กิจกรรมหลังความตาย



กิจกรรมหลังความตาย






กรณีที่มีผู้เสียชีวิตในบ้าน : หากเสียชีวิตด้วยโรคปัจจุบันทันด่วน อาทิ โรคลม โรคชรา เจ้าบ้านซึ่งมีทะเบียนบ้านอยู่ในเขตเทศบาล จะต้องเข้าแจ้งแก่นายทะเบียนเทศบาล และหากอาศัยอยู่นอกเขตเทศบาล ให้แจ้งแก่ที่ว่าการอำเภอหรือผู้ใหญ่บ้านประจำตำบล ภายใน 24 ชั่วโมง


สำหรับในกรณีเสียชีวิตด้วยสาเหตุ 5 ประการ ได้แก่ การฆ่าตัวตาย, การถูกคนทำให้ตาย, อุบัติเหตุ, สัตว์ทำให้ตาย, และ การตายโดยไม่ทราบสาเหตุ


การเสียชีวิตในลักษณะดังกล่าว จะต้องแจ้งตำรวจท้องที่ให้รับทราบ เพื่อส่งศพไปผ่าพิสูจน์ ณ สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ หรือโรงพยาบาลของรัฐ


เมื่อสถาบันนิติเวชออกหนังสือรับรองสาเหตุของการตายแล้ว เจ้าบ้านซึ่งมีทะเบียนบ้านอยู่ในเขตเทศบาล จะต้องเข้าแจ้งแก่นายทะเบียนเทศบาล และหากอาศัยอยู่นอกเขตเทศบาล ให้แจ้งแก่ที่ว่าการอำเภอหรือผู้ใหญ่บ้านประจำตำบล ภายใน 24 ชั่วโมง


กรณีที่เสียชีวิตที่โรงพยาบาล : เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหรือญาติผู้ตาย จะแจ้งต่อนายทะเบียนเทศบาลหากโรงพยาบาลตั้งอยู่ในเขตเทศบาล สำหรับกรณีอยู่นอกเขตเทศบาลให้แจ้งแก่ที่ว่าการอำเภอ ภายใน 24 ชั่วโมง


สวดศพวัดไหน?

การตัดสินใจเคลื่อนย้ายศพไปตั้งสวดพระอภิธรรมที่วัดใด จึงจะเหมาะสม ประเด็นหลักสำคัญ ที่ญาติผู้เสียชีวิตมักพิจารณา ได้แก่


1. วัดหลวง สำหรับผู้ที่ประกอบคุณงามความดี เมื่อสิ้นชีวิตลงและหากได้รับ "พระราชทานเพลิงศพ" ญาติมิตรของผู้เสียชีวิตมักจะเคลื่อนย้ายศพผู้ตายไปประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ ณ วัดหลวงเป็นส่วนใหญ่


2. วัดใกล้บ้าน เป็นวัดทั่วๆ ไป การเลือกวัดที่ไม่ไกลจากที่พักอาศัย จะช่วยร่นระยะเวลาการเดินทางของเจ้าภาพได้ ทำให้ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยมาก


3. วัดในสังกัด ผู้เสียชีวิตบางราย รับราชการเป็นตำรวจหรือทหาร เมื่อสิ้นชีวิตลง ญาติๆก็จะนำศพไปตั้งสวดอภิธรรมที่วัดในสังกัด เช่น ฌาปนกิจสถานของตำรวจอยู่ที่วัดตรีทศเทพฯ ย่านวิสุทธิกษัตริย์


ค่าใช้จ่ายเท่าไร ?

จากการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ประจำวัดขนาดใหญ่และขนาดกลางในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สรุปค่าใช้จ่ายในการจัดพิธีศพในวัด ซึ่งประกอบด้วยค่าใช้จ่ายสำคัญ 2 ส่วน ได้แก่ ค่าบำรุงในการสวดพระอภิธรรม และค่าบำรุงในการเผาศพ มีรายละเอียดดังนี้ ...

1. ค่าบำรุงในการสวดพระอภิธรรม : วัดขนาดเล็กทั่วไปมักจะกำหนด อัตราค่าศาลา 500 บาท/คืน ส่วนวัดขนาดใหญ่มักจะเรียกเก็บค่าบำรุงเพิ่มขึ้นเท่าตัวคือ 1,000 บาท/คืน และค่าบำรุงจะสูงถึง 2,500 บาท/คืน สำหรับศาลาที่ติดเครื่องปรับอากาศ


2. ค่าบำรุงในการเผาศพ ในขั้นตอนการเผาศพ มีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังนี้

• ค่าเมรุ : ส่วนใหญ่จะเก็บค่าบำรุงประมาณ 500 - 1,000 บาท

• ค่าเผาศพ : การเผาแบบเตาถ่านทางวัดจะเรียกค่าบำรุงจากเจ้าภาพประมาณ 250 - 300 บาท ส่วนการเผาด้วยน้ำมันจะมีราคาแพงกว่า คือ 500 - 1,000 บาท

• ค่าบริการ : สัปเหร่อวัดมักจะได้รับจากเจ้าภาพ คิดเฉลี่ยวันละ 50 บาท ส่วนในวันเผา ผู้ที่ทำหน้าที่ในการเผาศพ จะมีรายได้ประมาณ 300 บาท

• ค่าธรณีสงฆ์ : วัดส่วนใหญ่จะมีบริการ "โกดังเก็บศพ" ภายในบริเวณวัด โดยเสียค่าบำรุงวัด 500 - 1,000 บาท




นอกจากค่าใช้จ่ายในส่วนที่เกี่ยวกับวัดแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ แยกพิจารณาออกเป็น 4 รายการ หลัก ๆ คือ

1. ค่าโลงศพ : ราคาค่าโลงศพจะแตกต่างกันออกไป โดยมีราคาต่ำสุดประมาณ 3,000 บาท และสูงสุดถึง 200,000 บาท

2. ค่าดอกไม้ประดับหีบศพและเมรุ : ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันตามประเภทของดอกไม้ ซึ่งมีราคาประมาณ 1,500 - 5,000 บาท

3. ค่าอาหาร : ค่าใช้จ่ายมักจะตกอยู่ในวงเงินประมาณ 1,000 - 3,000บาทต่อคืน

4. ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด : ได้แก่ ค่าสายสิญจน์ ผ้าขาว ค่าปัจจัยถวายพระในแต่ละคืนที่สวดอภิธรรม ค่าดอกไม้จันทน์ รวมทั้งค่าของระลึกในงานเผาศพ รวมเบ็ดเสร็จเฉลี่ยประมาณ 1,000 - 5,000 บาท


โดยสรุป ค่าใช้จ่ายในการประกอบพิธีศพ 1 ราย ในวัดไทย (สวดพระอภิธรรมและเผาศพ) มีประมาณค่าใช้จ่ายในอัตรา ดังนี้

* การตั้งสวดพระอภิธรรม 3 วัน... ค่าใช้จ่ายอย่างต่ำประมาณ 12,000 - 15,000 บาท


* การตั้งสวดพระอภิธรรม 5 วัน ... ค่าใช้จ่ายอย่างต่ำประมาณ 16,000 - 20,000 บาท


* การตั้งสวดพระอภิธรรม 7 วัน ... ค่าใช้จ่ายอย่างต่ำประมาณ 20,000 บาทขึ้นไป




สัปเหร่อ

สัปเหร่อในอดีต มักจะตั้งมั่นอยู่ในศีล ยึดถือธรรมะเป็นหลักในการดำเนินชีวิต โดยเชื่อกันว่าสัปเหร่อมักมี "คาถา" พิเศษสำหรับป้องกันตัว หรือสยบวิญญาณร้าย


สำหรับด้านรายได้ของสัปเหร่อนั้น สัปเหร่อวัดเล็กๆ จะมีรายได้ประมาณ 1,500 -3,000 บาทต่อเดือน แตกต่างจากสัปเหร่อวัดกลางกรุงที่มีรายได้ค่อนข้างดี เช่น วัดขนาดใหญ่ในเขตกรุงเทพฯ ย่านหัวลำโพง หากมีญาติผู้ตายตั้งสวดพระอภิธรรมเป็นระยะเวลา 2 วัน สัปเหร่อจะมีรายได้ถึง 1,200 บาท/งาน และถ้าตั้งสวดพระอภิธรรม 3 วัน สัปเหร่อจะมีรายได้ 1,500 บาท/งาน ถ้าเดือนไหนงานชุก สัปเหร่อตามวัดขนาดใหญ่ในกรุง อาจมีรายได้ประมาณ 10,000 บาทต่อเดือน


หน้าที่ของสัปเหร่อนั้น เริ่มต้นตั้งแต่การเคลื่อนย้ายศพเข้าไปในบริเวณวัด จนกระทั่งส่งศพขึ้นบนเตาเผา เผา และเก็บกระดูกและเถ้า ซึ่งเป็นงานบริการที่ค่อนข้างหนักและเหนื่อย.





โดย yyswim



Create Date : 15 กรกฎาคม 2549
Last Update : 15 กรกฎาคม 2549 22:33:21 น. 51 comments
Counter : 4866 Pageviews.

 


ธุรกิจหีบศพ






ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง หลายหลากบรรดาธุรกิจต่างประสบปัญหาในการดำเนินงานอย่างถ้วนหน้า แต่กลับพบว่า "ธุรกิจขายหีบศพ" ไม่ได้รับผลกระทบจากสภาวการณ์ดังกล่าว


บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของ "ธุรกิจหีบศพ" จึงได้สำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบธุรกิจในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล สรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้



ธุรกิจมีมูลค่ากว่า 1,400 ล้านบาท

จากจำนวนคนตายของคนไทย ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เมื่อพิจารณาราคาขายโลงศพโดยเฉลี่ยประมาณ 4,500 บาทต่อโลง ธุรกิจขายโลงศพแต่ละปี จึงก่อให้เกิดรายได้ที่มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,400 ล้านบาท ธุรกิจขายโลงศพจึงเป็นธุรกิจที่ทำได้ทุกจังหวัดทุกอำเภอ



หีบศพจีนไล่กวดหีบศพไทย



ร้านขายหีบศพร้อยละ 93 มักนิยมขายหีบศพมากกว่า 2 ประเภทขึ้นไป (รูปแบบหีบศพในปัจจุบัน ได้แก่ หีบศพไทย หีบศพจีน และหีบศพคริสต์ ) ส่วนที่เหลืออีกเพียงร้อยละ 7 สนใจที่จะขายเฉพาะหีบศพไทยเพียงอย่างเดียว


และเป็นไปตามความคาดหมาย หีบศพไทยยังคงครองแชมป์ขวัญใจ "ญาติผู้ตาย" โดยเหล่าบรรดาญาติๆจะหาซื้อไปบรรจุผู้เสียชีวิตถึงร้อยละ 38.9 แต่อย่างไรก็ตาม หีบศพจีน ตอนนี้ก็ไล่กวดตามมาติดๆด้วยสัดส่วนร้อยละ 36.1 ที่เหลือเป็นหีบศพแบบอื่นๆ



เป็นธุรกิจในครัวเรือนทั้งขายและผลิต

ร้านขายหีบศพในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเกินกว่าครึ่ง (ร้อยละ 66.7) จะเป็นร้านที่ผลิตและขายเอง โดยนอกจากจะมีโลงวางขายไว้หน้าร้านแล้ว ยังมีการผลิตโดยมีลูกจ้างอยู่ภายในร้านเองด้วย ส่วนที่เหลืออีกราวร้อยละ 33.3 จัดเป็นร้านค้าปลีก ซึ่งไม่มีการผลิตแต่จะรับสินค้าจากผู้ผลิตรายใหญ่มาขาย ส่วนเงินลงทุนจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง และขนาดของหน้าร้านเป็นหลัก



