ข่าวเก่าแต่ยังเก๋า


ข่าวเก่าแต่ยังเก๋า





# 1 เครื่องราชอิสริยาภรณ์



ข่าว... ชื่นชมปรากฏการณ์มหามงคล สุดอลังการ “เครื่องราชฯ”
เขียนโดย ปาณี ชีวาภาคย์ จาก น.ส.พ. ผู้จัดการรายวัน Tuesday, July 04, 2006
......ขอขอบคุณข้อมูลจาก ดร.อภิชาต อินทรวิศิษฏ์









“เครื่องราชอิสริยาภรณ์” หมายถึง เครื่องหมายแสดงเกียรติยศและบำเหน็จความชอบ เป็นของที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้างขึ้น สำหรับพระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบในราชการ ส่วนจะพระราชทานให้แก่ผู้ใดนั้น ถือเป็นพระบรมราชวินิจฉัยส่วนพระองค์เท่านั้น


เครื่องราชฯ ถือกำเนิดขึ้นในราชวงศ์ของประเทศแถบยุโรปมาช้านานแล้ว สำหรับเอเชียนั้น น่าภาคภูมิใจมากที่ประเทศไทยเป็นประเทศแรก ที่มีการพระราชทานเครื่องราชฯ มาตั้งแต่แต่สมัยกรุงศรีอยุธยา







ในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2549 อันเป็นวันเสด็จฯออกรับพระราชอาคันตุกะจากกว่า 23 ประเทศ และเป็นวันถวายพระพรชัยมงคล ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม และในวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2549 อันเป็นวันจัดงานถวายเลี้ยงพระกระยาหารค่ำ แก่พระราชอาคันตุกะ ณ พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร นับเป็นอีกวาระหนึ่งซึ่ง “เจ้านายและพระราชวงศ์” ทั้งของไทยและของต่างประเทศทุกพระองค์ ทรงเครื่องราชฯชั้นสายสะพาย มากันครบ เรียกได้ว่า เป็นภาพอันยิ่งใหญ่ของการรวมเครื่องราชฯ หลายตระกูลทีเดียว


โดยหมายกำหนดการให้ แต่งกายเต็มยศ “จักรี” หรือ “ช้างเผือก”







พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์ อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ เป็นสายสะพายสีเหลืองสด ประกอบด้วยดวงตรา ดารา และสร้อยมหาจักรีฯ เนื่องจากเป็นพิธีที่นับเนื่องในพระราชวงศ์ หรือหากพูดกันอย่างภาษาสามัญ คือ ทรงเป็นเจ้าของงาน



ส่วนสมเด็จพระราชาธิบดี ที่เป็นพระราชอาคันตุกะเสด็จมาร่วมงานครั้งนี้ ซึ่งทรง “เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นมงคลยิ่งราชมิตราภรณ์” มีถึง 3 พระองค์ คือ สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโต แห่งญี่ปุ่น, สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไน และ สมเด็จพระราชาธิบดี คาร์ลที่ 16 กุสตาฟ แห่งสวีเดน







นับเป็นครั้งแรกที่มี สมเด็จพระราชาธิบดี ถึงสามพระองค์ ทรงเครื่องราชอิสริยาภรณ์ราชมิตราภรณ์ในคราวเดียวกัน


เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นมงคลยิ่งราชมิตราภรณ์ (สายสะพายสีเหลืองขลิบแถบขาวทั้ง 2 ด้าน) เป็นเครื่องราชฯ ที่สถาปนาขึ้นในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน เมื่อปี 2505 อันเนื่องจากในรัชสมัยของพระองค์ ได้มีการเจริญสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศอย่างกว้างขวาง เครื่องราชตระกูลนี้ มีไว้สำหรับพระราชทานแก่พระประมุขของรัฐต่างประเทศ ที่เสด็จมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะพระราชอาคันตุกะ หรือเมื่อเสด็จไปเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการ อีกนัยหนึ่งคือ พระราชทานแก่ราชมิตรผู้สนิทสนมยิ่ง


จนถึงปีพ.ศ. 2535 ได้พระราชทานแก่ประมุขของรัฐต่างประเทศ ไปแล้ว 27 สำรับ โดยโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชฯ ชั้นนี้ครั้งแรกแด่ สมเด็จพระราชาธิบดี ซยิด ปุตรา อิบนิอัล มาริฮุม ชยิด ฮัสซัน จามา ดุลลี ยังดี เปอร์ตวนอากง แห่งสหพันธรัฐมาเลเซีย



สำหรับสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตนั้น เคยเสด็จมาเยือนประเทศไทยหลายครั้งด้วยกัน และทรงสนิทสนมกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาก ในการเสด็จอย่างเป็นทางการครั้งแรก เมื่อดำรงพระยศเป็นมกุฎราชกุมาร ในวันที่ 15 ธันวาคม 2507 นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทาน “เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์”







และหลังจากเสด็จขึ้นครองราชย์ในปี 2534 สมเด็จพระจักรพรรดิฯ ได้เสด็จเยือนเมืองไทยอย่างเป็นทางการอีกครั้ง แต่คราวนี้เสด็จในฐานะ องค์พระประมุขแห่งประเทศญี่ปุ่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงถวาย “เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นมงคลยิ่งราชมิตราภรณ์”



สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนนั้น ได้รับการยกย่องเป็นราชมิตรที่ทรงสนิทกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอีกพระองค์หนึ่ง พระองค์เสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะพระราชอาคันตุกะถึง 2 ครั้งเช่นกัน คือครั้งแรก เมื่อปี 2533 ซึ่งทรงได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ ราชมิตราภรณ์ และเสด็จครั้งที่ 2 เมื่อปี 2545


