All the girls standing in the line for the bathroom !!!

*** หมายเหตุ : สงวนลิขสิทธิ์ บทความและผลงาน ใน Blog นี้ครับ ***
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2562
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
13 ธันวาคม 2562
 
All Blogs
 
*** Ford v Ferrari *** ทุนนิยม v จิตวิญญาณ

*** Ford v Ferrari ***






Ford v Ferrari คือผลงานการดัดแปลงเหตุการณ์จริงในช่วงยุค 1960s ของผู้กำกับ James Mangold



หลังจาก Henry Ford II (Tracy Letts) ประธานของ Ford ถูกหยามจาก Enzo Ferrari (Remo Girone) ผู้ก่อตั้ง Ferrari ด้วยการหลอกให้ Ford ไปเจรจาซื้อกิจการ Ferrari แต่แท้จริงแล้ว Ferrari หลอกใช้ Ford ให้มาเป็นแค่เครื่องมือต่อรองราคาและอำนาจการบริหารกับ Fiat บริษัทรถอีกบริษัทหนึ่งที่ Ferrari ตั้งใจจะขายกิจการให้อยู่แล้ว

นี่เองที่ทำให้ Ford แค้น Ferrari จนทุ่มทุนสร้างทีมแข่งเพื่อเอาชนะ Ferrari ในการแข่งขัน Le Mans ที่ Ferrari เป็นเจ้าสนามอยู่



Carroll Shelby (Matt Damon) อดีตแชมป์ Le Mans ที่ผันตัวมาทำธุรกิจออกแบบรถยนต์เนื่องจากมีโรคหัวใจที่เป็นอุปสรรคในการแข่งขัน คือคนที่ Ford เลือกเข้ามาคุมทีม

ซึ่ง Shelby ก็ได้ดึงตัวเพื่อนของเขาอย่าง Ken Miles (Christian Bale)เจ้าของอู่ซ่อมรถและนักแข่งรถฝีมือดีที่กวาดชัยชนะมากมายจากการแข่งขันภายในประเทศเข้ามาร่วมทีม



(จากนี้ไปเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ)






อันที่จริงแล้วเรื่องราวในหนังไม่ได้เป็นแค่การปะทะกันระหว่าง Ford และ Ferrari ตามชื่อเรื่องเท่านั้น

แต่มันเป็นการปะทะกันระหว่างทีมแข่งรถของ Shelby และทีมบริหารของ Ford ที่นำทีมโดย Leo Beebe (Josh Lucas) รองประธานอาวุโสของ Ford อีกด้วย จากมุมมองที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว



อย่างที่รู้กัน Ford คือบริษัทใหญ่ ที่เป็นต้นตำรับการผลิตแบบ Mass Production อันเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจแบบทุนนิยมในปัจจุบัน ซึ่งสิ่งที่ Ford มุ่งเน้นคือผลกำไรจากยอดขาย

แม้กระทั่งการพยายามเข้าซื้อกิจการ Ferrari ก็มีเรื่องของยอดขายและผลกำไรเป็นเหตุผลสำคัญ ซึ่งสิ่งที่ Ford พยายามทำก็คือ การนำ “ภาพลักษณ์ของชัยชนะ” ในแบบที่ Ferrari ทำได้ มาแปลงเป็น “สินค้า” ในรูปแบบของรถยนต์

ซึ่งนี่คือสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญของทุนนิยมที่ทุกอย่างสามารถแปลงเป็นสินค้าได้ แม้กระทั่งสิ่งที่เป็นนามธรรมอย่าง “ชัยชนะ”



สำหรับ Ford พวกเขาต้องการชัยชนะเพื่อผลกำไร





ส่วน Ferrari ที่ยังคงรูปแบบการผลิตส่วนใหญ่ด้วยมือนั้น แทบจะไม่ได้มุ่งหวังกับยอดขายหรือผลกำไรใดๆ สิ่งที่ Ferrari พยายามทำก็คือ ชัยชนะในการแข่งขัน

