BlogGang.com : : navagan : *** TENET *** การทวงคืนเจตจำนงเสรีที่ล้มเหลว

*** TENET *** การทวงคืนเจตจำนงเสรีที่ล้มเหลว

*** TENET ***

ผลงานเรื่องล่าสุดของผู้กำกับ/เขียนบท Christopher Nolan ว่าด้วยเรื่องราวการหยุดยั้งหายนะของโลกในสไตล์หนังสายลับ 007 แต่มีความโดดเด่นตรงที่ทฤษฎีต่างๆที่หนังใส่เข้ามาเป็นจุดขายหลัก ทำให้หนังมีความเป็นหนัง Fantasy/Sci-fi อยู่ในตัว

(จากนี้ไปเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ)

สรุปหนังโดยรวมกันก่อน

ตัวเอก (John David Washington) ซึ่งทำงานกับองค์กรลับ TENET ต้องทำหน้าที่ปกป้องโลกจากกลุ่มก่อการร้ายในอนาคตที่ต้องการทำลายโลกในยุคปัจจุบัน เนื่องจากผู้คนในยุคปัจจุบันคือตัวการทำลายสภาพแวดล้อมของโลกจนผู้คนในอนาคตต้องอาศัยอยู่อย่างลำบาก

แผนการทำลายคนในยุคปัจจุบันของกลุ่มก่อการร้ายในอนาคต คือการใช้งาน Andrei Sator (Kenneth Branagh) เด็กหนุ่มยากจนจากเมืองที่ถูกปิดตายในอดีตสหภาพโซเวียต ให้เป็นผู้รวบรวมชิ้นส่วนจากอนาคต 9 ชิ้นที่ถูกนำมาซ่อนไว้ในยุคปัจจุบัน เมื่อรวมรวมเสร็จแล้ว Sator จะฆ่าตัวตายเพื่อให้กลไกการทำลายล้างมนุษย์ในยุคปัจจุบันเกิดขึ้น

ตัวเอกจึงต้องหาทางเข้าถึง Sator เพื่อหยุดยั้งแผนการนี้ โดยตัวเอกอาศัย Kat (Elizabeth Debicki) ภรรยาของ Sator เป็นทางผ่านเพื่อเข้าถึง โดยมี Neil (Robert Pattinson) ชายหนุ่มลึกลับที่องค์กรส่งมาช่วยเป็นคู่หู

อันที่จริงแก่นของเรื่องว่าด้วยมุมมองที่มีต่ออดีต

กลุ่มก่อการร้ายจากอนาคต ต้องการแก้ปัญหาโดยแก้ไขอดีต ด้วยการกลับมาทำลายมนุษย์ยุคปัจจุบัน

ส่วนกลุ่มตัวเอก และ TENET พยายามหยุดยั้งแผนก่อการร้ายครั้งนี้เพราะเกรงว่า การทำลายอดีต จะส่งผลให้อนาคตเปลี่ยนแปลงไปด้วย

(ให้เห็นภาพชัดเจนคือ กลุ่มก่อการร้ายเชื่อว่า ถ้ากลับไปฆ่าปู่ของตัวเอง ตัวเองในปัจจุบันจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ แต่กลุ่ม TENET เชื่อว่า ถ้าฆ่าปู่ของตัวเองในอดีต อนาคตก็จะไม่มีตัวเองด้วย)

ดังนั้น TENET จึงว่าด้วยการปะทะกันของความเชื่อที่ต่างกัน ระหว่าง

กลุ่มคนที่ต้องการทำลายอดีต

และ

กลุ่มคนที่ต้องการปกป้องอดีต

ในหนังบอกว่า ทฤษฎีของทั้ง 2 กลุ่ม ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าใครถูกหรือผิด ดังนั้นมันจึงเป็นแค่ความเชื่อ

แต่สิ่งที่เป็นความจริงแน่นอนก็คือ คนรุ่นเก่าได้ทำลายอนาคตของคนรุ่นใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว

หากพิจารณาว่าคนที่เกิดก่อนหรือคนรุ่นก่อน มีอภิสิทธิ์ในการเข้าถึงและครอบครองทรัพยากร รวมถึงจัดการเปลี่ยนแปลงโลกก่อนคนรุ่นใหม่

