All the girls standing in the line for the bathroom !!!

*** หมายเหตุ : สงวนลิขสิทธิ์ บทความและผลงาน ใน Blog นี้ครับ ***
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2555
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
15 มิถุนายน 2555
 
All Blogs
 

*** Prometheus *** Vol.1 หนังครอบครัวชั้นดี

*** Prometheus ***






Prometheus เล่าเรื่องราวที่ว่าด้วย การตั้งคำถามสุดทะเยอทะยานถึงจุดกำเนิดของมนุษย์ ซึ่งนี่เป็นถือเป็นหนึ่งในคำถามที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทั้งในแง่ปรัชญา และในแง่วิทยาศาสตร์


หนังเปิดเรื่องด้วยมนุษย์ต่างดาวตนหนึ่งที่ดื่มของเหลวสีดำ ซึ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับ DNA ที่ทำให้เขาต้องล้มจมทะเลและสังเวยชีวิต ก่อนที่ DNA ของเขาจะกลายพันธ์ และเริ่มวิวัฒนาการต่อในทะเล



หนังไม่ได้บอกเล่าที่มาที่ไปว่ามนุษย์ต่างดาวตนนี้เป็นใคร และทำไปเพื่ออะไร แต่มันทำให้เราคิดต่อยอดไปได้ว่า หรือนี่จะเป็นต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิต และไม่แน่ว่าดาวดวงนี้ก็คือโลก


ไม่นานชื่อหนังก็ขึ้นมาราวกับจะบอกว่า มนุษย์ต่างดาวตนนี้เปรียบเสมือน Prometheus ในฐานะผู้ให้กำเนิดวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตบนโลก ซึ่งรวมถึงมนุษย์ด้วยนั่นเอง




(Prometheus คือเทพผู้ขโมยไฟจาก Hestia เทพีแห่งเตาไฟ ลงไปให้มนุษย์ จึงทำให้มนุษย์รู้จักใช้ไฟในการหุงหาอาหาร และใช้เพื่อแสงสว่างจนสามารถสร้างอารยธรรมต่าง ๆ ได้ จึงทำให้ Zeus โกรธ และลงโทษ Prometheus ด้วยการขังไว้ในถ้ำบนเทือกเขาคอเคซัส และมีอีกายักษ์มาจิกกินตับของ Prometheus ทุกวัน โดยที่ไม่ตาย และทุกคืนตับของ Prometheus จะงอกใหม่ เพื่อให้อีกายักษ์จิกกินในวันรุ่งขึ้น แต่สำหรับมนุษย์แล้ว Prometheus ถือว่าเป็นเทพที่กล้าหาญ และเป็นเพื่อนที่ดีต่อมนุษย์ จึงได้รับการยกย่องและนับถือ)






ส่วนตัวแล้ว แม้จะเคยดู Series Alien มาครบทุกภาค และค่อนข้างที่จะชอบในระดับหนึ่ง


แต่ความคาดหวังสำหรับ Prometheus นั้น ไม่ได้อยู่ที่ว่า หนังจะเชื่อมโยงกับ Alien ขนาดไหน หรือว่าจะให้อารมณ์ในระดับเดียวกับ Alien ได้ไหม


จะคาดหวังก็เพียง ขอให้นี่เป็นหนังแนว Science-fiction ที่ออกมายอดเยี่ยมตามมาตรฐานของ Ridley Scott ก็เท่านั้น เพราะช่วง 10 ปีหลังมานี้ ไม่มีหนังแนว sci-fi อวกาศ ที่มีคุณภาพและประสบความสำเร็จพอที่จะปลุกกระแสหนัง Sci-fi อวกาศให้กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง



ซึ่งหลังจากได้ชมก็พบว่า Prometheus มีความเป็นหนัง Sci-fi แบบเข้มๆ มากกว่าที่หวังเอาไว้ซะอีก


ซึ่งสิ่งที่หนังต้องการนำเสนอก็คือ มุมมองต่อประเด็นที่ว่าด้วยความทะเยอทะยานของมนุษย์ มากกว่าจะมุ่งเน้นไปที่ความระทึกขวัญและความสยองตามแบบฉบับ Alien หรือความต้องการที่จะไขความลับถึงที่มาที่ไปของเจ้าตัว Alien


