Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2565
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
24 ตุลาคม 2565
 
All Blogs
 
No. 1136 ถูกทิ้ง (ตะพาบ)

No.  1136  ถูกทิ้ง (ตะพาบ) 
 

 
สายวันหนึ่งขับรถไปกับลูกน้องไปรับฟางข้าวที่สั่งซื้อไว้ล่วงหน้าสองสามเดือนมาแล้ว
เราจำเป็นต้องใช้คลุมแปลงขิงมิให้ความชื้นในดินหายอีกอย่างป้องกันหญ้าขึ้นแย่งอาหารขิง...ตัวไร่อยู่บนดอยสันกู่ที่ไม่สูง
มากนักอยู่เขต อ.เวียงป่าเป้าคาบเกี่ยวกับอำเภอวังเหนือของลำปาง
ไปรับแต่รับฟางไม่ได้อีกแหละ... เราใช้สั่งจองฟางข้าวเหนียวที่ลำต้นยาวดีแต่กลับได้ฟางข้าว บ.ส. ที่สั้นกว่าข้าวไทย
ปีที่ผมไปทำไร่ขิง มีชาวบ้านปลูกพันธ์บัสมาตีเพื่อส่งขายให้บริษัทรับซื้อ (ภาพข้างล่างจากอินเดีย)


 
 เพื่อน ๆ ที่เข้ามาอ่านอาจจะไม่รู้จัก เป็นข้าว บาสมาตี ของอินเดียที่คนอินเดียในไทยหุงข้าวให้เราได้กิน อินเดียเป็นผู้ส่งออกข้าวบัสมาตีอันดับหนึ่งของโลก  น่าจะมีคนหัวแหลมน่าจะปลูกในไทยได้เลยส่งเสริมให้ปลูกที่เชียงรายด้วย



ถ้าใช้ก็ต้องเปลืองฟาง
เปลืองเงินเปลืองแรงงานที่ปูฟางตอนปลูกด้วยเลยต้องขอลดราคากว่าจะตกลงกันได้ ก็เบื่อเดี๋ยวชาวบ้านจะหาว่าเราเขี้ยว



 
ต้องรีบหามาทดแทนราคาย่อมแพงกว่าปกติ... คนงานใส่ฟางสูงเยอะเกิน เวลารถวิ่งบนดอยเป็นถนนดินแดง
จะวิ่งโงนเงนอยู่บ้าง ลำบากตอนที่ขับไต่ขึ้นดอย ที่เป็นถนนดินแดง มีร่องกลางเพราะฝนปีก่อน
เซาะ เวลาขับน่ากลัวรถตกร่อง หมายถึงรถเอียงอาจจะพลิกตกข้างทางได้
 
ทำไร่ขิงบางขณะต้องระวังแมงกระสอบช่วงแรกที่ลงแง่งขิงไว้ในแปลงดิน แง่งขิงที่ลงไว้เราต้องให้คนงานปาดให้
พอดีพึ่งให้แห้งพอดีไม่มากเกินแล้วจับใส่ถังใหญ่แบบผสมปูนเทน้ำที่ผสมยากันเชื้อราทิ้งให้แง่งขิงดูดซึม
กะว่าดูดซึมยาดีแล้วก็โกยไปวางผึ่งให้แห้งสะเด็ดน้ำขนใส่กระสอบใหญ่



 
ส่วนบนดอย 2 ลูกเราจ้างรถไถ ๆ ด้วยผาน 4  ขุดดินลึกจนทั่วประมาณ 50  ไร่ วันต่อ ๆ มาก็ให้รถไถคันเดิมเปลี่ยนเป็น
ผาน 7  ย่อยดินให้ละเอียดเอาเศษหญ้าตอไม้เล็กออกตากแดดฆ่าเชื้อราในดินที่อาจจะมี
เราเช่าที่ดินเป็นฤดูก็ประมาณ 1  ปีของหน่วยงานหนึ่ง...จะสึบดูว่าที่ดินตรงนั้นเคยปลูกขิงมาหรือยังถ้าเคยปลูกขิงอาจะมีเชื้อรา 
ตกค้างถ้ายังไม่เคยปลูกจะเช่าปลูกขิง ดินที่ถูกผาน 7 ย่อยแล้วรถไถจะใช้ผานยกร่องสูงประมาณ 50  ซมเป็นแถวยาวประมาณ 50  เมตร


