีมากขึ้น *** แบ่งเวลาสำหรับตัวเอง พอถึงเวลาประมาณ 5 โมงกว่า ผมออกวิ่งเลย ถ้าผมมีงาน ก็จะวางก่อน ทิ้งงาน หยุดก่อน วิ่งเสร็จ ค่อยขึ้นมาอาบน้ำ และค่อยทำงานต่อ ไม่ใช่ว่าทำงานจนไม่ได้ออกกำลังกาย เช่นวันนี้ ผมทำงาน ใกล้สวนลุม ก็วิ่งที่สวนลุม ทีมวิ่งผมเยอะ เปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อย ไปอยู่ไหน พกรองเท้าวิ่งตลอด*** จากเสรี เตมียเวส สู่ เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ภรรยาผมเจ็บออดๆ แอดๆ แล้วไปฟังคนที่เคารพนับถือมาว่า ชื่อไม่ถูกโฉลก แต่ถ้าจะเปลี่ยน ต้องให้สามีเปลี่ยนด้วย ก็มาปรึกษาผม ผมคิดว่าสิ่งไหนเราเสียสละให้ครอบครัวได้ ก็ให้ ความจริง ผมรักชื่อผมนะ ก็ขออย่างเดียว อย่าเปลี่ยนหมดได้ไหม ขอให้มีชื่อเดิมเอาไว้ ก็ให้เขาไปคิดกัน และเขาก็ให้ผม เปลี่ยนชื่อมาอย่างนี้. พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส จเรตำรวจแห่งชาติ 1. วัน เดือน ปี เกิด วันที่ 3 กันยายน 2491 อายุ 58 ปี 2. ที่อยู่ 164/87 ซอยกิตติชัย แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร 3. บิดา-มารดา นายชื้น นางอรุณ เตมียเวส 4. ภรรยา นางพัสวีศิริ เตมียาเวส 5. บุตร น.ส.ศิศภาพิมพ์ เตมียาเวส นายทรรศน์พนธ์ เตมียาเวส น.ส.ทัศนาวัลย์ เตมียาเวส 6. การศึกษา พ.ศ.2497 2500 ระดับประถมศึกษา โรงเรียนเลิศวิทยา พ.ศ.2501 2507 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนทวีธาภิเษก พ.ศ.2508 2509 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 8 พ.ศ.2501 2513 ระดับอุดมศึกษา โรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 24 (เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นพี่พ.ต.ท.ทักษิณ 2 ปี) พ.ศ.2520 หลักสูตรสารวัตรและผู้บังคับกอง รุ่นที่ 13 พ.ศ.2532 หลักสูตรการบริหารงานตำรวจชั้นสูง รุ่นที่ 8พ.ศ.2534 หลักสูตรการพัฒนาคุณธรรมและสมรรถภาพ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า)พ.ศ.2535 หลักสูตรนักบริหารระดับสูง หลักสูตรที่ 1 รุ่นที่ 10 และ หลักสูตรที่ 2 รุ่นที่ 15 สถาบันพัฒนาข้าราชการพลเรือนพ.ศ.2538 หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 38 7. การศึกษาดูงานต่างปร ะเทศ พ.ศ.2520 ประเทศมาเลเซีย, สิงคโปร์ พ.ศ.2528 ประเทศสาธารรัฐเกาหลี สหรัฐอเมริกัน พ.ศ.2532 ประเทศฟินแลนด์ สวิสเซอร์แลนด์ เยอรมันตะวันตก พ.ศ.2535 ประเทศสหรัฐอเมริกา แคนนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ พ.ศ.2539 ประเทศบราซิล อาเจนตินา ชิลี
8. การดำรงตำแหน่ง 1 เม.ย.2514 ประจำกองบัญชาการตำรวจนครบาล 1 ก.ค. 2514 ผู้บังคับหมวด สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง จังหวัดนครพนม 1 ก.ค. 2516 ประจำกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม (ทำหน้าที่หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ) 1 พ.ย. 2516 บังคับหมวด กองร้อยที่ 2 กองกำกับการ 1 กองบังคับการ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ 23 ก.ค. 2519 ผู้บังคับกองร้อยที่ 2 กองกำกับการ 1 กองบังคับการ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ 30 ก.ค. 2519 สารวัตรสถานีตำรวจภูธรอำเภอนาแก จังหวัดนครพนม 1 พ.ค. 2522 สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจภูธรอำเภอนาแก จังหวัดนครพนม 28 เม.ย.2524 รองผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม 27 ก.ย. 2525 รองผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร รักษาการใน ตำแหน่งผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร 1 ต.ค. 2526 ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร 2 ต.ค. 2529 ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี 2 ต.ค. 2530 รองผู้บังคับการตำรวจภูธร 2 2 ต.ค. 2531 รองผู้บังคับการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ 1 ต.ค. 2533 ผู้บังคับการกองปราบปราม 7 พ.ค. 2534 ผู้บังคับการประจำกรมตำรวจ (ทำหน้าที่การข่าวสาร) สำนักงานสารนิเทศ 1 ก.ค.2535 รักษาการในตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 2 2 ต.