BlogGang.com : : navagan : *** Spider-Man: Into the Spider-Verse *** เข้าสู่วิถีของ Spider-Man

*** Spider-Man: Into the Spider-Verse *** เข้าสู่วิถีของ Spider-Man

*** Spider-Man: Into the Spider-Verse ***

ในรอบหลายปีที่ผ่านมา หนัง Spider-Man ได้ถูกสร้างมาหลายเวอร์ชั่น หากนับเฉพาะหนังที่ออกมาหลังปี 2000 (หรือในรอบ เกือบ 20 ปี) ก็จะนับได้ 3 เวอร์ชั่น (เวอร์ชั่น Sam Raimi, เวอร์ชั่น Marc Webb และ เวอร์ชั่น Marvel)

และล่าสุดกับ Spider-Man: Into the Spider-Verse

ใครที่ผ่านตาหนัง Spider-Man มาหลายภาคคงจะทราบกันดีกับ theme ของหนังที่ว่าด้วย “การเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ของเด็กวัยรุ่น” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรูปแบบของหนัง Coming of age ที่ตัวละครจะเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับปัญหา

และปัญหาแรกๆอันเป็นเอกลักษณ์ของ Spider-Man ก็คือ “การรับมือกับการสูญเสียคนที่รัก” และ Spider-Man: Into the Spider-Verse ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

(จากนี้ไปเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ)

Spider-Man: Into the Spider-Verse ว่าด้วย Miles เด็กหนุ่มชาว New York ที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกันกับ Jefferson พ่อที่เป็นตำรวจ ทั้งเรื่องโรงเรียนใหม่ที่เขาเพิ่งย้ายเข้าไป และเรื่องมุมมองที่มีต่อ Spider-Man คนที่ Miles ชื่นชม แต่พ่อของเขากลับไม่ชอบ Spider-Man

มีเพียงคนเดียวที่เป็นที่พึ่งพิงทางใจของ Miles ก็คือ Aaron อาของเขา ที่คอยสนับสนุนในสิ่งที่เขาชอบ

ด้วยความบังเอิญ Miles ถูกแมงมุมกัด เขาจึงมีพลังพิเศษ และเขาก็เริ่มเข้าสู่ “วิถีชีวิตแบบ Spider-Man” แบบที่เราคุ้นเคย

1. สูญเสียคนที่เขารักหรือเทิดทูน

หลังจากได้พลังไม่นาน Miles ได้พบเจอกับการต่อสู้ระหว่าง Spider-Man (Peter Parker) ฮีโร่ที่เขาชื่นชม กับพวกของ Kingpin ที่พยายามเปิดมิติคู่ขนาน (Parallel Universe) เพื่อจะพาลูกเมียของ Kingpin ที่ตายไปจากอุบัติเหตุกลับคืนมา

ในเหตุการณ์นี้ Miles ต้องเผชิญหน้ากับความตายของ Spider-Man ซึ่งก่อนตาย Spider-Man ฝากฝังให้เขาช่วยทำภารกิจในการหยุด Kingpin ด้วยความที่ Spider-Man เห็นว่า Miles มีศักยภาพพอที่จะทำได้เพราะมีพลังพิเศษเหมือนกัน

คำสั่งเสียสุดท้ายของ Spider-Man ต่อ Miles ก็เหมือนกับคำสั่งเสียของลุง Ben ที่มีต่อ Peter Parker นั่นเอง

แต่ Miles อาจโชคร้ายกว่า Peter Parker เพราะเขาต้องพบเจอความสูญเสียถึง 2 ครั้ง

ซึ่งครั้งที่สองเกิดขึ้นกับ อา Aaron ที่แท้จริงแล้วทำงานให้ Kingpin ซึ่งคำสั่งเสียสุดท้ายก็คือการให้ Miles ยึดมั่นในสิ่งที่ตัวเองต้องการต่อไป

2. เพื่อนสนิทหรือคนที่เขารัก คือศัตรูคนสำคัญ

ความขัดแย้งในจิตใจของ Spider-Man ก็คือ เขาจะมีเพื่อนในชีวิตจริงในฐานะคนธรรมดา แต่กลายเป็นศัตรูกับเขาตอนเป็น Spider-Man

ในส่วนของ Peter Parker ก็คือ Harry Osborn ในฐานะ Green Goblin ส่วนกรณีของ Miles ก็คือ อา Aaron ในฐานะ Prowler ลูกน้องของ kingpin นั่นเอง

แต่จุดต่างที่น่าสนใจก็คือ Aaron ควบรวมฐานะทั้งคนสนิทที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามและผู้ที่เป็นที่รักที่ต้องมาเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาก่อนที่จะส่งมอบแรงบันดาลใจให้กับตัวเขาเอง

ตอนที่ Miles ซื้อชุด Spider-Man ที่ร้านขายของที่ระลึก แล้วถามเขาว่า “ถ้าชุดไม่พอดีขอเปลี่ยนได้ไหม”

ลุงพนักงานร้านขายชุด (Stan Lee) ตอบกลับว่า “ในที่สุด มันจะพอดีเอง” ก่อนที่กล้องจะแพนไปที่ป้ายที่ติดไว้บนผนังร้านว่า “ไม่รับคืน”