 
คนงานชายจะช่วยกันยกกระสอบปุ๋ยที่ใส่แง่งขิงไป วางไว้เป็นจุดคนงานหญิงจะ ใช้จอบหรือมือโกยดินหย่อนแง่งขิงกลบให้แน่น
เช้าแต่ละวันผมกับเพื่อนมีหน้าที่ขับรถไปรับคนงานตามหมู่บ้านข้างล่างใช้รถพิคอัพ 2 คันกับรถแลนด์โรเวอร์ช่วงยาว
ไปตอนเช้ามาก ๆ คนงานเขาจะยืนรอหน้าหมู่บ้านมีจอบ ห่อข้าว แกลลอนน้ำของตนเอง
เวลาที่ลงมือปลูกไม่นานก็เสร็จ บนแปลงขิงเป็นดินร่วนซุยปล่อยทิ้ง ผมหรือเพื่อนจะผลัดกันมาดูกลางวันหรือนอนค้าง
ที่กระท่อมตอนกลางคืนไม่ให้...คนจับได้ว่ามาเวลาไหน  555  กระตอบหรือกระท่อมหลังข้างล่างที่ผมถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวตอน
กลางคืน



พวกมิจฉาชีพกินแรงคนอื่นไม่ต้องลงทุนมาก ชอบขี่มอไซค์ขึ้นมาดูการปลูก  ตกกลางคืนเดือนมืดจะค่อย ๆ คืบคลานมา
ขุดขิงที่ปลูกใหม่รากยังไม่งอกใส่ถุงไปขายหรือไปปลูกเองในไร่พวกมัน
ระหว่างคนงานทำงานผมกับเพื่อนเดินดูบ้างเวลาแดดออก ร้อนครับ  ที่นั่นจะมีคนงานชายที่พูดน้อยค่อนข้างนักเลง
คอยดูคนงานทำงานแค่เดินไปเดินมาไม่ให้คนงานอู้ประเภทหยุดไปกินน้ำบ่อย
 
คนงานพิเศษคนนี้เราให้ค่าแรงเท่าคนงานชายคนอื่นแต่ จะมอบเงินให้ไม่ให้คนอื่นเห็นคือให้เกียรติเขา
 
ทุกคนต้องเตรียมน้ำไปเพราะบนดอยดินไม่มีน้ำตกแบบที่เราเห็นในภาคเหนือนะครับ 555  เป็นดอยโล่ง ๆ ตอนเย็น
น้องสาวหรือไม่ก็ผมจะยืนหน้าตูบให้คนงานเข้าแถวเรียงยาวประมาณ 30 - 40 คน
จ่ายค่าแรงคนไหนรับเงินแล้ว ให้ไปอยู่จุดอื่นเพื่อนอีกคนคอยสังเกตมิให้คนรับเงินแล้วมาต่อแถวอีก หุ หุ
ค่าแรงผู้หญิงผู้ชายต่างกัน 5  บาท
จ่ายเงินแล้วต่างก็ไปที่รถแต่ละคัน ผมขับรถนิสสันแรงดีมากคนงาน จะเป็นหญิงมากเกือบหมดยืนเกาะเหล็กบนตัวรถ
ผมไปส่งแถวหมู่บ้านเวียงกาหลง กับบ้านแม่ห่างใต้
 
