<<
กรกฏาคม 2557
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
1 กรกฏาคม 2557
 
 
เรื่องเล่าหลังไมค์ ตอน เสียใจที่เลือกเดินตามหัวใจตัวเอง

วันนี้เอาเรื่องนี้มาฝากสาวๆนักล่าฝันทุกท่านนะคะ อยากฝากเอาไว้ ว่า ชีวิตที่เราจินตนาการเอาไว้ว่า เมืองนอกคือแดนสวรรค์ ฝรั่งคือ เทพบุตรสุดแสนดี นั้น บางครั้ง ในชีวิตจริงๆมันสุดแสนจะโหดร้ายและไม่เป็นไปอย่างที่เราวาดฝันหรือจินตนาการเอาไว้เลย


อ่าน ให้จบนะคะ ยาวหน่อย แต่คุณจะ ได้รู้อีกแง่มุมของชีวิต และ จะได้เก็บเอาไปใช้กับชีวิตของคุณ ถ้าเกิดปัญหาแบบนี้ เผื่อเป็นแนวทางให้คนที่กำลังตกอยู่ในสภาพนี้ ไ้ดรู้แนวทาง เรามาเข้าเรื่องกันเลยนะคะ



เสียใจที่เลือกเดินตามหัวใจตัวเอง 

ดิฉันขอเล่าเรื่องราวที่เกิดจากชีวิตจริงของตัวดิฉันเอง ตอนที่พิมพ์ข้อความนี้ ดิฉันนั่งน้ำตาไหล อยู่ข้างลูกชายตัวน้อยที่กำลังหลับสบาย โดยที่ความเป็นเด็กและไร้เดียงสาของลูก ทำให้ฉันอดกลั้นน้ำตาไม่ได้ เมื่อคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับครอบครัวดิฉันในภายภาคหน้า

ขอเริ่มเรื่องตั้งแต่ดิฉันได้พบรักกับพ่อของลูกที่เมืองไทย เมื่อหลายปีก่อน ดิฉันเป็นเด็กสาววัยแรกรุ่น ด้วยงานที่ดิฉันทำในร้านสปา จึงได้พบกับชาวต่างชาติมากมาย ดิฉันตอนเป็นสาววัยรุ่นมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่จากหลายประเทศมาแจกขนมจีบเป็นประจำ แต่มาวันหนึ่ง ดิฉันได้พบกับหนุ่มใหญ่ที่มีนิสัยสุภาพมากๆ ดิฉันรู้สึกอบอุ่นและเริ่มมีความรู้สึกดีให้เค้า เราพบกันและคุยกันทุกวันทางโทรศัพย์ เราไม่เคยแม้แต่จูบกันหรือจับมือกันค่ะ จนเค้าต้องบินกลับไปทำงานที่บ้านเค้า ดิฉันคิดว่าเราคงไม่มีวันได้พบกันอีกแล้ว แต่เค้าก็ยังไม่ยอมหยุดที่จะติดต่อดิฉัน และขอให้เลิกไปทำงาน เค้าจะเป็นคนส่งเสียดิฉันเอง ต่อมาเค้าขอให้ดิฉันไปเที่ยวท่่ียุโรป ดิฉันตื่นเต้นและดีใจมากที่จะได้ไปเมืองนอกครั้งแรก 

ตอนน้ันทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ทั้งเรื่องวีซ่าและการไปเที่ยวยุโรปครั้งแรก พอดิฉันกลับมาเมืองไทย เค้าจะโทรมาคุยทุกวัน เราสองคนเหมือนขาดกันไม่ได้ ดิฉันคิดถึงเค้ามาก พอดิฉันกลับมาเมืองไทยดิฉันมีเวลาว่างเพราะไม่ได้ทำงาน ก็เลยได้ไปเรียนภาษาที่สาม ถัดมาสามเดือนเค้าบินมาหาดิฉันที่เมืองไทยอีก ครั้งนี้เค้ามาเพื่อขอดิฉันแต่งงาน เค้าไปขอดิฉันกับพ่อแม่ และเราก็ได้มั่นหมายกันตามประเพณี ดิฉันมีความสุขมากที่ได้อยู่กับเค้า เด็กสาววัยรุ่นอย่างดิฉันถึงจะไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ แต่ดิฉันก็ไม่เคยปันกายและใจให้ใครง่ายๆ สำหรับผู้ชายคนนี้เค้าทำให้ดิฉันรักมาก ดิฉันลืมคำนินทาต่างๆนานาๆของคนอื่น ด้วยเพราะความรักของเด็กสาวคนหนึ่งที่ไม่เคยได้รับจากพ่อเลยด้วยความที่พ่อดิฉันหัวโบราณ เป็นคนนิ่งๆค่อนข้างเย็นชา 