นอกจากนั้น พระองค์ยังเสด็จอย่างเป็นทางการ ในฐานะผู้นำรัฐบาล เพื่อการประชุมระดับนานาชาติที่เมืองไทยอีกหลายครั้ง







ในพิธีถวายพระพรชัยมงคล ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2549 นั้น สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไน ทรงชุดสง่างามพร้อมประดับสายสะพาย “ราชมิตราภรณ์” ของไทยบนฉลองพระองค์ เครื่องแบบจอมทัพ



ส่วนสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟ แห่งสวีเดน เสด็จเยือนเมืองไทยตั้งแต่ปี 2523 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันรวม 15 ครั้งแล้ว ทั้งที่เป็นทางการและส่วนพระองค์ และนับตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา ได้เสด็จมาเมืองไทยทุกปี







ในวันเข้าเฝ้าถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2549 นั้น สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟทรงเครื่องราชฯ ราชมิตรภรณ์ เสด็จพร้อมด้วย สมเด็จพระราชินีซิลเวีย ซึ่งทรงสายสะพายสีชมพู หรือเครื่องราชอิสริยาภรณ์ปฐมจุลจอมเกล้า





ณ พระที่นั่งอนันตสมาคมในวันนั้น มีพระราชอาคันตุกะฝ่ายใน หรือ “เจ้านายสตรีจากต่างประเทศ” ที่ทรงสายสะพายสีเหลือง หรือเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ มีถึง 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ และ สมเด็จพระราชินีโซเฟีย แห่งสเปน ซึ่งทรงเป็นเจ้านายในราชวงศ์ยุโรป ที่ทรงใกล้ชิดกับราชวงศ์ไทยมากพระองค์หนึ่ง







ทั้งนี้ สมเด็จพระราชินีโซเฟีย เคยเสด็จพร้อมสมเด็จพระราชาธิบดี ฮวน คาร์ลอส ที่ 1 แห่งสเปน มาเมืองไทยหลายครั้ง ทั้งที่เป็นการส่วนพระองค์ถึง 2 ครั้ง และอย่างเป็นทางการในฐานะพระราชอาคันตุกะ 2 ครั้ง เมื่อปี 2530 และเมื่อต้นปี 2549 นี้



เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์ฯ มหาจักรีบรมราชวงศ์ นั้น นับเป็นเครื่องราชฯ ลำดับสูงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่เจ้านายฝ่ายหน้าหรือฝ่ายใน เป็นการยกย่องว่า องค์ผู้รับพระราชทาน ทรงอยู่ใน “ครอบครัวเดียวกัน” ดังที่ พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ในรัชกาลที่ 6 มีรับสั่งเมื่อคราวได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ นี้ ในปีรัชดาภิเษก รัชกาลปัจจุบัน ว่า ทรง “ดีใจที่สุดในชีวิต” ที่ได้ตราแห่งการเป็นสมาชิกในพระราชวงศ์จักรี



“เจ้านายต่างประเทศ” ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ก็ถือว่ามีความแน่นแฟ้นเหมือน “ญาติมิตรผู้ใกล้ชิด” เช่นกัน เครื่องราชฯ ตระกูล “จุลจอมเกล้า” สถาปนาขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลต่อๆ มา จึงพระราชทานเครื่องราชฯ ตระกูลนี้ แก่บรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ ตามที่ “ทรงพระราชดำริเห็นสมควร”



เท่าที่ผ่านมา เจ้านายต่างประเทศที่จะได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ จุลจอมเกล้านั้น ส่วนใหญ่เป็นพระราชินี พระมเหสี พระราชสวามี หรือมกุฎราชกุมาร ที่โดยเสด็จ สมเด็จพระราชาธิบดี หรือ สมเด็จพระราชินีนาถ มาเยือนเมืองไทยอย่างเป็นทางการ



เจ้าชายเฮนริก พระราชสวามี ในสมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอ ที่ 2 แห่งเดนมาร์ก ทรงคุ้นเคยกับราชวงศ์ไทยอย่างดีเช่นกัน เพราะเสด็จเยือนเมืองไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะพระราชอาคันตุกะเมื่อปี 2544 ในฐานะพระราชสวามีแห่งสมเด็จพระราชินีนาถ แห่งเดนมาร์ก จึงทรงได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ ปฐมจุลจอมเกล้าวิเศษ







ส่วนในวันที่เข้าเฝ้าฯ นั้น เจ้าชายวิลเลม-อเล็กซานเดอร์ มกุฎราชกุมาร แห่งเนเธอร์แลนด์ ก็ทรงสายสะพายสีชมพู หรือ ปฐมจุลจอมเกล้าวิเศษ เช่นกัน ด้วยทรงได้รับพระราชทานตรานี้ เมื่อครั้งโดยเสด็จ สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์ มาประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อปี 2547







นอกจาก สมเด็จพระราชินีซิลเวียแห่งสวีเดนแล้ว สมเด็จพระราชินีซาเลฮา แห่งบูรไน ก็ทรงประดับ สายสะพายปฐมจุลจอมเกล้า เช่นกัน











