กรุงชิง เป็นชื่อสถานที่ อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาหลวง ในท้องที่ ต.กรุงชิง กิ่งอำเภอนบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ...เขาหลวง เป็นภูเขาที่สูงที่สุดของภาคใต้ มีความสูง1,835 เมตร ....ในขณะที่ดอยอินทนนท์ ภูเขาที่สูงที่สุดของไทย สูง 2,565 เมตร
ในอดีต มีชาวบ้านขึ้นไปหาของป่า ปลูกกระต๊อบทำมาหากินกระจายอยู่ทั่วไปในเขตป่ากรุงชิง.... และพื้นที่ป่าแห่งนี้ เคยเป็นพื้นที่ที่มีประวัติการต่อสู้อันเกิดจากความขัดแย้งในด้านความคิด ระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยกับรัฐบาล ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2517 ....ต่อมาฝ่ายรัฐบาลสามารถยึดพื้นที่ป่ากรุงชิงกลับคืนมาได้ในปี 2524 ทำให้พรรคคอมมิวนิสต์ที่ป่ากรุงชิงแตก
คำว่า ชิง เป็นชื่อของ ต้นชิง ซึ่งเป็นพืชในตระกูลปาล์มที่มีอยู่มากในบริเวณนี้
สภาพพื้นที่ของป่ากรุงชิง เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์บนภูเขาและในหุบเขา มีต้นไม้ใหญ่จำนวนมาก มีสัตว์ป่า มีนกหลากหลายพันธ์ และมีทาก .... อากาศบริเวณนี้มีความชื้นสูง และมีฝนตกชุก
ต้นไม้ที่อยู่หน้าบ้านพัก ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาหลวง
บ้านพักในอุทยาน บางหลังจะมี 1 ห้องนอน บางหลังจะมี 2 - 4 ห้องนอน โดย 1 ห้องนอน จะมี 4 6 เตียง ไม่มีโทรทัศน์ ไม่มีพัดลม ไม่มีแอร์ และไม่มีคลื่นโทรศัพท์...มีเพียงมุ้งลวด. หมอน ผ้าห่มที่สะอาดปานกลาง มีห้องน้ำเป็นแบบโถยอง มีถังน้ำให้ตักอาบ และมีฝักบัวอาบน้ำ แต่ไม่มีสะบู่ ไม่มีแชมพู และไม่มีผ้าเช็ดตัว จะต้องนำไปเอง.... ไฟฟ้ามี เสียงจักจั่น เสียงนกร้องมี และเสียงฝนตกบนหลังคา ก็มี อุ อุ อุ
บ้านพักทาร์ซาน มีเพียงหลังเดียวในอุทยานแห่งนี้ ถ้าอยากจะใช้บริการเช่าพัก จะต้องจอง... แต่ขอบอกว่า ปีนขึ้นลงไม่ง่ายเลยยิ่งตอนดึกๆ หลังคารั่วฝนในบางจุด และมีแมลงเยอะกว่าที่บ้านพัก
น้ำตกกรุงชิง เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ เกิดขึ้นจากคลองกรุงชิง ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของลำธารหลายสายบนเขาหลวง ไหลผ่านหุบผาหินแกรนิตและลดระดับลงตามความลาดเอียงของภูเขา กลายเป็นน้ำตกอันสวยงาม
.เป็น 1 ใน 10 ของน้ำตกของไทยที่ ททท.แนะนำให้ไปเยือน
ความสูงของน้ำตก ชั้นที่ 2 หนานฝนแสนห่า สูงประมาณ 80 เมตร
.. สังเกตตัวคนกับน้ำตก ซิ
ผืนป่าบนเขาหลวงนี้ ยังเป็นต้นกำเนิดของน้ำตกอื่นๆด้วย นอกจากน้ำตกกรุงชิงแล้ว ยังมีน้ำตกพรหมโลก(น้ำตกที่บางแอ่งน้ำจะห้ามลงเล่นเพราะมีน้ำวน) น้ำตกกะโรม และน้ำตกอ้ายเขียว
อนึ่ง เขาหลวง ซึ่งอยู่ในบนเทือกเขานครศรีธรรมราชนั้น ยังเป็นแหล่งต้นกำเนิดของแม่น้ำปากพนัง แม่น้ำตาปี และแม่น้ำตรังอีกด้วย