วัสดุที่ใช้ในการผลิต

วัสดุยอดฮิตได้แก่ "ไม้" โดยจะมีผู้นำไม้ยาง มาใช้ในการผลิตโลงศพถึงร้อยละ 35 และท่ามกลางกระแสต่อต้านการทำลายสิ่งแวดล้อมและการรณรงค์อนุรักษ์ป่าไม้ ทำให้วัสดุไม้แปรรูป เช่น ไม้อัด เข้ามาแทรกตลาดได้ โดยมีการใช้ไม้อัดผลิตโลงศพถึงร้อยละ 20


แต่กระนั้นก็ตาม ถ้าญาติผู้ตายต้องการจะได้โลงศพที่ทำจากเนื้อไม้ชั้นดีที่มีความสวยงามและมีความทนทาน อาทิเช่น ไม้สัก ผู้ผลิตก็จะเอาใจลูกค้าโดยนำมาประกอบเป็นโลงศพถึงร้อยละ 17.5 และสำหรับโลงศพของชาวจีน จะนิยมผลิตด้วย ไม้จำปา ก็มีอยู่ถึงร้อยละ 12.5 ส่วนที่เหลืออีกราวร้อยละ 15 ผู้ผลิตนิยมทำโลงศพจาก ไม้ทุเรียน ไม้งิ้ว และไม้ขนุน



ความเหมือนที่แตกต่าง

จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบธุรกิจขายหีบศพ พบว่าร้อยละ 85.7 มีหีบศพที่มีรูปแบบไม่แตกต่างจากร้านอื่น ๆ ทั้งนี้โดยพื้นฐานของการทำหีบศพนั้น ร้านแต่ละร้านมักจะผลิตรูปทรงสี่เหลี่ยมคล้ายคลึงกัน จะแตกต่างกันเพียงลวดลายไทยที่วิจิตรงดงามประดับข้างหีบศพ


ผู้ประกอบธุรกิจขายหีบศพร้อยละ 14.3 ต่างตอบว่าร้านของตนมีรูปแบบหีบศพ ที่แตกต่างจากร้านอื่นๆ โดยจะรับทำหีบศพตามที่ลูกค้าสั่งให้ทำ และมักจะเป็นหีบศพที่มีราคาค่อนข้างแพง อาทิเช่น หีบมุก ที่มีราคาอยู่ในช่วง 120,000 - 200,000 บาท


และด้วยวิวัฒนาการที่ก้าวหน้า ผู้ผลิตบางรายได้ค้นคิด "โลงศพติดแอร์" ขึ้นมาขายด้วย ซึ่งตัวโลงจะทำด้วยเหล็กสแตนเลส ภายในโลงจะมีเครื่องควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งสามารถทำให้ต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียสได้ ราคาอยู่ในระหว่าง 30,000 - 60,000 บาท มักจะนิยมใช้ในแถบภาคกลาง เช่นแถบจังหวัดอยุธยา และพิจิตร เป็นต้น



ขนาดของร่างกาย

หีบศพไทยโดยทั่วไป จะมีความยาวมาตรฐาน 1.80 เมตร และมีความกว้างตั้งแต่ 18 นิ้ว 20 นิ้ว และ 22 นิ้ว แต่ถ้าต้องการความกว้างมากกว่า 22 นิ้ว ญาติผู้ตายจะต้องสั่งทำเป็นพิเศษ โดยราคาก็จะเพิ่มสูงขึ้นกว่าโลงศพทั่วไป ทั้งนี้ราคาของโลงศพจะสูงขึ้น ขึ้นอยู่กับชนิดของไม้และลวดลายที่ปรากฏอยู่ข้างโลงศพด้วย





จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบธุรกิจ พบว่าโลงศพประเภทไม้ยางธรรมดาไม่มีลวดลาย ราคาเฉลี่ยถูกสุด 2,500 บาท ส่วนโลงศพที่มีราคาแพง ได้แก่ โลงศพประดับมุกและโลงศพติดแอร์ ซึ่งมีราคาสูงถึง 200,000 บาทก็มี


แต่โดยส่วนใหญ่ญาติมิตรของผู้ตายจะนิยมซื้อโลงศพที่มีราคาเฉลี่ย 4,500 บาท ซึ่งเป็นหีบศพประเภทมีลวดลายไทย



การบริจาคโลงศพ

คราวใดที่คนไทยเจ็บป่วยหนัก มีเคราะห์ร้าย หรือมีความฝันไม่สู้ดี คนไทยมักจะนิยม "บริจาคโลงศพ" โดยร้านในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลกว่าร้อยละ 86.7 จะมีบริการรับบริจาคโลงศพ สำหรับศพที่ไม่มีญาติหรือศพที่ญาติพี่น้องไม่มีเงินเพียงพอ ทั้งนี้ทางร้านจะโทร.แจ้งให้ทราบและถ่ายเอกสารของผู้ตายมามอบให้ผู้บริจาค เพื่อแสดงถึงความจริงใจ






บริการอื่นๆที่เพิ่มยอดเงิน

นอกจากการขายโลงศพแล้ว บางร้านยังมีบริการอื่นๆ เช่น ขายอุปกรณ์เครื่องใช้ที่ใช้ในงานศพ ขายพวงหรีด รับจัดดอกไม้หน้างานศพ มีบริการรถตู้ให้เช่า รับทำหน้าที่ในการเชิญศพ การเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ศพ บริการทำพิธีกงเต็ก เป็นต้น.




โดย: yyswim วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:22:35:10 น.  

 


ธุรกิจงานศพครบวงจร



เมื่อไม่นานมานี้ หากมีผู้เสียชีวิต ศพของผู้ตายจะถูกนำไปทำพิธีกรรมต่างๆโดยมีญาติพี่น้องเป็นผู้ดำเนินการร่วมกับสัปเหร่อ จะทำที่วัดหรือทำที่บ้านของผู้ตายเองก็ได้


แต่ปัจจุบัน เนื่องจากญาติไม่ค่อยมีเวลา บางคนก็ไม่รู้ขั้นตอน และอาจจะโศกเศร้าเกินไป เจ็บป่วยเกินไปจนไม่อาจจะทำอะไรให้ดีทุกอย่างด้วยตัวเองได้


การดำเนินงานพิธีกรรมต่างๆของผู้ตาย ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงสิ้นสุด จึงได้มีผู้มารับดำเนินการแทนญาติๆ โดยผู้ที่มาทำแทนนั้น เขาทำเป็นธุรกิจแบบครบวงจรด้วย


คล้ายๆกับพิธีกรรมในงานแต่งงาน ที่ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาว เดี๋ยวนี้เพียงมีแต่เงินและมีเวลา ทุกอย่างก็จะสำเร็จเรียบร้อยราวกับเนรมิต



ธุรกิจการให้บริการงานศพแบบครบวงจร จะมีให้บริการหลายด้าน ตั้งแต่การแจ้งการตายกับทางราชการ การรับ-ส่งศพ การตกแต่งใบหน้าศพ การรดน้ำศพ การจัดหาโลงศพ การติดต่อศาลาสวด การจัดเตรียมดอกไม้หน้าศพ การสวดศพ การถ่ายรูป การจัดเตรียมของว่าง ตลอดจนการติดต่อสถานที่เก็บศพ การเผาศพ การเตรียมดอกไม้จันทน์ การเตรียมการบังสุกุล การจัดเตรียมดนตรี การบริการพูดกระจายเสียงไว้อาลัย การจัดเตรียมสิ่งของที่ระลึกให้ผู้มาในงานเผาศพ การเก็บกระดูก การทำบุญเลี้ยงพระ การจัดหาเรือไปลอยอังคาร ฯลฯ


ทั้งหมดนั้น อาจจะรับทำเต็มทั้งกระบวนการหรือเพียงบางกระบวนการก็ได้ ตามแต่ที่เจ้าภาพจะต้องการ และจะมีผู้อาสามาเสนอบริการนี้กับญาติของผู้ตาย ทันทีที่รู้ว่ามีผู้ตายเกิดขึ้น



หีบลูกไม้ขลิบทอง




หีบกระจกแก้วแกะลาย





ขอยกตัวอย่างร้านหนึ่งจากหลายๆร้านที่ให้บริการ

คุณวิโรจน์ สุริยเสรีย์ เจ้าของ หจก.นนทบุรี สุริยา แคลาย ซึ่งเป็นทายาทเจ้าของกิจการ สุริยาหีบศพที่มีชื่อเสียง บอกว่า


ทางร้าน มีโลงศพรูปแบบต่างๆจำหน่ายตั้งแต่ราคา 1,500 บาทจนถึง 200,000 บาท และยังให้บริการจัดทำโลงศพตามขนาด รูปแบบ ลวดลาย สี และวัสดุ ตามความต้องการของญาติผู้ตายได้ด้วย


หีบทองในขาสิงห์ร่องชาติ




หีบทองในลายพิกุล





สินค้าและบริการอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับพิธีศพ ไม่ว่าจะเป็นชุดดอกไม้จัดหน้าศพ มีตั้งแต่แบบกะทัดรัดไปจนถึงชุดใหญ่อลังการ หรือชุดเครื่องตั้งลายทอง บริการเสริมเช่น การฉีดยารักษาศพ การให้บริการแนะนำด้านพิธีกรรมทั้งประเพณีไทยและจีนตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ และการจัดหารถรับส่งศพ รถรับส่งญาติ ที่ร้านเราทำได้ทั้งหมด


คุณวิโรจน์ สุริยเสรีย์



คุณวิโรจน์บอกว่า ปัจจุบันธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมงานศพ มีให้เลือกมากร้านและมีการแข่งขันกันสูง แต่ละร้านจะใช้กลยุทธ์เพื่อขายตัวเอง เช่น บอกไว้กับวัดต่างๆ เมื่อญาติไปติดต่อก็จะมีพนักงานของร้านรีบไปพบญาติของผู้ตายทันทีเลย และจะเสนอบริการตลอดจนราคา แทบจะเรียกว่าแข่งขันกัน


บางร้านก็จะไปขายตัวเองไว้กับห้องเก็บศพของโรงพยาบาลเอาไว้ด้วย เรียกว่าหากใครรวดเร็วกว่า เคยให้บริการไว้ดีกว่า ราคาคุ้มค่ากว่า ก็จะทำธุรกิจนี้ไปได้ดี


บางร้านเพื่อให้ทางโรงพยาบาลประทับใจ ก็จะมีการบริจาคโลงศพให้แก่คนยากคนจน และมีการบริจาคเงินให้กับโรงพยาบาล รวมทั้งจะต้องพัฒนาโลงศพให้มีรูปแบบและลวดลายใหม่ๆสวยงาม เพื่อให้เลือกเพิ่มมากขึ้น


คุณวิโรจน์บอกว่า นับวันเมืองไทยของเราจะมีรูปแบบการให้บริการที่ทันสมัยไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเมืองนอกทีเดียว จะให้จัดทำโลงศพในรูปแบบใด จะให้เหมือนเมืองนอกตามแคตตาล๊อกชิ้นไหน ก็ทำได้ แค่เลือกดูแล้วบอกทางร้าน ช่างเมืองไทยเดี๋ยวนี้เก่งมาก



หีบผ้าตาดทองเรียบ




หีบผ้าตาดทองย่น





หีบไม้สักเทพพนม




หีบแอร์





ทางร้านเองก็มี เว็ปไซต์ของตัวเอง เพื่อให้ทุกท่านเข้าไปเยี่ยมชม เข้าไปเลือกดูสินค้า ขอเรียนเชิญทุกท่านที่เว๊ปของหจก.นนทบุรี สุริยา แคลาย ได้ทุกเวลา


หีบมุกสติ๊กเกอร์




หีบมุก




หีบคริสต์




หีบคริสต์ไม้โอ๊ก




ในอนาคตอันใกล้ ทางร้านยังคิดจะทำศาลาสวดศพเอกชนขึ้นเอง แบบที่มีอยู่ในเมืองนอก โดยมีการให้บริการแบบครบวงจร อย่างเช่นมีห้องเย็นเก็บศพเก็บเป็นเวลานานๆ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันทางร้านก็มีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆขึ้นมา เช่น โลงศพจากวัสดุรีไซเคิล โลงศพที่เผาแล้วไม่เป็นมลพิษทางอากาศ เป็นต้น.