ยังมีพระราชอาคันตุกะ ชั้นพระราชวงศ์อีกพระองค์หนึ่ง ที่ทรงเครื่องราชฯ ไทย คือ เชค คอลิฟะห์ บิน ซัลมาน อัลคอลิฟะห์ แห่งราชอาณาจักรบาห์เรน โดยทรงเครื่องราชฯ มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก เนื่องจากท่านเคยเสด็จมาเป็นแขกของรัฐบาล และได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงได้รับพระราชทานสายสะพาย “อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก” ด้วยเป็นบำเหน็จความชอบและความสัมพันธ์ทางราชการแผ่นดิน







ส่วนพระบรมวงศ์ ที่ทรง “เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์” คือ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ, สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ, ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ, พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ







ส่วนสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ฯ ทรงสายสะพายสีแดง หรือเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก ซึ่งได้รับการสถาปนาขึ้นในรัชกาลที่ 4 นับเป็นเครื่องราชฯ ชั้นสายสะพายตระกูลแรกของราชอาณาจักรไทย



เจ้านายฝ่ายในที่ทรงสายสะพายสีชมพู หรือสายปฐมจุลจอมเกล้านั้น คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ, พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์



เป็นที่สังเกตว่า พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ทรงสายสะพายสีน้ำเงินเข้มขลิบแดงขาว ซึ่งคือ เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมหาวชิรมงกุฏ อันสถาปนาขึ้นในรัชกาลที่ 6 โดยอยู่ในตระกูลกลุ่ม เครื่องราชฯ มงกุฏไทย หรือที่รู้กันอย่างสามัญว่า เป็นสายข้าราชการ ทั้งนี้ เป็นที่ประจักษ์ว่า พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ทรงปฏิบัติราชกิจแทน องค์ “สมเด็จยาย” หรือ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระราชธิดาในรัชกาลที่ 6 อยู่เสมอ



สมาชิกฝ่ายในอีก 2 ท่าน คือ คุณพลอยไพลิน เจนเซ่น และ คุณสิริกิติยา เจนเซ่น พระธิดาในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ฯ นั้น อยู่ชุดไทยบรมพิมานอันสง่างาม ประดับเหรียญรัตนาภรณ์รัชกาลที่ 9 ชั้นที่หนึ่ง ซึ่งโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พระราชวงศ์หรือข้าราชบริพารเท่านั้น









นอกจากจะได้เห็นเครื่องราชฯ ชั้นสายสะพายในระดับสูงของเมืองไทยแล้ว ยังนับว่าเป็นบุญตา ที่ได้ชื่นชมสายสะพายอันนับเนื่องแต่โบราณกาลประจำราชวงศ์ต่างประเทศ เช่น สายสีม่วงเข้มแห่งราชวงศ์เบลเยียม







สายสีแดงขลิบขาวน้ำเงิน เซนต์โอลาฟ แห่งนอร์เวย์







เครื่องราชฯ Golden Lion of Nassau สีฟ้าอมน้ำเงินขลิบเหลือง ซึ่งมกุฎราชกุมารี เจ้าหญิงมักซิมา แห่งเนเธอร์แลนด์ ทรงประดับ







และ เครื่องราชฯ Order of Garter สีน้ำเงิน แห่งสหราชอาณาจักร เป็นต้น








หากพิจารณาลึกลงไป จะสังเกตได้ว่า สายสะพายตระกูลเดียวกัน และลำดับเดียวนั้น สำหรับฝ่ายหน้า (ชาย) จะกว้างกว่าสายฯ ของฝ่ายใน (หญิง)



ส่วนเครื่องราชฯ ที่มีสีสันละม้ายกับของไทย เห็นจะได้แก่ เครื่องราชฯ จากราชสำนักกัมพูชา สีแดงขลิบเขียว ที่คล้ายคลึงกับเครื่องราชฯ ประถมาภรณ์ช้างเผือก หรือ มหาวราภรณ์ (2416) อันเป็นชื่อและรูปแบบ เมื่อครั้งแรกเริ่มพระราชทานในรัชกาลที่สี่







และเครื่องราชฯ แห่งราชสำนักลักซัมเบิร์ก ซึ่งมีสีเหลืองสดเช่นเดียวกับ สายสะพายมหาจักรีฯ หากแต่ แกรนด์ดยุค อองรี ทรงประดับจากพระอังสาด้านขวาพาดลงซ้าย และไม่มีสายสร้อย หรือดวงตรา ต่างจากธรรมเนียมการประดับ สายสะพายมหาจักรี







ส่วนสายสะพายสีเหลืองที่คล้ายของไทย อีกองค์ คือ Order of The Crown ของมาเลเซีย ซึ่ง รายา ประไหมสุหรี แห่งมาเลเซียทรงอยู่ โดยเป็นสีเหลืองอ่อน แบบสายราชมิตราภรณ์ แต่มีขอบน้ำเงินขาว มีแถบแดงคาดกลาง







นอกนั้น กลุ่มเครื่องราชฯ ชั้นสายสะพายต่างประเทศ จากราชวงศ์ของประเทศจอร์แดน มาเลเซีย โมนาโก ลิกเตนสไตน์ เลโซโท สวาซิแลนด์ และตองก้า ก็สร้างสีสันและความน่าสนใจไม่น้อย


เสียดายที่ยังไม่มีผู้สันทัดกรณี เรื่องเครื่องราชฯ ประเภทภูษิตาภรณ์ หรือเครื่องประดับอื่นๆ มาให้คำอธิบายว่า ภูษาอาภรณ์ที่เจ้านายจาก กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โมร็อกโก โอมาน ภูฏาน และบาห์เรน ที่ทรงอยู่นั้น บ่งบอกหรือสื่อความหมายอย่างใด