เราปลูกกระท่อมสำหรับ คนงานพักตอนกลางวัน และเป็นที่พักของเราในเวลากลางคืน เราผลัดกันนอนค้างเฝ้าไร่ขิงที่กว้าง
กว่า 50 ไร่ เผลอไม่ได้แมงกระสอบเยอะ 555 เพื่อนที่ปลูกขิงไว้อีกบนดอยเจอมาแล้ว แมงกระสอบใช้วิธีดึงต้นขิง
ใช้มือโกยขิงอ่อนหรือขิงแก่ก็เอาทั้งนั้นตัดต้นทิ้งเหลือแต่แง่งขิงใส่กระสอบยกใส่มอไซค์ที่จูงซุกไว้ในพงหญ้าตอนกลางวัน
ได้ขิงพอก็มัดกระสอบขิงให้แน่นแล้วจูงมอไซค์ลงดอยไปเงียบ ๆ  กะว่าให้ห่างจากกระท่อมครึ่ง กม.ก็พอ
สตาร์ทรถวิ่งลงดอยสบาย ๆ  ได้ขิงโดยไม่ต้องปลูกเอาไปขาย
อาหารสำหรับผมหรือเพื่อนที่ไปนอนเฝ้าหรือดูแลไร่ตอนกลางวันหรือกลางคืน


 
ซื้อหมูสามชั้นมาหั่นเป็นก้อน เคล้าเกลือ พริกไทย กระเทียมทำให้สุกเรียกว่าหมูโค๊ะไว้ทีละหม้อเอาไว้กินกับน้ำพริก
แดง มีข้าวสารไว้ในกระท่อมด้วย
เย็นวันหนึ่ง นั่งอยู่หน้าตูบ บนดอยมองดู ตัวตลาดบ้านแม่ขะจาน ฝนตกพรำ ๆ เงียบ ๆ อากาศเย็นจนหนาว

หิวข้าวแต่ไม่มี
อะไรกินเลยรออาหารจากเพื่อนที่ลงไปนำมาจากบ้านข้างล่างดอยอาหารหมด
 ฝนที่ตกพรำ ๆ กลับตกหนักไม่มีทีท่าจะหยุด แบบนี้ถนนที่ขึ้นมาบนดอย
เละเทะแน่นอน รถขึ้นมายาก...มองลงไปจากยอดดอยเห็นตัวตลาดไกลสุดสายตา แสงไฟฟ้าวับแวบเป็นบางครั้งคงมาจาก
บ้านคนข้างล่างแต่สายฝนที่ตกลงมาหนักจะบังแสงเหงา สุด ๆ คิดถึงบ้านที่ กรุงเทพฯ (ไม่มีภาพกลางคืน)



3 ทุ่มกว่า ฝนตกไม่หยุด หนาว.... ตัวตลาดข้างล่างอยู่ไกลไปกว่า 7 กม..หมอกฝนลงหนักทำให้บริเวณไร่มืดไปทั่ว


 
นึกถึง สตูเนื้อ ตั้งไฟอุ่น ๆ ท้องร้องจ๊อก ๆ กินน้ำก็ไม่หายหิว ได้เคี้ยวเนื้อนุ่ม ๆ รสหวานจากเนื้อเคี้ยวมันฝรั่งนุ่ม ๆ กลิ่นหอม
หัวใหญ่ หอมกานพลูนิด ๆนึกแล้วปวดกราม น้ำลายสอหิวจริง ๆ
รอบไร่เป็นป่า สายฝนที่โปรยปรายไม่หยุด รถคงไม่อาจจะขึ้นมาได้ พยายามทำใจ แต่หิวมาก เลยไปที่หม้อมีเนียมใส่ข้าวสาร


 
 ใช้มือกอบข้าวสารที่ติดอยู่ก้นหม้อป้อนเข้าปาก เคี้ยวกินดิบ ๆ



ใช้ขันรองน้ำจากชายคาดื่ม
ไม่นานข้าวที่เคี้ยวเป็นแป้งหยาบ ๆ เริ่มอึด หนักท้อง คลายหิวไปได้
คืนนั้น เลยต้องนอนบน ตูบกระท่อมที่ยกสูงเพียงเข่า ใช้มุ้งเหม็น ๆ ห่มให้หายหนาวท่ามกลางความมืด ตะเกียงน้ำมันก๊าด
ก็จุดไม่ติดไฟแช็กแก๊สหมด เฮ้อ
ลุกขึ้นมองก็ไร่ขิงก็มองไม่เห็น ได้ยินเสียงวิ่งของอีเห็น หรือกระต่ายก็ไม่ใช่ หรือ ผี... ขวัญเริ่มกระเจิงกลัว
มีอยู่ทางเดียวนอนหลับตากลัวผีเห็น หุ หุ