น้ำตกกรุงชิง มีด้วยกัน 7 ชั้น..... ชั้นที่ 7 ชื่อว่า วังเรือบิน
..ชั้นที่ 6 ชื่อว่า หนานต้นตอ
.. ชั้นที่ 5 ชื่อว่า หนานโจน
ชั้นที่ 4 ชื่อว่า หนานจน
ชั้นที่ 3 ชื่อว่า หนานปลิว
ชั้นที่ 2 ชื่อว่า หนานฝนแสนห่า
.และชั้นที่ 1 ชื่อว่า หนานมัดแพ
การเดินทางไปเที่ยวน้ำตกกรุงชิง เส้นทางเดินของน้ำตกที่นี่จะแปลกกว่าที่น้ำตกอื่น เพราะทันทีที่ไปถึงน้ำตก จะเจอชั้นที่ 7 วังเรือบิน ซึ่งเป็นบริเวณชั้นสูงสุดของน้ำตกกรุงชิงก่อนชั้นอื่นๆ
และหากท่านเดินไล่ต่ำลงไป จะเจอชั้นที่ 6 5 4 3 2 1 ตามลำดับ แต่จะเป็นอันตรายมากหากเดินไล่ไปตามชั้นหน้าผาของน้ำตก.... ทางอุทยานแห่งชาติเขาหลวง จึงทำช่องทางเดินป่าให้ผู้มาเที่ยวน้ำตก เดินลงไปสู่ ชั้นที่ 2 หนานฝนแสนห่า โดยตรงเลย.... หนานฝนแสนห่า เป็นชั้นน้ำตกที่สวยที่สุดของน้ำตกกรุงชิงแห่งนี้
หนานฝนแสนห่า สายน้ำจะตกลงมาจากหน้าผาสูงประมาณ 80 เมตร (บางเอกสารบอกว่าประมาณ 100 เมตร) กระแสน้ำแผ่เป็นผืนกว้าง กระจายออกเป็นละอองราวกับสายฝน ไม่จับตัวกันเหมือนสายน้ำตกอื่น.. หากใครไปยืนอยู่ใต้กระแสน้ำตก จะมีน้ำเม็ดเล็กเม็ดน้อยพรั่งพรู รดลงบนศรีษะนับหมื่นนับแสนเม็ด แต่จะรุนแรงมาก หากใครสามารถยืนได้นานราว 5 นาที ก็นับว่าเก่งแล้ว เพราะเมื่อเดินออกมา งี้... ไหล่และหลังจะมีเลือดฝาดสีแดงให้เห็นชัดเจนทีเดียว นี่แหละ จึงเป็นที่มาของชื่อ ฝนแสนห่า
การเข้าชมน้ำตกกรุงชิง จะต้องเดินด้วยเท้าจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาหลวง ....อ้อ ณ บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาหลวง เมื่อมาจาก จ.นครฯ มาโดยถนนสายจังหวัด รถบัสไม่สามารถขับเข้าไปถึงอุทยานแห่งชาติ เพราะถนนแคบเลนเดียว และสภาพถนนไม่ดี ถนนวิ่งโค้งไปมา แถมมีฝนตกบ่อย หากรถบัสจะขับฝ่าเข้าไปอาจจะมีปัญหาตอนรถสวนกันกับรถคันอื่น ฉะนั้น ทางที่ดีควรจะเปลี่ยนรถเข้าไปสู่อุทยานแห่งชาติเขาหลวงด้วยรถรับจ้างสองแถวจะดีกว่า ....แต่รถเก๋ง รถตู้ ขับเข้าไปได้
จากอุทยานแห่งชาติเขาหลวง... การเดินป่าเข้าสู่น้ำตกกรุงชิง ระยะทาง 3.7 กิโลเมตร ประมาณเวลาเดินราวชั่วโมงครึ่ง นับระยะเวลาเดินไป - กลับ ก็ประมาณ 3 ชั่วโมง มีทั้งเดินขึ้นเนินเดินลงเนิน มีการปีนป่ายในบางช่วงด้วย แต่ข้อสำคัญ อาจต้องเดินตากฝน แบบที่ผมประสบมาเองโดยตรง
เส้นทางเดินป่า แคบ เหมาะกับการเดินแบบแถวตอนเรียงหนึ่ง..... ในช่วงแรกๆ จะเป็นถนนคอนกรีต แต่ พอเดินไป เดินไป ถนนก็เริ่มชำรุด แล้วก็เปลี่ยนเป็นเดินบนช่องทางเดินป่า
ทางเดินเริ่มรก ทางเดินเริ่มเดินขึ้นควน (ขึ้นเนิน)
เจอใบไม้ในป่า...โห ใบใหญ่ยักษ์
ในทะเล ผมเคยรู้ว่า ปลาบางตัว ปะการังบางชิ้น ห้ามจับต้อง เพราะมีอันตราย ... ในป่า ก็เช่นเดียวกัน มีเสียงบอกต่อๆกันมาจากหัวแถวว่า.... ห้ามจับต้นไม้นี้ เพราะอันตราย....