พอดิฉันได้พบกับผู้ชายคนนี้ ทำให้ดิฉันมีความรู้สึกอบอุ่นเหมือนมีเค้ามาเติมเต็ม ความรักของดิฉันในตอนนั้นสดใสมาก เรียกได้ว่าความรักบังตา ทำให้ลืมข้อเสียของคนที่เรารักจนหมด 

จากนั้นดิฉันได้เดินทางมาท่ียุโรปอีกครั้งด้วยวีซ่าแต่งงาน เราสองคนมาแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกันที่บ้านเค้า หลังจากแต่งงานได้ปีครึ่งดิฉันก็ตั้งท้อง ทุกคนในครอบครัวดีใจมาก แต่สามีเริ่มเปลี่ยนไป คือเริ่มติดเพื่อน เริ่มไม่อยากอยู่บ้าน จนทางบ้านเค้าต้องออกปากเตือนว่าห้ามทิ้งเมียท้องแก่ไว้ที่บ้านคนเดียว พอโดนห้ามสามีดิฉันก็จัดปาร์ตี้ที่บ้านแทน ดิฉันตอนนั้นท้องโตต้องตื่นมาเจอสภาพบ้านที่สกปรก ตั้งแต่ห้องนั่งเล่นห้องครัวและห้องน้ำ เป็นแบบนี้เกือบทุกอาทิตย์ เพื่อนๆเค้าจะขอมาปาร์ตี้ที่บ้านและก็ขอนอนค้างที่บ้านด้วย จะเป็นแบบนี้ประจำตั้งแต่วันศุกร์-วันอาทิตย์ถึงจะแยกย้ายกันกลับ เพราะพวกนี้ไม่มีครอบครัว หรืออาจเป็นเพราะไม่มีใครเอา ซึ่งทุกครั้งท่ีมีปาร์ตี้ก็จะเป็นดิฉันที่ต้องเก็บกวาดทั้งๆที่ท้องโตๆก็ต้องรับใช้พวกมันเหมือนคนใช้ ดิฉันเบื่อมากแต่ก็ไม่อยากทะเลาะกับสามี ได้แต่คิดว่าปาร์ตี้ที่บ้านดีกว่าที่เค้าจะไปปาร์ตี้นอกบ้าน 


แต่แล้วเมื่อลูกคลอดออกมา ดิฉันเลยต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพราะลูกยังเล็กมาก เลยพูดกับสามีว่าดิฉันขอให้มีปาร์ตี้ที่บ้านแค่เดือนละครั้งพอ สามีก็รับปากตกลง แต่เพื่อนๆของสามีนี่ซิ มันเกลียดดิฉันเข้าไส้ เพราะว่าไม่ค่อยได้มาปาร์ตี้กินฟรีที่บ้านสามีดิฉันแล้ว ที่ว่าปาร์ตี้กินฟรีเพราะว่าสามีดิฉันที่มีหน้าที่การงานค่อนข้างดีมาก เป็นที่นับหน้าถือตาของครอบครัวเค้า เรียกว่าไปไหนต้องมีคนรู้จัก เลยมีความหน้าใหญ่ เลี้ยงคนอื่นตลอด และคนที่มากินๆก็จะไปพูดกันต่อๆว่าสามีดิฉันนั้นโง่ ไม่รู้จักใช้เงิน มีเงินแต่ไม่มีสมอง ซึ่งสามีดิฉันมันก็ไม่แคร์ว่าใครจะว่ายังไง หนักๆเข้าสามีดิฉันเริ่มเสพยา และดื่มอย่างหนัก ดื่มไวน์วันละสองขวด ดิฉันทนรับสภาพทุกอย่างด้วยเพราะลูกชายที่ยังเล็กอยู่ สามีเริ่มเมาจนขาดสติ ถึงกับเคยตบตีดิฉันหลายต่อหลายครั้ง ดิฉันได้แต่เก็บความขมขื่น เก็บความบอบช้ำทั้งทางกายและทางใจ จะบอกใครก็ไม่ได้ จะบอกทางบ้านก็ไม่ได้ เลยก้มหน้ารับกับสภาพที่เป็นอยู่ สามีดิฉันชอบดื่มมาก ซึ่งต่างกับดิฉันที่ไม่ชอบดื่มเลย เค้าเริ่มออกไปเที่ยวกับผู้หญิงคนอื่น เมื่อดิฉันจับได้ เค้าบอกดิฉันว่าเป็นเพราะเค้าอยากดื่มอยากสังสรรค์กับดิฉัน แต่ดิฉันไม่ชอบที่จะดื่มและสังสรรค์กับเค้า เค้าเลยต้องไปดื่มกับผู้หญิงคนอื่น ดิฉันเสียใจมากเหมือนโดนมีดกรีดที่กลางหัวใจ เค้าไม่ขอโทษและไม่ยอมรับว่าตัวเค้าผิด 


