Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2566
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
15 พฤษภาคม 2566
 
All Blogs
 
No. 1193 เปล่าตั้งใจ นะ...?

No.  1193  เปล่าตั้งใจ นะ...?

พิมพ์ครั้งที่ 3


 
นั่งฟังข่าวการเมืองเบื่อเลยนำเรื่องนี้มาลง ดูแล้วหนุ่มสาวแรง...มีคนดีใจ+เสียใจ+มีความหวัง+กลัวตามกรรมทัน(กรรมแบด 555)
 
บ้านของเราเป็นหอพักรับนักเรียนต่างอำเภอเพื่อเรียนหนังสือในเมืองเชียงใหม่ ดญ.ดำเรียนชั้นประถม 5
รร.ปิดเทอมแม่ของดำขอให้พาดำนั่งรถเมล์ไปส่งที่ อ.ดอยสะเก็ดผมดีใจที่ได้เดินทางไปต่างอำเภอ
เมื่อไปส่งก็เลยได้พัก  2 - 3 วันได้เที่ยวตามท้องนา



 
ตะวันสาดแสงกล้าเรา 3 คนเดินไปตามคันนา รอบกายต้นข้าวเหนียวสูงลำต้นอวบหนา น้ำใสท่วมกอข้าวมีฟองอากาศ
ปูตัวเล็ก เกาะกอต้นข้าวปนอยู่กับปูตัวใหญ่ บางตัวเกาะบนคันนาเห็นเงาเราสามคนรีบมุดน้ำหนี
ฟ้าที่ีสดใส เริ่มมีเมฆสีมืดลอยละล่อง อยู่เบื้องบนเคลือนตามกระแสลมบน วิทย์เจ้าถิ่น...เดินนำพาไปแถวลำน้ำกวง



 
ดำเพื่อนหญิงชื่อดำ แต่ผิวขาว ...เดินแบกแซะ ก็ไม้ไผ่สานเป็นรูปสามเหลี่ยมดำรวบเส้นผมมัดไว้ต้นคอ
ยามเดินหางม้า...แกว่งไปมาตามจังหวะเดิน เหงื่อเริ่มผุดที่หน้าผาก 
 ผมกับประวิทย์เตรียม เบ็ดปัก 40 อันขุดใส้เดือนสีแดงคล้ำตัวยาวใส่กระป๋องนมเก่ามา 2 กระป๋องข้างหน้าลำเหมืองไหลช้า ๆ
 
ดำ...ไปลองแซะริมเหมืองดู ฮา(ฉัน) กับไม...จะไปปักเบ็ดทางโน้นนะ วิทย์บอกน้องหญิง
ดำ(สมถวิล)ขมวดผ้าถุงจากครึ่งน่องให้สูงขึ้นถึงเข่า ใช้เข็มขัดหนังสีน้ำตาลคาดจนแน่นลงน้ำใช้แซะไม้ไผ่กดลงในน้ำ


 
ห่างจากริมเกือบเมตร ชัอนงัดชิดริมตลิ่งยกขึ้น ปลาซิวกับปลาขาวตัวเล็กติดขึ้นมาดิ้นไปมา ขาววับยามต้องแสงตะวัน
ใช้มือช้อนจับปลาทีละตัวใส่ข้องที่มัดเอว ได้ 2 ตัว แล้วใช้มือเขี่ยเศษหญ้าหยิบกุ้งฝอน 4-5 ตัวใส่ข้อง
 แล้วใช้แซะ ช้อนปลาต่อข้างหน้า ลำน้ำกวงขวางอยู่เลยเดินแยกไปในท้องนาแทน


 
ประวิทย์พาเดินบนคันนาลึกเข้าไป น้ำในนาที่เต็มไปด้วยต้นข้าวสีเขียวทึบน้ำเต็มเปี่ยมคันนาดูแล้วน่าจะมีปลา
เลยให้วิทย์ปักเบ็ด...ผมเดินไปอีกทางให้ไกลกัน
 