โดย: yyswim วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:22:36:10 น.  

 


โลงศพติดแอร์





คุณภาณุพล เปี่ยมศิริมงคล หนุ่มรุ่นใหม่หัวคิดสร้างสรรค์ วัย 30 ปีเศษ ผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะวิทยาศาสตร์ ม.เชียงใหม่ และปัจจุบันเปิดร้าน “ณรงค์ค้าเจริญ” จำหน่ายโลงศพ อยู่ใน อ.เมือง จ.เชียงใหม่


เขาเป็นผู้คิดค้น โลงติดแอร์รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นแบบถอดประกอบได้ พร้อมทั้งปรับปรุงแก้ไขในส่วนของการใช้งานและการออกแบบให้ได้ตรงกับความต้องการที่ลูกค้าอยากได้


คุณภาณุพล บอกว่า โลงติดแอร์แบบนี้ โครงสร้างประกอบด้วยสแตนเลส และสังกะสี ฝาโลงมีลวดลายแบบไทย ทำจากไฟเบอร์โพลี่เอสเตอร์เรซิ่น และพลาสติก ที่นำมาชุบทองด้วยระบบสุญญากาศ ตัดปัญหาสีทองหลุดหรือเปลี่ยนเป็นสีดำ


การติดเครื่องทำความเย็น ติดไว้ที่ส่วนใต้ฐาน ทำความเย็นด้วยระบบโนฟรอสต์ ทำให้ไม่มีน้ำแข็งเกาะ ความเย็นสามารถกระจายทั่วทั้งโลง ควบคุมอุณหภูมิอยู่ในระดับ ลบ 2 องศา ถึงไม่เกิน 2 องศา ช่วยรักษาศพได้สูงสุดถึง 100 วัน ซึ่งเหนือกว่าโลงติดแอร์รุ่นเก่าที่ทั้งหนัก ความเย็นไม่กระจายทั่วถึงทั้งโลง และรักษาศพได้แค่ 7 วัน


พนักงานกำลังติดตั้งระบบเครื่องทำความเย็นภายใน



และที่สำคัญ โลงติดแอร์รุ่นใหม่นี้ สามารถถอดแยกเป็นส่วนๆ และสามารถประกอบกลับคืนได้ ด้วยระบบน็อกดาวน์แม่เหล็ก ช่วยให้ในกรณีเกิดระบบทำความเย็นขัดข้องในขณะกำลังใช้งาน ก็จะสามารถถอดเปลี่ยนส่วนฐานที่เป็นระบบทำความเย็นออกได้ แล้วนำเครื่องทำความเย็นสำรองเปลี่ยนไปใช้แทนได้ทันที



“กว่าที่ทางร้าน จะได้เป็นแบบลงตัวอย่างนี้ ผมใช้เวลาในการออกแบบ และทดลองรวมแล้วกว่า 5 ปี ทั้งนี้ผมเป็นคนออกแบบเองทั้งหมด จดอนุสิทธิบัตรไว้แล้วด้วย ต้นทุนของการผลิตต่อตัวจะประมาณ 50,000 บาท


ส่วนการผลิต ผมจะกระจายงานออกสู่โรงงานและแหล่งรับงานที่มีความชำนาญแต่ละด้าน แล้วนำอุปกรณ์ชิ้นส่วนต่างๆ มาทำการตกแต่ง และประกอบรวมกันที่ร้านฯ และจัดจำหน่ายสู่ตลาดต่อไป เพราะถ้าต้องลงทุนเครื่องมือผลิตเองทั้งหมด ค่าใช้จ่ายจะสูงมากๆ”


เขาบอกถึงธุรกิจว่า ตั้งเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ ศิริมงคล เพื่อผลิตและจัดจำหน่ายสินค้า เริ่มต้นเน้นใน จ.เชียงใหม่ และใกล้เคียงก่อน มีแผนการตลาด 2 ประเภท คือ


1. จัดจำหน่าย ในราคาโลงละ 90,000 บาท แต่ในช่วงแรก ขายในราคา 70,000 บาท มีรับประกัน 3 ปี


2. บริการให้เช่า ในอัตรา 600 บาท/วัน ซึ่งวัตถุประสงค์ของการให้เช่า จะทำให้ผู้มาร่วมงานพิธีจะได้เห็นสินค้าที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของการทำบุญสวดพระอภิธรรมศพ ซึ่งเป็นการประชาสัมพันธ์ไปในตัว โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และยังจะมีผลสืบเนื่องในการขายต่อไปด้วย


สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย วางไว้ 3 กลุ่ม คือ

1. กลุ่มวัด เนื่องจากครอบครัว หรือเจ้าของห้างร้านบริษัทต่างๆ รวมทั้งนักการเมืองท้องถิ่น นิยมจะสร้างถวายเป็นสังฆทานแก่วัด เพื่อเป็นการทำบุญอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้ล่วงลับ ซึ่งในภาคเหนือ มีวัดทั้งหมดประมาณ 7,275 วัด


2. กลุ่มฌาปนกิจ เนื่องจากการจัดงานศพทางภาคเหนือ นิยมจัดงานกันที่บ้าน และแต่ละหมู่บ้านในภาคเหนือ นิยมตั้งกลุ่มกันขึ้น โดยจะจัดซื้ออุปกรณ์เกี่ยวกับงานศพไว้ใช้ประจำหมู่บ้านของตัวเอง ซึ่งโลงติดแอร์ ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่จำเป็นต้องใช้


3. กลุ่มลูกค้าทั่วไป ที่จะซื้อหรือจะเช่าให้แก่ญาติผู้ล่วงลับ


การติดลวดลายประดับส่วนฐาน



คุณภาณุพล บอกเพิ่มเติมว่า โลงศพติดแอร์ถอดประกอบได้ เริ่มออกตลาดเมื่อประมาณกลางปีที่แล้ว โดยเบื้องต้นผลิตชุดแรกออกมาก่อน 20 ตัว ได้การตอบรับเป็นอย่างดี สามารถจำหน่ายได้หมด จนไม่มีเหลือไว้สำหรับลูกค้าที่ต้องการเช่า จึงต้องผลิตสินค้าเพิ่มอีก ประกอบกับมีแผนจะขยายตลาดไปยังทุกจังหวัดในภาคเหนือ และทั่วทุกภาคในอนาคต


ได้นำอนุสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ผลงานดังกล่าว ไปเข้าโครงการแปลงสินทรัพย์ทางปัญญาเป็นทุน ทำให้ได้รับอนุมัติสินเชื่อจำนวน 500,000 บาท เพื่อมาดำเนินการตามแผนดังกล่าว


สำหรับจุดอ่อน เขาบอกว่า ต้นทุนการผลิตยังสูงอยู่ ทางด้านเทคนิคที่ผ่านมาก็ยังไม่พบปัญหา แต่เมื่อได้มีโอกาสไปบุกตลาดมากขึ้น อาจจะได้คำแนะนำดีๆจากลูกค้า ซึ่งจะนำมาแก้ไขปรับปรุงต่อไปอีก ทั้งนี้ ผมมั่นใจสินค้าตัวนี้ว่า จะมีอนาคตเพราะไม่มีคู่แข่ง และเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกวัดทุกครอบครัวต้องมีโอกาสใช้


ภาพแสดงส่วนที่สามารถถอดประกอบได้



“ผมกล้าพูดได้ว่า ผมเป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทยที่ทำงานนี้ อยู่ในวงการมานาน และจะรู้ดีว่า ยังไม่มีใครจะมาเลียนแบบได้ ซึ่งในอนาคตผมอยากเป็นผู้นำในการขายและให้บริการโลงลายสีทองติดเครื่องทำเย็นแบบถอดประกอบได้นี้ ให้ครบทุกภาค”



หากสนใจเชิญสอบถาม ที่โทร.053-416-1458 , 053-219-889 , 0-1783-3983



โดย: yyswim วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:22:37:03 น.  

 


ข่าวจากหนังสือพิมพ์





เจ้าของบล็อกเจอข่าวอีกข่าวหนึ่ง ในหน้าหนังสือพิมพ์ที่บอกว่า เดี๋ยวนี้ในเมืองไทยของเราทันสมัยเปี๊ยบ อย่างมีโลงศพติดแอร์ โลงศพลวดลายฝังมุกที่ระดับมหาเศรษฐีเลือกใช้ โลงศพที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ทำจากไม้ที่สั่งเข้ามาจากประเทศทางแถบหนาว ที่ดูไกลๆแทบดูไม่รู้ว่านั่นคือ โลงศพ เพราะมีผ้าแพร มีผ้าลูกไม้ มองไปคล้ายๆกับเตียงนอนหรูๆมากกว่า เพียงแต่ว่าเมื่อเห็นว่ามีฝาเปิดปิดเตียงนอนนี้ จึงทำให้รู้ว่า นั่นคือโลงศพ มิใช่เตียงนอน


ยิ่งกว่านั้น การออกแบบโลงศพ ยังปรับระดับความสูงต่ำให้กับผู้นอนในโลงศพได้ด้วย มีกุญแจไขเปิดปิดฝาโลงศพที่สลักลวดลายสวยงาม มีลิ้นชักส่วนตัวภายในโลงศพสำหรับเก็บข้าวของทรัพย์สินของรักของหวงของผู้ตาย มีใบรับประกันคุณภาพโลงศพ


และอาจจะไม่ต้องจัดวางช่อดอกไม้ประดับเหนือโลงศพให้เกะกะ เพราะโลงศพได้ประดับ วอลล์เปเปอร์ หรือเพ้นท์ภาพสวยงามไว้ข้างๆโลงศพ อาจเป็นรูปวิวในสวน รูปวิวทะเล หรือรูปวิวน้ำตก ก็ได้ หรือจะให้เพ๊นท์เป็นภาพรูปโลงพระศพกษัตริย์อียิปต์ ก็ยังได้




และที่พิเศษสุดอีกอย่าง ก็คือ โลงศพสามารถเก็บกลิ่น เก็บน้ำเหลือง และแม้แต่จะรดน้ำศพในโลงนั้นเลย น้ำก็จะไม่ไหลออกมาให้เลอะเทอะข้างนอกอีกด้วย


โลงศพพิเศษแบบนี้ มีทั้งการสั่งนำเข้ามาจากอเมริกา หรือทำก๊อปตามแคตตาล๊อก จากในเว๊ปไซต์ต่างๆ ราคาจะแพงมากแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบ ขนาด กลไก ลวดลาย และค่าขนส่งบวกค่าภาษี


โดยทั่วไปราคาต่อหนึ่งโลง จะประมาณแสนห้าหมื่นบาท ถึง 3 แสนบาท ถ้าเป็นโลงศพที่ต้องการใช้ฝัง ซึ่งใช้วัสดุทำจากเหล็กหลอม จะราคาประมาณ 1 แสนบาท.



โดย: yyswim วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:22:38:01 น.  