ตอนนี้ลายฝรั่งออกชัดมาก ดิฉันนอนร้องไห้กอดลูก คิดทบทวนว่าดิฉันผิดอะไร ดิฉันไม่ดีตรงไหน ที่อยู่บ้านเลี้ยงลูกของเรา เป็นแม่และเป็นเมียที่ดี ดีชั้นไม่โทษใคร แต่ดิฉันโทษตัวเองที่ทำให้เค้าหมดรักในตัวดิฉัน สามียังทำร้ายดิฉันเหมือนเดิม เราสองคนทะเลาะกัน วันนั้นเค้าจัดงานสังสรรค์กับเพื่อนๆ และเพื่อนๆของเค้าได้เค้ามามีส่วนร่วมทำร้ายดิฉันด้วย คือจับดิฉันล็อคคอและทุ่มลงกับพื้นอย่างแรง และเพื่อนของเค้าได้โทรไปแจ้งตำรวจหาว่าดิฉันทำร้ายมัน ตำรวจมาถึงพวกมันก็รุมพูดใส่ความดิฉันกันใหญ่เลยค่ะ โดยที่ดิฉันได้แต่ร้องไห้เพราะพูดอะไรไม่ออก สามีดิฉันไม่พูดปกป้องดิฉันซักคำ ตำรวจพาตัวดิฉันมาที่โรงพักและลงบันทึกประจำวัน ดิฉันต้องนอนในห้องขังหนึ่งวันเต็มๆ ดิฉันไม่ได้เห็นหน้าลูกวันเดียวใจแทบขาด เป็นห่วงลูกมาก ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นจะดูแลลูกดิฉันได้ม้ัย เพราะสามีดิฉันไม่ช่วยดิฉันเลี้ยงลูกเลย พอสามีดิฉันมาประกันตัวที่สถานีตำรวจ ดิฉันกลับบ้านมาเจอสภาพที่แย่มาก ลูกชายดิฉันใส่ชุดนอนแพมเพริสเต็มไปด้วยอึ และพวกมันเอานมที่ไว้ใส่กาแฟให้ลูกดิฉันกินค่ะ ดิฉันแค้นใจมาก มันจุกดิฉันร้องไห้ต่อหน้าลูก เจ็บทั้งกายเจ็บทั้งใจ เกิดมาดิฉันไม่เคยคิดว่าจะมาเจอเรื่องแบบนี้ ดิฉันสงสารลูกและสงสารตัวเอง 