หนังทำให้ผู้ชมคิดไปถึงคำถามเชิงปรัชญามากมาย และเปิดโอกาสให้ผู้ชมกลับไปคิดต่อยอดได้อย่างสนุกสนาน นี่เองที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญของหนัง Sci-fi ชั้นดี







มาวิเคราะห์ถึงสารเหล่านี้ในมุมมองของผมกันดีกว่า

สำหรับ Model ที่จะนำมาใช้ประกอบการวิเคราะห์ ก็คือ Model ยอดนิยม ที่ถือเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของสังคม อย่าง “ครอบครัว”


แล้วจะพบว่า Prometheus คือหนังครอบครัวชั้นดีเลยทีเดียว



อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่า Prometheus จะมาตอบคำถามว่าพระเจ้าคือใคร และพระเจ้าคิดจะทำอะไร เพราะ Prometheus จะแสดงให้เห็นถึงความหมกมุ่นในคำถามนี้ และบริบทของแต่ละตัวละครที่บางครั้งก็อาจซ้อนทับกับคำตอบของคำถามที่พวกเขาได้ตั้งเอาไว้ ในระดับที่ซับซ้อนยิ่งกว่าหนัง 3 มิติ




(ผมขอเรียก มนุษย์ต่างดาวตัวขาว-ใหญ่ คล้ายมนุษย์ว่า Engineer
เรียก Engineer ที่ดื่มของเหลวสีดำตอนต้นเรื่องว่า Prometheus Engineer
เรียกสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากของเหลวสีดำว่า Alien นะครับ ไม่สนว่าจะเป็นตัวไหน ร่างไหน)







ครอบครัวโดยทั่วไปประกอบด้วย พ่อ แม่ ลูก

(สังคม Galaxy ที่ประกอบด้วย Engineer และ มนุษย์)

(บริษัท Wayland มี Peter เป็นทั้งพ่อและแม่ มี Vickers เป็นลูก)

(บริษัท Wayland มี Peter เป็นประธาน (พ่อ) มี Technology และพนักงาน เป็นผู้ให้กำเนิด (แม่) มี David เป็นผลิตภัณฑ์ (ลูก))

(สังคมในดาว LV-426 มี Engineer มนุษย์ และ Alien)





พ่อคือตำแหน่งสูงสุดในแง่ของอิทธิพล และอำนาจที่มีอยู่ในบ้าน

(Engineer คือผู้มีอำนาจสูงสุดใน Galaxy นี้ ในแง่ความเจริญและสติปัญญา)

(Peter ดำรงตำแหน่งสูงสุดในบริษัท)

(Peter และ Vickers ดำรงตำแหน่งสูงกว่า David ในบริษัท)

(Engineer มีอำนาจและเทคโนโลยีที่เจริญที่สุดในดาว LV-426)







แม่คือผู้ให้กำเนิดและเสียสละเลือดเนื้อในการให้กำเนิดลูก

(Prometheus Engineer เสียสละร่างกายเพื่อการวิวัฒนาการเป็นมนุษย์)

(เอาเป็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเสียสละให้กำเนิด Vickers)

(การเสียหยาดเหงื่อ แรงกาย พลังสมอง เงินทุน เพื่อทุ่มเททางด้านเทคโนโลยี ให้กำเนิด David)

(มนุษย์ที่เป็นพาหะในการให้กำเนิด Alien ต้องเสียสละชีวิตให้ Alien เกิดขึ้น)





โดยแม่รับน้ำอสุจิสีขาวขุ่นของพ่อเพื่อให้กำเนิดลูก

(Prometheus Engineer ดื่มของเหลวสีดำที่ถูกสร้างโดย Engineer เพื่อให้กำเนิดมนุษย์)

(น้ำอสุจิของ Peter ผสมกับไข่ของแม่ Vickers เพื่อกำเนิดเธอขึ้นมา)

(วัสดุต่างๆและเลือดสีขาวขุ่นของเป็นองค์ประกอบของ David)

(Alien ส่งถ่ายตัวเองเพื่อไปฝังร่างในพาหะ ด้วยอวัยวะที่คล้ายอวัยวะเพศ)







ลูกเติบโตภายใต้การดูแลปกครองของพ่อแม่

(มนุษย์วิวัฒนาการขึ้นมาภายใต้สายตาของ Engineer สังเกตจากภาพวาดในถ้ำที่บ่งบอกว่า Engineer มาเยือนโลกเรื่อยๆ)