ซึ่งนี่คือจิตวิญญาณบริสุทธิ์ของการแข่งขันเพื่อชัยชนะ



สำหรับ Ferrari พวกเขาต้องการชัยชนะโดยปราศจากเหตุผลอื่นใด






กลับมาพิจารณาที่ตัวละครหลักอย่าง Miles ที่เคยโดนกีดกันจาก Beebe ไม่ให้ทำหน้าที่เป็นนักขับในการแข่งขันครั้งแรก และโดนขัดขวางอยู่ตลอดเวลาด้วยเหตุผลที่ว่า Miles ไม่เข้ากับภาพลักษณ์ของ Ford

ผู้ชมจะเห็นว่า Miles เองก็มีความคล้ายคลึงกับ Ferrari อยู่ไม่น้อย ทั้งการที่ทั้งคู่ต่างก็ล้มละลายจากกิจการหลักของตนเองเหมือนกันแต่ก็ยังเป็นผู้ชนะในเกมการแข่งขันเหมือนกัน



ดังนั้น ทั้ง Miles และ Ferrari ต่างก็มีจิตวิญญาณบริสุทธ์ในฐานะนักแข่งเหมือนกัน ซึ่งการแข่งขันคือหนึ่งในสัญชาตญาณพื้นฐานของมนุษย์ในการเอาชีวิตรอด



การต่อสู้ในหนังเรื่องนี้มีอยู่หลายระดับ


1. Ford ต่อสู้กับ Ferrari

2. ทีมบริหารของ Ford ต่อสู้กับ ทีมแข่งของ Shelby และ Miles



ซึ่งเขียนเป็นสมการเชื่อมโยงได้ดังนี้



Ford และ ทีมบริหารของ Ford = ทุนนิยม

Miles, Shelby และ Ferrari = จิตวิญญาณของการแข่งขัน



ฉะนั้น Ford v Ferrari จึงเป็นหนังที่ว่าด้วยการต่อสู้ของ



“ทุนนิยม” และ “จิตวิญญาณ”






ในท้ายที่สุดผู้ชมจะได้เห็นความพ่ายแพ้ของ Ferrari และ Miles อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่ได้สูญเสียจิตวิญญาณของนักแข่งไป



เราจะพบว่านอกจาก Miles จะชนะคนอื่นแล้ว แต่ Miles ยังชนะตนเองจากการทำลายสถิติต่างๆของตัวเองภายในวันเดียวอีกด้วย

และไม่จำเป็นต้องมีใครมอบชัยชนะให้ Miles เขาก็สัมผัสได้ถึงชัยชนะที่เขาได้รับ

เหมือนที่ Miles บอกไว้ว่า ที่ 7,000 รอบต่อนาที เราจะไม่รู้สึกอะไร นอกจากตัวตนของเราเอง และนั่นทำให้เราได้รู้จักตัวเอง



ดังนั้นแม้ Ford จะชนะได้ในโลกของทุนนิยม สามารถเอา “ชัยชนะ” มาขายเป็นสินค้าได้ในที่สุด


แต่สิ่งที่ Ford ไม่สามารถนำมาขายได้ นั่นก็คือ “จิตวิญญาณ”



เราสามารถซื้อรถที่แรงที่สุดได้ด้วยเงิน

แต่ไม่สามารถซื้อจิตวิญญาณของนักแข่งได้






Shelby คืออีกตัวละครที่น่าสนใจ เขาคือคนที่อยู่รอดได้ในโลกของทุนนิยม เขาเปลี่ยนตัวเองจาก “นักแข่ง” เป็น “นักขาย”

โดย Shelby พยายามรักษาสมดุลระหว่างกัน



Shelby รู้สึกขมขื่นเมื่อนึกถึงความตายของ Miles ซึ่งนอกจากความรู้สึกในฐานะเพื่อนแล้ว Miles ยังเป็นสัญลักษณ์ของจิตวิญญาณบริสุทธิ์ของนักแข่งแบบที่เขาเคยมี