 
ไม่ได้นึกโกรธเพื่อนที่ทิ้งเราไว้คนเดียว คงพยายามขับรถขึ้นมาแต่ขึ้นดอยไม่ได้ถนนเละลื่นมีโอกาสตกดอยหรือไถลลง
ร่องน้ำข้างทางได้ตอนสายวันรุ่งขึ้น
เป็นแบบที่คิดจริงด้วย เพื่อนพยายามขับรถแลนด์โรเวอร์ช่วงยาวที่มีเกียร์โลว์ 2 ล้อหน้าแต่ขึ้นไม่ได้ รถยี่ห้อนี้เวลาจะ

(ภาพแทน)

 
ใช้ 4 ล้อพร้อมกันต้องจอดในที่เรียบตั้งล้อหน้าให้ตรงขยับให้ตรงลีอคยึดเกียร์โลว์ ตรงดุมล้อ
ถ้าไม่ตรงก็ต้องใช้มือโยกรถไปมาแล้วจึงล๊อคล้อหน้าเข้าเกียร์โลว์ได้ทีละข้าง



  อย่าเพิ่งหัวเราะนะครับโฟล์วิลสมัยก่อนเป็น
แบบนั้นจริง ๆ เรา 3 คนพยายามจะไม่ใช้รถแลนด์คันนี้มันแข็งโป๊ก ซดน้ำมันด้วย 555
ส่วนโทรศัพท์มือถือหมดสิทธิ์ยังใม่มีใช้ ปีนั้นปีพศ.2530  ได้มั้ง พอปี 2535  จะเริ่มมีโทรศัพท์หิ้วไปมาเบ่อเริ่มแล้ว
ราคาเกินเอื้อม แสนกว่าบาทเรื่องส่งข่าวกันไม่มีทางเลย.. ถ้าเป็นปัจจุบันส่งไลน์ให้ส่งอาหารได้ 555
 
ไปทำงานไร่อยู่บนดอยเพราะ ลาออกจากบริษัทที่ทำงานมากว่า 15  ปีอยู่บ้านแม่ขะจาน บ้านแม่ห่างใต้ บ้านเวียงกาหลง



ก่อนฤดูเก็บเกี่ยว..นาเดียวกันเปลี่ยนแปลงแบบนี้



 
อ.เวียงป่าเป้า..จำอากาศหนาว หมอก ฝน  น้ำในลำห้วย จิตใจคนในท้องถิ่นอาหารได้ดีอยู่ทำไรเกือบสองปีจึงเดินทางกลับไป
ไปทำงานในกรุงเทพ ถ้ามีโอกาสก็จะกลับไปเที่ยวเกือบทุกปีที่นั่นเพราะชอบ
 
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ    (re 393/2,781)
st ผู้เข้าชม  2,381,680.
ขอบคุณเพื่อนผู้แวะมาเยือน กรุณาเม้นท์/ทิ้งร่องรอยนิด ผมจะได้กลับไปเยี่ยมตอบแทนถูกครับ
 
Diarist



Create Date : 24 ตุลาคม 2565
Last Update : 24 ตุลาคม 2565 5:47:05 น. 29 comments
Counter : 978 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณอุ้มสี, คุณหอมกร, คุณkae+aoe, คุณtuk-tuk@korat, คุณSleepless Sea, คุณtoor36, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณเริงฤดีนะ, คุณกะว่าก๋า, คุณทนายอ้วน, คุณสองแผ่นดิน, คุณSweet_pills, คุณhaiku, คุณกิ่งฟ้า, คุณInsignia_Museum, คุณtanjira, คุณnewyorknurse


 
อ่านเพลินมาก เห็นภาพการทำงานเลยค่ะ ว่าลำบากแค่ไหน


โดย: blue passion วันที่: 24 ตุลาคม 2565 เวลา:6:08:02 น.  

 
มิจฉาชีพน่าเกบียดมากนะคะ
กล่งวันมาดูการปลูก
กลางคืนแอบมาขุด


โดย: อุ้มสี วันที่: 24 ตุลาคม 2565 เวลา:9:30:17 น.  