 


บริการแต่งศพ






หน้าตาดี หล่อหรือสวย เป็นสิ่งที่มนุษย์ส่วนใหญ่ปรารถนา ก่อนจะนำศพของผู้ตายไปทำพิธีกรรมต่างๆตามหลักศาสนาของตน ผู้เกี่ยวข้องของผู้ตายจะอยากให้ผู้ตายดูดีเป็นครั้งสุดท้าย ดูไม่น่าเกลียด และไม่เป็นที่หวาดกลัวของแขกเหรื่อที่มาร่วมไว้อาลัยเคารพศพด้วย


หากผู้ตายเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลก็มักจะเป็นผู้แต่งหน้าศพให้ แต่บางโรงพยาบาลจะมีบุคคลที่มีอาชีพแต่งหน้าศพ ซึ่งทางโรงพยาบาลว่าจ้างมาจากภายนอก ซึ่งมีความชำนาญสูงกว่ามาช่วยแต่งหน้าศพให้


สุภาพร เอี่ยมวงศ์ พยาบาลวิชาชีพ ประจำห้องไอซียู โรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล เล่าถึงขั้นตอนการทำงานในส่วนนี้ว่า หลังจากที่ผู้ป่วยเสียชีวิตแล้ว พยาบาลที่เป็นเจ้าของไข้ จะเป็นคนอาบน้ำ แต่งตัว และแต่งหน้าศพเอง โดยจะมีทีมพยาบาล 1-2 คน
เข้ามาร่วมช่วยเหลือ


ร่วมกันช่วยเหลือ



"หากผู้ป่วยเสียชีวิต เราจะแจ้งแก่ญาติๆของผู้ตายก่อนว่า เราจะอาบน้ำ แต่งตัว และแต่งหน้าให้ ซึ่งถือเป็นมารยาทว่า จะต้องแจ้งญาติก่อน เพราะบางครั้งญาติอาจจะไม่ต้องการให้ทำตรงนี้ให้ ก็ได้ เมื่อญาติอนุญาตแล้ว เราก็จะเริ่มต้น ตั้งแต่การอาบน้ำ ซึ่งจริงๆแล้ว คือการเช็ดตัวให้ผู้ตาย ซึ่งบางรายญาติจะนำโคโลญจ์หรือน้ำหอมที่ผู้ตายชอบ มาฉีดให้ผู้ตายด้วย จากนั้นก็จะเช็ดตัวทาแป้ง


แล้วจัดการแพ๊คศพ คือการใช้สำลีอุดทวารทั้ง 5 ได้แก่ จมูก ปาก หู ทวารหนัก และช่องคลอด เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเลือดน้ำเหลืองในร่างกายไหลออกมา


จากนั้นจึงสวมเสื้อผ้าให้ ซึ่งเป็นเสื้อผ้าที่ญาติเตรียมมาให้ มักจะเป็นเสื้อผ้าสวยๆหรือเสื้อผ้าที่ผู้ตายชอบสวมใส่ประจำ แล้วก็แต่งหน้าให้


จากนั้นจะนำผู้ตายไปฉีดฟอร์มาลินเพื่อป้องกันศพเน่า เสร็จแล้ว ก็แล้วแต่ว่าญาติๆจะรับศพไปเลยหรือไม่ ถ้ายัง ก็จะเก็บไว้ในห้องเย็นซึ่งเป็นห้องเก็บศพก่อน แต่ถ้าเป็นอิสลาม จะนำศพไปเลยเพราะตามธรรมเนียม ผู้ตายต้องออกจากจุดที่เสียชีวิตก่อนตะวันตกดิน


ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้ ต้องช่วยกันหลายคน ช่วยกันพลิกตัว จับตะแคงซ้าย ตะแคงขวา บางรายตัวใหญ่ แถมป่วยด้วยโรคไต ก็จะบวมน้ำ ตัวก็จะยิ่งหนักขึ้นไปอีก เราผู้หญิงมักจะยกไม่ไหว ก็จะต้องเรียกผู้ชายมาช่วย"



การแต่งหน้าศพนั้น เนื่องจากพยาบาลเจ้าของไข้เป็นผู้หญิง การแต่งหน้าจึงไม่ใช่งานยากนัก อาจจะเริ่มจาก ลงรองพื้นก่อน แล้วทาแป้ง เขียนคิ้ว เขียนตา ปัดแก้ม ทาปาก เพื่อให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้น จุดประสงค์ในการแต่งหน้าศพก็คือ

'เพื่อให้ดูเหมือนนอนหลับหรือเหมือนกับว่ายังมีชีวิตอยู่'



อุปกรณ์การแต่งหน้าศพ




'น้องกวาง' ทรรศนีย์ พลัดเชื้อนิล เจ้าหน้าที่แต่งหน้าศพประจำโรงพยาบาลปทุมธานี สาวน้อยวัย 19 ซึ่งมีประสบการณ์ในการแต่งหน้าศพมากกว่า 6 ปี บอกว่า


"ศพที่กวางแต่งหน้าให้ จะมีทุกเพศทุกวัย ถ้าเป็นผู้สูงอายุจะแต่งหน้าให้อ่อนๆ เพื่อให้เหมาะกับวัย แต่ถ้ามีรอยฟกช้ำมา ก็จะรองพื้นหรือทาแป้งให้หนาๆ หน่อย จะได้กลบร่องรอยได้บ้าง ก็รู้สึกดีนะที่ทำให้เขาสวยขึ้น กวางจะมาช่วยที่ห้องเก็บศพเฉพาะตอนกลางวัน เพราะเย็นๆ จะต้องไปเรียนหนังสือ คือตอนนี้เรียนอยู่ปี 2 มหาวิทยาลัยศรีปทุม"


กวางเล่าว่า เธอแต่งหน้าศพมาตั้งแต่อายุ 12 ปี เพราะเป็นธุรกิจของครอบครัว คือเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ร้านไทยประดิษฐ์ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับงานศพ ซึ่งเป็นร้านของครอบครัวของเธอ ชนะการประมูลในโรงพยาบาลปทุมธานี ทำให้เข้าไปจัดการดูแลศพที่เสียชีวิตของโรงพยาบาลปทุมธานี ตั้งแต่อาบน้ำศพ แต่งหน้าศพ และฉีดฟอร์มาลิน เธอจึงไม่รู้สึกรังเกียจหรือหวาดกลัว เพราะคลุกคลีกับเรื่องแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก



วัลลิกา ใจจันทร์ สาวน้อยหน้าใสวัย 25 ปี พยาบาลวิชาชีพ ประจำห้องไอซียู โรงพยาบาล เปาโล เมโมเรียล ที่หลายคนอาจไม่เชื่อว่าสวยๆ อย่างนี้จะกล้าแต่งหน้าศพ เธอบอกว่า ปกติเธอชอบแต่งหน้าอยู่แล้ว ทั้งแต่งให้ตัวเองและแต่งให้เพื่อนๆ นอกจากการดูแลคนไข้อันเป็นหน้าที่หลักของเธอแล้ว งานแต่งหน้าศพ นับเป็นสิ่งที่เธอชอบเป็นพิเศษเพราะเป็นการทำให้ผู้ที่ต้องจากไป กลายเป็นที่รัก หรืออยู่ในความทรงจำที่ดีของผู้ที่อยู่เบื้องหลัง


พยาบาลที่นี่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ฝีมือแต่งหน้าของเธอนั้น จัดว่าอยู่ในระดับมืออาชีพทีเดียว และทุกครั้งที่เธอแต่งหน้าให้ผู้ที่เสียชีวิต ก็มักจะได้รับคำชื่นชมจากญาติของผู้ตายเสมอ


"ปกติจะชอบแต่งหน้าอยู่แล้วค่ะ แต่งหน้าให้ผู้ตายก็ไม่ต่างจากแต่งหน้าคนเป็นเท่าไหร่ เพราะเขาก็เหมือนกับคนนอนหลับ แต่งให้ผู้หญิงจะค่อนข้างมีสีสันหน่อย ก็จะดูโครงหน้าว่าเป็นอย่างไร หน้าแต่ละแบบก็จะเขียนคิ้ว ทาแก้ม ไม่เหมือนกัน เช่น ถ้าหน้าเหลี่ยมก็จะปัดแก้มในแนวเฉียงขึ้น ถ้าปัดตรงๆ เป็นแนวขวางหน้าจะยิ่งกว้าง นอกจากนั้น สีปาก แก้ม และเปลือกตา ก็จะต้องเลือกให้เข้ากับสีเสื้อผ้าของผู้ตาย ไม่อย่างนั้นจะดูโดด แต่ส่วนใหญ่ที่นี่ คนไข้จะเป็นผู้สูงอายุ จึงแค่แต่งหน้าอ่อนๆ ให้เข้ากับวัย เครื่องสำอางที่นี่ทางโรงพยาบาลจะเตรียมไว้ให้อยู่แล้ว แต่บางครั้งญาติจะเอาของผู้ตายมาให้แต่ง อย่างแบรนด์เนมดังๆ นี่ถือว่าเรื่องปกติ " วัลลิกา เล่าไปยิ้มไป




นอกจากการแต่งหน้าแล้ว การจัดแต่งทรงผมของผู้ตายก็เป็นสิ่งที่ญาติๆ ให้ความสำคัญ บางรายอาจแค่ให้ช่างหวีให้เรียบเฉยๆ แต่รายญาติจะขอร้องให้เซ็ทผมในแบบที่ผู้ตายชอบ


ธนาภรณ์ แช่มนาสวน ช่างแต่งหน้าศพ ประจำร้านร้านสุริยาหีบศพ นนทบุรี บอกว่า

"ทำผมนี่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงนะ บางคนจะเอายาย้อมผมดำหรือน้ำยาทำสีผมมาให้เราย้อมให้ผู้ตาย บางทีก็ให้ทำผม ทรงที่ผู้ตายชอบ จะให้ ยีผม ตีโป่ง ยกกระบังหน้า ทำให้หมด ขาดก็แค่ดัดผมกับทำแฮร์สปา (หัวเราะ) คือถ้าหวีเฉยๆ เวลานอนรดน้ำศพ หัวจะแบนจะไปเลย ดูไม่ค่อยสวย"



ส่วนเสื้อผ้าของผู้ตายนั้น ก็มักเป็นชุดที่ผู้ตายชอบ หรือแต่งตามความเชื่อถือและประเพณี ธนาภรณ์ เล่าว่า


"เสื้อผ้าที่ญาติเอามาให้ผู้ตายนี่ ก็แล้วแต่ว่าตอนเป็น เขาชอบแบบไหน บางทีก็เป็นชุดข้าราชการ ชุดสูท สาวรุ่นๆ ก็เป็นสายเดี่ยว กางเกงยีนส์ หรือบางรายเป็นชุดราตรีหรูมาเลยก็มี ส่วนรองเท้านี่ แล้วแต่ บางคนใช้คู่เดิม บางคนซื้อให้ใหม่เลย แต่คนตายหลายๆ ชั่วโมงจะเริ่มแข็ง เริ่มอืด สวมรองเท้าคู่เดิมอาจสวมไม่ได้ ญาติก็จะหาซื้อรองเท้าผ้าแบบคัตชูมาให้ จะได้ใส่ง่ายหน่อย”


”เสื้อผ้าเครื่องประดับหรูๆ ก็มีนะ พวกเสื้อผ้าแบรนด์เนม นอกจากใส่ให้คนตายแล้ว ยังเอาใส่ในโลงเผาไปให้ด้วย แต่คิดว่าส่วนใหญ่สัปเหร่อจะแอบเอาไว้เอง เพราะมองว่าคนตายแล้วไม่ได้ใช้หรอก หรือบางคนก็ขอจากญาติ เขาก็ให้ ถือว่าทำบุญ คนตายก็ได้บุญไปด้วย สร้อยทอง แหวนเพชร แต่ก่อนมีนะ ใส่โลงไปให้ด้วย เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นแล้ว"



ขณะที่ สุภาพร พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาล เปาโล เมโมเรียล บอกว่า