แต่เท่าที่พอทราบ พระภูษาที่ขลิบด้วยเส้นทองพร้อมพู่ ผ้าคลุมพระเศียร สายคาดพระนลาฎ (หน้าผาก) ผ้าคล้องพระอังสา พระแสงราชศาสตรา (ดาบ) หรือกริชที่เหน็บบั้นพระองค์ ดวงตราที่ประดับเบื้องพระอุระใต้ภูษา หรือแม้แต่วัสดุพระภูษาหรือเนื้อผ้าเองนั้น ล้วนแล้วแต่กำหนด ลำดับยศศักดิ์ของผู้ทรง และสื่อการถวายพระเกียรติอย่างมีนัยสำคัญ



ราชอาคันตุกะที่เสด็จมาร่วมในพระราชพิธีครั้งนี้ แม้จะทรงมีเครื่องราชฯ ของพระองค์อยู่แล้ว แต่การที่ทรงนำเครื่องราชฯ ซึ่งเคยได้รับพระราชทานของไทย มาทรงในงานมหามงคลเช่นนี้ เท่ากับทรงปฏิบัติตามธรรมเนียม ในการถวายพระเกียรติ แด่องค์ผู้ทรงเป็นอธิปัตย์แห่งประเทศเจ้าภาพ


จึงนับเป็นความอิ่มเอิบใจของคนไทย ที่ได้มีโอกาสได้ชื่นชมพระบารมี และประจักษ์ในพระราชไมตรีที่เจ้านายทั่วโลก ต่างทรงแสดงต่อพระมหากษัตริย์ที่รักและเทิดทูนยิ่งของคนไทย……...









.......เขียนโดย ปาณี ชีวาภาคย์ ขอขอบคุณข้อมูลจาก ดร.อภิชาต อินทรวิศิษฏ์





# 2 ฉลองพระองค์ของพระราชอาคันตุกะ



จากข่าว...เสน่ห์แห่ง “ฉลองพระองค์” ของพระราชอาคันตุกะ
ไม่ระบุชื่อผู้เขียน จาก น.ส.พ.ผู้จัดการรายวัน Sunday, June 18, 2006





ภาพพระราชอาคันตุกะกว่า 23 ประเทศ ที่มาชุมนุมกันที่พระที่นั่งอนันตสมาคม เพื่อร่วมถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เป็นภาพประทับใจเหล่าพสกนิกรชาวไทยอย่างไม่รู้ลืม พระราชอาคันตุกะทุกพระองค์ ฉลองพระองค์ได้อย่างงดงาม โดยเฉพาะ ชุดประจำชาติของแต่ละประเทศ



เริ่มที่ พระราชอาคันตุกะที่มีทั้งพระสิริโฉมงดงาม และฉลองพระองค์สะดุดตา เจ้าหญิงลัลลา ซัลมา เบนนานี เจ้าหญิงพระชายาผู้เลอโฉมองค์แรกแห่งโมร็อกโก







เสด็จมาพร้อมกับฉลองพระองค์หรูหรา ในชุดประจำชาติที่เรียกว่า คาฟตาน (Caftan) ซึ่งมีลักษณะเป็นฉลองพระองค์ ที่ตัดเย็บจากพระภูษาชิ้นเดียว มีความกว้างถึงข้อพระกรแต่ละข้าง ความยาวคลุมพระบาท เวลาเสด็จพระราชดำเนิน ต้องรวบชายฉลองพระองค์ นอกจากนั้น ยังมีผ้าคาดพระองค์ ประดับด้วยอัญมณี







ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเลย ยามเห็นพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปไหน จะทรงรวบชายฉลองพระองค์ตลอด เพื่อให้เสด็จพระราชดำเนินโดยสะดวก





ฉลองพระองค์ที่ประทับจับตาประชาชนชาวไทยอีกชุดหนึ่ง ได้แก่ฉลองพระองค์ของ องค์มกุฎราชกุมารแห่งภูฏาน เจ้าชาย จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ที่กลายเป็นเจ้าชายเนื้อหอมครองใจสาวไทยทั่วประเทศ ชุดแต่งกายของพระองค์เป็นเอกลักษณ์ และเป็นชุดประจำชาติของผู้ชายชาวภูฏาน ที่เรียกว่า โกฮ์ (Gho) ใส่คลุมทับเสื้อด้านใน มีลักษณะเป็นเสื้อคลุมสั้นแค่เข่า สามารถใส่ของได้หลายอย่าง










ส่วนผ้าสีเหลืองที่พระองค์ทรงใช้คลุมร่างกายในวันที่เข้าไปถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ.พระที่นั่งอนันตสมาคมนั้น เป็นผ้าพาดไหล่ที่ใช้ในการเข้าศาสนสถาน หรือสถานที่ราชการ







ผ้าพาดไหล่ของชาวภูฏานนั้น แบ่งออกเป็นผ้าสีเหลือง สำหรับเชื้อพระวงศ์, ผ้าสีแดง สำหรับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่, ผ้าสีส้ม สำหรับรัฐมนตรี, ผ้าสีขาวขอบแดง สำหรับข้าราชการทั่วไป และผ้าสีขาว ใช้สำหรับประชาชนทั่วไป ชาวภูฏานรักสงบ และชาตินิยมมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่เราได้เห็นพระองค์ และราชองครักษ์ของพระองค์ แต่งกายในลักษณะเดียวกัน