(Vickers ต้องอยู่ใต้อาณัติของ Peter ทั้งในฐานะลูก และ พนักงานบริษัท)

(David ต้องอยู่ใต้อาณัติของ Peter และ Vickers ในฐานะลูกบุญธรรม และคนรับใช้)

(Alien เติบโตภายในร่างมนุษย์)





ลูกก็อยากเติบโตและพัฒนาขึ้นให้ทัดเทียมหรือเหนือกว่าพ่อแม่ หรืออยากสร้างครอบครัวของตัวเอง

(มนุษย์อยากเจริญและมีวิวัฒนาการให้เท่า Engineer หรืออยากสร้างรูปแบบของชีวิตชนิดใหม่ (Android) ด้วยตัวเอง)

(Vickers อยากขึ้นมายิ่งใหญ่ในบริษัท อยากบริหารบริษัทของพ่อ)

(David อยากเป็นอิสระ และได้รับการยอมรับที่เท่าเทียมกับมนุษย์)

(Alien อยากแหวกอกออกมาใช้ชีวิตของตนเอง)







บางทีพ่อแม่ก็ไม่อยากสูญเสียอำนาจในการควบคุมลูก แต่ในบางทีจิตใจก็ยังรักลูก

(Engineer บางพวก ไม่อยากให้มนุษย์วิวัฒนาการได้เท่าเทียมพวกตน แต่ Engineer บางพวกก็ช่วยเหลือให้มนุษย์เจริญขึ้น)

(แม้ Peter จะไม่เปิดโอกาสให้ Vickers ดูแลบริษัท แต่ก็ยังรักลูกของตนเอง และให้ตำแหน่งกรรมการบริษัท)

(มนุษย์บางคนยอมรับและให้เกียรติ David บางคนไม่ยอมรับ และมองว่าต้อยต่ำกว่ามนุษย์)

(มนุษย์บางพวกอยากจะกำจัด Alien บางพวกอยากเก็บ Alien ไว้)





บางครั้งถ้าลูกคิดตีเสมอหรือท้าทายอำนาจ พ่อแม่ต้องคอยดุด่า และใช้อำนาจลงโทษ เพื่อแสดงอำนาจในการปกครอง

(บางครั้ง Engineer ก็ต้องแสดงอำนาจที่เหนือกว่ามนุษย์ อาจเป็นการโจมตี หรือข่มขู่ด้วยการแสดงให้เห็นแสนญานุภาพ เพื่อให้มนุษย์อยู่ในโอวาท)

(Peter ใช้อำนาจในฐานะประธานบริษัท ในการควบคุม Vickers)

(Peter ใช้อำนาจในฐานะผู้สร้างในการควบคุม David, Vickers ทำร้าย ข่มขู่ David เพื่อแสดงให้เห็นเห็นถึงอำนาจของตน)

(มนุษย์ และ Engineer ต่างก็หาวิธีในการควบคุม Alien)







นี่คือประเด็นหลักของหนังที่แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมตามธรรมชาติที่ไม่ต่างกันแม้จะในระดับชั้นไหนในสังคม

เป็นเรื่องที่ว่าด้วยความขัดแย้ง และกระทบกระทั่งในครอบครัว








ยังมีอีกประเด็นที่น่าสนใจ ซึ่งมาจากคำถามยิ่งใหญ่อีกหนึ่งข้อ มาพิจารณากัน



Alien ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่นเดียวกับ David ซึ่งก็น่าคิดว่า ที่มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาก็เพื่อประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งเช่นกัน
ในประเด็นนี้หมายถึง “การกำเนิดขึ้นของบางสิ่งบางอย่างนั้น เพราะมีความจำเป็น หรือมีเหตุผลบางอย่างให้มันเกิดขึ้นมา”





แต่ในมุมมองของ Holloway บางทีการที่บางสิ่งบางอย่างถูกสร้างขึ้นมา อาจเป็นแค่การแสดงออกทางศักยภาพของผู้สร้างว่า “ตนเองสามารถทำได้” ก็เพียงแค่นั้น
ในประเด็นนี้หมายถึง “การกำเนิดขึ้นของบางสิ่งบางอย่างนั้น ไม่ได้มีเหตุผลอะไรเฉพาะเจาะจง มันเกิดขึ้นมาเองของมันอย่างนั้น เพราะมันมีโอกาสเป็นไปได้”