ค. 2535 ผู้บังคับการตำรวจภูธร 6 16 ต.ค. 2535 ผู้บังคับการกองวิทยาการภาค 3 2 ต.ค. 2536 ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง 23 ม.ค.2537 ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจนครบาล 2 มิ.ย.2537 รักษาการในตำแหน่งรองผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจ (ทำหน้าที่รองหัวหน้าตำรวจภาค 2 ) 25 ต.ค.2537 ผู้ช่วยผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจ (ทำหน้าที่ผู้ช่วยหัวหน้าตำรวจภาค 2 ) 1 มี.ค. 2538 รองผู้บังคับการตำรวจสอบสวนกลาง 2 ต.ค. 2540 ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ 6 ธ.ค.2540 ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง 2 ต.ค. 2541 ผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ 17 ต.ค. 2541 ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ 1 ต.ค. 2547 จเรตำรวจแห่งชาติ 9. เกียรติคุณ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2520 จากผลการปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ด้วยความกล้าหาญ เสียสละและได้ผลสมความมุ่งหมายของทางราชการอย่างดียิ่ง นับเป็นตัวอย่างแก่บุคคลทั่วไป นายพิศาล มูลศาสตร์สาทร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม จึงได้ทำพิธีสถาปนาให้เป็น ขุนพลของประชาชน ณ ศาลาประชาคม จังหวัดนครพนม และประชาชนขนานนามว่า วีรบุรุษนาแก เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2520 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี เหรียญรามมาลา เข็มกล้ากลางสมร ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2521 กระทรวงมหาดไทยและกรมตำรวจ ประกาศเกียรติคุณชมเชยในกรณีคนร้ายปล้นธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขามุกดาหาร จังหวัดนครพนม สามารถช่วยเหลือตัวประกันไว้ได้โดยปลอดภัย ส่วนคนร้ายถูกยิงถึงแก่ความตาย เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2521 แม่ทัพภาคที่ 2 และผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ภาค 2 มอบโล่ผู้นำหน่วยดีเด่นประจำปี 2521 ได้รับพระราชทานเข็มผู้บริจาคโลหิต จำนวน 7 ครั้ง, 16 ครั้ง, 24 ครั้ง, 36 ครั้ง, 60 ครั้ง, 72 ครั้ง, 84 ครั้ง, 100 ครั้ง ตามลำดับ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2522 ได้รับการคัดเลือกจากมูลนิธารน้ำใจ ให้เป็น คนไทยตัวอย่างประจำปี 2522 รับพระราชทานรางวัลจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ณ อาคารใหม่สวนอัมพร เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2523 ได้รับ ประกาศเกียรติคุณเป็นหน่วยงานดีเด่นประจำปี 2522 จากแม่ทัพภาค 2 และผู้อำนวยการการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ภาค 2 เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2523 ได้รับพระราชทาน เหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ 1 จาก ฯพณฯ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี กระทำพิธีประดับเหรียญให้ ณ หอประชุมกองทัพบก เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2527 ชมรมผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์มุกดาหาร ยกย่องเป็น บุคคลดีเด่นประจำปี เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2527 ยุวสมาคมแห่งประเทศไทย ยกย่องให้เป็น นายกสมาคม เจ.ซี. ระดับท้องถิ่นดีเด่นประจำปี เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2527 มหาวิทยาลัยรามคำแหง มอบปริญญา ศิลปศาสตร์มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชารัฐศาสตร์ โดยเข้ารับพระราชทานจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ณ อาคารใหม่สวนอัมพร เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2528 ชมรมผู้สื่อข่าว-ช่างภาพอาชญากรรม คัดเลือกให้ได้รับ โล่รางวัลในสาขาปราบปรามและสืบสวนดีเด่น จาก ฯพณฯ พลเอก ประจวบ สุนทรางกูร รองนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2529 ศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา ฟื้นฟูขนบธรรมเนียมประเพณีไทยสมเด็จพระธีรญาณมุนี มอบประกาศเกียรติคุณคนดี สร้างสรรค์สังคม ร่วมมือในศาสนกิจ ในฐานะที่ได้สร้างคุณงามความดีบำเพ็ญประโยชน์แก่ตนและส่วนรวม เป็นแบบอย่างอันดีงามแก่สาธุชน เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2529 มูลนิธิส่งเสริมสงเคราะห์ผู้กระทำความดี คัดเลือกให้เป็น พลเมืองดี ได้รับเข็มเครื่องหมายของมูลนิธิฯ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2529 สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก มอบประกาศเกียรติคุณสัญลักษณ์อนุรักษ์ผู้ประพฤติธรรม ในฐานะได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยการนำธรรมะมาเป็นหลักในการดำเนินการตลอดมา เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2529 ชมรมนักพัฒนาสังคมแห่งประเทศไทย มอบประกาศเกียรติคุณในฐานะนักพัฒนาใช้การพัฒนานำหน้าที่การปราบปราม เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2529 ศูนย์ประสานงานการพัฒนาสังคมมอบ โล่เกียรติคุณในฐานะตำรวจของประชาชน เมื่อพ.ศ. 2530 คระกรรมการเอกลักษณ์ไทย สำนักนายกรัฐมนตรี พิจารณาคัดเลือกให้เป็นบุคคลดีเด่นของชาติ สาขาการเมืองการปกครอง ด้านการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ประจำปี 2529 เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2530 หนังสือพิมพ์รวมข่าว มอบ โล่เกียรติคุณในฐานะผู้มีผลงานการปราบปรามดีเด่น ประจำปี 2529 เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2530 กลุ่มสื่อสารมวลชนพัทยา มอบ โล่เกียรติคุณในฐานะปฏิบัติหน้าที่ดีเด่น เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2531 ประชาชนชาวชลบุรี มอบ โล่ทองคำฝังเพชร ในฐานะที่ปฏิบัติหน้าที่จนกระทั่งจังหวัดชลบุรีเกิดความสงบเรียบร้อย เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2532 คณะกรรมการ ป.ป.ป.มอบ โล่เชิดชูเกียรติในฐานะที่ประพฤติตนชอบด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ณ สำนักงาน ป.ป.ป. เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2536 รับพระราชทาน เหรียญกาชาดสมนาคุณ ชั้นที่ 1 จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกมารี ณ สภากาชาดไทย เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2537 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก มอบ เกียรติบัตรในฐานะที่ได้ทำหน้าที่ปกป้องประเทศชาติด้วยความเสียสละ ณ สนามกีฬากองทัพบก เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2537 คนไทยที่รักชาติบ้านเมือง ได้กระทำพิธีมอบ โล่ทองคำหนัก 129 บาท ในการปฏิบัติหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน สมกับเป็น ตำรวจของประชาชน ในกรณีจับกุมผู้มีอิทธิพลแห่งภาคตะวันออก ณ สนามหญ้าโรงงานยาสูบ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2538 มหาวิทยาลัยรามคำแหง มอบปริญญา ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชารัฐศาสตร์ โดยเข้ารับพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ณ อาคารใหม่สวนอัมพร เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2549 สมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้คัดเลือกเข้ารับพระราชทานรางวัล เทพทอง ครั้งที่ 7 ประจำปีพุทธศักราช 2548 ประเภทองค์กรดีเด่น ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2549 มหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์ มอบปริญญา ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ โดยเข้ารับพระราชทานจาก สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร ณ หอประชุม ไพรพะยอม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี. โดย yyswim
Create Date : 26 เมษายน 2549
Last Update : 26 เมษายน 2549 16:43:32 น.
49 comments
Counter : 3342 Pageviews.
ขอต่ออีกหน่อย .พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ชื่อเล่นว่า ตู่
วันที่ 19 พฤษภาคม 2545 เปลี่ยนนามสกุลจาก เตมียเวส เป็น เตมียาเวส
และวันที่ 25 พฤษภาคม 2545 เปลี่ยนชื่อจาก เสรี เป็น เสรีพิศุทธ์