ปลดเบ็ดออกจับใส้เดือนเสียบร้อยเข้ากับตัวเบ็ด


 
จับด้ามเบ็ดไม้ไผ่แทงลงกับคันนาที่อ่อนนุ่มเอียง...โน้มข้างหน้าให้สายเบ็ดสีคล้ำหย่อนในน้ำลึกประมาณ 2 นิ้ว
ใช้มือควาน ดึงหญ้าที่ขึ้นเกะกะออกกว่ากว่าศอก ทิ้ง
ดูแล้วน่าจะเป็นแหล่งปลาดุก เลยจัดการใช้มือคุ้ยดินในหน้าใกล้เบ็ดให้ขุ่น...ใช้นิ้วดีดน้ำดังเปาะ ๆ คล้ายกับเสียงปลาผุด
ขึ้น 3 ครั้งแล้วเดินไปปักเบ็ดต่อ ห่างจากจุดเดิมกว่า 20 เมตร ปักไปเรื่อย ๆจนเบ็ด 20 คันหมด
 
เราสองคน์เดินไปพักใต้ต้นทองกวาว.ไม่นานเสียงปลาสะบัดดีดน้ำดัง 2 จุด
รีบเดินกลับดึงคันเบ็ดขึ้นปลาช่อนตัวเขื่องลอยขึ้นตามมือใช้มือจับรวบตรงหัวหย่อนลงในข้องไม้ไผ่ แล้วใช้มือขวาจับปลา
เฉียงติดงัดให้เบ็ดหลุดจากปากปลา..ยัดปลาลงข้อง แล้วรีบไปปลดปลาอีกจุด


 
ปลาดุกอุยตัวโตติดยกคันเบ็ดกับตัวปลาวางบนคันนา ใช้มือซ้ายกดหัวปลาแนบดิน
ให้หัวปลาดุก..อยู่ระหว่างนิ้วกลางกับนิ้วชี้งอนิ้วทั้งสองรั้งเหงี่ยงปลาไว้ใช้มือขวาบิดเบ็ดออกใช้มือซ้ายจับปลาดุกใส่ข้อง
 เลยเดินกลับไปดูดำช้อนปลาได้ปลาขาวกับกุ้งกว่าครึ่งข้อง
 
ประวิทย์ไปปลดปลาที่ติดเบ็ดใส่ข้องได้หลายตัว.รอนานคงไม่มีปลาติดเบ็ดเลย
เดินกลับเรียบริมลำห้วยใหญ่กะไปเก็บยอดผักขี้เหล็กบนคันนาที่ตีคู่ไปกับลำห้วยใหญ่... มีเบ็ดก่องปักเรียงรายเยอะมาก
เสียงปลาติดเบ็ดสบัดแรงอยู่ข้างหน้า รีบเดินไปดู
 
โห..ปลาหลิม(ช่อน) ตัวโตเลยโว้ย ของใครหว่า เลยตะโกนเป็นภาษาเชียงใหม่ เบ็ดของไผ๋ ตะโกนไปหลายครั้ง เงียบ
เจ้าของเบ็ดคงกลับบ้านไปแล้ว ทำไงดีวิทย์
ฮา ว่าคิงกู้เบ็ดเอาป๋าปิ๊กบ้าน(เอาปลากลับ)เลยดีกว่า 555 เจ้าของคงไม่รู้
(ภาษาเชียงใหม่ "คิง" = เมิง ..... ส่วนคำว่า "ฮา"  =  กรู)  ใช้เรียกพูดกันเฉพาะเพื่อนคนสนิท
เอางั้นเหรอวิทย์ แล้วดำว่าไง...
ดำว่ามันไม่ดีนะ พี่ไม.. มันบาป
ไม..คิง(เ มิง)อย่าไปฟัง ดำมัน... เอาไปเถอะ เอาปลาใส่ข้อง แล้วเอาเบ็ดปักไว้ตามเดิมเจ้าของไม่รู้หรอก
หลังจากนั้น เรา 3 คนรีบเดินกลับบ้านอย่างเร็ว 555 กลัวเจ้าของเบ็ดจะจับได้


