All the girls standing in the line for the bathroom !!!

*** หมายเหตุ : สงวนลิขสิทธิ์ บทความและผลงาน ใน Blog นี้ครับ ***
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2560
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
22 กรกฏาคม 2560
 
All Blogs
 
*** Dunkirk *** ต้องรอด - ต้องช่วย

*** Dunkirk ***






Dunkirk ผลงานกำกับและเขียนบทของ Christopher Nolan เล่าเรื่องราวโดยอิงเหตุการณ์จริงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 1940 ที่ซึ่งทหารอังกฤษกว่าสี่แสนคน ถูกกองทัพนาซีรุกไล่มาจนมุมที่ชายหาดเมือง Dunkirk ประเทศฝรั่งเศส

รัฐบาลอังกฤษจึงเกณฑ์อาสาสมัครพลเรือนนำเรือข้ามฝากจากเกาะอังกฤษด้วยระยะทางเกือบร้อยกิโลเมตรเพื่อมารับทหารอังกฤษเหล่านี้กลับบ้านของพวกเขา



(จากนี้ไปเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ)



Dunkirk แบ่งเล่าเรื่องราวเป็น 3 ส่วน โดยตัดสลับกันไปมาแบบไม่เรียงลำดับเวลา ซึ่งทั้ง 3 เรื่องประกอบด้วย



1. The Mole เป็นการตามติดการเอาชีวิตรอดของ Tommy (Fionn Whitehead) พลทหารอังกฤษ ซึ่งส่วนนี้เล่าเรื่องราวโดยกินเวลาประมาณ 1 สัปดาห์


2. The Sea เป็นการตามติดภารกิจการช่วยเหลือคนของเรือพลเรือนของ Dawson (Mark Rylance) พร้อมกับลูกชายและเพื่อนของเขา ซึ่งส่วนนี้เล่าเรื่องราวโดยกินเวลาประมาณ 1 วัน


3. The Air เป็นการตามติดภารกิจของฝูงบินขับไล่ของอังกฤษจำนวน 3 ลำ ที่เดินทางไปช่วยคุ้มกันการอพยพที่ Dunkirk ซึ่งส่วนนี้เล่าเรื่องราวโดยกินเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง






The Mole = ต้องรอด



ในส่วนของ The Mole หนังพาเราไปดูความพยายามในการเอาชีวิตรอดของเหล่าทหาร ผ่านสายตา Tommy ที่ก็ต้องเอาชีวิตตัวเองรอดเช่นกัน


เราจะเห็นภาพการเอาชีวิตรอดที่หนังค่อยๆไล่ระดับให้เห็นว่า เราสามารถทำได้แค่ไหนเพื่อเอาตัวรอด ทั้งการที่ทหารฝรั่งเศสเอาเสื้อผ้าจากศพทหารอังกฤษเพื่อปลอมตัวหลบหนีสงครามไปยังอังกฤษ, การปลอมตัวเป็นหน่วยแพทย์เพื่อหาโอกาสขนผู้ป่วยเพื่อพาตัวเองเข้าใกล้เรืออพยพ หรือกระทั่งการพยายามทำลายชีวิตทหารที่เป็นพวกเดียวกันเองเพื่อเอาตัวรอด



ดังนั้นในส่วนของ The Mole ประเด็นของหนังจึงว่าด้วย



“เราสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อเอาตัวรอด”



ซึ่งความขัดแย้งในเรือช่วงสุดท้ายที่ทหารอังกฤษหลายนายพยายามบีบบังคับให้ทหารฝรั่งเศสสละชีวิตเพื่อให้พวกตัวเองรอด อาจเป็นการตั้งคำถามในประเด็นที่ว่า



“เพื่อให้ตัวเองรอดชีวิต เราสามารถแลกกับชีวิตผู้อื่นได้หรือไม่”






The Air = ต้องช่วย



ในส่วนของ The Air หนังเล่าเรื่องแบบง่ายๆไม่สลับซับซ้อนว่าด้วย นักบินเครื่องบิน Spitfire 3 ลำที่คอยคุ้มกันน่านฟ้าขณะมีการอพยพที่ Dunkirk


เราจะเห็นการพยายามหยุดเครื่องบินทิ้งระเบิดของนาซีที่พยายามจะจมเรืออพยพ ซึ่งหนังนำเสนอให้เห็นว่าเหล่านักบินพยายามช่วยคุ้มกันจนนาทีสุดท้าย