 
ผ่านชีวิตมาหลากหลาย ไม่จำเจน่าเบื่อค่ะ


โดย: มณีนุช IP: 184.22.116.17 วันที่: 24 ตุลาคม 2565 เวลา:10:33:30 น.  

 
ข้าวอินเดียแข็งจะตาย มันอร่อยตรงไหนะพี่ไวน์
น่าจะเป็นความเคยชินของฃาวอินเดียเขามากกว่า



โดย: หอมกร วันที่: 24 ตุลาคม 2565 เวลา:12:39:39 น.  

 
ข้าวอินเดียเค้าเอามาทำข้าวหมกไก่ป่าวครับพี่
เห็นหมูสามชั้นแล้วน่ากินมากครับ 555
ทางขึ้นดอยเละไม่เบาเลยครับ ภาพสุดท้ายทำให้ผมนึกถึงตอนไปเที่ยวที่เชียงใหม่เลยครับ บรรยากาศแบบนี้เปี๊ยบเลยครับ


โดย: The Kop Civil วันที่: 24 ตุลาคม 2565 เวลา:13:34:11 น.  

 
รอยถนนแบบนี้น่าจะต้องพันโซ่ก่เจ้า


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 24 ตุลาคม 2565 เวลา:14:13:50 น.  

 
ว่าแล้วก็อยากไปเที่ยวเชียงใหม่อีกแล้วละครับพี่ เพื่อน ๆ ผมชวนไปเวียงแหอยู่ครับ


โดย: The Kop Civil วันที่: 24 ตุลาคม 2565 เวลา:14:53:14 น.  

 
สวัสดีครับ มาอ่านตะพาบด้วยครับพี่ไวน์


โดย: Sleepless Sea วันที่: 24 ตุลาคม 2565 เวลา:15:02:20 น.  

 
แบกสูงแบบนั้นมันน่าหวาดเสียวว่าถ้าสะดุดรถอาจลงหลุดนะครับ แม้จะน้ำหนักเบาก็ตาม ที่น่าสนใจคือรุ้ว่าเสี่ยงแต่ก็ชอบลองกัน แล้วก็มักจะเจอตำรวจเรียกเสียค่าน้ำทุกที

ผมเคยเห็นมันมีวิธีป้องกันขโมยโดยใช้รั้วไฟฟ้าครับ ปล่อยกระแสไฟฟ้า แลเวก็มีคนโดนชอตตายไปไม่น้อยเหมือนกัน (เท่าที่เห็นจากข่าว) แต่ก็เป็นคดีกันไป

คุณไวน์ไม่ได้ให้เซ็นชื่อเหรอครับ เสี่ยงนะ ที่จะมีมาเวียนเทียน แต่จ่ายแบบนี้มันก็ดีตรงเร็วดี แต่มันต้องมาให้พร้อมกันทั้งหมด

สมัยก่อนกับสมัยนี้มันก็ต่างกัน สมัยนี้น่าจะดีขึ้นแล้ว (รึเปล่าก็ไม่แน่ใจ)


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 24 ตุลาคม 2565 เวลา:15:06:08 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่ไวน์
พี่เคยถูกทิ้งไว้ในที่มีดและโหยหิว คงจะทุกข์ทรมานมากนะคะ
ก็ดีเหมือนกันนะคะเป็นการฝึกจิตใจให้เข้มแข็งอดทน แต่พี่ก็แก้ไข
ปัญหาได้ทุกสถานการณ์ ขอปรบมือให้ค่ะ


โดย: จินดา IP: 58.11.2.177 วันที่: 24 ตุลาคม 2565 เวลา:17:59:23 น.  

 
สวัสดี ค่ะ คุณไวน์

อ่านเรื่องราวของคุณไวน์ เพลินไปเลย ค่ะ คราวนี้
รู้ว่า คุณไวน์เคยทำไร่ขิงด้วย แถม มีขโมยหัวใสชุบมือ
เปิบ ไม่ลงมือปลูกเอง ใช้วิธีขโมย ไม่น่าอายเลยจริง ๆ
พวกนี้น่าจะจับขังลืมเลย อิอิ
ตอนนี้ คุณไวน์ก็สบายแล้ว ไม่ต้องไปทำงานลำบาก
เช่นนั้นแล้ว ใช่ไหม อิอิ

โหวดหมวด บันทึกประสบการณ์ชีวิต






โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 24 ตุลาคม 2565 เวลา:18:17:56 น.  