 
ไปถึงบ้านเอาปลาช่อน ดุกปล่อยในโอ่งใหญ่เก็บไว้ก่อน ส่วนปลาเล็กปลาขาวปลาซิว จับเอามาขอดเกล็ด ควักใส้ทิ้งมันขมปลาหลด
ล้างเมือกจนสะอาดแยกออกจากกุ้งฝอย..ดำจัดการเก็บพริกชี้ฟ้า 8 เม็ดหั่นตะไคร้ หัวหอมแดง 4 ใส่เกลือโขลก
ตามด้วยขมิ้นขนาดนิ้วก้อย(ดับกลิ่นคาว)ทำให้หอม 1 ข้อพอแหลกตักกะปิสีดำคล้ำใส่อีก 1 ช้อนโขลกพอนัวตักใส่กาละมังเล็ก
เอาปลาตัวเล็กคลุกเคล้าจนทั่วแบ่งน้ำพริกอีกนิดใส่จานโตคลุกกับกุ้งฝอย
ไปตัดใบกล้วน้ำว้ามานาบบนเตาถ่านให้ใบกล้วยนิ่ม.. ดำนำใบตองวางซ้อนเฉลียง 3 ชั้นตักปลาที่เคล้าน้ำพริกห่อเป็น 3 ห่อง
ใช้ไม้กลัด กลัดหลายจุดจนแน่น
ประวิทย์นำไปย่างบนเตาถ่านไฟแดง ยามใดไฟแรงคอยใช้ ตะหลิวเก่าตักขี้เถ้าโรยลดความร้อนเกือบครึ่ง ชม.กลิ่นใบตองหอม
ปนกับกลิ่นปลาที่สุก
พี่สาวเตรียมจานกับข้าวเหนียวที่นึ่งตอนเย็น ไว้บนเติ๋น(ชานบ้าน) แม่ของดำเอาแอ๊บปลาวางแกะใบตองกลิ่นหอมฟุ้ง
ต่างคนใช้ช้อนกลางตักแอ๊บ 2 อย่างใส่จานตนเอง


 
ปั้นข้าวเหนียว..จิ้มบดติดแอ๊บปลา..นำเข้าปากเผ็ด.กลาง ๆ เค็มนิดจากกะปิผสมขมิ้น
 รสชาติอร่อย..



งบกุ้งเวลาเคี้ยวจะได้กลิ่นเดียวกันแต่ความรู้สึกเวลาเคี้ยวกุ้งจะกุ๊บ ๆ จากเปลือกกุ้งฝอยรสเปลี่ยนนิด
 
เย็นนั้นเราเตรียมตัวเดินขึ้นดอยไปนอนวัดเป็นประเพณีที่ อ.ดอยสะเก็ด
ผมกลั้นใจอาบน้ำตักน้ำราดตัวอากาศเย็นหนาว..รีบเช็ดตัว แต่งตัวด้วยชุดเก่งสวมเสื้อกันหนาวผ้าสำลีเทาดำยืนรอผู้ใหญ่


 
เตรียมตัวพวกก๋วยสลากก็เครื่องใช้ต่าง ๆที่จะถวายพระใส่ ก๋วยไม้ไผ่คล้ายชะลอมรอบกายมืดเวลาประมาณ 2 ทุ่ม
 ผม ดำ วิทย์เขาให้ถือน้ำต้น(คนโท) ดินเผาสีแดงมีไม้ไผ่ปิดกระดาษย่นหลายสีพัน


 
 มีธนบัตรต่างชนิดเสียบ... พี่สาวกับแม่ย้ำเรา 3 คนรักษาอย่าให้เงินหายนะ อย่าให้น้ำต้น(คนโท) แตกเด็ดขาด
 
เราเดินเลยตลาดไปนิดเดียว ก็ถึงทางเดินขึ้นดอยสะเก็ด เป็นถนนดินสีแดงเล็กชันเดินตามร่องดินมีคนฉายไฟนำหน้า
เดินครึ่งชั่วโมงก็ถึงวัด ต่างพากันไปที่ศาลาวัดเป็นศาลาไม้ เอาก๋วยสลากกับต้นเงินต้นทองรวม
กันไว้เฉพาะครอบครัวแล้วเข้านอนใช้ผ้าห่มที่นำติดตัวห่มอากาศเย็น
ตื่นเช้ามาพวกเรา ต่างล้างหน้าล้างตาไปกินข้าวที่ ผู้ใหญ่จัดทำแจกจ่ายเป็นโรงทานกันทั่วทุกคน มีการฟ้อนรำ จ๊อยซอ(เพลง
พื้นเมือง ที่คล้องจองแบบทำนอง น้อยใจยา)


 
 พระฉันอาหารพวกเรากินอาหารเรียบร้อย ก็ทำพิธีถวายสลากให้ตุ๊เจ้าก็ภิกษุแต่ละรูปจับสลากว่ารูปใดได้เบอร์อะไร เจ้าของ
ก๋วยหรือตระกร้านำไปถวายทีละครอบครัวหรือกลุ่ม
 