โชคดีที่มีเพื่อนที่ฉันรักและไว้ใจ จึงได้โทรไปบอกเล่าเรื่องราวนี้ให้กับเพื่อนฟัง เพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน พอได้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น เพื่อนที่อยู่ไกลหลายร้อยกิโลจากบ้านดิฉัน ได้มารับฉันกับลูกออกจากนรกทั้งเป็นนี้ เพื่อนคนนี้ดิฉันจะไม่มีวันลืมบุญคุณที่เพื่อนและสามีของเค้า ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยพยุงคนที่ล้ม จนไม่มีแรงที่จะยืน ให้ฉันยืนขึ้นได้อีกครั้ง เพื่อนขับรถมารับชั้นกับลูกออกจากนอกเมืองที่ฉันอยู่นี้ โดยฉันได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านที่สงสารและรับรู้เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับดิฉัน พวกเค้าช่วยเป็นธุระพาดิฉันกับลูกออกไปพบเพื่ิอนที่รออยู่นอกเมือง พอฉันกับเพื่อนพบกันเรากอดคอกันร้องไห้ มีคำพูดหนึ่งจากเพื่อนที่ดิฉันจำไม่เคยลืมคือเพื่อนพูดว่า ไม่เป็นไรนะเราอยู่นี่แล้ว แค่คำๆนี้ทำให้ดิฉันมีกำลังใจมากขึ้น ดิฉันไม่รู้สึกโดดเดี่ยว เพราะยังมีเพื่อนคนนี้ที่อยู่เคียงข้างดิฉันเสมอ เพื่อนและสามีของเค้าพาดิฉันกับลูกมาพักที่ปลอดภัย โดยที่สามีฉันตามไม่เจอ เพื่อนคอยมาถามสารทุกข์สุขดิบและทำอาหารไทยมาให้ทาน ตอนออกจากเมืองนี้ไปก็มีตำรวจโทรมาถามว่าดิฉันอยู่ที่ไหน เพราะสามีดิฉันไปแจ้งตำรวจว่าดิฉันลักพาตัวลูกหนี ลูกมีสัญชาติตามพ่อ 


เค้าจึงถือว่าเป็นประชาชนที่นี่ สามีไปแจ้งความว่าฉันลักพาตัวลูกและอาจจะพาลูกกลับเมืองไทย แม่ที่เป็นต่างชาติอย่างดิฉันไม่มีสิทธิ์พาลูกออกนอกประเทศ ถ้าเมื่อไหร่ที่ไปเช็คอินไม่ว่าสนามบินไหนก็ตาม ตำรวจจะมาทันทีเลยค่ะ แม่บินคนเดียวได้แต่ลูกต้องอยู่ หรือมีเอกสารยินยอมจากพ่อเท่านั้น เรื่องนี้เคยเกิดมาแล้วค่ะ ดิฉันได้ฟังจากเจ้าหน้าที่ของศูนย์ช่วยเหลือ เค้าเล่าว่าผู้หญิงไทยต้องการพาลูกหนีกลับเมืองไทย แต่สามีได้ไปแจ้งตำรวจว่าภรรยาลักพาตัวลูกซึ่งมีสัญชาติที่นี่ ผู้หญิงคนนั้นได้ไปเช็คอินที่สนามบินเพื่อที่จะหอบลูกน้อยกลับเมืองไทย เธอต้องถูกตำรวจจับที่สนามบินข้อหาลักพาตัวลูกตัวเอง ระหว่างที่ฉันอยู่ที่ปลอดภัย


เพื่อนรักได้หาเบอร์และข้อมูลต่างๆที่ช่วยเหลือหญิงไทยในต่างแดนมาให้ ซึ่งมีหลายหน่วยงานที่คอยช่วยเหลือหญิงไทยหรือหญิงต่างชาติที่ตกทุกข์ ดิฉันได้ติดต่อไปที่หน่วยงานแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นหน่วยงานเอกชนท่่ีตั้งขึ้นเพื่ิอให้คำปรึกษา และช่วยเหลือคนไทยในประเทศที่ดิฉันอยู่ ดิฉันได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ฟังทางโทรศัพย์ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาและแนะแนวทางที่จะทำเป็นขั้นเป็นตอน คอยโทรมาถามไถ่ดิฉันเสมอว่ามีเรื่องอะไรที่เจ้าหน้าที่ช่วยได้อีกมั้ย ทางเค้าเต็มใจช่วยคนไทยเต็มที่