โดยเฉพาะ Farrier (Tom Hardy) นักบินที่ยังคงบินต่อไป แม้น้ำมันจะหมด เขาก็ยังไม่ดีดตัวออกจากเครื่องเพื่อเอาชีวิตรอดจนกว่าจะจัดการเครื่องบินนาซีจนสำเร็จ เขายังคงบินจนนาทีสุดท้ายก่อนเอาเครื่องลงจอดในแดนข้าศึก และถูกจับเป็นเชลยในที่สุด



ดังนั้นในส่วนของ The Air ประเด็นของหนังจึงว่าด้วย



“เราสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อช่วยผู้อื่น”



ซึ่งชะตากรรมของ Ferrier ในช่วงสุดท้าย อาจเป็นการตั้งคำถามในประเด็นที่ว่า



“เพื่อให้ผู้อื่นรอดชีวิต เราสามารถแลกกับชีวิตตัวเองได้หรือไม่”






The Sea = ต้องรอด ปะทะ ต้องช่วย



ในส่วนของ The Sea ถือว่าเป็นส่วนที่มีความขัดแย้งมากที่สุดของ 2 แนวคิด เมื่อ Dawson รับนายทหารคนหนึ่ง (Cillian Murphy) ที่ติดอยู่บนซากเรือที่อับปางขึ้นมาบนเรือของเขา

เราจะเห็นความขัดแย้งของ 2 แนวคิดนั่นคือ

1.) การช่วยเหลือผู้อื่นของ Dawson

2.) การเอาตัวเองรอดของนายทหาร



ซึ่งความขัดแย้งนี้ส่งผลกระทบให้ George (Barry Keoghan) เพื่อนของลูกชายของ Dawson บาดเจ็บสาหัส

นี่เป็นการทดสอบแนวคิดของ Dawson ว่าจะกลับไปที่ฝั่งเพื่อช่วย 1 ชีวิตของ George หรือเดินหน้าต่อไปเพื่อช่วยชีวิตของทหารอีกหลายสิบคน ซึ่งนี่เป็นส่วนที่ตัดสินใจยาก แต่ Dawson ก็ยังมุ่งหน้าไป Dunkirk ต่อ

(อันที่จริงเป็นเพราะ Dawson ประเมินแล้วว่ากลับไปที่อังกฤษก็ไกลเกินไป และคงไม่คิดว่า George จะเสียชีวิตด้วย)


และการที่เรือของ Dawson ลอยอยู่ท่ามกล่างระหว่าง Dunkirk และอังกฤษ และเรือของ Dawson ยังเป็นที่รวมของทหารที่พยายามเอาตัวรอด กับนักบินที่พยายามช่วยเหลือผู้อื่นจนต้องลงจอดกลางทะเล

เรือของ Dawson จึงเปรียบเสมือนจุดกึ่งกลางระหว่างการช่วยเหลือตัวเองและช่วยเหลือผู้อื่น



ดังนั้นในส่วนของ The Sea ประเด็นของหนังจึงว่าด้วย



“การพบกันของการเอาตัวรอดกับการช่วยเหลือผู้อื่น”







หนังเฉลี่ยเรื่องราวการเอาตัวรอด 1 สัปดาห์, การปะทะกันระหว่างช่วยตัวเองกับช่วยผู้อื่น 1 วัน และการช่วยเหลือผู้อื่น 1 ชั่วโมง ได้อย่างสมดุล

ซึ่งเวลาในแต่ละส่วนที่หนังหยิบเอามาเล่าอาจถูกกำหนดโดยความเหมาะสมของเนื้องเรื่อง โดยที่ผู้กำกับเองก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น


แต่บางทีมันก็ทำให้คิดไปโดยบังเอิญได้ว่า



การพยายามช่วยเหลือผู้อื่นแค่ 1 ชั่วโมงหรือ 1 วัน

อาจทำให้ผู้ที่พยายามเอาชีวิตรอดมา 1 สัปดาห์ รอดชีวิตได้ในที่สุด






Dunkirk ถือเป็นงานที่ต่างจากงานของ Christopher Nolan เรื่องอื่นก่อนหน้านี้ ด้วยการลดความซับซ้อนของเนื้อหาและลดเทคนิคการเล่าเรื่องที่ไม่จำเป็นออกแล้วหันมาเล่าเรื่องแบบเรียบง่ายแทน

