No. 1184 เที่ยวแบบบ้าน ๆ @ บ้านเกิด |
|
หลายคนคงอยู่ระหว่างการเดินทาง บางคนอยู่ท่ามกลางญาติพี่น้องแล้ว |
นุ่งกางเกงขาสั้นล้อมวงกินอาหาร ณ บ้านเกิดที่เคยอยู่แต่ตัวบ้านหลังเดิมไม่เหลือแล้วเพราะทรุดโทรมไปตามกาล |
เรา ๆ ร่วมกันสร้างให้พ่อแม่(แหะ ๆ น่าจะมีน้อย) พ่อแม่เลยสร้างเองเพื่อรอรับลูก ๆ เมื่อมีวันหยุดยาว ๆ |
รู้ว่าลูกอยากกินอาหารรสเดิมที่แม่เคยทำให้กิน... มีอยู่ฤดูหนึ่ง ผมได้เดินทางกลับไปเมืองที่เคยอยู่..ไปในปลายฤดูหนาว |
|
แสงอาทิตย์ค่อย ๆ จางหาย ยามเคลื่อนคล้อยสู่ยอดดอยข้างหน้าสายน้ำ....ไหลช้า ๆ ไอน้ำบาง ๆ ลอยอ้อยอิ่ง |
พวกเราลงอาบน้ำแต่ต้องรีบเช็ดตัวด้วยผ้าขาวม้า พอแห้งรีบใช้ผ้าผืนเดียวพันท่อนล่างขมวดที่พุง |
ห่อตัวด้วยยกมือปิดอกให้คลายหนาวเย็น |
|
จากท่าน้ำที่เราอาบ ตัวบ้านน้าชาย เริ่มเห็นแสงตะเกียงวับแวม ใบกล้วยกับต้นไม้ใหญ่เริ่มเป็นสีดำยามแสงอาทิตย์ |
จากลา..เรารีบล้างเท้าเชิงบันใด ให้ใบหญ้าสีเขียว เศษดินทรายติดเท้าหลุด ก้าวขึ้นบันใดไปสู่ตัวบ้านที่สูงเสมอหัวของเรา |
น้าผู้หญิงน้าชายนั่งคุยกันที่ห้องครัวด้านขวามือของตัวบ้านเรารีบนุ่งกางเกงสะดอขาก๊วยสีน้ำเงินเข้มใส่เสื้อกันหนาว |
ทับแล้วไปดู |
น้าชายดูหม้อข้าวในครัว กำลังใช้ไม้สอดขัดกับหูหม้อข้าวเอียงรินน้ำข้าวทิ้งคงมีคนคิดในใจว่า ทำไมไม่หุงข้าวแบบ |
ไม่รินน้ำข้าวมีประโยชน์จะตายไปเนาะ |
รินใส่หม้อเปล่าไว้เรียกว่า กาแฟหมาแต่พวกเรากิน 555 |
น้าชายกำลังดงข้าวดึงฟืนออกเกือบหมดเหลือเพียงถ่านที่ติดไฟแดงแล้วหมุนหม้อข้าวไปมาแล้วก็ปล่อยทิ้งไว้ |
เพื่อน ๆ คงคิดว่าเมืองที่ไปเป็นภาคเหนือไม่กินข้าวเหนียวกันเหรอ |
คนเมืองนี้ส่วนใหญ่เป็น คนไทยใหญ่ หรือคนเงี้ยวเขาจะกินข้าวสวยเป็นข้าวไร่เม็ดสั้นคล้ายข้าวญี่ปุ่นคงจะนำพันธ์ |
ข้าวที่ทหารญี่ปุ่นมาปักหลักที่อำเภอนี้นานครั้งสงครามโลกครั้งสอง..คงกลายพันธ์..ต้องกินข้าวร้อน ๆ มันจึงจะนิ่ม ถ้าปล่อยให้เย็นจะแข็ง |
|
คนที่นั่นใช้ไม้ฟืนจากไม้จริงคือท่อนฟืนจากไม้ยืนต้นที่โค่นลงมาเพื่อทำฟืนแต่เป็นต้นไม้ละแวกบ้านไม่ใช่ในป่าที่ห่างจาก |
หมู่บ้านสองสามกิโลเมตร แต่ตัวบ้านปลูกด้วยเสาไม้ พื้นไม้จริง แต่ฝาบ้านใช้ไผ่ขัดแตะ |
|
ยังคิดว่า ทำไม ๆ ๆ ไม่ใช้ฝาบ้านเป็นไม้จริงเยอะ ๆ กลับใช้ไม่ไผ่มาผ่าแล้วนำมาสานเป็นแผ่นโต ๆ แล้วทาบกับเสาไม้โครง |
