ป้องกันลักทรัพย์
ป้องกันลักทรัพย์
บล๊อกวันนี้ ..ป้องกันลักทรัพย์ หรือชื่อว่า การป้องกันการลักทรัพย์
# 01 การป้องกันการขโมยทรัพย์สินภายในบ้าน ควรกระทำดังนี้
002
1. ถ้าไม่จำเป็น ไม่ควรทิ้งบ้านไว้นานๆโดยไม่มีคนอยู่หรือเฝ้าดูแล
ผู้เฝ้าดูแลอาจจะเป็นเพื่อนบ้าน โดยร่วมมือกับเพื่อนบ้านช่วยกันผลัดเฝ้าดูแล
2. เมื่อจำเป็นต้องออกจากบ้าน ควรปิดหน้าต่างใส่กลอน ปิดประตูใส่กุญแจให้เรียบร้อย กลอนและกุญแจควรเลือกชนิดที่มั่นคงแข็งแรง และปลอดภัยจากการไขด้วยกุญแจผี ...หากประตูและหน้าต่างมีสองชั้น เช่นเป็นประตูเหล็ก และเป็นหน้าต่างเหล็กดัด ...ก็จะทำให้คนร้ายเข้ายาก หรืองัดยากยิ่งขึ้น ....แต่หน้าต่างเหล็กดัด ควรจะมีบางหน้าต่างที่สามารถเปิดกลอนออกจากด้านในได้ เพื่อหนทางหนีรอดหากกรณีเกิดไฟไหม้
3. ไม่เก็บทรัพย์สินที่มีค่าสูงหรือเงินสดจำนวนมากไว้ในบ้าน แม้จะซ่อนไว้แล้วก็ตาม ...ควรจะฝากไว้ที่ธนาคาร จะปลอดภัยทั้งจากคนร้ายและจากอัคคีภัยหรือน้ำท่วม
.การต้องการติดต่อฝากทรัพย์สินที่มีค่าไว้กับธนาคาร ....ไม่ยากและไม่น่ากลัว ทุกธนาคารเต็มใจจะให้บริการ
4. การจอดรถยนต์ไว้ในรั้วบ้าน จะต้องล๊อครถให้เรียบร้อยทุกครั้ง ไม่ควรชะล่าใจ ..อาจจะจอดรถแบบนำหัวรถเข้าบ้าน เพื่อการนำรถออกจากบ้าน จะทำได้ยากเล็กน้อย ...ทั้งโดยเจ้าของบ้านหรือผู้ร้าย นำรถออกจากบ้าน
หมายเหตุ 1 : การจอดรถแบบนี้ ผนังบ้านจะอยู่ไกลจากท่อไอเสีย ทำให้ผนังบ้านไม่สกปรกง่าย และท่อไอเสียจะไม่พ่นไอเสียเข้าบ้าน ....แต่หากในซอยเกิดอัคคีภัย การจอดรถแบบนี้ จะนำรถออกจากบ้านไม่สะดวก 555555
5. อาจถ่ายรูปทรัพย์สิน สิ่งของ และสภาพห้องในบ้านเก็บเอาไว้ ...เพราะอาจจะเป็นประโยชน์เมื่อมีการสืบสวนค้นหา เมื่อเกิดเหตุร้ายขึ้น
003
6. หากต้องการจะมีรั้วบ้าน ควรจะทำเป็นรั้วโปร่ง ความสูงเหมาะสม(ประมาณ 180 เซนติเมตร)และแข็งแรง เพื่อให้เพื่อนบ้านมองลอดเข้าไปเห็นภายในบ้านได้ และรั้วบ้านไม่ควรจะปล่อยให้มีต้นไม้สูงหรือเสาไฟอยู่ชิด (หากจำเป็น ก็ควรจัดหาลวดหนามมากั้นรั้วบริเวณนั้น)
004
7. ในเวลากลางคืนตลอดคืน บริเวณรั้วและรอบบ้านควรเปิดไฟให้สว่างพอสมควร ....บ้านคนรวยบางบ้าน นอกจากจะมีรปภ.ที่ประตูแล้ว ยังติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิดเอาไว้ เพื่อเก็บภาพรอบบ้าน ยามวิกาล ก็เลยยิ่งต้องการแสงไฟ
8. เลี้ยงสุนัขหรือห่านที่ส่งเสียงดัง เพื่อช่วยส่งเสียงปรามผู้ร้าย ....สุนัขที่เลี้ยงควรเป็นสุนัขที่เห่าเก่ง และขังกรงไว้เพื่อป้องกันการถูกวางยา