ด้านพระราชอาคันตุกะจากฝั่งประเทศอาหรับ ทุกพระองค์ ทรงฉลองพระองค์ในชุดประจำชาติอันสะดุดตา อย่างเช่น ฉลองพระองค์ของเจ้าชายเซยิด ซีฮาบ บิน ตาริก ตัยมูร อัล-ซาอิด ที่ปรึกษาในสุลต่านแห่งโอมาน ในชุดฉลองพระองค์เป็นชุดคลุมสีดำเข้ม โพกพระเศียรด้วยผ้าพิมพ์ลายสีดำ







เนื่องจากสภาพอากาศของประเทศโอมาน แห้งแล้งและเป็นทะเลทราย เสื้อผ้าที่สวมใส่จึงต้องเป็นสิ่งปกป้องผิวได้เป็นอย่างดี ชุดประจำชาติของชายชาวโอมานนั้น เสื้อเชิ้ตตัวยาวไม่มีปก ที่เรียกว่า ดิชฮ์ดาชา และมีพู่ติดประดับด้านบนของตัวเสื้อ ส่วนด้านใน นิยมสวมเสื้อชั้นนอกที่เรียกว่า วีซาร์ คล้ายเสื้อนอกของทหารใส่ไว้ด้านใน ส่วนพระเศียรนั้นจะเป็น ผ้าโพกพิมพ์ลาย ที่ชาวโอมานเรียกว่า แมสซา สำหรับ ชุดดิชฮ์ดาชาสีขาวนั้น เป็นชุดของข้าราชการ สวมใส่ในวันทำงาน ส่วนชุดสีเข้มจะนิยมสวมใส่ในยามที่อากาศเย็นลง



นอกจากนั้น ฉลองพระองค์ของ เอเมียร์ ซีค อาหมัด บิน คาลิฟา อัล ทานี แห่งประเทศกาตาร์ และ พระราชชายา ก็เป็นฉลองพระองค์ที่หรูหราด้วยงานออกแบบสไตล์อาหรับ ที่ยังคงเอกลักษณ์ของผ้าโพกพระเศียร และผ้าคลุม







สำหรับชุดฉลองพระองค์ของผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน .....ยัง ดิเปอตวน อากง ตวนกู ไซยิด ซีราจุดดิน อิบน์ อัล มาร์ฮูม ไซยิด ปุตตรา จามาลุลลาอิล สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย ที่ทรงฉลองพระองค์อย่างเต็มยศ ด้วยผ้าโพกพระเศียร และพระภูษาทรง มีลักษณะคล้ายโสร่งสั้นครึ่งเข่า อันเป็นต้นตำรับของชุดประจำชาติมาเลเซีย







ปิดท้ายด้วยฉลองพระองค์ ของกษัตริย์แห่งบรูไน สมเด็จพระราชาธิบดี ฮัจญี ฮัสซานัล โบเกียห์ มูห์อิซซัดดิน วัลดอลละห์ และพระราชินี ที่ทรงฉลองพระองค์ด้วยชุดประจำชาติ ตามรูปแบบของชาวมุสลิม พระราชินีฉลองพระองค์ด้วย ชาดอร์ ผ้าคลุมพระเศียร และพระราชาธิบดีฉลองพระองค์ในชุดประจำกษัตริย์ และยังทรงพระมาลาของมุสลิม












ชุดฉลองพระองค์ของประมุขแต่ละประเทศนั้น ล้วนงดงาม และอบอวลไปด้วยเสน่ห์ของแต่ละประเทศ รวมถึงเครื่องประดับที่แต่ละพระองค์ทรงนั้น ขับประกายจับตายามที่ได้ยล……...



ข่าวนี้ …ไม่ระบุชื่อผู้เขียน จาก น.ส.พ.ผู้จัดการรายวัน Sunday, June 18, 2006





โดย yyswim




Create Date : 02 ธันวาคม 2549
Last Update : 2 ธันวาคม 2549 0:49:21 น. 31 comments
Counter : 28672 Pageviews.

 
แวะมารับความรู้ค่ะ..แต่มันยาวมาก พรุ่งนี้ค่อยมาอ่านต่อนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ


โดย: กระจิบหญ้าสีเรียบ วันที่: 2 ธันวาคม 2549 เวลา:1:23:02 น.  

 
พรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้ . . .

และวันนี้ . . . ต้องผ่านไป อย่างมีค่า

ความหวังยังไม่ไกล หากใจจะคว้า

ขอเพียงอย่า ท้อแท้ . . . แ ค่ นั้ น เ อง . .

มีความสุขมาก ในเดือนแห่งการให้และแบ่งปันครับ


เยี่ยมมาก ๆ ครับ


โดย: somnumberone วันที่: 2 ธันวาคม 2549 เวลา:2:12:43 น.  

 


ชอบภาพแรกมากๆ เลยค่ะ ดูอบอุ่น เป็นครอบครัวมากๆๆ เลยค่ะ
มาเก็บความรู้ น่าสนใจมากๆๆ ค่ะ


โดย: fluffyboy101 วันที่: 2 ธันวาคม 2549 เวลา:3:53:45 น.  

 
เป็นภาพเหตุการณ์ที่น่าจดจำและจะประทับอยู่ในใจของปวงชนชาวไทยไปอีกนานแสนนานเลยค่ะ


โดย: random-4 วันที่: 2 ธันวาคม 2549 เวลา:11:56:02 น.  

 
เป็นเรื่องน่ารู้ที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยครับ
ปลื้มใจและประทับใจกับทุกพระองค์
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน


โดย: basbas วันที่: 2 ธันวาคม 2549 เวลา:12:29:20 น.  