ตีปีดด้วยไม้จริงเป็นแผ่นกว้าง 6 นิ้วตรึงติด |
ชาวบ้านเขาคงหาไม้ไผ่ง่าย นำไม้ไผ่มาผ่าเก็บผิวไว้แล้วสานด้วยลายสองใช้ง่ายฝาบ้านแบบนี้น่าจะระบายอากาศ |
ลมผัดแทรกเข้าได้ด้วยทำให้ไม่อึดอัด(มั้ง) |
ส่วนไม้จริง ต้องเดินไปในป่าที่อยู่ห่างไกลหลาย กิโลเมตรเวลาตัดแล้วต้องใช้เลื่อยมือยาว ๆ ใช้คนสองคนเลื่อยโดยยก |
ท่อนไม้ขึ้นขาตั้งสูงกว่า 2 เมตรเลื่อยกว่าจะได้สักแผ่น |
ไม่เหมือนสมัยนี้ใช้ชะแลงงัด..สอดไม้ซุงลอยขึ้นแค่ 5 นิ้วใช้เลื่อยสานพานผ่าเป็นแผ่นดังฟึ๊ด ๆ ไม่ถึง ชม. |
ไม้ซุงทั้งต้นที่นอนอยู่ก็ แบะ ถ่างไว้กับพื้นดินยกขึ้นรถพิคอัพไปตากขายได้ทันที 555 |
|
เห็นน้ากำลังเข้าครัวช่วยน้าทำกับข้าวดีกว่า ตัวบ้านที่เราอยู่ยกพื้นสูงปูพื้นไม้สักแผ่นโตเรียบตัวบ้านจะเก่าหน่อย |
พื้นไม้สักได้รับการขัดล้างจะเหลืองสวยน่านั่งน่านอน |
ตัวบ้านเป็นสี่เหลี่ยม มุงหลังคาตองตึง(ใบพลวง)ครึ่งบ้าน มีห้องนอนหนึ่งห้องพื้นบ้านยกสูง 1 ศอก..สูงกว่าพื้นชานบ้าน |
เปิดโล่งข้างนอกชานมองเห็นท้องฟ้ามุมซ้ายเป็นห้องครัวสี่เหลี่ยมกว้างประมาณ 3 x 3 เมตรมีประตูหน้าต่าง 1 บาน |
ห้องครัวมุงหลังคาด้วยใบตองตึง ข้างหน้าห้องครัวยังมีร่มชายคาอยู่ส่วนหนึ่ง น้าสามคนช่วยกันทำอาหาร |
อ้อสามหนุ่มมาแล้ว หิวข้าวแล้วเหรอ |
ยังบ่าหิว(ยังไม่หิว)ครับ มีอะหยังฮื่อผมทำพ่อง (มีอะไรให้ผมทำบ้าง) |
พูดก็อู้กำเมือง(ภาษาพื้นเมือง)กับน้าผู้หญิงเป็นคนท้องถิ่น |
ส่วนผมเป็นลูกไทยต รูดดำนะ 55 คือเพื่อนที่โรงเรียน..มันว่าผม |
คงบังเอิญเพื่อนไปหาผมที่บ้าน คงได้ยินแม่ผมเป็นคนสืบสายจันทบุรีพูดแบบคนภาคกลาง ส่วนพ่อเป็นคนพื้นบ้านนี้ |
พวกมันเลยไปขยายให้คนอื่นฟังว่า |
ไอ้ไวน์เป็นคนไทยต รูดดำ คือพวกมันจินตนาการว่าคนภาคกลาง ก้นดำ 555 |
เอ้าช่วยน้า สับหมูนี่หน่อย |
ครับน้า สับทำอะหยังคับ(สับหมูทำอะไรครับ) |
จะผัดถั่วเน่าเมอะนะ ...น้าหญิงเห็นผมสับแรง อย่าแรงมากหมูมันจะกระเด็น |
ได้เลยน้า |
กลางห้องครัวจะมีกะบะไม้ใหญ่มีดินดีดำปนเทาใส่จนเต็มข้างบนดินมีขี้เถ้าสีขาวนวล |
ตรงกลางมีสามขาเหล็ก วางไว้สองอันก็เอาไว้ตั้งหม้อหรือกะทะทำกับข้าว |
น้าหญิง ตั้งกะทะผมนำฟืนที่ติดไฟสอดเพิ่มจนไฟลุกโชนน้าเทน้ำมันหมูใส่นิดน่อยยกเขียงเล็กใช้มือปาดกระเทียมที่ทุบพอ |