อู้ว์... มัน ต้น อะไร ของมัน น่ะ?
บางบริเวณ ทางเดินก็ลื่น เพราะฝนตกจนทางเดินดินเหนียวนั้นลื่น ต้องเดินช้าๆและต้องระมัดระวัง... หากใครหัวเข่าไม่ดี หรือ มีครรภ์ ผมขอแนะนำว่า ไม่ควรไปเดินเที่ยวน้ำตกกรุงชิง ...และผู้ที่เดินไม่แข็งแรง ผมขอแนะนำว่า ควรจะหาไม้มาช่วยพยุงตัวแทนไม้เท้าขณะปีนขึ้นเนินและลงเนิน
ที่น้ำตก จะไม่มีห้องน้ำนะครับ ไม่มีอาหาร ไม่มีน้ำดื่มขาย เพราะมันเป็นป่า ....ผู้ที่จะไปเที่ยวจะต้องนำเสบียงอาหาร น้ำดื่ม เสื้อผ้าผลัดเปลี่ยนหลังจากเล่นน้ำตก ไปเอง
และอยากบอกเพิ่มเติมว่า สิ่งของที่นำไป ไม่ควรจะถือไปกับมือ ควรจะสะพายเป้หลัง จะสะดวกกว่า เพื่อว่ามือทั้งสองจะได้ช่วยยึด ช่วยจับขณะปีนขึ้นเนิน หรือปีนข้ามต้นไม้
อย่างกล้องถ่ายรูป งี้ .... ห้ามถือกับมือโดยเด็ดขาด ขอให้คล้องคอตลอดหากคิดว่าจะถ่ายรูปตลอดระยะทางเดินป่า เพราะหากเผลอถือกับมือ อุบัติเหตุพลาดลื่นไถลขณะขึ้นเนินหรือลงเนิน อาจเกิดขึ้นเมื่อใด ก็ไม่มีใครรู้ได้
ประสบการณ์ของผมเป็นดังนี้ครับ.... มีอยู่ตอนหนึ่ง ทางเดินต้องปีนข้ามต้นไม้ล้ม ที่ขวางทางเดิน เป็นต้นไม้ที่ล้มเพราะแรงลมพายุ อาจจะสักวันหรือสองวันก่อนหน้านี้.. เพราะกิ่งและใบยังดูสด
ทีนี้ รองเท้าที่เปื้อนโคลนของคนที่เดินก่อนหน้าผม เมื่อเหยียบลงบนต้นไม้ล้มแล้วจากไป ผมก็เห็นละ และรู้ว่ามันทำให้ต้นไม้ลื่น ผมก็จะไม่เหยียบ แต่จะใช้วิธีก้าวคร่อมข้ามต้นไม้ล้มแทน เพราะรู้ว่าหากเหยียบบนกิ่งหรือบนต้น ก็น่าจะลื่นได้ แต่บางต้นและบางกิ่ง มันก้าวคร่อมข้ามไม่ได้ เพราะมันสูงและมันใหญ่ ก็ต้องใช้วิธีเหยียบข้ามแบบระมัดระวังกัน ผลก็คือ ก็ยังลื่นอยู่ดี ขนาดระมัดระวังแล้ว โชคดีว่าขาของผมไปขัดกับกิ่งไม้กิ่งหนึ่งเอาไว้ ไม่ได้หงายหลังตกสู่พื้น กล้องไม่เป็นอะไรครับ ขาก็ไม่เป็นอะไร มีก็แต่รอยช้ำสีม่วงๆที่น่อง
ต้นไม้ล้ม
ต้นไม้ใหญ่
สมแล้วกับ การเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์....