 
เป็นข้าราชการที่แย่มาก ๆ ที่ไม่สนใจเรื่องเครื่องราชฯ
ทั้งที่จริงเป็นเรื่องที่ควรรู้ ควรให้ความสำคัญ
ทุกภาพแสดงถึงสัมพันธไมตรีอันงดงามและยั่งยืน
ประทับใจและชอบมากๆค่ะ

ขอบคุณค่ะคุณสินสำหรับเรื่องและภาพในวันนี้
ชอบมาก มองไม่เบื่อตาเลย

แล้วก็...เอ่อ..อะ...เจ้าชายจิกมี ขวัญใจเลยละ...


โดย: ซออู้ วันที่: 2 ธันวาคม 2549 เวลา:14:07:50 น.  

 

คุณกระหจิบหญ้า……ให้เกียรติมาเจิมเป็นคนแรก ขอบคุณนะครับ จะแวะมาอ่านอีก ยิ่งขอบคุณใหญ่


Somnumberone…….บริจาคทรัพย์สิน ทอดผ้าป่า สอนความรู้ มอบความรัก ให้คำแนะนำ ให้อภัย สิ่งดีๆทั้งนั้นครับ ที่จะมอบให้ผู้อื่น



โดย: yyswim วันที่: 2 ธันวาคม 2549 เวลา:14:13:55 น.  

 

คุณบัว……ขอบคุณที่มาเยี่ยมมาเยือนบ่อยๆ ขอบคุณมาก ภาพนั้นผมก็ชอบครับ แต่วันถ่ายทอดสด กล้องทีวีไม่ได้จับภาพนี้นะครับ มาเห็นจากกล้องภาพนิ่งในภายหลัง ของใครก็ไม่ทราบ


คุณrandom……ผมตั้งใจจะนำเสนอ ข่าวเก่าแต่เก๋า ในช่วงต้นเดือนนี้ เพราะถ้านำเรื่องในหลวง และภาพในหลวงมาเสนอตรงๆ อาจจะไปตรงกับบล็อกของคนอื่นๆ เลยหาความแตกต่างนะครับ

บล็อกเรื่องหน้า ก็จะมีอะไรๆน่าสนใจอีกแบบครับ




โดย: yyswim วันที่: 2 ธันวาคม 2549 เวลา:14:24:53 น.  

 

น้องบาส……น้องบาสชอบ ขอบคุณนะครับ

วันพ่อ รักคุณพ่อมากๆนะครับ


คุณซออู้……รับคำชมจากคุณซออู้ ช่วยให้หายเหนื่อยจากการนั่งทำบล็อกเลยครับ เออ บล็อกที่แล้วเรื่อง ”โลกสวยด้วยสี.” เขียนแบบสั้นๆ อ่าน 5 นาทีก็จบ เสียเวลาไม่มาก ลองแวะเข้าไปชมซิครับ ที่บอกว่า ไปชม เพราะไม่ค่อยมีตัวอักษร จริงๆ อ่านง่ายดีครับ

สำหรับ บล็อกเรื่องหน้า จะมีข้อมูลเกี่ยวกับ เจ้าชายจิกมี พระองค์หนึ่งด้วยครับ


โดย: yyswim วันที่: 2 ธันวาคม 2549 เวลา:14:36:30 น.  

 
โอ้ ได้กลับมาชมภาพบรรยากาศดีๆ ในวันงานอีกครั้ง ดีจังเลยคับ


โดย: mingky วันที่: 2 ธันวาคม 2549 เวลา:15:59:47 น.  

 
แวะมากี่ครั้งพี่ชายเราก้อยังข้อมูลแน่นอยู่เหมือนเดิม

อ่านจนจบเลยค่ะ รู้สึกดีทุกครั้งเลยค่ะ เราโชคดีเนอะที่เกิดเป็นคนไทย

ได้ความรู้กลับไปเยอะแยะเลยค่ะ กับข่าวเก่าแต่ยังเก๋า ตอนนี้

เก๋าสมชื่อเรื่องจริง ๆ ค่ะ พี่ชายสบายดีนะค่ะ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ


โดย: NinG_CDC วันที่: 2 ธันวาคม 2549 เวลา:17:08:36 น.  

 


เข้ามากี่รอบก็มีความสุข อ่านทวนหลายครั้งแล้ว...
เริ่ด จริงๆๆ เลยค่ะ
สุขสันต์วันหยุดน่ะค่ะ


โดย: fluffyboy101 วันที่: 2 ธันวาคม 2549 เวลา:18:46:51 น.  

 
ภาพแรกเห็นแล้วอดอมยิ้มไม่ได้จริงๆ ดูแล้วมีความสุขมาก

นี่ก็ใกล้จะถึงวันพ่อแล้วซินะ เสื้อเหลืองคงจะขายดีขึ้นอีกเยอะ..


โดย: merf1970 วันที่: 3 ธันวาคม 2549 เวลา:10:35:03 น.  

 
ได้ความรู้ไปมากมายเลยครับ ขอบคุณครับ


โดย: ตงเหลงฉ่า วันที่: 3 ธันวาคม 2549 เวลา:11:45:17 น.  

 


มากี่รอบก็มีความสุข....
สุขที่ได้ชม


โดย: fluffyboy101 วันที่: 3 ธันวาคม 2549 เวลา:18:59:47 น.  

 
เยี่ยมเลยครับ ขยันรวบรวม


โดย: Noumy วันที่: 4 ธันวาคม 2549 เวลา:7:46:25 น.  