“ขั้นตอนของการสวมเสื้อผ้านี่ จัดเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุดในการดูแลผู้ตาย…..พอคนตายเริ่มแข็ง นอกจากตัวจะบวมขึ้นแล้ว ข้อต่อข้อพับก็จะไม่ยืดหยุ่น กว่าจะเอาแขนเสื้อใส่แขนได้แต่ละข้างนี่ เล่นเอาเหนื่อย ยิ่งเป็นคนจีน ประเพณีของเขาต้องใส่เสื้อ 5 ชั้น 7 ชั้น ใส่เสื้อผ้าดิบก่อน แล้วตามด้วยผ้าแพรสีๆ กว่าจะครบ 7 ชั้นนี่แทบแย่ ญาติบางคนจะเอาเสื้อผ้าวางไว้บนตัวคนป่วยที่ใกล้จะสิ้น คือเชื่อว่าเวลาวิญญาณออกจากร่าง เสื้อจะได้ติดตัวไปด้วย"




ในกรณีที่ผู้ตายเกิดอุบัติเหตุ ได้รับบาดเจ็บเป็นแผลเหวอะหวะ หรือแขนขาด ขาขาด ช่างแต่งหน้าก็จะมีหน้าที่แต่งศพด้วย ซึ่งหากเป็นช่างที่มีประสบการณ์ ฝีมือดีๆ ศพจะออกมาสวยมาก บางรายหากไม่สังเกต อาจจะไม่รู้เลยว่า เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ


ป้าทองม้วน ผ่องประภา เจ้าของร้าน รุ่งเพชรเจริญพร ซึ่งรับจัดดอกไม้ในงานศพ และคลุกคลีกับธุรกิจงานศพมานาน บอกว่า


“ปกติหากเป็นศพที่เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ ทางญาติจะจ้างพยาบาลแผนกฉุกเฉิน จากโรงพยาบาลมาเย็บตกแต่งแผล พร้อมทั้งแต่งหน้าให้ ซึ่งค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับสภาพศพว่า จำเป็นต้องเย็บแผลมากน้อยขนาดไหน ปกติจะตกประมาณ ศพละ 1,000 - 2,000 บาท”


"บางทีไปเกิดอุบัติเหตุที่ต่างจังหวัด ศพถูกส่งมาจากโรงพยาบาล ก็ไม่มีการแต่งหน้าหรือเย็บแผลมาหรอก เพราะโรงพยาบาลต่างจังหวัดเขาจะไม่ทำกัน ศพมาถึงวัดนี่ เละมาเลย ญาติก็โทรไปตามเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลเอกชน มาช่วยเย็บตกแต่งศพให้ เขาแต่งเก่งนะ ศพเละๆ นี่เขาแต่งจนเกือบจะเหมือนปกติเลย ขาขาด แขนขาด ถ้าชิ้นส่วนยังอยู่ เขาเย็บต่อได้หมด เจ้าหน้าที่ที่แต่งศพส่วนใหญ่ มาทำคนเดียว นอกจากว่าหลายๆ ศพ อย่างวันก่อน เกิดอุบัติเหตุตายกันหลายคน เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็มาช่วยกันแต่ง 2-3 คน"



ธนาภรณ์ ช่างแต่งหน้าศพประจำร้าน สุริยาหีบศพ บอกว่า จากประสบการณ์การแต่งหน้าศพกว่า 5 ปีนั้น เจอมาแล้วแทบทุกแบบ ทั้งแขนขาด ขาขาด ไส้ทะลัก จนถึงขั้นศีรษะขาด ทำให้ได้เรียนรู้ขั้นตอนการแต่งศพทุกแบบ ทุกขั้นตอน


"ถ้าอวัยวะภายในทะลักออกมา เราจะเก็บเข้าไป แล้วเย็บปิดแผลให้ กรณีโดนรถชน กะโหลกยุบ หน้าย่น หรือลำตัวบี้แบน มาเลยนี่ เราจะใช้สำลียัดเพื่อให้ส่วนที่ยุบเห็นเป็นโครงขึ้นมา บางรายต้องยัดสำลีทั้งตัวเลย ถ้าแขนขาขาดแล้วหาไม่เจอ ก็จะใช้ต้นกล้วยวางแทน ถ้าถูกฟันหัวขาดร่องแร่ง เย็บต่อได้ก็เย็บ แต่ถ้าไม่มีหัวมา เราจะใช้ลูกมะพร้าววางต่อให้ เขียนหน้าเขียนตาให้แทนหัวจริงๆ ของเขา แต่ก็ต้องมีพิธีนะ ต้องจุดธูป ท่องคาถาตามที่เรียนกันมา เราเห็นบ่อย ชินแล้ว ก็เลยไม่กลัว "


อย่างไรก็ตาม ช่างแต่งหน้าศพทุกคนจะบอกตรงกันว่า ตั้งแต่แต่งหน้าศพมา ยังไม่มีใครเจอเหตุการณ์อะไร ซึ่งพวกเธอเชื่อว่า น่าจะเป็นเพราะพวกเธอมีเจตนาดีต่อผู้ตาย ต้องการให้วาระสุดท้ายของผู้ตายดูดีที่สุด และก่อนที่จะแต่งหน้าหรือจัดการอะไรกับร่างผู้เสียชีวิต ช่างก็จะบอกกล่าวผู้ตายก่อนทุกครั้ง


"บางทีจะบอกด้วยคำพูดเฉยๆ บางทีก็จะจุดธูปบอก ก็แล้วแต่ ก่อนที่จะย้ายศพออกจากโรงพยาบาลไปที่วัด ทางร้านเราจะมีคนทำพิธีเชิญวิญญาณ บางทีก็ไปทำพิธีเชิญตรงจุดที่เกิดอุบัติเหตุ แล้วแต่กรณี แต่คนที่จะทำพิธีได้ ต้องครอบครูก่อน ไม่อย่างนั้นทำไม่ได้" ธนาภรณ์ บอก


ทั้งนี้ ผู้ที่เป็นช่างแต่งหน้าศพนั้น มีน้อยมากที่ทำอาชีพรับแต่งหน้าศพอย่างเดียว ส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานของร้านที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับงานศพ เช่น ขายโลงศพ รับจัดดอกไม้ หรือเป็นสัปเหร่อตามวัด นอกจากนั้น ยังมีพยาบาลแผนกฉุกเฉินที่รับจ้างเย็บแต่งแผล และแต่งหน้าเป็นบริการแถมให้ และบางครั้งญาติๆ ของผู้ตาย ก็จะแต่งหน้าให้เอง



สำหรับอัตราค่าบริการในการดูแลจัดการ ตั้งแต่อาบน้ำ แต่งตัว แต่งหน้า และฉีดยาให้ศพนั้น ดูจะไม่แพงอย่างที่หลายคนคิด โดยค่าอาบน้ำ แต่งตัว และแพ็คศพ รวมแล้วไม่เกิน 300 บาท ค่าฉีดฟอร์มาลินปกติอยู่ที่ 500 - 800 บาท แต่หากเสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ คือเป็นผู้ติดเชื้อ HIV ค่าฉีดจะสูงถึง 1,500 - 2,000 บาท เพราะจะคิดค่าความเสี่ยงด้วย ส่วนค่าแต่งหน้านั้น ผู้ที่ทำธุรกิจด้านนี้ จะไม่คิดค่าบริการ นอกจากจะจ้างให้ทำผมเป็นพิเศษ


ส่วนกรณีที่สภาพศพเละ เนื่องจากเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุนั้น ไม่ว่าจะเป็นการจ้างพยาบาลแผนกฉุกเฉินจากโรงพยาบาล หรือจ้างพนักงานจากร้านธุรกิจงานศพ มาเย็บตกแต่งแผลให้ ค่าใช้จ่ายจะตกประมาณศพละ 1,000 - 2,000 บาท แล้วแต่สภาพศพ


"ค่าแต่งหน้านี่ เราไม่เรียกร้อง แล้วแต่ญาติจะให้ ถ้าไม่ให้ ก็ไม่ว่าอะไร ส่วนใหญ่ก็จะได้ 200 - 500 บาท ถ้าเขาชอบมากๆก็จะให้เยอะหน่อย" ธนาภรณ์ บอก


อุษณีย์ ผการัตน์




อุษณีย์ ผการัตน์ หัวหน้าตึกไอซียู โรงพยาบาล เปาโล เมโมเรียล อธิบายว่า

"ในส่วนของโรงพยาบาล เปาโลฯ นั้น การแต่งหน้าศพ เป็นบริการที่ทางโรงพยาบาลทำให้แก่คนไข้ที่เสียชีวิตโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย นอกจากนั้นทางโรงพยาบาลยังนำพวงหรีด ไปมอบให้แก่ผู้ตาย เพื่อเป็นการไว้อาลัยด้วย"


ถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว ค่าแต่งหน้าของคนตายนั้นถูกกว่าคนเป็นมาก โดยค่าแต่งหน้าสำหรับคนทั่วๆ ไป ราคาขั้นต่ำเริ่มต้นที่ 1,000 บาท หากเป็นงานรับปริญญา แต่งหน้าเจ้าสาว ก็จะเขยิบสูงขึ้นเป็น 2,000 - 5,000 บาท แต่ถ้าเป็นช่างที่มีชื่อเสียง ราคาก็อาจจะขึ้นไปถึงหลักหมื่น


แต่แม้ว่าราคา 'ค่าแต่งหน้าศพ' จะถือว่าน้อยมาก หากเทียบกับงานอื่นๆ แต่ 'เมกอัพอาร์ติสท์' ของผู้ที่ไร้วิญญาณ ก็ยังยินดีที่จะทำงานนี้ต่อไปทุกคน เพราะเธอรู้สึกว่า กำลังทำสิ่งที่ดีงาม ให้แก่ผู้ตายท่านเหล่านี้เป็นครั้งสุดท้าย.




โดย: yyswim วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:22:39:11 น.  

 


ปัญหาของนิติเวช รามาฯ





เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2549 ผู้สื่อข่าว "คม ชัด ลึก" ได้รับอีเมล์ฉบับหนึ่ง มีใจความระบุว่า


"เครื่องสำอางที่หมดอายุแล้ว...อย่าทิ้งนะคะ ขอเชิญชวนกันมาทำบุญ ด้วยการส่งไปบริจาคที่ รพ.รามาฯ เพื่อนำไปแต่งหน้าศพที่ยากจนค่ะ ที่อยู่ตามนี้เลยนะคะ แผนกนิติเวช (บริจาคเครื่องสำอางแต่งศพ) รพ.รามาธิบดี เลขที่ 270 ถนนพระราม 6 แขวงราชเทวี เขตพญาไท กทม.10400 จะได้บุญมากๆ นะคะ เพราะช่วยให้คนที่จากไปแล้ว สวยเป็นครั้งสุดท้าย ช่วยส่งต่อเยอะๆ นะคะ"


เมื่อได้รับอีเมล์ฉบับดังกล่าว ผู้สื่อข่าว "คม ชัด ลึก" ได้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ รพ.รามาฯ พบว่าบรรยากาศภายในหน่วยนิติเวช รามาฯ เต็มไปด้วยความวุ่นวาย เจ้าหน้าที่ต้องรับสายโทรศัพท์ที่ติดต่อเข้ามาเพื่อขอบริจาคเครื่องสำอางตลอดทั้งวัน ขณะที่อีกส่วน ต้องคอยรับพัสดุและคอยต้อนรับผู้ที่นำเครื่องสำอางมาบริจาคด้วยตนเอง มีตั้งแต่แปรงปัดขนตา ลิปสติก แป้งรองพื้น ดินสอเขียนขอบตา ดินสอเขียนขอบปาก ที่ดัดขนตา กรรไกรตัดเล็บ ครีมกันแดด ครีมสปา ฯลฯ โดยเครื่องสำอางที่นำมาบริจาคนั้น มีทั้งที่ใช้แล้ว มีที่หมดอายุ และเป็นของใหม่ที่ยังไม่ได้แกะห่อออกใช้ ทั้งส่วนใหญ่เป็นของดีมียี่ห้อ ส่งมาจากทั่วทุกสารทิศทุกจังหวัด