อาจเป็นเพราะหนังสร้างขึ้นโดยอ้างอิงจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นนั่นทำให้ความหวือหวาแบบเรื่องแต่งลดลง

อย่างไรก็ตามชั้นเชิงในการเล่าเรื่องถือว่ายังยอดเยี่ยมอยู่



บทหนังแสดงให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสงครามที่มีทั้งด้านดีด้านร้ายของมนุษย์ แม้บางตัวละครอาจดูแล้วมีมิติเดียวแต่ก็เข้าใจได้ว่าหนังเล่าเรื่องในเวลาช่วงสั้นๆของตัวละครเหล่านั้น

ข้อดีอีกข้อคือการไม่พยายามชี้นำให้ผู้ชมตัดสินตัวละครว่าใครดีใครชั่ว หนังเพียงแค่นำเสนอสิ่งทีเกิดขึ้นแล้วปล่อยให้ผู้ชมพิจารณาเอาเอง



อย่างไรก็ตามแม้จะเล่าเรื่องจากเรื่องจริง แต่หนังก็พยายามปรุงแต่งอารมณ์กดดันให้ผู้ชมอย่างหนักด้วยการประโคมดนตรีประกอบฝีมือของ Hans Zimmer เข้ามาตลอดเวลา

ที่จริงก็ไม่ถือว่าล้นจนเกินไปนัก แต่ในบางช่วงบางตอนมันก็เด่นเกินภาพที่อยู่บนจอ และกลบอารมณ์ของตัวละครไปบ้างเหมือนกัน



ส่วนงานด้านภาพพูดได้ว่า นี่คือความยอดเยี่ยมที่ควรค่าแก่การชมในโรงภาพยนตร์






แม้จะดูเหมือนว่ามันเป็นหนังสงคราม แต่ความจริงแล้วมันว่าด้วยวิธีที่พวกเขาเลือกที่จะรับมือกับสงครามมากกว่า


Dunkirk ต้องเป็นหนึ่งในความยอดเยี่ยมของปีนี้อย่างไม่ต้องสงสัย





9 / 10 ครับ





Create Date : 22 กรกฎาคม 2560
Last Update : 24 กรกฎาคม 2560 1:00:01 น. 3 comments
Counter : 3271 Pageviews.

 
เพิ่งดูมาเมื่อวานนี้เอง ชอบมากๆ ภาพสวยมากๆค่ะ เรื่องเสียงดนตรีเราไม่ได้ฟังเลย สนใจแต่มุมมองตัวละครแต่ละตัว เราชอบทุกตัวเลย ทั้งทหารฝรั่งเศสที่เอาตัวรอดแต่ก็ช่วยเหลือทุกคนตลอดทาง ดีใจที่สุดท้ายนางก็รอด ทุกคนเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มที่อยากกลับบ้านเท่านั้นเอง


โดย: Kisshoneyz วันที่: 22 กรกฎาคม 2560 เวลา:13:06:40 น.  

 
ตอบคุณ Kisshoneyz

ดีใจด้วยครับที่ได้ดูเรื่องนี้ในโรงและสนุกไปกับมัน


โดย: navagan วันที่: 22 กรกฎาคม 2560 เวลา:18:00:39 น.  

 
กระทู้ที่ตั้งใน Pantip

https://pantip.com/topic/36691215


โดย: navagan วันที่: 23 กรกฎาคม 2560 เวลา:20:31:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

navagan
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 73 คน [?]




นวกานต์ ราชานาค
Navagan Rachanark


สนใจใน ภาพยนตร์, การวิเคราะห์-วิจารณ์ ภาพยนตร์,ดนตรี, งานเขียน และ ศิลปะอื่นๆ

สร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ทดลอง และ งานดนตรีทดลอง และ งานเขียน


ปัจจุบันทำงานด้านการตลาด การวิจัยและพัฒนายางสังเคราะห์และยางธรรมชาติ

เริ่มจัดเก็บข้อมูลสถิติการเข้าชม

Time 09:00 Date 31/01/2010

by Histats.com

blogger web statistics

ถูกใจบทความ หรืออยากสนับสนุนเจ้าของ Blog

ก็ช่วย click ที่ Link โฆษณาครับ

ขอบคุณครับ

Friends' blogs
[Add navagan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.