.อาจติดตั้งสัญญาณเตือนภัยแจ้งเตือนภัย เมื่อมีผู้ร้ายบุกรุกเข้ามาภายในบริเวณบ้านและควรเป็นเสียงไซเรน ....เพราะผู้ร้ายส่วนใหญ่จะกลัวและเพื่อนบ้านจะเข้าใจได้ง่าย
9. หากเป็นบ้าน 2 ชั้นหรือ 3 ชั้น ชั้นใดเมื่อไม่มีใครอยู่ ควรจะปิดหน้าต่าง ....เมื่อจะขึ้นไปใช้งานที่ชั้นนั้นเมื่อใด จึงค่อยเปิดหน้าต่าง ...หรืออาจจะเปิดหน้าต่างหน้าต่างน้อย หากใช้แอร์
10. ในเวลากลางคืน หากประสงค์จะไม่อยู่บ้านเป็นการชั่วคราว ควรยอมเปิดไฟทิ้งไว้ในบางห้องตั้งแต่ตอนกลางวัน เพื่อลวงผู้ร้ายว่า มีคนอยู่ในบ้าน
005
11. ในเวลากลางคืน เมื่อเปิดไฟภายในบ้าน ไม่ว่าจะมีคนอยู่หรือไม่มีคนอยู่ก็ตาม ควรจะปิดม่านหน้าต่าง เพื่อไม่ให้ผู้ร้ายมองเห็นทรัพย์สินภายในบ้าน
แต่ควรจะเปิดไฟนอกบ้านเอาไว้ เพื่อจะสามารถแง้มม่านมองเห็นเหตุการณ์ภายนอกบ้านได้
12. เมื่อมีผู้โทรศัพท์มาถามว่า มีใครอยู่บ้านหรือเปล่า? .. ให้ตอบว่า อยู่ แต่ไม่ต้องบอกรายละเอียด หากไม่ใช่ผู้ที่รู้จักกันถาม
13. ควรสั่งหรือตักเตือนคนรับใช้หรือญาติพี่น้อง ห้ามเปิดประตูอนุญาตให้คนไม่รู้จักเข้าบ้าน แม้เขาจะอ้างเหตุผลใดๆก็ตาม ...หากไม่แน่ใจ ผู้อยู่บ้านจะต้องโทร.ไปถามเจ้าของบ้านด้วยตนเองเสียก่อน หรือรีบขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน หรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ
14. ก่อนจะเปิดประตูรั้วหรือประตูบ้านให้ผู้ใดเข้า ควรจะดูทางช่องดูให้แน่ใจเสียก่อนว่า เป็นผู้ที่รู้จัก สามารถเข้ามาได้ ....หรือบางคอนโด หรือบางรีสอร์ต อาจจะใช้โซ่คล้องประตู กั้นเอาไว้ก่อน เมื่อเปิดประตูดูว่าเป็นใคร
15. ตรวจสอบบัตรประจำตัว หรือรหัสของช่างซ่อมหรือตัวแทนของบริษัท ที่มีการตกลงกันว่าจะเข้ามาภายในบ้าน ...ไม่ควรจะให้ผู้ที่ไม่รู้จัก เข้ามาในบ้านโดยไม่ถูกตรวจสอบ
.พยายามจำตำหนิรูปพรรณของคนแปลกหน้าที่เข้ามาในบ้าน พยายามจำและอาจจด หมายเลขทะเบียนรถของคนที่เข้ามาในบ้าน
006
16. ขอหยุดรับหนังสือพิมพ์ นิตยสาร ในกรณีที่ไม่มีคนอยู่ในบ้านนานๆ ...เพราะหากไม่มีผู้ใดรับ จะเป็นที่สังเกตของผู้ร้ายว่า ไม่มีคนอยู่ภายในบ้านนานๆ (อันที่จริง พวกจดหมาย ใบปลิวแจกหน้าบ้าน และถังขยะหน้าบ้าน ก็เป็นที่ใช้สังเกตของผู้ร้ายในลักษณะเรื่องนี้)
17. การรับคนงาน หรือรับคนรับใช้เข้ามาอยู่ในบ้าน ควรจะมีสำเนาบัตรประชาชนของเขาเก็บไว้ และหากสามารถรู้จักไปถึงคนที่รู้จักคนงานหรือคนรับใช้ด้วย ก็จะเป็นการดี (เช่นเคยไปเยี่ยมถึงบ้านพ่อแม่ของเขา)อาจจะถ่ายรูปของเขาเอาไว้ด้วยก็ได้