บางช่วง ก็มืด
และรก
ต้นบอนป่า
สะพานเก่ากว่านี้มีอยู่หลายสะพาน และลื่นด้วย
บางช่วงมีต้นไผ่
เดินมา ก็ กิโลกว่าๆแล้ว ...ป่าเริ่มรก และเดินลำบากยิ่งขึ้น
มีต้นเฟิร์นบนต้นไม้ แสดงว่าอากาศในป่านี้ ชื้น
ขอเล่าประสบการณ์ต่อ..... การเดินป่าบนทางที่มีดินโคลน ผมมักจะเดินบนหลุมโคลนทับรอยเดิมของคนก่อนหน้า เพราะแม้จะแฉะ จะเปียก รองเท้าจะเปื้อนโคลน แต่คิดว่าปลอดภัยจากการลื่นไถล ....ทีนี้มีอยู่ตอนหนึ่ง ผมเห็นว่าขอบสองข้างทางเดิน มันแห้ง มันมีตะไคร่น้ำปกคลุมดิน ผมก็เลยขอเดินเหยียบตะไคร่น้ำที่ขึ้นตรงขอบทางเดิน แทนเดินเหยียบหลุมโคลน ....โห ลื่นปรี๊ดเลย
ใครไปเดินป่า อย่าพยายามเหยียบตะไคร่น้ำโดยไม่จำเป็นนะครับ อาจลื่นง่ายๆ โดยเฉพาะตะไคร่น้ำที่เกาะหินน้ำตก
ทางเดินขึ้นเนิน มีโคลน
สำหรับเรื่องการป้องกันทากขณะเดินป่า ทำโดยเลือกใช้ถุงเท้ายาวสักหน่อย ดึงขึ้นมาคลุมขากางเกงไปเลย อาจจะใช้เชือกฟางหรือหนังยางมัดถุงเท้ามัดขากางเกงเพิ่มอีกรอบ แล้วใช้ยาเส้นที่ใช้มวนสูบบุหรี่ นำไปผสมน้ำสักครู่ ให้ยาเส้นละลายกลิ่นออกมา แล้วนำมาลูบบนถุงเท้า บางคนเขาลูบโชกเลยก็มี เขาคงจะกลัวทาก มากๆ
แต่ก็มีบางคนนะครับ ไม่ยอมสวมกางเกงขายาว และไม่ยอมสวมรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าหนัง แต่กลับสวมรองเท้าแตะเดินป่า.... อย่างไรก็ดี เขาก็นำน้ำยาเส้น มาลูบทั่วเท้าและน่องเหมือนกัน ทีนี้เขาจะเดินไปน้ำตกแบบ คอยดูขาตัวเองทุกๆ 2 3 นาที หากรู้สึกว่าทากเกาะ เขาก็จะรีบแกะออก
.ผมไม่ได้ใช้วิธีหลังหรอก เพราะอยากจะถ่ายรูป จะไม่ค่อยว่างมองดูขาตัวเองบ่อยนัก
เออ เดินป่าท่ามกลางฝนพรำระยะเวลา 1 ชั่วโมงเศษเนี่ย ...ปวดฉี่ชะมัด จะหลบออกไปฉี่นอกทางเดินป่า ก็กลัวทาก กระดื้บ กระดื้บ เข้ามารุมที่ขา ...เพราะนอกทางเดินป่า ดินจะแฉะปนเปไปกับกิ่งไม้ใบไม้เน่า... น่านละ เป็นที่ที่ทากอยู่พอดี และตอนเราทำธุระ เราก็ต้องยืนนิ่งๆซะด้วยใช่มั๊ย มิงั้นมันจะเปื้อน
ทางออกของผม ก็คือ ต้องรอให้เพื่อนๆเดินพ้นไปให้หมดก่อน แล้วยืนยิงกระต่ายบนทางเดินป่านั่นละ ไม่กล้าไปยืนในที่ดินแฉะ รกๆ ....ต้องฝืนทำครับ ไม่งั้น อั้นแย่เลย ....ผู้หญิงบางคนเธอก็บ่นว่าปวดฉี่ ก็เห็นใจเธอนะ
. อย่างไรก็ตาม ก่อนจะทำธุระ ผมก็ได้บอกขออนุญาตจากเจ้าป่าเจ้าเขาเรียบร้อยแล้ว
ตะกี้ เดินผ่านอะไรหรือ?
ไม่มีอะไร จริงหรือ?
เพิ่งจะเดินผ่านทาก อ่ะ!
ทาก เป็นอะไร ที่สายตาคนเรา หากไม่ชินกับมัน จะสังเกตเห็นมันยาก
.