บางทีการเหยียบคันเร่งเพื่อซิ่งรถราวกับเป็นนักแข่งในฉากสุดท้ายก่อนจบ อาจเป็นการนึกถึงจิตวิญญาณที่เขาเคยมีและระลึกถึง Milesเพื่อนรักของเขาไปพร้อมๆกัน






ผู้กำกับ James Mangold เล่าหนังได้อย่างยอดเยี่ยม คล้ายกับที่ตัวละคร Miles พูดในหนังไว้ว่า “เราต้องรู้ว่าตรงไหนควรผ่อน ตรงไหนควรเร่ง” ซึ่งนี่คือหัวใจสำคัญที่ทำให้หนังเรื่องนี้สนุกและน่าติดตาม

และที่ควรได้รับคำชมก็คือทีมตัดต่อ (ซึ่งหนังใช้บริการเปลืองถึง 3 คน, Andrew Buckland, Michael McCusker และ Dirk Westervelt) ที่ช่วยทำให้หนังดูสนุกมากขึ้น



บทหนังที่เปรียบเสมือนเครื่องยนต์ก็ทำออกมาได้แน่นและยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน แม้มิติความลึกของบางตัวละครอาจแบนราบและเหมือนถูกสร้างให้เป็นตัวร้ายอย่างจงใจเกินไป (โดยเฉพาะตัวละคร Beebe ของ Josh Lucas)



แม้จะไม่มีอะไรให้เล่นมากนัก แต่ Matt Damon ก็ถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละคร Shelby ผ่านการแสดงได้อย่างดี

ส่วน Christian Bale น่าจดจำในบท Miles ที่บทหนังเขียนให้เขาเป็นคนง่ายๆตรงๆ เข้าใจได้ไม่ยาก แต่เราก็ยังเห็นมิติของตัวละครที่ซับซ้อนผ่านการแสดงสีหน้และท่าทาง






Ford v Ferrari เป็นหนังที่ดูได้สนุก มีประเด็นที่น่าสนใจ และมาพร้อมกับการแสดงที่น่าจดจำ

การต่อสู้ระหว่าง Ford และ Ferrari ยังซ้อนทับไปด้วยการต่อสู้อีกหนึ่งชั้น นั่นคือ ทุนนิยม กับอะไรก็ตามที่ไม่ใช่ทุนนิยม






9 / 10 ครับ





หมายเหตุ: สำหรับคำว่า จิตวิญญาณในบทความนี้ มีความหมายเดียวกับคำว่า Spirit ที่ไม่ใช่ผีแต่อย่างใด

แต่คิดอีกทีมันอาจเป็นเหมือน “ผี” ในโลกทุนนิยมก็เป็นได้




Create Date : 13 ธันวาคม 2562
Last Update : 13 ธันวาคม 2562 0:52:39 น. 1 comments
Counter : 2282 Pageviews.

 
กระทู้ที่ตั้งใน Pantip

https://pantip.com/topic/39482849


โดย: navagan วันที่: 13 ธันวาคม 2562 เวลา:1:07:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

navagan
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 73 คน [?]




นวกานต์ ราชานาค
Navagan Rachanark


สนใจใน ภาพยนตร์, การวิเคราะห์-วิจารณ์ ภาพยนตร์,ดนตรี, งานเขียน และ ศิลปะอื่นๆ

สร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ทดลอง และ งานดนตรีทดลอง และ งานเขียน


ปัจจุบันทำงานด้านการตลาด การวิจัยและพัฒนายางสังเคราะห์และยางธรรมชาติ

เริ่มจัดเก็บข้อมูลสถิติการเข้าชม

Time 09:00 Date 31/01/2010

by Histats.com

blogger web statistics

ถูกใจบทความ หรืออยากสนับสนุนเจ้าของ Blog

ก็ช่วย click ที่ Link โฆษณาครับ

ขอบคุณครับ

Friends' blogs
[Add navagan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.