พล.อ.ต.น.พ.วิชาญ เปี้ยวนิ่ม หัวหน้าหน่วยนิติเวช รพ.รามาธิบดี เปิดเผยว่า ช่วง 2 วันที่ผ่านมา เกิดความปั่นป่วนขึ้นในหน่วยนิติเวช มีโทรศัพท์เข้ามาทุกๆ 5 นาที โดย 80% มีความประสงค์ที่จะบริจาคเครื่องสำอางสำหรับแต่งหน้าศพ ซึ่งทุกคนระบุคล้ายกัน ถึงที่มาของความต้องการบริจาคว่า ได้รับอีเมล์ฉบับหนึ่ง และได้อ่านกระทู้ข่าวในเว็บไซต์หลายแห่งว่า หน่วยนิติเวช รพ.รามาฯ ต้องการรับบริจาคเครื่องสำอางที่หมดอายุแล้ว เพื่อใช้ในการแต่งหน้าศพยากไร้ นอกจากจะมีผู้โทรศัพท์แจ้งความประสงค์เข้ามาแล้ว เจ้าหน้าที่ยังจะต้องคอยรับพัสดุที่มีคนส่งเครื่องสำอางเข้ามาบริจาค บางคนถึงขั้นเดินทางมาบริจาคด้วยตัวเอง โดยตลอด 2 วันที่ผ่านมา จากการคำนวณคร่าวๆ ขณะนี้มีเครื่องสำอางมากกว่า 1 หมื่นชิ้น คาดว่าจากนี้ไปอีก 20 ปี ก็ยังใช้ไม่หมด


"ผมขอยืนยันว่า หน่วยนิติเวชไม่เคยมีนโยบายขอรับบริจาคเครื่องสำอางเหล่านี้ เนื่องจากเครื่องสำอางที่มีอยู่มีเพียงพอ ไม่จำเป็นจะต้องขอรับบริจาค และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหาการขาดแคลนเครื่องสำอาง เพราะเมื่อมีผู้เสียชีวิต ญาติๆก็จะนำเครื่องสำอางมาให้ด้วย เมื่อใช้เสร็จก็มอบให้หน่วยฯ ซึ่งสามารถจะนำมาใช้ต่อได้ เครื่องสำอางที่มักใช้บ่อย ก็มีพวกแป้งผัดหน้ากับลิปสติก ซึ่งชุดหนึ่งก็ใช้ได้นานมาก”


“สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ น่าจะเป็นการเข้าใจผิด เป็นไปได้ว่า อาจจะคนเข้ามาทำธุระในหน่วยฯ แล้วฟังข้อความไปผิด และนำไปโพสต์แล้วส่งอีเมล์ต่อๆกันไป จนเกิดเรื่องขึ้น" พล.อ.ต.น.พ.วิชาญ กล่าว


หัวหน้าหน่วยนิติเวช รพ.รามาฯ ได้กล่าวขอบคุณ ผู้มีน้ำใจทุกๆ คนที่บริจาคเครื่องสำอางเหล่านี้เข้ามา เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น ชี้ให้เห็นว่า คนไทยเรามีน้ำใจกับเพื่อนร่วมชาติ แม้จะเป็นผู้ที่ไม่มีชีวิตแล้วก็ตาม แต่ถึงขณะนี้ ก็ต้องขอทำความเข้าใจกับผู้มีน้ำใจทุกคนว่า ไม่ต้องส่งเครื่องสำอางมาอีกแล้ว หากต้องการความช่วยเหลือในด้านใด ทางโรงพยาบาลจะประกาศแจ้งอย่างเป็นทางการผ่านสื่อแขนงต่างๆเอง”


นางมณี บุญเคลิ้ม เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป หน่วยนิติเวช รพ.รามาฯ เล่าว่า


“ 2 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องปวดหัวมาก เพราะต้องรับทั้งโทรศัพท์ รับกล่องพัสดุ รวมทั้งต้องรับของบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาที่เดินทางนำเครื่องสำอางมาบริจาคด้วยตัวเอง จนเจ้าหน้าที่ไม่มีเวลาทำงานประจำ ครั้งแรกก็รู้สึกดี เพราะรู้ว่าคนไทยเรามีน้ำใจ แต่พอหนักๆเข้า เจ้าหน้าที่ก็เริ่มบ่น เพราะว่าทำงานประจำกันไม่ทันเลย ที่สำคัญงานประจำที่นี่ เป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดสูง อย่างไรก็ตาม เมื่อมีคนเข้ามาบริจาค เราก็ต้องรับไว้ ตอนนี้อยากจะบอกไปยังผู้ที่ได้รับอีเมล์ว่า เราไม่ได้ขาดแคลน และขอแสดงความขอบคุณในน้ำใจของทุกๆท่านด้วยค่ะ”


เช่นเดียวกับ น.ส.วาสนา พรมศิริ พนักงานบริษัทเอกชน ซึ่งส่งเครื่องสำอางไปบริจาคให้หน่วยนิติเวช รพ.รามาฯ กล่าวกับ "คม ชัด ลึก" ว่า


“ปกติเป็นคนที่ชอบบริจาคสิ่งของอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคให้คนยากไร้ หรือผู้ด้อยโอกาส คือเมื่อวันที่ 23 มกราคม ที่ผ่านมา ได้รับอีเมล์จากเพื่อนคนหนึ่ง หลังเลิกงานจึงไปรวบรวมเครื่องสำอางที่มีอยู่ ส่งพัสดุไปยัง รพ.รามาฯ”


"ฉันมีเครื่องสำอางอยู่จำนวนมาก ใช้บ้าง ไม่ได้ใช้บ้าง เก็บไว้ก็ไม่เกิดประโยชน์ พอได้รับอีเมล์ปั๊บ ก็คิดว่าโรงพยาบาลขาดแคลนเครื่องสำอางแต่งหน้าศพจริงๆ จึงกลับบ้าน แล้วรวบรวมส่งไปบริจาค เพราะคิดว่าจะเกิดประโยชน์กับคนอื่นๆ" น.ส.วาสนา กล่าว.



โดย: yyswim วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:22:39:54 น.  

 


ความคิดเห็นส่งท้ายBlog



ที่จริงคนเราไม่ว่าจะยากดีมีจน หรือมีตำแหน่งยศถาบรรดาศักดิ์ปานใดก็ตาม "ความตาย" ก็เป็นสิ่งที่คนเราหลีกเลี่ยงไม่ได้


กิจกรรมหลังความตาย ที่ญาติของผู้ตายจะต้องมี ก็คือ การเผาหรือฝังผู้ตาย การบอกกล่าวญาติมิตรเพื่อนฝูงและคนรู้จัก เพื่อจะได้ร่วมแสดงถึงความรัก ความอาลัยอาวรณ์ ความเคารพเลื่อมใสในชื่อเสียงคุณงามความดีของผู้ตาย


เมรุประดับดอกไม้




ผลงานร้อยดอกไม้




พรมทำด้วยดอกไม้




ทางเดินสู่เมรทำด้วยดอกไม้






แต่ในปัจจุบันญาติของผู้ตายหลายคน จะเพิ่มกิจกรรมในงานศพเรื่องความสวยงาม ความใหญ่โตอลังการ การไม่ยอมให้เสียหน้าของตนเองและของผู้ตายเข้าไปด้วย นั่นคือ ความพยายามจะทำให้งานศพสวยหรูสุดๆ แบบสั่งลาครั้งสุดท้าย …. แพงเท่าไหร่ไม่ว่า


ก็ ญาติของผู้ตาย เขาบอกว่า….

อยากจะให้ผู้ตายมีความสุขและมีหน้ามีตา น่ะ.




โดย yyswim


โดย: yyswim วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:22:41:26 น.  

 


สุสานเพื่อสิ่งแวดล้อม



ทางการท้องถิ่น ในรัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย เพิ่งอนุมัติแผนการสร้างสุสานแห่งใหม่ที่เมืองดาร์ลิงตัน ซึ่งนอกจากจะเป็นสถานที่ฝังศพที่มีค่าใช้จ่ายถูกแล้ว ยังเป็นสุสานที่จะเป็นมิตรกับสภาพแวดล้อมอีกด้วย

สุสานแห่งนี้ อาจจะเรียกว่าพิธีฝังศพแบบสีเขียว เริ่มจากการให้นำศพใส่ถุงแทนที่จะให้ใส่โลงศพเหมือนที่อื่น และจะให้ถูกฝังในท่ายืน เพื่อจะได้เป็นการประหยัดพื้นที่ นอกจากนั้นเมื่อฝังศพเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว เมื่อมีต้นหญ้าต้นไม้ขึ้นมากพอสมควรแล้ว ก็จะอนุญาตให้มีการปล่อยให้สัตว์ต่างๆเข้าไปแทะเล็มหญ้าและต้นไม้ได้อีกด้วย

บริษัทพาราคอม ผู้สร้างสุสานไอเดียใหม่แห่งนี้กล่าวว่า ต้องการจะช่วยให้ผู้ตายกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของโลก โดยการสร้างความสกปรกให้แก่โลกให้น้อยที่สุด เพราะการฝังศพแต่ละครั้งจะใช้แต่สิ่งที่เป็นอันตรายต่อสภาพแวดล้อม แถมยังต้องใช้น้ำมันเผาศพ หรือเสียค่าบำรุงรักษา ในขณะที่การฝังศพของที่นี่ จะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและจะไม่แพงนัก เพราะสนนราคาต่อหนึ่งศพ จะอยู่ที่ 1,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 21,240 บาทเท่านั้น.






โดย: yyswim วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:22:42:21 น.  

 

Blog เรื่องวันนี้ ผมค้นมาให้ยาวววววว มาก

เขียนลงทีเดียว ไม่ได้ครับ เกินที่Bloggangจะรับwf
จึงต้องแบ่งลง



ผมคงจะไม่อยู่อีกหลายวัน แหล๊…
ที่จริง ก็อยากจะไปเยี่ยมเพื่อนๆผู้ใจดีทุกคน

ไม่ว่างครับ ไม่ว่าง ขนาดสระที่ว่าชอบ…ผมก็ยังอดไปเลย




โดย: yyswim วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:22:54:52 น.  

 
โห ข้อมูลเยอะมากๆๆๆ


โดย: น้องปลายชายอ้วน วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:23:11:35 น.  

 
ดีจริง ๆ ค่ะคุณสินที่ให้ข้อมูลที่ทุกคนในโลกนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะที่เตือนสติ


โดย: ซออู้ วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:23:16:27 น.  

 
เรื่องทั้งหมดนี้คงจะอ่านเพื่อประดับความรู้เท่านั้นค่ะ เพราะได้วางแผนอนาคตไว้แล้วว่า ไม่ว่าตายดีหรือไม่ ได้มอบร่างกายให้โรงพยาบาลศิริราชที่ตัวเองเกิดไปแล้ว
ไม่ต้องทำบุญ ไม่ต้องเสียเงิน ไม่ต้องใช้โลง ดีไหมคะคุณสิน ประหยัดได้เยอะเลย


โดย: ซออู้ วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:23:21:08 น.  