 
อันนี้คนทิ้งไม่ได้เจตยนาให้เราถูกทิ้งนะคะ
ยกประโยชน์ให้จำเลย

กางมุ้ง นอนในตูบกระท่อมก็ฟินๆไปอีกแบบ

อ้อเพิ่งเห็นว่าตะพาบออกเดินตอนเย็นๆนี่เอง
เพิ่งปั่นรัวๆเสร็จค่ะ
แวะมาส่งการบ้านด้วย


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 24 ตุลาคม 2565 เวลา:19:46:11 น.  

 
สะพานในภาพแรก
เดินไปก็น่าหวาดเสียวมากเลยนะครับพี่

ผมเพิ่งทราบครับว่าบ้านเราปลูกข้าวบาสมาตีได้ด้วย

รถรถแลนด์โรเวอร์รุ่นนี้เท่มากๆเลยนะครับพี่
เหมือนรถตรวจการของข้าราชการ
ถ้าจำไม่ผิดผมเคยเห็นในหลวง ร.9 ท่านนั่งรถแบบนี้ขึ้นดอยด้วย




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 ตุลาคม 2565 เวลา:19:50:30 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่ไวน์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 ตุลาคม 2565 เวลา:5:17:28 น.  

 
สวัสดีคะพี่ไวน์ ขอบคุณที่ไปให้กำลังใจบล็อกตะพาบนะคะ

มาอ่านถูกทิ้งของพี่ไวน์น่ากลัวมากค่ะ 555 ถูกทิ้งอยู่บนดอยอ้างว้างคนเดียวอดข้าวอดน้ำ เลยต้องเอาข้าวสารดิบกินแทนโห..สุดยอดค่ะพี่ไวน์
บนดอยในป่าเวลาฝนตกนี่ทางเดินเป็นโคลนเละและก็ลื่นน่ากลัวรถตกเขาจริงๆค่ะ ถ้ารถแรงไม่ดีจริงขึ้นไม่ได้แน่อันตรายมากนะคะ ด้วยเหตุสุดวิสัยจริงๆจึงต้องถูกทิ้งนะคะ

พีี่ไวน์เก่งมากๆเลยค่ะทำไร่บนดอยอยู่ตั้งสองปีถ้าไม่กลับลงมาคงแก่อยู่บนดอยแล้วนะคะ 555

โหวต Diarist



โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 25 ตุลาคม 2565 เวลา:8:08:03 น.  

 
พี่ไวน์เป็นคนที่มีความทรงจำเยอะมาก......มีเรื่องเล่าได้ตลอดเลย


โดย: kae+aoe วันที่: 25 ตุลาคม 2565 เวลา:8:16:27 น.  

 
สวัสดีครับพี่ไวน์

พี่ไวน์นี่ขาลุยจิงๆ ครับ ถ้าไม่มีทักษะติดตัวเอาไว้นี่ลำบากเลยครับ เพื่อนพี่ไวน์ก็คงไม่ได้ตั้งใจทิ้ง แต่ทางมันคงไม่ไหวจริงๆ นั่นแหละครับ

หมูสามชั้นทอดพริกเกลือนี่อร่อยสุดยอดครับ เรียกว่าลืมเรื่อง % fat ไปเลยครับ 55555

บ้านคุณแม่ผมมีขิงหรือข่าซักอย่างอยู่ 3-4 ต้น ขุดยากมากครับ ผมบอกแม่ว่า อย่าปลูกเองเลย ไปซื้อเอาง่ายกว่า 5555


โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 25 ตุลาคม 2565 เวลา:14:12:25 น.  