.หากต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิมพ์ลายนิ้วมือของเขา เพื่อตรวจสอบประวัติ ก็ขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้
18. หากสามารถจัดระบบการป้องกันตนเองของชุมชนได้ เช่น มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านหรือของคอนโดได้ ก็จะเป็นการป้องกันการขโมยทรัพย์สินภายในบ้านได้อีกทางหนึ่ง
หมายเหตุ 2 : ในกรณีที่ทราบว่ามีผู้ร้ายเข้าบ้านแน่ ..อย่าคิดจับกุมผู้ร้ายด้วยตนเอง หรือออกมาแสดงตนว่าตนเองอยู่ภายในบ้าน เพราะอาจจะเป็นอันตรายต่อตนเองไม่ประการใดก็ประการหนึ่ง ควรจะหาหนทางอยู่ในที่พบยากภายในบ้าน พยายามเปิดไฟในบางห้องและรอบๆบ้าน พยายามติดต่อเพื่อนบ้านให้เขาทราบ ขอให้เขาช่วยเปิดไฟรอบบ้านของเขาด้วย ขอให้เขาช่วยส่งเสียงดังๆ ว่า จับขโมย จับขโมย และเราเองพยายามติดต่อตำรวจ 191 เพื่อขอความช่วยเหลือ
เพื่อนบ้านบางคนจะช่วยติดต่อตำรวจ 191 ด้วย
หมายเหตุ 3 : หากเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้น ..ควรรักษาสถานที่เกิดเหตุให้เป็นเช่นนั้น ห้ามเคลื่อนย้าย ห้ามเดินเข้าไปหยิบจับสัมผัสสิ่งของต่างๆโดยไม่จำเป็น รอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสถานที่เกิดเหตุจนเรียบร้อยเสียก่อน จึงจะเข้าไปเดินนั่งตามปกติ
# 02 การป้องกันการล้วงกระเป๋า(หรือการกรีดกระเป๋า,หรือการกระชากกระเป๋า) ควรกระทำดังนี้
007
1. หากไม่จำเป็น ไม่ควรนำสิ่งของมีค่าหรือจำนวนมาก ติดตัวไปในทุกๆที่ โดยเฉพาะที่เปลี่ยว ที่มีคนแน่น หรือที่ในยามวิกาล....หากจำเป็นจะต้องนำไป ควรนำไปโดยมียานพาหนะของตนเอง ไปพร้อมกับเพื่อนชายหรือมีผู้คุ้มกัน ไม่ควรนำสิ่งของที่มีค่าออกมาโชว์คนแปลกหน้าบ่อยๆ อาจจะมีการเก็บซ่อนเอาไว้ให้มิดชิดเป็นอย่างดี
2. ผู้ชาย ..หากจำเป็นต้องนำเงินสดติดตัวไปเป็นจำนวนมาก และหากไปคนเดียว ควรจะแยกจัดเก็บเงินสดจำนวนมาก เก็บไว้ในกระเป๋าของเสื้อตัวใน ..ส่วนกระเป๋าเงินที่ใช้อยู่เป็นประจำ ซึ่งจะมีเงินจำนวนไม่มาก ควรจะพับอยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านข้าง และลึก(ใกล้บริเวณต้นขา)ไม่ใช่ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงหลัง เพื่อว่าหากกระเป๋าถูกล้วง เราจะสามารถรู้สึกตัวได้เร็ว
008
3. ผู้หญิง ..กระเป๋าถือไม่ควรใส่สิ่งของมีค่าสูงโดยไม่จำเป็น(บางคน จะชอบพกพาไปในที่ต่างๆเพราะมั่นใจว่า อยู่ใกล้ตัวจะปลอดภัย) ...ขณะถือ ควรมีสติและระมัดระวัง ยิ่งเมื่อเดินเข้าไปในสถานที่มีคนแออัด เช่นบนรถประจำทาง หรือขณะจะเบียดขึ้นรถ หรือขณะจะเข้าประตูแคบ ช่วงนั้นจะต้องระวังถูกกรีด ...หรือขณะยืนอยู่คนเดียวริมถนน กำลังเดินขึ้นสะพานลอย หรือกำลังยืนอยู่บริเวณหน้าต่างรถไฟ ช่วงนั้นจะต้องระวังถูกกระชากกระเป๋า