 
สะสมๆๆ ความรู้เอาไว้ เผื่อต้องเอาไปใช้

ลุงสิน ผอ.ใหม่เอ๋อมาแระน๊า เป็นผู้หญิงอะ เห็นพี่ๆเค้าบอกว่าเป็นคนดี น่ารัก และเท่าๆที่ได้คุยหน่อย ก้อน่ารักดีอะ


โดย: err_or วันที่: 4 ธันวาคม 2549 เวลา:8:35:56 น.  

 

คุณมิ๊งค์…....ขอบคุณที่มาเยี่ยมครับ


น้องหนิง.......ขอให้น้องหนิงมีความสุข และสนุกกับงานด้วยครับ


บัว.......รักคุณบัว กรุณามาก ที่แวะมาเยี่ยมสม่ำเสมอ




โดย: yyswim วันที่: 4 ธันวาคม 2549 เวลา:9:12:09 น.  

 

Merf……เสื้อเหลือง ราคาถูกแล้วนะครับ แถวๆที่ทำงานขายตัวละ100 หรือตัวละ 100บาทเศษ แบบนี้คนผลิตจะได้กำไรสักกี่บาท เฮ้อ

อ้อ เสื้อตรา80พรรษา ของแท้ ยังไม่มีขาย(เรื่องนี้ เคยเขียนในบล๊อกแล้ว) กรมศิลปากร กำลังเตรียมออกแบบอยู่ 15 ตรา เพื่อถวายให้ในหลวง ทรงวินิจฉัย ฉะนั้น เสื้อตราที่วางขายขณะนี้ ไม่ใช่ตราของแท้นะครับ


ตง......บล๊อกเรื่องหน้า จะเกี่ยวกับ ข่าวเก่าแต่ยังเก๋า อีกversion นะครับ เผื่อว่าใครจะเข้ามาอ่าน

บังเอิญว่า บ้านนี้ ไม่อยากให้ข้อมูลไปซ้ำกับบล๊อกของคนอื่น ที่จะเขียนเรื่องในหลวง กันหลายๆบล๊อกในช่วงนี้


โดย: yyswim วันที่: 4 ธันวาคม 2549 เวลา:9:13:29 น.  

 

คุณnoumy.......เข้ามาเยี่ยม ขอบคุณครับ ได้กำลังใจอีกแรง เพราะมีคุณnoumyเข้ามาเยี่ยม


ม๋าเอ๋อ......ผอ.คนใหม่ มาแว้วว เป็นคนดี น่ารัก

ม๋าเอ๋อ รักเธอน๊า สงสารเธอหน่อย เดี๋ยวเธอจะน้อยใจ ย้ายไปซะอีก

เออ แสนดี น่ารัก เท่าเสี้ยวของม๋าเอ๋อ หรือเปล่า ว๊า.....



โดย: yyswim วันที่: 4 ธันวาคม 2549 เวลา:9:16:59 น.  

 
ข้อมูลเยี่ยมมากค่ะ แต่ภาพประกอบเยี่ยมกว่า ขออนุญาตเก็บบันทึกค่ะ


โดย: mda IP: 203.159.0.10 วันที่: 4 ธันวาคม 2549 เวลา:10:05:39 น.  

 
ความรู้เพียบ


ป.ล. มาสะกิดตามที่เคยบอกไว้ครับ เพิ่งลงตอนใหม่ไปอีกแล้วครับ


โดย: คนทับแก้ว วันที่: 4 ธันวาคม 2549 เวลา:15:23:52 น.  

 


★ Christina Aguilera : Back To Basics Live in Antwerpen ★




สวัสดี วันพ่อ ค้า....


โดย: fluffyboy101 วันที่: 4 ธันวาคม 2549 เวลา:21:01:16 น.  

 




สวัสดีวันพ่อค่ะ ขอให้มีความสุขในวันพ่อนะค่ะ




โดย: thattron IP: 60.25.199.85 วันที่: 5 ธันวาคม 2549 เวลา:9:40:52 น.  

 

คุณmda……คุณบอก ภาพประกอบเยี่ยมกว่า ….ขอบคุณนะครับ


คนทับแก้ว……ช่วยเดินเข้ามาสะกิดว่ามีของดี เพิ่งเขียนเสร็จ

ครับ จะรีบไปทันทีครับ… ขอบคุณ


คุณบัว ……สวัสดีวันพ่อคร้าบ คุณบัวมีโอกาสสวมเสื้อเหลืองบ้างหรือยัง


คุณแอน……สวัสดีวันพ่อเช่นเดียวกันครับ ผมไปอยู่ที่บ้านคุณพ่อเมื่อวันพ่อครับ


โดย: yyswim วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:21:19:29 น.  

 
อืม...เป็นความรู้ที่ยอดเยี่ยมเลยครับพี่น้อง

แต่สงสัยอยู่อย่างนึงคือ.....

ทำไม สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ถึงทรงได้รับสายสะพายสีเเดงล่ะ มีความพิเศษกว่าสายสะพายสีเหลืองที่ ฟ้าชาย สมเด็จพระเทพ ทูลกระหม่อมหญิง ทรงใส่อย่างไรอ่ะครับ ทั้งๆที่พระองค์ท่านก็ทรงดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าฟ้าเลยนะ

แต่ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี กลับทรงได้รับสายสะพายเฉกเช่นเดียวกับสมเด็จพระเทพ ฟ้าชาย พระองค์โสม ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ
ทั้งๆที่ทูลกระหม่อมฯ มีพระยศต่ำกว่าสมเด็จฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ อ่ะ ครับ งง มากๆๆๆๆ


โดย: กรุ๊ป IP: 124.120.24.35 วันที่: 15 ตุลาคม 2551 เวลา:0:01:14 น.  