ก๋วยของครอบครัวของดำ พอรู้ว่าตุ๊เจ้าองค์นี้ได้ ก็เตรียมก๋วยกับต้นเงินต้นทองไว้ พี่สาวดำดูร้อง อ้าว.... เงินที่ติดไว้
3  ใบ..ที่ผมถือมาหายไป 1 ใบ ต้นของดำ หายไป 2 ใบ เป็นเงินใบละ 20 บาท
โห..ผมกับดำ เหงื่อแตกพลั๊ก ทำเงินหายต่างคนต่างหน้าซีด


(เมื่อก่อนใบละ 20 บาทราคาสูงมากนะครับ พวกเรายังไม่เคยเห็นใบละ 100 บาทเลยจริง ๆ)
แม่ของดำพูดปลอบใจ ดำกับไมไม่ต้องตกใจมันหายไปแล้วช่างมันคงจะตกตอนเดินขึ้นดอยเมื่อคืน
 ไม่เป็นไรเอาเงินนี่สอดใส่แทน



 
เรื่องเกิดมานานทั้งสองเหตการณ์ผมยังจำไม่ลืม
ส่วนโขมยปลาผมว่า แหะ ๆ ผมถูกชดใช้ไปแล้วหละไม่นานหรอกเดือนกว่าหลังจากนั้นผมไป ปักเบ็ดที่ทุ่งนาหลังสนามกีฬา
กลางของเชียงใหม่ถูกโขมยปลากับเบ็ด ไปสองชุดไม่รู้ใครโขมยเหมือนกันกรรมเวรต้องชดใช้
 
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ (re 175/10666)
 
st ผู้เข้าชม  2,535,961.
ขอบคุณเพื่อนผู้แวะมาเยือน กรุณาเม้นท์/ทิ้งร่องรอยนิด ผมจะได้กลับไปเยี่ยมตอบแทนถูกครับ
 
Diarist



Create Date : 15 พฤษภาคม 2566
Last Update : 15 พฤษภาคม 2566 18:52:13 น. 16 comments
Counter : 677 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณเริงฤดีนะ, คุณหอมกร, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณThe Kop Civil, คุณtoor36, คุณกะว่าก๋า, คุณทนายอ้วน, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณอุ้มสี, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณกิ่งฟ้า, คุณSweet_pills, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณnewyorknurse


 
ปลาดุก ปลาช่อน
แอ๊บปลา น่าทานๆ
หอมทะลุบล็อก..ว่างั้นเลยค่ะ



โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 15 พฤษภาคม 2566 เวลา:6:09:57 น.  

 
สังคมเกษตรกรรมนี่มีโอกาสทำบาปเยอะจังนะพี่ไวน์
จากภาพที่นำมาฝากนี่ก็ตายไปหลายตัวแล้ว
สัตว์เป็นอาหารมนุษย์นี่เป็นคำอธิบายเข้าข้าวตัวเองของมนุษย์



โดย: หอมกร วันที่: 15 พฤษภาคม 2566 เวลา:8:20:43 น.  

 
สวัสดีครับพี่
พอเห็นคลองบล็อกพีี่ไวน์ทำให้ผมคิดถึงบรรยากาศแถวบ้านผมที่ต่างจังหวัดเหมือนกันครับ สมัยเด็ก ๆ เคยไปหาปู หาปลา สนุกกันมาก ๆ แต่ผมจับไม่เคยได้เลย โดนปลาดุกแทงด้วย 555


โดย: The Kop Civil วันที่: 15 พฤษภาคม 2566 เวลา:10:56:39 น.  

 
คุณไวน์ อันนี้เรื่องเก่าที่เคยเล่ารึเปล่าครับ (ถ้าไม่ใช่ก็ขออภัย) ผมคุ้นมาเรื่องทำเงินหาย


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 15 พฤษภาคม 2566 เวลา:14:11:02 น.  

 
วิถีชีวิตของคนสมัยก่อน
คือการสอนให้อยู่กับธรรมชาติและใช้ชีวิต
ไม่มีงานก็ไม่อดตายนะครับพี่
หากิน หาอยู่ เอาตัวรอดได้สบายมาก

ปล. ตอนนี้รอดู กกต. กับ สว. ครับ
ผมก็อยากรู้ว่าพวกเขาจะทำยังไง
เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาแบบนี้



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 พฤษภาคม 2566 เวลา:15:07:59 น.  