ต่อมาทางหน่วยงานที่ช่วยเหลือคนไทย ได้ติดต่อไปที่บ้านพักฉุกเฉินให้กับดิฉัน เพราะทางเจ้าหน้าที่กลัวว่า สามีหรือเพื่ิอนสามีที่ทำร้ายดิฉันจะตามมาเจอ ในที่สุดดิฉันได้ไปอยู่ที่บ้านพักฉุกเฉิน ที่นั้นมีกฏหลายข้อคือ ที่อยู่ของบ้านต้องเป็นความลับ ประตูมีหลายชั้นมากเพื่อความปลอดภัยของผู้หญิงที่มาพักอยู่บ้านพักฉุกเฉิน ประตูเปิดและต้องปิดให้เร็วที่สุดเพื่อกันคนนอก 


ที่นั่นจะมีเจ้าหน้าท่ีสังคมสงเคราะห์คอยช่วยเหลือ เค้าจะถามถึงปัญหาของเรา และแนะนำแนวทาง ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป รวมถึงการหย่าด้วย เจ้าหน้าที่จะถามถ้าเราต้องการหย่า ทางเค้าจะติดต่อทนายให้ ในกรณีที่ไม่มีเงินรัฐจะเป็นคนออกค่าทนายให้ก่อน ในอนาคตถ้าเรามีงานทำแล้วรัฐก็อาจจะเรียกเก็บค่าทนายส่วนหนึ่งคืน


ดิฉันขอฝากกับสาวไทยนะคะที่มีเงินติดตัวไปเยอะๆตอนไปอยู่บ้านพักฉุกเฉิน แล้วถ้าเจ้าหน้าที่ถามว่ามีเงินมั้ย ขอให้ไม่ต้องบอกจำนวนทั้งหมดค่ะ เพราะรัฐเค้าจะให้เราออกค่าใช้จ่ายเอง ในกรณีที่เรามีเงินหลักพันยูโรติดตัวไป เค้าจะออกค่าใช้จ่ายให้ก็ต่อเมื่อเงินที่เรามีมานั้นหมดไปเท่านั้น เพราะเงินทุกยูโรเราจำเป็นต้องเก็บไว้ใช้ในตอนคับขัน ในเมื่อตอนนี้เราไม่มีหลักให้ยืน เราต้องมีไหวพริบเพื่อรักษาเงินเก็บเงินออมเราไว้ ที่บ้านพักฉุกเฉินมีผู้หญิงและเด็กๆจากหลายประเทศอยู่รวมกัน ที่นั่นจะเป็นห้องส่วนตัวมีเตียงนอนแม่และมีเตียงนอนเด็ก แต่สุขาห้องอาบน้ำและห้องครัวต้องใช้ร่วมกัน 


ดิฉันอยู่ที่นั่นวันแรกเจ้าหน้าที่ได้พาไปที่หน่วยงานหนึ่งซึ่งขอช่วยเหลือคนที่ไม่มีงานทำและไม่มีรายได้ เพื่อขอรับเงินช่วยเหลือ ในตอนนั้นไม่อยากกลับเมืองไทยแล้ว 

ตอนแรกดิฉันอยากพาลูกหนีกลับเมืองไทยเป็นที่สุด แต่พอเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ได้แนะนำดิฉันในเรื่องต่างๆ ดิฉันมีสิทธิ์ที่จะอยู่ที่นี่ต่อ ลูกและดิฉันจะได้รับสิทธิ์ค่าเลี้ยงดูต่างๆหลังจากการหย่า และถ้าต้องการย้ายไปอยู่อพาร์ทเม้นข้างนอก รัฐก็จะช่วยเหลือในเรื่องค่าใช้จ่าย รวมไปถึงค่าเรียนภาษาอีกด้วย ดิฉันมีความหวังมากขึ้นที่จะออกไปใช้ชีวิตกับลูกสองคน แต่ดิฉันกับคิดที่จะให้อภัยอีกฝ่าย โดยเพราะดิฉันคิดถึงอนาคตของลูก อยากให้ลูกมีพร้อมทั้งพ่อและแม่ ถ้าในตอนฟ้องหย่าดิฉันคิดว่ามันไม่มีใครแพ้หรือชนะ มันมีแต่จะสูญเสียทั้งคู่ และคนที่ได้รับกรรมนั้นก็คือลูก