009
4. การนั่งเก้าอี้ และการใช้ห้องน้ำ ผู้หญิงควรจัดวางกระเป๋าถือไว้ในที่ใกล้ตัว และอยู่ในสายตาตลอดเวลา ไม่ควรแขวนสะพายกับพนักหลัง หรือวางบนชั้นวางนอกห้องน้ำ ....การถือกระเป๋าถือ ที่ปลอดภัยสูง คือใช้สองมือจับกุมให้กระชับไว้ข้างหน้า หรือคล้องแขนแล้วกอดไว้ข้างหน้า ...ไม่ควรหิ้วหรือสะพายบ่า พร้อมอารมณ์ใจลอย มองอะไรเพลินๆ หรือมุ่งแต่จะเบียดไปข้างหน้าลูกเดียว
หมายเหตุ 4 : ผู้ร้ายประเภทล้วง กรีด หรือกระชากกระเป๋า เป็นได้ทุกเพศ ทุกวัย บางคนเป็นเด็ก บางคนวัยกลางคน บางคนเป็นแม่บ้าน บางคนแต่งตัวนักศึกษา ส่วนใหญ่จะถือหนังสือพิมพ์หรือถือสิ่งของเอาไว้ เพื่อใช้บังสายตาผู้อื่นในขณะทำการ ...และจะทำเป็นขบวนการ ขณะกรีดกระเป๋าจะมีคนบังผู้อื่นให้ กับคนกรีด แล้วจะส่งต่อ ส่งต่อ แล้วส่งต่อ ทำให้จะปรักปรำได้ยากเพราะไม่มีหลักฐาน
หมายเหตุ 5 : หากรู้สึกตัวว่ากำลังถูกล้วงกระเป๋า ถูกกรีดกระเป๋า หรือเมื่อพบคนร้ายกำลังล้วงกระเป๋าผู้อื่น หรือกรีดกระเป๋าของผู้อื่น ...ให้รีบร้องส่งเสียงดังออกมา ไม่ควรทำทีว่าตนรู้ตัวแล้ว และไม่สนใจหรือเดินหนี ...แต่ควรจะทำให้ผู้อื่นที่อยู่ใกล้เคียงรู้ตัวด้วย ทำให้ผู้ร้ายอับอายไม่กล้าทำงานนี้ต่อไป และทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาจับกุมผู้ร้าย
หมายเหตุ 6 : ผู้หญิงที่จะใช้ลิฟท์ แม้จะเป็นลิฟท์ในแฟลตที่พักของตน หากจะเข้าคนเดียวแล้วมีคนแปลกหน้าที่ไม่น่าไว้วางใจอยู่ในลิฟต์ ไม่ควรจะเสี่ยงใช้ลิฟต์ในตอนนั้น, ระมัดระวังเมื่อจะไขกุญแจรถในอาคารจอดรถที่เปลี่ยว, รวมทั้งระมัดระวังหากประสบเหตุการณ์มีคนแปลกหน้าอ้างว่ารถของเราไปเฉี่ยวรถของเขา ...เพราะอาจจะถูกชิงทรัพย์ได้
# 03 การป้องกันการปล้นทรัพย์ในสถานประกอบการค้า
010
1. การจ้างคนงานหรือพนักงาน ...จัดทำแฟ้มประวัติพร้อมรูปถ่าย สำเนาบัตรประชาชน บางอาชีพอาจจะต้องมีคนค้ำประกัน จัดทำไว้ทั้งคนงานลูกจ้างชั่วคราวและพนักงานที่มีเงินเดือน ...หากต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อทำการตรวจสอบประวัติให้ ก็ขอความร่วมมือได้
2. การเบิกจ่ายเงินเดือนจำนวนมากของคนงานหรือพนักงาน หรือการส่งมอบเงินจำนวนมากให้ผู้ขายของ หรือผู้ส่งของ ควรเบิกจ่ายเงินผ่านทางธนาคาร ...แต่หากไม่มีบริการของธนาคาร ควรจะขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเบิกจ่ายเงิน และไม่ควรเดินทางในเวลากลางคืน