 
สง่างามมาก ๆ


โดย: จูน IP: 202.149.25.241 วันที่: 17 มิถุนายน 2552 เวลา:18:58:53 น.  

 
คือว่า ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ได้รับพระราชทานสายมหาจักรีฯ(สีเหลือง)แล้วนะครับ ส่วนสายสีแดงที่ทรงคือ สายมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก ซึ่งสามารถทรงได้ตามหมายกำหนดการของวันนั้นที่ว่า "เต็มยศ สายสะพายมหาจักรี หรือช้างเผือก สายสร้อยจุลจอมเกล้า" ฉะนั้น จึงทรงได้ ไม่ผิดนะครับ ส่วนที่ไม่ทรงมหาจักรีมาก็อีกเรื่อง ซึ่งเป็นพระราชวินิจฉัยส่วนพระองค์ ไม่ควรก้าวก่ายครับ
.
.
.
เอ..แต่ว่า เจ้าชายวิลเลม-อเล็กซานเดอร์ มกุฎราชกุมาร แห่งเนเธอร์แลนด์ กับ เจ้าชายเฮนริก พระราชสวามี ในสมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอ ที่ 2 แห่งเดนมาร์ก รู้สึกจะทรงปฐมจุลจอมเกล้านะครับ เพราะไม่เห็นทรงตราตติยานุจุลจอมเกล้า (ถ้าได้รับพระราชทาน ป.จ.ว. ก็จะทรงตราที่ว่านี้ด้วยครับ)


โดย: fIRST IP: 61.90.110.236 วันที่: 2 เมษายน 2555 เวลา:13:43:59 น.  

 
ที่เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ไม่ทรงจักรีก็เพราะว่าพระนางให้เกียรติพระราชวงศ์ที่มีพระยศสูงกว่าได้ทรงไม่เหมือนพระองค์โสมจะทรงจักรีทำไมนะไม่ให้เกียรติพระราชวงศ์ชั้นสูงบ้างเลยก็น่าจะรู้นะถ้าผลัดแผ่นดินไปอาจจะไม่ทรงลาออกจากศักดิ์หรอก แต่เจ้าฟ้าชายก็น่าจะให้พระยศเป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรราชาในรัชกาลที่9

พระราชินีจะเป็น สมเด็จพระบรมราชชนนีพระพันปีหลวง

พระเทพ เจ้าฟ้าคงเดิมแต่อาจเปลี่ยนคำท้ายพระนาม

พระนางจุฬาภรณ์ เจ้าฟ้า คำนำพระนามน่าเป็นสมเด้จพระเจ้าน้องนางเธอ

พระองค์อุบลรัตน์ น่าจะได้รับการเฉลิมยศเป็นเจ้าฟ้าพี่นางเธอ

พระองค์ภา พระองค์สิริวัณลี พระองคืทีปังกร ก็เป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้า

พระธิดาของพระนางจุฬาภรณ์ทั้งสอง น่าจะเป็น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าครับ

ส่วนพระธิดาทูลกระหม่อมอุบลรัตน์ก็น่าจะเป็น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระวรวงศ์เธอ หรือหม่อมเจ้า อยู่ที่พระองคือุบลรัตน์ครับถ้าแม่ขึ้นลูกก็ต้องขึ้น



โดย: บางขุนพรหม IP: 171.7.155.56 วันที่: 27 มิถุนายน 2555 เวลา:17:35:06 น.  

 
สมเด้จพระราชาธิบดีวชิราลงกรสมเด็จณ์
สมเด้จพระอัครมเหสีสรีรัศมิ์
สมเด้จพระราชชนนีพันปีหลวงสิริกิตติ์
สมเด้จพระน้องนางเธอสิรินธร รัตนราชสุดา
สมเด้จพระน้องนางเธอจุฬาภรณ์ วลัยลักษณ์
พระเจ้าพี่นางเธออุบลรัตน์
พระโสมสวลี ไม่มีพระยศใดๆ
พระธิดาพัชรกิติยาภา
พระธิดาสิริวัณวลี
พระราชโอรสทีปังกรรัศมีโชติ มีพระยศสูงกว่าพระดาทั้งสอง
พระนัดดาสิริภาจุฑาภรณ์
พระนัดดาอาทิติยาทรกิติคุณ
หม่อมเจ้าพลอยไพลิน
หม่อมเจ้าสิริกิติยา



โดย: ท้าวนางกำนัล IP: 171.7.161.136 วันที่: 2 กรกฎาคม 2555 เวลา:20:18:54 น.  

 
ขอบคุณนะค่ะสาระดีๆที่ไม่เคยอ่านมาก่อนว่าเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของแต่ละประเทศมีอะไรบ้าง


โดย: jiab wararat IP: 134.196.13.247 วันที่: 15 เมษายน 2559 เวลา:20:28:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

yyswim
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]





บล็อกสรรสาระนี้ จขบ.ไม่ได้เขียน-ไม่ได้ถ่ายภาพ-ไม่ได้อัพโหลดคลิปเอง หากแต่ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการบล็อก เสาะหาเรื่องดีๆ รูปสวยๆ คลิปแปลกๆ มาไว้ในบล็อก


ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม ขอเชิญชมหรืออ่านตามสบาย ไม่ต้องคอมเมนต์ก็ได้ จขบ.ชอบการเข้ามาเยี่ยม แบบกันเอง ง่ายๆ สบายๆ




เริ่มเขียนBlog เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2548


เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2550 เวลา 23.30 น.


เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม




Latest Blogs

New Comments
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
2 ธันวาคม 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add yyswim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.