ตอนนี้ดิฉันให้อภัยสามีที่ทำร้ายดิฉันจนจิตใจบอบช้ำไม่มีชิ้นดี ดิฉันได้กลับมาอยู่ที่บ้านอีกครั้ง สามีดิฉันติดต่อขอไปรับดิฉันที่อีกเมืองหนึ่ง ตอนนี้อยู่กับผู้ชายที่หมดรักในตัวดิฉัน เหมือนกับคนที่ไม่เคยรักกันมาก่อน นอนแยกห้องกัน กินใครกินมัน ที่อยู่ไปวันๆเหมือนเป็นแค่ซากคน ที่จิตใจเจ็บช้ำจนมันด้านชาไปแล้ว ยิ่งคิดถึงเรื่องนั้นยิ่งทำให้ดิฉันน้ำตาไหลไม่หยุด ตอนนี้ความสัมพันธ์ของดิฉันและสามีเลวร้ายลงทุกวัน ในไม่ช้าเราสองคนคงจะต้องยุติความสัมพันธ์และหย่าขาดกันในที่สุด ดิฉันร้องไห้ไม่ใช่เพราะผิดหวังในความรัก แต่ผิดหวังที่ตัวเองเลือกคนผิด ผิดหวังกับคนที่เป็นพ่อของลูกคิดเหมือนฉันแค่สัตว์ตัวหนึ่ง 

ดิฉันอยากให้เรื่องราวของดิฉันเองเป็นอุทาหรณ์ เป็นเครื่องเตือนใจให้สาวไทยหลายๆคน ว่าคนเรานั้นภายนอกถึงจะดูดีสุภาพและมีการศึกษาสูงแค่ไหน แต่บางทีจิตใจข้างในเค้าอาจจะไม่ดีเหมือนรูปลักษณ์ภายนอก ก่อนตัดสินใจใช้ชีวิตกับใคร ขอให้ศึกษานิสัยใจของกันและกันให้ดีก่อน อย่าให้ผิดผลาดเหมือนอย่างดิฉัน


ดิฉันเคยมีชีวิตที่ขี้นถึงจุดสูงสุดมาแล้วตอนนี้ตัวดิฉันก้าวพลาด ล้มลงจนแทบลุกไม่ขึ้น แต่ก็ได้กำลังใจจากเพื่อนและลูก วันนี้ถึงจะยังยืนไม่แข็ง แต่วันข้างหน้าต้องดีกว่าวันนี้แน่นอน



---------------------------------------------

อ่านเรื่องราวของสาวท่านนี้จบลง อีป้าอึ้งมาก ยังไงก็ขอเป้นกำลังใจ ให้เธอก้าวเดินต่อไปข้างหน้า ด้วยความเข้มแข็งและอดทนนะคะ คุณทำถูกแล้วค่ะ และป้าแก้วนับถือคุณจริงๆที่ กล้า ตัดสินใจก้าวออกมาจากผู้ชายแบบนั้น ถ้าป้าแก้ว ตกอยู่ในสภาพแบบคุณก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเข้มแข็งได้เหมือนคุณหรือปล่าว


ขอบคุณเรื่องเล่าหลังไมค์นะคะ

ป้าแก้ว ยูเค.





Create Date : 01 กรกฎาคม 2557
Last Update : 1 กรกฎาคม 2557 17:22:21 น. 0 comments
Counter : 965 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

ป้าแก้วอังกฤษ
Location :
Huddersfile. United Kingdom

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




Blog นี้จัดทำขึ้น เพื่อ นำ เอาเรื่องราวชีวิต ของสาวไทยที่ได้แต่งงานกับชาวต่างชาติ มีทั้ง แบบมีความสุข และ แบบ ทุกข์ สลับกันไป
เหตุผลที่นำเรื่องราว ต่างๆมาลง เพื่อ
-เพื่อให้เป็นอุทาหรณ์
-เพื่อไปปรับใช้ในชีวิต
-เพื่อสอนใจตัวเอง
-เพื่อบอกต่อ

ไม่มีเจตนา ต่อว่า ให้ใครคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งนะคะ ถ้าผิดพลาดประการใด กราบขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วย

ป้าแก้ว ยูเค.
พูดคุยกันได้ที่
Facebook ป้าแก้ว ยูเค https://www.facebook.com/kaewchai.holland
New Comments
[Add ป้าแก้วอังกฤษ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com