 
ข้าว บาสมาตี ของอินเดียเราไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ มันไม่เหมือนข้าวไทย ข้าวไทยอร่อยกว่าจริงๆ ประเทสไทยตอนนี้น่าจะปลูกได้หมดแล้วมั้ง เพราะขนาดข้าวญี่ปุ่นบางสายพันธุ์ก็ปลูกได้แล้วที่ไทย

มิจฉาชีพก็มีทุกยุคทุกสมัย ปรับตัวในการทำความผิดแต่งกันในแต่ลบะยึคสมัย

สมัยก่อนดูลำบากจริงๆ ที่ทางก็ยังไม่ดี การคมนาคมก็ไม่สะดวกเป็นธรรมดา


โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 25 ตุลาคม 2565 เวลา:15:21:57 น.  

 
ช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้
ป่วยกันเยอะเลย
ขอให้หายเร็วๆนะครับพี่



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 ตุลาคม 2565 เวลา:15:27:18 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่ไวน์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 ตุลาคม 2565 เวลา:5:17:37 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณพี่ไวน์..

ชีวิตลำเค็ญจริงๆนะคะ..

เพิ่งเขียนงานตะพาบเสร็จคะ..

เลยตามอ่านของคนอื่นบ้าง..



โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 26 ตุลาคม 2565 เวลา:12:30:35 น.  

 
ตอนนี้คนในวงการท่องเที่ยวไม่กล้าขยับอะไรเลยครับ
แต่พี่เชื่อไหมครับ
ว่าถ้ารัฐบาลลาออก
มีการขานรับเชิงบวกแน่นอนครับ 555



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 ตุลาคม 2565 เวลา:14:48:29 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่ไวน์

แมงกระสอบออกหากินช่วงค่ำมืด
ไม่ต้องลงเงินแต่ลงแรงขโมยของคนอื่น
ทำให้เจ้าของต้องจัดเวรยามเฝ้าไร่
อยากให้มิจฉาชีพเหล่านี้หมดไปจริงๆค่ะ

ความหิว ความหนาว การอยู่ลำพังไม่ง่ายเลยนะคะ
ข้าวดิบกับน้ำช่วยประทังความหิวได้
อ่านบันทึกนี้นอกจากได้ความรู้แล้ว
เร็วๆนี้ต๋าอยากหาซื้อข้าวบามาติเมล็ดยาวสวยมาหุงบ้าง
ส่วนหมูโค๊ะกับสตูว์ก็น่าทำด้วยค่ะ

ขอบคุณพี่ไวน์สำหรับแรงบันดาลใจค่ะ



โดย: Sweet_pills วันที่: 27 ตุลาคม 2565 เวลา:0:51:38 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับพี่ไวน์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 ตุลาคม 2565 เวลา:5:26:56 น.  

 
ประสพการณ์ชีวิต
มีหลายรูปแบบเลยนะคะ
อ่านเเล้วได้ความรู้ดีค่ะ


โดย: สมาชิกหมายเลข 3661152 วันที่: 27 ตุลาคม 2565 เวลา:10:02:07 น.  

 
สวัสดียามค่ำค่ะคุณไวน์

มาลงชื่อไว้ก่อนค่ะ กลับจากศิริราชจะมาอ่านนะคะ

ขอให้สุขกายสบายใจค่ะคุณไวน์


โดย: tanjira วันที่: 27 ตุลาคม 2565 เวลา:20:07:16 น.  

 
ชอบวิถีชีวิตแบบนี้ ได้เห็นได้รู้ประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างค่ะ


โดย: thanitsita วันที่: 28 ตุลาคม 2565 เวลา:1:44:35 น.  

 
สวัสดีค่ะ…พี่ไมตรี

อ่านเพลินเลยค่ะ ได้ทั้งสาระความรู้และเรื่องราวประสบการณ์ต่างๆ


โดย: K’ IP: 14.207.5.116 วันที่: 30 ตุลาคม 2565 เวลา:16:49:19 น.  

 
สวัสดีรอบดึก แวะมาทักทาย JIMIAV JIMIAV ยินดีที่ได้รู้จักครับ


โดย: สมาชิกหมายเลข 3449339 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2565 เวลา:2:31:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไวน์กับสายน้ำ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]





เขียนการเดินทาง
ด้านธรรมชาติ
จักรยานเสือภูเขา



หลังไมค์ครับ
Friends' blogs
[Add ไวน์กับสายน้ำ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.