 

ขอโทษที ข้างบนในคอมเมนต์ที่ 2 ผมมีLinkไว้ให้ แต่เมื่อผมลองคลิกเข้าไป แล้วมันมี Error โดยผมก็ไม่ทราบสาเหตุ

ผมจึงขอทำLink ไว้ให้ใหม่อีกครั้งครับ

เว็ปไซต์ของ หจก.นนทบุรี สุริยา แคลายเชิญคลิกที่นี่




โดย: yyswim วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:23:22:33 น.  

 


หวังว่ากิจกรรมเหล่านี้คงไม่มาเกี่ยวข้องกับผมไวนัก


โดย: 9A วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:1:15:19 น.  

 
เรื่องนี้ยาวววววววว.....มากจริง ๆ
แต่ผมก็อ่านนะครับ ชอบโลงติดแอร์จะได้ไม่ร้อน
ไม่ชอบให้แต่งหน้าด้วย แต่ชอบดอกไม้

ขอบคุณพี่สินสำหรับรูปครับ ใช้ได้เลย


โดย: basbas วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:24:48 น.  

 
หลังตายเหนื่อยกว่าก่อนตายเป็นถมเลย


โดย: ดนย์ วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:14:18:22 น.  

 
ไอ้หย่า! มาอ่านเอาตอนกลางคืนซ่ะด้วยซิ

แต่ก็ดีครับ ได้เป็นความรู้รอบตัวครับ จริงๆแล้วคนเราเวลาสูญเสียคนรักไป(แบบไม่กลับ) ก็ย่อมมึนงง อยู่พักหนึ่ง จะทำอะไรไม่ถูก โดยมากก็จะต้องถามจาก คนที่เคยผ่านตรงจุดนี้มาก่อน สัปเหร่อน่าจะเป็นตัวช่วยได้ดี ว่าต้องจัดเตรียมอะไรบ้าง

เท่าที่ดูแล้ว จัดพิธีงานศพในกรุงเทพนี่ รวบรัดตัดทอนขั้นตอนได้ดีนะครับ ผิดกับแถวบ้านผมที่ปักษ์ใต้ ขั้นตอนการเลี้ยงดูปูเสื่อแขกที่มางานนี่ เยอะมากครับ เยอะจนแขกที่มาจากต่างถิ่น(ภาคอื่นๆ) งงไปเลยครับ


โดย: merf1970 วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:19:14:50 น.  

 
รู้ว่าเจ้าของบ้านไม่อยู่ เลยแอบมาชมโลงสวย ๆ ค่ะ
เดี๋ยวนี้เขาพัฒนาไปมาก น่าใช้ แต่ไม่ควรใช้นะคะ
แล้วก็มาดูการแต่งหน้าศพ เขาใช้เครื่องสำอางยี่ห้ออะไรกันบ้างนะคะ
เรียกว่าตอนดี ๆ สวยอยู่แล้ว ตอนตายต้องให้สวยกว่า


โดย: ซออู้ วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:21:44:12 น.  

 
ขอบคุณสำหรับความรู้หลังความตายค่ะ ...
อ่านแล้วสงสารคนที่อยู่ข้างหลังที่ต้องเป็นธุระให้ หลังจากที่เราจากไปจัง คงจะเหนื่อยน่าดูเลยค่ะ ...


โดย: ตะกร้าหวายสีขาว วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:23:29:34 น.  

 
อ่านไป..กลัวไปอ่ะ ได้ความรู้ดีจังค่ะ คิดถึงนะคะ


โดย: HACKER HUNTING in The City วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:0:28:30 น.  

 
ข้อมูลเยอะจังเลย


โดย: ^^ IP: 203.114.112.26 วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:0:33:11 น.  

 
มารับคู่มือครับ 555


โดย: ดำรงเฮฮา วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:1:39:06 น.  

 
อันดับแรก ยอมรับค่ะว่า อ่านไม่ครบถ้วนทุกตัวอักษร เป็นเหตุผลมาจากการปฏิเสธที่จะยอมรับความเป็นจริงของชีวิต

วัดหลายวัดในกรุงเทพ มักจะเป็นธุรกิจครบวงจรค่ะ


โดย: mda IP: 203.159.0.10 วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:9:30:58 น.  

 
เอิ๊ก ยาวมากๆๆ เมื่อวานจะเข้ามาโพสต์แต่โพสต์ไม่ติดซะได้ สงสัย...ต้องทำดีไว้บ้างให้คนอื่นระลึกถึงยามที่ต้องจากลา


โดย: bite25 วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:27:30 น.  

 
แวะมาเยี่ยมคุณสินค่ะ สบายดีนะคะ


โดย: กระบุงกระหนุงกระหนิง IP: 219.10.4.140 วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:13:17:13 น.  

 
พี่สินครับ รูปคนนั่งทำงานบนโถส้วมที่ให้ผมน่ะ รูปพี่สินหรือเปล่าครับ ผมชอบรองเท้าของพี่มาก เท่จริงๆ
เดินทางกลับปลอดภัยนะค้าบบบบบ


โดย: basbas วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:19:08:04 น.  

 
ขอชมเชยว่าคุณสินหาข้อมูลมาเขียนได้ชัดเจนมาก เชื่อว่าหลายๆคนไม่เคยอ่านเรื่องแบบนี้มาก่อน ทุกอย่างมันเกี่ยวข้องกันเป็นกระบวนการที่น่าสนใจ
ผมเคยแต่ทราบมาว่า ศูนย์วิจัย ธ.กสิกรไทย เคยทำการวิจัยเรื่องนี้ไว้ แต่นั่นมันก็เป็นเพียงรายงานการวิจัย ไม่น่าอ่านเหมือนข้อเขียนของคุณสินชิ้นนี้ครับ
ขอบคุณที่นำเสนอเรื่องดีๆมาให้อ่านประจำครับ


โดย: หนุ่มร้อยปี (หนุ่มร้อยปี ) วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:20:45:57 น.  

 
ดีครับ..ได้อะไรๆหลายอย่างเพิ่มพูนขึ้นเยอะ


โดย: sananda (sananda ) วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:21:05:36 น.  

 
ผมนึกว่ากิจกรรมหลังความตายคือการไปเข้าฝันใบ้หวยครับ


โดย: พลทหารไรอัน วันที่: 18 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:29:08 น.  

 
โหเป็นกิจกรรมที่ยุ่งยากและใช้เงินมากโข


โดย: ณ มน วันที่: 18 กรกฎาคม 2549 เวลา:13:19:57 น.  

 
ง่ะ เปิด Blog คุณสินตอนเที่ยงคืนพอดี เห็นหัวข้อ Blog แล้วจาเป็นลม ไม่กล้าอ่านเนื้อเรื่องต่อ ความตายมันเลี่ยงไม่ได้ก็จริง แต่อ่านตอนกลางวันก็แล้วกันนะ อิอิ
แอบหนีไปเที่ยวมาค่ะ กลับมางานท่วมหัวเลย ไว้ค่อยเข้ามาทักทายใหม่เน้อ


โดย: ladybear วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:0:03:51 น.  

 
มาเยี่ยมคุณสินค่ะ
ขอให้ปลอดภัยตลอดการเดินทางนะคะ


โดย: ซออู้ วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:10:25:39 น.  

 
มาเยี่ยมยามพักเที่ยงครับ เดินทางดีๆนะครับ


โดย: bite25 วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:32:39 น.  

 
ทุกคนหนีไม่พ้น...ข้าว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น
ข้าเตรียมงบประมาณไว้ให้คนที่จัดการศพของข้าประมาณ 3แสนบาท ส่วนที่เหลือเองเก็บไว้ใช้เอง
ศพของข้าคงไม่ยุ่งยากเพราะข้าจะเป็นอาจารย์ใหญ่อีกรอบ
ข้าอุทิศอวัยวะร่างกายทุกส่วนให้แก่โรงพยาบาลจุฬาฯไปเรียบร้อยแล้วเมื่อหลายปีก่อน
ขี้เถ้าและเศษกระดูกทีเหลือจากการเผาน่าจะฝังดินทำปุ๋ยคงจะมีประโยชน์กว่าเอาไปลอยน้ำทำให้น้ำเสียได้
ข้าเตรียมความพร้อมตั้งแต่เข้าผ่าตัดหมอนลองกระดูกแตก แต่ก็อยู่มาได้อีก 2 ปี...เอวัง


โดย: U2 IP: 61.90.184.202 วันที่: 20 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:28:43 น.  

 
ผมกลัวผี
แต่ยังสงสัยว่า คนตายไป เป็นผีทุกคนไหม
คนดี กะคนเลว เป็นผีเหมือนกันไหม..
..
สัปเหร่อ เป็นอาชีพที่น่านับถือ............ผมว่าเป็นยากกว่า นายก อีก


โดย: แร้ไฟ วันที่: 21 กรกฎาคม 2549 เวลา:3:37:43 น.  

 

เพราะผมไปตาก(เขื่อนภูมิพล) กับไปลำปาง(แม่เมาะ) ช่วงที่ไปหลายวันนี้ จึงไม่ได้ Up Blog และไม่ได้ไปเยี่ยม Blog ของเพื่อนๆเลยครับ

ที่เขื่อนภูมิพล อากาศดี เป็นป่าเลยทีเดียว (ที่แม่เมาะก็อากาศดี) มีต้นไม้สูงๆประเภทหลายคนโอบเยอะ ไม่ร้อน เพราะมีเมฆฝนครึ้มแทบทั้งวัน และมักจะให้ความเย็นโดยตกปรอยๆลงมา ไม่ค่อยตกหนัก พอจะเดินตากฝนได้ ที่นั่นได้กินอาหารปลาและผักทุกมื้อเลย

เล่าข้อมูลซะหน่อย……เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2507 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิด เขื่อนภูมิพล และได้พระราชทานพระปรมาภิไธยให้ชื่อเขื่อนว่า "เขื่อนภูมิพล" เป็นเขื่อนใหญ่แห่งแรก และเป็นเขื่อนคอนกรีตรูปโค้งแห่งเดียวของประเทศไทย


เขื่อนภูมิพล








เขื่อนภูมิพล สร้างขวางกั้นลำน้ำปิง บริเวณเขาแก้ว อ.สามเงา จ.ตาก ตัวเขื่อนมีความสูงจากฐานราก 154 ม. ความยาวของสันเขื่อน 468 ม. ความกว้างของสันเขื่อน 6 ม. รัศมีความโค้ง 250 ม.

อ่างเก็บน้ำมีความจุ 13,462 ล้านลูกบาศก์เมตร ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าทั้งหมด 8 เครื่อง รวมกำลังการผลิต 743,800 กิโลวัตต์ และได้มีการปรับปรุงเครื่องกำเนิดไฟฟ้าให้ทันสมัยขึ้นตามเทคโนโลยียุคใหม่ สำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเครื่องที่ 8 เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าชนิดสูบกลับ สามารถเดินเครื่องได้ 2 ระบบ คือ สามารถเดินเป็น Pump เพื่อสูบน้ำกลับไปเก็บที่อ่างเหนือเขื่อน และ สามารถเดินเป็น Generator ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ตามปกติ

นอกจากนี้ยังมี เขื่อนแม่ปิงตอนล่าง เพื่อทำหน้าที่เก็บกักน้ำไว้ส่วนหนึ่ง สำหรับให้เครื่องที่ 8 สูบกลับไปใช้งาน


เขื่อนแม่ปิงตอนล่าง




โดย: yyswim วันที่: 21 กรกฎาคม 2549 เวลา:15:55:44 น.  