 
เด็กๆก็พอจะถือได้ว่าเป็นเด็กบ้านสวนเหมือนกันนะครับ ที่บ้านยกร่องเป็นสวนมะม่วง ในท้องร่องเลี้ยงปลา เวลาฝนตกน้ำเอ่อขึ้นมาปลาหมอจะ "แถกๆๆ" ไปหาน้ำใหม่ ต้องคอยเขี่ยให้มันลงน้ำเร็วๆครับ ฮ่าๆ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 15 พฤษภาคม 2566 เวลา:15:14:59 น.  

 
แบบที่พี่ไวน์ว่าไว้
น่าสนใจนะครับ
ผมก็อยากรู้ครับ
ว่าพวกเขาจะทำยังไงต่อ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 พฤษภาคม 2566 เวลา:16:31:05 น.  

 
คิดเหมือนน้องก๋า


โดย: อุ้มสี วันที่: 15 พฤษภาคม 2566 เวลา:19:51:57 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่ไวน์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 พฤษภาคม 2566 เวลา:5:16:10 น.  

 
ช่วงนี้การเมืองคงจะวุ่นวายจริงๆครับ
ล็อบบี้ยิสต์ได้ทำงานแล้ว 555



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 พฤษภาคม 2566 เวลา:9:18:42 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่ไวน์

ชีวิตที่ใกล้ชิดธรรมชาติ มีกิจกรรมกับเพื่อนดูบริสุทธิ์
หายากหรือหาไม่ได้เลยจากชีวิตความเป็นอยู่ในเมืองนะคะ

มีช่วงนึงตอนเด็กต๋าเคยอยู่บ้านไม้ใต้ถุนสูงที่หลังบ้านเป็นทุ่งนา
จำภาพเวลานั่งทำการบ้านริมหน้าต่างที่เปิดโล่งเห็นทุ่งนากว้างได้ค่ะ
ตอนนั้นก็ไม่รู้สึกว่าวิวที่บ้านพิเศษ แต่เป็นวันนี้ถ้ามีบ้านพักผ่อนแบบนั้นคือสิ่งพิเศษเลยค่ะ

ตกเบ็ด ได้ปลามาทำกับข้าวอร่อยๆล้อมวงกินกันน่าอบอุ่นมากด้วยค่ะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 16 พฤษภาคม 2566 เวลา:9:43:52 น.  

 
ถ้าเป็นคนยุคนี้คงกลับไปใช้ชีวิตแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว เอาแค่เรื่องอากาศอย่างเดียวก็พอ ร้อนแบบนี้ไม่มีพัดลม หรือแอร์ คือตายแน่ๆ

สมัยก่อน 20 บาทเงินใหญ่จริงๆ นะก็แน่ล่ะข้าวจานนึง 6 สลึงเอง


โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 16 พฤษภาคม 2566 เวลา:10:48:00 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่ไวน์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 พฤษภาคม 2566 เวลา:5:20:30 น.  

 
ผมเป็นโควิด
เสียงยังไม่กลับมาเลยครับพี่
ไม่รู้จะอัดเสียงทันรึเปล่า 555
เพลงน่ะเขียนเสร็จไว้นานแล้วครับ

ช่วงนี้ชอบดูรายการคุณสรยุทธครับ
เอา สว.ตัวตึงมาสัมภาษณ์สองวันแล้ว
ฟังสนุกดีครับ 5555



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 พฤษภาคม 2566 เวลา:11:20:15 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่ไวน์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 พฤษภาคม 2566 เวลา:5:31:24 น.  

 

ชอบทุ่งเขียวๆ ภาพแรกจัง สดชื่นมาก
ปลาซิว กลิ่นคาวแรงมาก ที่บ้านมีเยอะ
แต่ไม่เคยเอามากินเลย

เห็นจับปลาดุก สมัยเด็กๆน้อยก็เคยจับ
ปลาแขยง? (สะกดถูกไม้เนี่ย) ตัวเล็กๆแต่เขี้ยว
ถ้าโดน ปวดมากก


โดย: newyorknurse วันที่: 19 พฤษภาคม 2566 เวลา:2:33:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไวน์กับสายน้ำ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]





เขียนการเดินทาง
ด้านธรรมชาติ
จักรยานเสือภูเขา



หลังไมค์ครับ
Friends' blogs
[Add ไวน์กับสายน้ำ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.