นี่คือการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

1. มันคือมุขตลกที่ได้ผล

2. มันคือการบอกถึงชีวิตของ Miles ต่อจากนี้ ที่เมื่อเป็น Spider-Man แล้ว เขาไม่สามารถคืนกลับไปเป็นคนปกติได้อีกต่อไป

แต่สุดท้ายชีวิตการเป็น Spider-Man มันจะค่อยๆเข้าที่เข้าทางในที่สุด

ดังนั้นสิ่งที่ผู้ชมจะได้เห็นต่อไปจากฉากนี้ คือการเติบโตของตัวละคร Miles ที่ค่อยๆปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตของการเป็น Spider-Man พร้อมๆกับการเผชิญหน้ากับ Spider-Man จากหลากมิติที่หลุดเข้ามา

ซึ่งบรรดา Spider-Man รุ่นพี่เหล่านี้ก็กลายมาเป็น “โค้ชชีวิต” และเป็นแบบทดสอบที่ Miles ต้องทำให้ผ่านเพื่อเป็น Spider-Man

การเติบโตขึ้น ได้เรียนรู้และเปลี่ยนแปลงความคิด คือหนึ่งในประเด็นหลักของหนัง (เหมือนเช่นในหนัง Spider-Man ภาคแรกทุกเวอร์ชั่น)

Miles ต้องเรียนรู้การเป็น Spider-Man พร้อมๆไปกับเรียนรู้ที่จะเข้าใจตัวเอง

จาก Miles ในตอนต้นเรื่องที่ไม่สามารถช่วยเหลือชีวิตของ Peter Parker และไม่สามารถทำภารกิจให้สำเร็จได้ กลายเป็น Spider-Man ที่ช่วยหลายชีวิตของ Spider-Man ต่างมิติได้ในท้ายที่สุด

ในทางตรงกันข้าม Kingpin ที่เคยผิดทำพลาดจนต้องสูญเสียลูกเมียไป

แต่เมื่อมีโอกาสพบลูกเมียจากการเปิดมิติอีกครั้ง Kingpin ยังทำผิดซ้ำเดิมและต้องสูญเสียลูกและเมียไปอีกครั้ง

Miles และ Kingpin จึงเป็นส่วนที่ทำให้เห็นความแตกต่างระหว่าง "คนที่พัฒนาปรับปรุงตัวเอง" กับ "คนที่ไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง"

แม้เรื่องราวของ Spider Man จะถูกเล่าออกมาหลายครั้ง แต่ Spider-Man: Into the Spider-Verse ก็ยังหาวิธีเล่าเรื่องได้อย่างน่าสนใจ

การนำเสนอที่เป็นเหมือนการหยิบเอา comic มาทำเป็นภาพเคลื่อนไหว สร้างความรู้สึกแตกต่างกับ animation เรื่องๆอื่น

หัวใจสำคัญของหนังคือการเล่า “พัฒนาการของตัวละคร Miles” ที่ค่อยๆเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ในฐานะ Spider-Man

ซึ่งส่วนตัวแล้วสนุกไปกับส่วนนี้ของหนังมากเป็นพิเศษ (ช่วงที่ Miles ได้เจอเหตุการณ์ต่างๆ แล้วเรียนรู้เติบโตไปเรื่อยๆ ทั้งการเปลี่ยนเป้าหมายในชีวิต ความมั่นใจในตัวเอง ความรับผิดชอบที่มากขึ้น การเข้าใจในตัวพ่อ ผ่านเรื่องดราม่าที่ต้องเจอ คือส่วนดีของหนัง)

อย่างไรก็ตาม ขณะที่กำลังสนุกไปกับการเห็น Miles ค่อยๆเปลี่ยนแปลงความคิดจากเหตุการณ์ที่ได้เจอ หนังกลับรวมรัดก้าวกระโดดพัฒนาการของ Miles ในช่วงท้าย เพื่อคลี่คลายปมและสรุปปิดเรื่องราวแบบน่าเสียดาย

แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าหนังมีเวลาเล่าไม่มาก และจำเป็นต้องจบปมปัญหาภายในเวลาที่จำกัด

Spider-Man: Into the Spider-Verse ถือว่าโดดเด่นและแตกต่าง ทั้งในฐานะหนัง Spider-Man และในฐานะหนัง animation

แม้ส่วนตัวแล้วจะไม่ได้ประทับใจมาก แต่หนังก็เป็นความบันเทิงที่น่าจดจำ

7 / 10 ครับ

Create Date : 18 มกราคม 2562

Last Update : 18 มกราคม 2562 22:49:53 น.

2 comments

Counter : 1576 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...

คุณอุ้มสี, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณnewyorknurse

เนาะ...เรื่องนี้ดูเอาบันเทิง
เจิมเห็นด้วยค่ะ

โดย: อุ้มสี

วันที่: 18 มกราคม 2562 เวลา:23:49:15 น.

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
อาจารย์สุวิมล Diarist ดู Blog
ชมพร About Weblog ดู Blog
navagan Movie Blog ดู Blog

โดย: อุ้มสี

วันที่: 19 มกราคม 2562 เวลา:0:09:15 น.