3. การจัดตกแต่งสถานประกอบการ ควรให้สามารถมองเห็นได้จากภายนอก ...ทั้งโดยลูกค้าและสถานประกอบการใกล้เคียงมองเห็น
4. อาจติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิด หรือติดตั้งสัญญาณแจ้งภัยถึงตำรวจเอาไว้หลายๆ แห่ง หรือประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้แวะมาเยี่ยมที่สถานประกอบการบ่อยๆ
5. ควรผูกมิตรกับสถานประกอบการใกล้เคียง เพื่อช่วยเป็นหูเป็นตาและช่วยเหลือต่อกันและกัน......อาจจัดงานสังสรรค์ร่วมกัน ชวนไปทำบุญร่วมกัน
6. ไม่ควรจัดเก็บเงินสดจำนวนมาก หรือทรัพย์สินที่มีค่ามากๆ ไว้ในสถานประกอบการ ควรเก็บไว้ที่ธนาคารจะดีกว่า ...หากจำเป็น จะต้องจัดเก็บ ต้องจัดเก็บในห้องนิรภัยหรือตู้นิรภัย
7. เครื่องประดับที่มีไว้เพื่อทำการค้าหรือมีไว้เพื่อโชว์ ควรถ่ายภาพและจดรายละเอียดตำหนิรูปพรรณเอาไว้ ก่อนจะนำออกมาขายหรือโชว์
011
8. ไม่ควรนำสินค้าหรือเครื่องประดับราคาแพง ออกมาให้ลูกค้าเลือกหลายๆ แบบ หลายๆ ชนิดในคราวเดียวกัน
ควรนำออกมาทีละแบบ หรือทีละชนิด เพื่อจะได้ระมัดระวังง่าย และจำง่าย
9. การเปิด-ปิดสถานประกอบการ ไม่ควรเปิดแต่เช้าตรู่ และไม่ควรปิดเมื่อดึกเกินไป หรือเปลี่ยวเกินไป
.ขณะจะเปิด-ปิดซึ่งมักจะมีลูกค้าน้อย ควรระมัดระวังลูกค้าแปลกหน้าเข้าร้าน หากไม่ชอบมาพากล ควรอ้างว่ายังไม่เปิดขายหรือปิดขายแล้ว ...และควรระมัดระวังลูกค้าแปลกหน้ากลุ่มเดียวกันหรือต่างกลุ่มกัน เข้ามาในร้านพร้อมกันครั้งละมากๆ
10. ดูแลรักษาให้ประตู หน้าต่าง หลังคา ฝ้าเพดาน ช่องระบายอากาศ ของสถานประกอบการ มีสภาพมั่นคงแข็งแรง ....การปิดทุกครั้งต้องใส่กลอน ใส่กุญแจอย่างรอบคอบแน่นหนา ...ไม่ควรจะติดกลอนประตูไว้ด้านนอก เพราะคนร้ายอาจใช้เป็นห้องขังเราได้อย่างสะดวก
012
11. ไม่ควรอยู่ทำการค้าในสถานประกอบการเพียงคนเดียว ...และหากจะไปหยิบสินค้าหรือสิ่งของจากหลังร้าน หรือชั้นบน หรือโกดังเก็บของ ควรจะมีผู้อยู่ดูแลหน้าร้านหรืออยู่กับลูกค้าเสมอ
12. ไม่ควรมอบหมายให้เด็ก หรือสตรีเท่านั้นอยู่เฝ้าสถานประกอบการ ...หากจำเป็น ควรแจ้งให้สถานประกอบการใกล้เคียงรับทราบและอยู่เป็นเพื่อน.
เขียนยาวอีกแล้วครับ.....อุ อุ
Create Date : 20 พฤศจิกายน 2550 |
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2550 0:52:29 น. |
|
39 comments
|
Counter : 15607 Pageviews. |
|
|
|
มีประโยชน์จริงๆด้วย
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆที่เอามาแบ่งปันนะคะ
ฝันดีค่ะ