 

น้องปลายชายอ้วน….น้องปลาย ชื่อน่ารัก ซะ
แถมมีคำว่า ชายอ้วน

ดับเบิ้ลชื่อน่ารักเลย


คุณซออู้…..ขอบคุณครับ ที่มาอยู่เป็นเพื่อน ที่บล็อก “ความตาย”
หุหุ กรุณามาอยู่ถึง 4 รอบเลย
ผมม่ายรุ จะขอบคุณน้ำใจยังไงดี ขอบคุณๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ที่ถามเรื่องเครื่องสำอางแต่งหน้าผู้ตาย เป็นเครื่องสำอางชั้นดีนะครับ ส่วนใหญ่ก็เป็นของใช้ส่วนตัวของผู้ตาย เป็นรุ่นเป็นสีที่ผู้ตายชอบ เพราะเจ้าภาพจะนำมาให้แต่ง สำหรับศพคนยากคนจนก็จะได้รับความสวยงามจากเครื่องสำอางเหล่านี้ด้วย

สำหรับเรื่องฝีมือ ถ้าผู้ตายมีฐานะ ก็สามารถจ้าง เมคอัพอาร์ทิสต์ ได้ อาจจะแพงหน่อย แต่ก็ เจ้าภาพที่เขามีฐานะ เขาก็ไม่เกี่ยงอยู่แล้ว ทีนี้สำหรับคนยากคนจน ก็แต่งโดยคุณพยาบาลเจ้าของไข้ ราคาประมาณ 200-300 บาท ผมเองคิดว่า ความชำนาญคงจะช่วยให้คุณพยาบาลแต่งหน้าศพ แล้วดูสวยนะครับ

คุณซออู้ โรงพยาบาลที่คุณเกิด ตอนนี้ดังมากครับ ข่าวคงจะออกไปถึงต่างประเทศ ผมเองเกิดที่อำเภอในต่างจังหวัด ด้วยฝีมือของคุณผดุงครรภ์ ไม่ใช่ผ่านมือหมอด้วยซ้ำ

ร่างกายและดวงตา ผมบริจาคแล้วเหมือนกันครับ บริจาคให้กับสภากาชาด




โดย: yyswim วันที่: 21 กรกฎาคม 2549 เวลา:15:57:22 น.  

 

9A……รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ขับรถอย่าประมาท อ้อ มองเสื้อชูชีพ มองทางออกในโรงแรมไว้บ้างนะครับ

ไง ไง บ้านเราไม่ค่อยเจอภัยธรรมชาติมาก
9A คงจะอยู่ไปอีก ร้อยปี


น้องBas……พี่ก็ชอบนอนแอร์ เหมือนกัน
อิอิ ตอนตัวเป็นๆน่ะ

แต่ตอนตาย จะได้นอนเย็นๆหรือเปล่า อันนี้ไม่รู้
คงไม่เป็นอะไร ในสระ น่ะน้อง




โดย: yyswim วันที่: 21 กรกฎาคม 2549 เวลา:15:58:18 น.  

 

ดนย์…..รู้งั้น ต้องอย่าตาย อิอิ


Merf……เห็นจริงด้วย ไปพักธรรมรินทร์ธนา ทีไร แถวบ้านนาย ที่ตรัง งานศพเขามีโต๊ะจีน มีวงไพ่เป็นเพื่อนผู้ตายด้วย เปิดไฟสว่างเชียว



โดย: yyswim วันที่: 21 กรกฎาคม 2549 เวลา:16:03:39 น.  

 

คุณตะกร้าหวายสีขาว…….เห็นบอกว่า “อ่านแล้วสงสารคนที่อยู่ข้างหลังที่ต้องเป็นธุระให้ หลังจากที่เราจากไปจัง คงจะเหนื่อย”

เขาทำให้ด้วยความรักความอาลัยเป็นที่สุดนะครับ

แต่มีอยู่อย่างหนึ่ง ….ผมมองเห็นทีไร ก็สะท้อนใจ คือ

งานศพบางศาลา คนโหรงเหรง โหวงเหวงมาก นึกถึงใจเขาใจเราแล้วอยากไปร่วมฟังพระสวดที่ศาลาเขา เพิ่มอีกคน ….แต่ปัญหา ผมไม่รู้จักเขา นี่สิ


น้องกอล์ฟ…..ขอบคุณคนดีที่บอกว่า อ่านแล้วได้ความรู้

เรื่องหน้า เป็นเรื่องความรู้ร้ายอีกละ ….เรื่องคุก

แต่ไม่ต้องตกใจ เรื่องถัดๆไปจะลองมองหาเรื่องถนัดๆของน้องกอล์ฟ มั่งดีกว่า

น้องกอล์ฟถนัดอะไรล่ะ?



โดย: yyswim วันที่: 21 กรกฎาคม 2549 เวลา:16:04:42 น.  

 

ดำฮา…..จะรับคู่มือ คนตาย หรือ คนคุก อิอิ
พอดีว่า ผมเขียนต่อเนื่องกัน น่ะ


MDA…..แค่คุณแวะมาเยี่ยม โดยไม่ต้องอ่าน ก็ดีใจหลายแล้ว
อ่านBlogเรื่องของผม ไม่ต้องจบก็ได้นะครับ

คืองี้ ผมชอบเขียนแต่เรื่องแบบว่า คล้ายๆหนัง สปีลเบิร์ก หรือ โอลิเว่อร์ สโตน หนังเรื่องเล็ก ยังไม่ค่อยชอบทำ หนังแบบนี้ คนไม่ค่อยชอบดูกันหรอก แบบว่า หนังโคตรหนัก




โดย: yyswim วันที่: 21 กรกฎาคม 2549 เวลา:16:05:41 น.  

 

น้องไบ๊ท์…..เข้าBlogผมยากเหรอ หรือว่าเข้าBlogของคนอื่นก็เข้ายาก

หล่อลื่นซิครับ ใช้น้ำมันหล่อลื่น อิอิ


คุณกระบุงกระหนุงกระหนิง…..หายตัวเข้ามาเยี่ยม
สบายดีคร้าบ



โดย: yyswim วันที่: 21 กรกฎาคม 2549 เวลา:16:06:46 น.  

 

น้องbas…..ม่ายช่ายรูปพี่สิน น่อ

ขอขำที เอิ๊ก เอิ๊ก


คุณหนุ่มร้อยปี…..ถ้าคุณชอบอ่านเรื่องสาระ ขอเชิญที่นี่ด้วยความยินดีเสมอ

แนวการเขียนของผม จะชอบเขียนเรื่องแปลกๆครับ และมักจะค้นหาข้อมูลมากๆ

คงจะด้วยวัยกระมัง ….เพราะไม่ใช่เด็ก อิโหน่เนะ แล้ว



โดย: yyswim วันที่: 21 กรกฎาคม 2549 เวลา:16:08:13 น.  

 

คุณ sananda…..ยินดีครับ ยินดีที่คุณเข้ามาอ่านข้อมูลยาวๆ


พลอั้น……กิจกรรมใบ้หวย มีพระบางรูป ทำอยู่แล้ว
มิกล้า มิกล้า



โดย: yyswim วันที่: 21 กรกฎาคม 2549 เวลา:16:09:27 น.  

 

คุณ ณ มน……คงจะยุ่งนะครับ หากที่บ้านทำกิจกรรมแบบนี้เป็นครั้งแรก

จะลดทอนลงได้ โดยใช้บริการงานศพครบวงจรครับ


คุณladybear…..ได้ไปเที่ยวที่ไหนมารึครับ
เป็นกิจกรรมแบบส่งเสริมสุขภาพด้วยหรือเปล่า เช่น ว่ายน้ำ ดำน้ำ นะครับ

ผมตั้งใจอยู่เหมือนกันว่า จะเขียนเรื่องเกี่ยวกับน้ำ เพราะไม่ได้เขียนมา นานมากกกก

เจตนาที่จะเขียน ก็เพื่อจะช่วยเรื่อง ลดหน้าท้องของคุณผู้หญิง หวังจะให้สวมยีนส์แล้วดูดี น่ะครับ

ตอนนี้ นั่งค้นหาข้อมูลไปเรื่อยๆ



โดย: yyswim วันที่: 21 กรกฎาคม 2549 เวลา:16:11:17 น.  

 

U2…..นาย น่ะกระดูกเหล็กกล้า ไม่ตายง่ายๆหรอก

โห ตั้งเงินค่าหัว(งานศพ) ตั้งสามแสน

อิอิ ไหนว่า อยากจะเป็นอาจารย์ใหญ่ให้นิสิตแพทย์
แบบนี้ ตัวไม่อยู่ ไม่ต้องจัดงานศพ ไม่ได้เรอะ


แร้……คนดีเขาว่าขึ้นสวรรค์ คนไม่ดีก็ตกนรก

แต่ที่ตายแล้วไปเป็นผี เพราะห่วงแฟน(แม่นาค) ห่วงสมบัติ(พวกคุณปู่ที่เฝ้าสมบัติ) แล้วก็พวกยังมีความแค้นอาฆาต

แร้ ดีหมดทุกอย่างนี่
งั้น ทางสวรรค์ขอเรียนเชิญ คริ คริ คริ




โดย: yyswim วันที่: 21 กรกฎาคม 2549 เวลา:16:13:15 น.  

 
ย้อนกลับมาอ่าน ได้ข้อมูลและสาระเพียบเลยครับ
ผมลงชื่อบริจาคอวัยวะไว้แล้ว ถ้าได้บริจาคจริงๆ
ทางสภากาชาดจะจัดพิธีให้เรียบร้อย
ญาติสามารถรอรับอัฎฐิได้เลยครับ


โดย: Mint@da{-"-} วันที่: 24 กรกฎาคม 2549 เวลา:17:21:09 น.  

 
ความรู้ใหม่นะที่อ่านเนี่ย หาข้อมูลได้เยอะมาก ไม่เคยทราบมาก่อนว่ากิจกรรมสุดท้ายของชีวิตจะซับซ้อนขนาดนี้ขอบคุณค่ะ


โดย: supawan IP: 124.120.64.193 วันที่: 13 สิงหาคม 2551 เวลา:23:48:32 น.  

 
ถ้าไม่มีตักเขาจะให้เผาไหมนี่
ดูเป็นธุรกิจเลย
บิณฑบาทเขาฉันแล้ว
ก็ต้องสงเคราะห์เขาด้วยท่าน
ไม่ใช่มาใส่ราคาประกาศปาวๆ
สธุ


โดย: peak IP: 117.47.184.103 วันที่: 28 ธันวาคม 2551 เวลา:16:21:15 น.  

 
อยากเปิดกิจการขายโลงบ้างจังเลยต้องทำอย่างไร ไม่มีตังง่ะ......ต้องไปกู้แบงค์ใช่ไหม


โดย: pat IP: 124.122.130.150 วันที่: 28 เมษายน 2552 เวลา:15:39:16 น.  

 
เครื่องสำอางค์หมดอายุนี่ตกลงว่ามีที่รับบริจาคหรือเปล่าอ่ะคะ...แต่รามาคงไม่ต้องการแน่ๆ เลย..เพิ่งได้เมล์ของรามาเองค่ะ...


โดย: หมูอ๊วนอ้วน IP: 58.9.29.238 วันที่: 25 พฤษภาคม 2552 เวลา:3:14:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

yyswim
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]





บล็อกสรรสาระนี้ จขบ.ไม่ได้เขียน-ไม่ได้ถ่ายภาพ-ไม่ได้อัพโหลดคลิปเอง หากแต่ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการบล็อก เสาะหาเรื่องดีๆ รูปสวยๆ คลิปแปลกๆ มาไว้ในบล็อก


ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม ขอเชิญชมหรืออ่านตามสบาย ไม่ต้องคอมเมนต์ก็ได้ จขบ.ชอบการเข้ามาเยี่ยม แบบกันเอง ง่ายๆ สบายๆ




เริ่มเขียนBlog เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2548


เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2550 เวลา 23.30 น.


เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม




Latest Blogs

New Comments
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2549
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
15 กรกฏาคม 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add yyswim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.