ความขัดแย้งทางความคิดใน 2 ประเด็นนี้ คือคำถามเชิงปรัชญาที่ว่า "เจตจำนงค์อิสระ มีอยู่จริงหรือ"



ซึ่งเป็นคำถามที่ยากจะตอบได้อย่างชัดเจน ขึ้นอยู่กับมุมมองที่พิจารณา


คล้ายกับการที่หนังนำเสนอให้เห็นว่า บางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันเป็นทั้ง “การก่อกำเนิด” และ “การทำลาย” ขึ้นอยู่กับว่าจะมองมุมไหน

(กำเนิด Alien = ร่างพาหะถูกทำลาย, กำเนิดวิวัฒนาการใหม่ = Prometheus Engineer ถูกทำลาย)







สำหรับ Shaw นี่คือตัวละครที่น่าสนใจ ตัวละครนี้อยู่ในฐานะ “ลูก” ที่ขอทำตัวเป็น “ลูกแหง่ ไม่ยอมโต” ไปตลอดกาล

สาเหตุอาจเป็นเพราะการสูญเสียพ่อไปในวัยเด็ก ทำให้เธอคอยแต่ตั้งคำถามว่าทำไมต้องสูญเสียพ่อไป ทำไมเหตุการณ์ต่างๆถึงเกิดขึ้น และแน่นอนว่าคำถามหนึ่งที่จะถูกถามหลังจากไล่คำตอบไปเรื่อยๆ ก็คือ “มนุษย์เกิดขึ้นมาทำไม”




(ตัวอย่าง: ทำไมถึงหิว? เพราะไม่ได้กินข้าว, ทำไมถึงต้องกินข้าว ? เพื่อต้องการพลังงานเพื่อดำรงชีวิต, ทำไมต้องดำรงชีวิต ? สืบเผ่าพันธ์ ไม่ให้มนุษย์สูญพันธ์, แล้วมนุษย์เกิดมาทำไม ?)





ซึ่งคนที่จะตอบได้ก็คือ “พระเจ้า (Engineer) ในฐานะผู้สร้างมนุษย์ขึ้นมา”

ดังนั้นนี่จึงเป็นแรงผลักดันอันยิ่งใหญ่ในการตามหา “ผู้สร้าง” ของเธอ

ซึ่งการตามหา “ผู้สร้าง” ยังเป็นอุปมาอุปไมยถึง “การโหยหาพ่อ” ของเธอด้วย





อีกพฤติกรรมที่แสดงถึงสถานะ “ลูก” ของ Shaw ยังรวมไปถึง การยอมตกอยู่ใต้อำนาจของ Peter Wayland (พ่อ ในความหมายของผู้มีอำนาจสั่งการ) แม้ว่าในใจอาจจะเริ่มไม่เห็นด้วยกับเขานักก็ตาม

และพฤติกรรมเชิงเปรียบเทียบ ที่แสดงออกถึง “ความกลัวการเป็นแม่” ด้วยการพยายามฆ่า “ลูก” (Alien) ในท้องของเธอ



นอกจากนี้หนังยังใส่รายละเอียดมานิดหน่อยว่า เธอเองก็เคยมีปัญหาในอดีตเรื่องการมีลูก







ท้ายที่สุดการพยายามหาคำตอบของ Shaw ก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของคำถามมากมาย ไม่มีที่สิ้นสุด


จะว่าไปแล้ว นี่เป็นเหมือนการ "ตอบกลับ" ของ Ridley Scott ต่อบรรดา “ผู้ชม” ที่หวังจะเข้ามาหาคำตอบของต้นกำเนิด Alien ว่า



“ยิ่งพยายามหาคำตอบเท่าไหร่ ก็จะพบกับคำถามที่ไม่สิ้นสุด”




อย่างที่ Holloway พูดในหนังไว้ว่า พระเจ้าสูงสุด (ธรรมชาติ) ไม่เคยสร้างอะไรที่เป็นเส้นตรง (ไม่ได้สร้างอะไรที่เป็นเหตุผลตรงไปตรงมา) นั่นเอง








แต่สุดยอดของคำถามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดกลับออกมาจากความคิดของหุ่นยนต์อย่าง David ด้วยความสงสัยที่ว่า



“แล้วเราจะพยายามหาคำตอบไปทำไม”










ติดตามอ่าน Volume 2 ได้เร็วๆนี้ครับ









 

Create Date : 15 มิถุนายน 2555
5 comments
Last Update : 16 มิถุนายน 2555 21:13:22 น.
Counter : 8141 Pageviews.