เหลียวมองดูรูปข้างบน อีกรอบ ซิ ... เห็น มะ
ทากที่นี่ มีขนาดอ้วนกว่าก้านไม้ขีดนิดหน่อย แต่ไม่อ้วนเท่ามวนบุหรี่
..ความยาว สัก 1 นิ้วเศษ แต่มันสามารถจะยืดตัวออกได้ยาวถึง 2 นิ้ว
สีของมัน ค่อนข้างจะกลมกลืนกับพื้นดินมาก
ผมเองพอเห็นมัน ก็อยากจะลองดีกะมัน..... คือ เดินหนี
. แล้ว มันก็ คืบ คืบ คืบตาม
ผมก้าวข้ามตัวมันไปอีกด้านหนึ่ง มันหยุด แล้วมันเปลี่ยนทิศทางคืบ คืบใหม่ คืบไปด้านที่ผมยืน ก็ในทางตรงกันข้ามกับที่มันเคย คืบ คืบ ในตอนแรก
ผมลองก้าวไปทางขวาของมัน มันหยุด แล้วมันก็เปลี่ยนทิศทาง คืบ ไปทางซ้ายเช่นกัน (ทางเดียวกับที่ผมไปยืนดูมัน)
ผมเดินอ้อมตัวมัน.... แน๊ะ มัน ก็คืบ คืบ อ้อมไปตามทุกทิศ ที่ผมก้าวเดิน แต่กำลังแกล้งมันเล่น
ไม่รู้เหมือนกันว่า มันรู้....เพราะความร้อนในร่างกายของคน หรือว่า เพราะแรงกระเทือนบนพื้นดิน
พอมันยืดตัว ความยาว ราวๆ 2 นิ้วได้
ผมชักชวนให้มันออกมาบนพื้นทราย
.. อุ อุ อุ ยุทธภูมิกลางแจ้ง
แต่ก็ยังถ่ายรูป ไม่ง่าย อยู่ดี เพราะ พื้นมันแฉะ วางกล้องบนพื้นไม่ได้ และ มันก็ คืบ คืบ ไวมาก แป๊บ แป๊บ มาถึงกล้อง อีกแร่ะ.... จัดโฟกัส แทบไม่ค่อยทัน
มันพยายามยืดตัว ขึ้นแน่ะ
โห ... โห ....
หนี แร่ะ....ไปดีกว่า เพราะเดี๋ยวพ่อแม่พี่น้องและเพื่อนของมันเกิดมากันเป็นฝูง จะหนียาก (ตอนนั้น อยู่คนเดียวซะด้วย)
อีก ไม่ถึงกิโล แล้ว ล่ะ .... จะถึง น้ำตก
เจอทางเดินริมหน้าผา..... เดินบนทางเดินนี้แล้ว ชัก ปอด ปอด กลัวมันจะพังลงไปข้างล่าง เพราะดูมันเก่า ดูมันขาดๆ อะไรบางอย่าง
อีกสักครู่ ก็ ถึงน้ำตก
หนานฝนแสนห่า เป็นน้ำตกที่ยิ่งใหญ่อลังการ คุ้มค่าที่เดินเข้าไปเยี่ยมชมถึงในป่าบนเขาหลวง
อ่านตัวอักษร เห็น มั๊ย?
แน๊ .....โชว์ ขาอ่อน เห็นเลือดฝาดๆ ด้วย
สนุกสนานกับสายน้ำตก
ดังที่ได้บอกไว้แล้วว่า มีฝนตกพรำๆตลอดช่วงการเดินป่าไปและกลับน้ำตกกรุงชิง.. ตอนเล่นน้ำตก ฝนไม่ตกครับ และแม้ว่าบางคนจะได้สละเลือดคนละเล็กละน้อยโดยไม่รู้ตัว ให้กับเจ้าของป่าตัวที่มีความยาวนิ้วเศษ
แต่ทริปน้ำตกกรุงชิงครั้งนี้ ก็นับเป็นประสบการณ์ที่ผมประทับใจ และจะลืมไม่ลงทีเดียว
พูดถึงทาก... ขอบอกว่าเดินป่าน้ำตกกรุงชิง มีทาก ชัวร์ ฟันธง!!!
ว่ากันว่านกเงือกและทาก นับเป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของป่าได้ทางหนึ่ง
หากป่าใดไร้ทาก แสดงว่าป่านั้น ลดความอุดมสมบูรณ์ลงไปมากแล้ว