แหลก ดังฉ่าน้าใช้ป๊าก(คล้ายทัพพี) คนไปมาความร้อนอบกระเทียมหอม... |
เทหมูใส่เลยเปล่า |
ใช่..ใส่เลย |
หมูเริ่มสุกสีเปลี่ยนน้าเทพริกชี้ฟ้าที่ตำละเอียดซอยผักกาดจ้อน(กวางตุ้งเล็กมีดอกสีเหลืองปน)เป็นชิ้นเล็กไม่หนาไม่บาง |
ตามด้วยถั่วเน่าเมอะอีก 5 ห่อ ใช้ไม้คนไปมาไอร้อนพวยพุ่ง |
กลิ่นของถั่วเน่ากลิ่นกระเทียมหมูที่สุกหอมสุด ๆ (ถั่วเน่าเป็นถั่วเหลืองนึ่งแล้วหมักหลายวันกลิ่นคล้ายนัตโต๊ะญี่ปุ่น |
ผมตอกไข่ไก่เล็กฮอร์นสีขาว ไส่ 3 ใบใช้ป๊ากกะลามะพร้าว(คล้ายกระจ่า/ทัพพี)ตักถั่วโป๊ะกลบจนไข่ขาวสุก |
น้าหญิงใช้ช้อนสังกะสีตักชิมแล้วโปรยเกลือป่นใส่ไปอีกนิดเอาผักชีลาวที่ซอยไว้โรยจนหมด |
คนไปมาแล้วตักใส่จานสังกะสีเคลือบแบบที่วัดสมัยก่อนใช้นั่นใช่เลย |
ผมใช้ช้อนตักชิม โห....ร้อน เคี้ยวผักกาดจ้อนหั่น ปนกับถั่วเน่าเมอะเค็มนิดหอมผักชีลาวอร่อยสุด ๆ |
ผัดถั่วเน่าเมอะ เสร็จไปหนึ่งอย่าง....น้าหยาเป็นผู้ชายคนระยองเป็น ผจก.โรงหนักตงก๊กเชียงใหม่.แต่อยู่เชียงใหม่นาน |
กำลังทำอาหารอีกอย่าง |
อ้อ...ผมเล่าเรื่องย้อนหลังสมัยเป็นหนุ่มกระเตาะ 14 ปี ยังไม่มีตังค์ถ่ายรูป คนทั่วไปยังใช้กล้องฟิล์มขนาด 1.2 นิ้ว |
เลยตัดใจแหะ ๆ ยืมภาพของเพื่อน ๆ ที่เหมือนกับสมัยก่อนมาลงแทนคือกลัวว่าเพื่อนจะไม่อิน... ตามคือเล่าเรื่องไม่เก่งพอ |
ต้องอาศัยภาพเข้าช่วย..อำเภออะไรที่เล่าข้างบนอำเภอนี้ครับฝรั่ง เล่นน้ำปาย |
|
บรรยากาศแบบที่เล่าข้างบนยังมีอยู่ตามตำบลรอบนอก เช่น ต.แม่ฮี้ ฯ ดูตามภาพถนนและบ้านคนในปัจจุบัน |
ภาพจาก กูเกิ้ลสตรีทวิว ผมใช้วิธีเบรคภาพแล้วพริ๊นสกรีนมาตัดริมจัดภาพปรับให้ชัดขึ้น แสดงว่า ภูมิประเทศหรือหมู่บ้านที่ถูกกูเกิ้ลถ่ายภาพ สตรีทวิวคือ แหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจเป็นถนนในหมู่บ้าน |
ถ้ากลัวเหงาอยากเดินเที่ยวถนนคนเดินก็มีเหมือนเดิม.. เขียนเล่าเพื่อให้เพื่อนหายเหงาและเกิดกิเลศเอ้ยอยากไปเที่ยวแบบ |
ข้างบน...ถ้าสนใจเลือกฤดูฝน ปลายฝนต้นหนาวหรือฤดูหนาวก็ได้....ถนนมีแค่ 2 โค้งคือซ้ายกับขวา 555 ปัจจุบันถนนกว้างดีกว่าตอนที่ผมเคยอยู่ |
|
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ (re.252/7,254) |
st ผู้เข้าชม 2,513,139. |
ขอบคุณเพื่อนผู้แวะมาเยือน กรุณาเม้นท์/ทิ้งร่องรอยนิด ผมจะได้กลับไปเยี่ยมตอบแทนถูกครับ |
|
Diarist |