 

วันนี้ไปซื้อนิตยสาร FILMAX ปีที่ 6 ฉบับที่ 61 (กรกฎาคม 2555) มาครับ



ได้อ่านบทวิจารณ์หนังเรื่อง Prometheus ของคุณหมอ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" พบว่าบางส่วนของบทวิจารณ์ คล้ายคลึงกับบทความนี้ของผมครับ


ไอ้ความเหมือนที่ว่านี้มีไม่ถึง 20 % ของเนื้อหาบทความในหนังสือ
แต่มันเหมือนเกือบ 100% ในประเด็น "ชื่อเรื่อง" ที่ปรากฏหลังจากความตายของ Engineer และประเด็นความสัมพันธ์แบบ พ่อ-ลูก



ซึ่งผมไม่สงสัยหรือกังขาว่า คุณหมอ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" จะลอกบทความผมแต่อย่างใด

ผมเชื่อว่าที่มันเหมือนกันก็เพราะ เราตีความจากประเด็นหลักของหนังในมุมมองเดียวกันมากกว่า





ที่ต้องชี้แจงเอาไว้เพราะกลัวจะมีคนคิดว่า ผมลอกบทความคุณหมอ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" มาต่างหาก



แต่หากพิจารณาแล้วจะพบว่า บทความนี้แก้ไขครั้งสุดท้ายตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2555 ครับ (เลื่อนขึ้นไปดูก็ได้ครับ)

ก่อนหนังสือจะวางแผง 2 สัปดาห์




ดังนั้นผมจึงประกาศย้ำไว้ตรงนี้อีกครั้งครับ

 

โดย: navagan 15 กรกฎาคม 2555 23:21:37 น.  

 

I have recently started a web site, the information you provide on this site has helped me greatly. Thank you for all of your time & work.
Fake Mulberry Bags //www.berkshire-landscapes.co.uk/

 

โดย: Fake Mulberry Bags IP: 94.23.252.21 4 สิงหาคม 2557 2:54:14 น.  

 

Wow that was unusual. I just wrote an extremely long comment but after I clicked submit my comment didn't appear. Grrrr... well I'm not writing all that over again. Anyway, just wanted to say superb blog!
occhiali da sole ray ban uomo 2011 //congdongcviet.com/assets/cache/index.php?it-occhiali-da-sole-ray-ban-uomo-2011-25168.html

 

โดย: occhiali da sole ray ban uomo 2011 IP: 192.99.14.36 15 ตุลาคม 2558 0:26:34 น.  

 

I could not resist commenting. Exceptionally well written!
ray ban aviator con lenti da vista //poliambulatorio.centromax.it/wp-content/uploads/index.php?it-ray-ban-aviator-con-lenti-da-vista-23427.html

 

โดย: ray ban aviator con lenti da vista IP: 192.99.14.36 15 ตุลาคม 2558 19:14:55 น.  

 

I do not know if it's just me or if perhaps everybody else experiencing problems with your blog. It appears as though some of the written text on your content are running off the screen. Can somebody else please provide feedback and let me know if this is happening to them too? This could be a problem with my web browser because I've had this happen previously. Kudos
nike air max bianche //europossavanoriutarnyba.lt/?it-nike-air-max-bianche-13270.html

 

โดย: nike air max bianche IP: 192.99.14.36 20 ตุลาคม 2558 5:19:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


navagan
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 73 คน [?]




นวกานต์ ราชานาค
Navagan Rachanark


สนใจใน ภาพยนตร์, การวิเคราะห์-วิจารณ์ ภาพยนตร์,ดนตรี, งานเขียน และ ศิลปะอื่นๆ

สร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ทดลอง และ งานดนตรีทดลอง และ งานเขียน


ปัจจุบันทำงานด้านการตลาด การวิจัยและพัฒนายางสังเคราะห์และยางธรรมชาติ

เริ่มจัดเก็บข้อมูลสถิติการเข้าชม

Time 09:00 Date 31/01/2010

by Histats.com

blogger web statistics

ถูกใจบทความ หรืออยากสนับสนุนเจ้าของ Blog

ก็ช่วย click ที่ Link โฆษณาครับ

ขอบคุณครับ

Friends' blogs
[Add navagan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.