การก่อการร้ายจากอนาคตครั้งนี้ จึงเป็นการทวงคืนสิทธิ์ของคนรุ่นใหม่ต่อคนรุ่นเก่า ที่ทิ้งซากเสียของโลกให้กับพวกเขา

ดังนั้นจึงไม่เกินเลยนักถ้าจะบอกว่า TENET เป็นหนังว่าด้วยการทวงคืนสิทธิในความเป็นเจ้าของโลกใบนี้ของคนรุ่นใหม่จากคนรุ่นเก่าโดยอาศัยเทคโนโลยีที่ดีกว่า

ตัวละครหลักทั้ง 2 ของเรื่องถูกวางลักษณะนิสัยเพื่อสะท้อน ความแตกต่างของทั้ง 2 กลุ่มอย่างชัดเจน

- ตัวเอก

เขาคือชายผู้จงรักภักดี ยอมตายได้เพื่อองค์กร ซึ่งองค์กรนี้เป็นกลุ่มอำนาจเดิมที่มีอำนาจมาก

- Sator

เขาคือคนยากจนชนชั้นล่าง ที่ได้รับโอกาสจากอนาคตเพื่อสร้างอำนาจมาต่อกรกับคนรุ่นเก่าซึ่งเป็นกลุ่มอำนาจเดิม

กลุ่มทั้ง 2 กลุ่ม ก็ถูกวางลักษณะนิสัยเพื่อสะท้อนความแตกต่างอย่างชัดเจน

- TENET เชื่อว่า อนาคตเปลี่ยนแปลงไม่ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า “เจตจำนงเสรี” (Free will)

- กลุ่มก่อการร้ายจากอนาคต เชื่อว่า อนาคตเปลี่ยนแปลงได้ “เจตจำนงเสรี” (Free will) มีอยู่จริง

ดังนั้น TENET จึงว่าด้วยการปะทะกันของของความเชื่อที่ต่างกัน ระหว่าง

กลุ่มคนที่เชื่อว่าเรามีเจตจำนงเสรี อนาคตสามารถเปลี่ยนแปลงได้

และ

กลุ่มคนที่เชื่อว่าเราไม่มีเจตจำนงเสรี อนาคตไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

แต่บทสรุปสุดท้ายหนังเลือกให้ชัยชนะกับกลุ่ม TENET

และให้เหตุผลว่า "สิ่งที่ต้องเกิดขึ้น คือสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้"
แม้แต่ตัวเอกเองก็ยังถูกตัวเองอีกคนที่คอยบงการในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังองค์กร TENET

นี่อาจเป็นสิ่งที่ผู้กำกับ Christopher Nolan ตั้งใจจะย้ำกับผู้ชมว่า

"เจตจำนงเสรีไม่มีจริง"

ทุกอย่างเกิดขึ้นอยู่แล้ว เพียงแต่เราจดจำได้แต่เพียงอดีตและเดินหน้าไปในอนาคตตามทิศทางของ Entropy ก็เท่านั้น

อดีตไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช่นเดียวกับอนาคตที่เกิดขึ้นแล้ว

เหมือนกับชื่อหนัง TENET ที่ไม่ว่าจะอ่านจากหน้าไปหลัง (มองจากอดีต) หรืออ่านจากหลังไปหน้า (มองจากอนาคต) มันก็มีความหมายเดิม

โดยภาพรวมแล้ว TENET เป็นหนังที่ดูได้สนุกและน่าจดจำเรื่องหนึ่ง

บทหนังถูกออกแบบมาอย่างดี แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ดูไม่มีเหตุผลที่น่าเชื่อถือพอ เช่น ทำไมต้องเอาชิ้นส่วนทั้ง 9 มาซ่อนในอดีต เพราะถึงจะซ่อนในอดีต แต่ช่วงที่ของเหล่านั้นเดินทางย้อน Entropy กลับมา ก็จะมีของอยู่ 2 ตำแหน่งอยู่ดี ของที่เอาไปซ่อนก็จะไร้ความหมาย (แต่สามารถซ่อนจากคนในอนาคตหลังจากที่ย้อน Entropy ได้)

ในส่วนของงานเทคนิคทั้งหลายนั้นทำออกมาได้ดีมาก อีกทั้งฉากผลาญงบประมาณทั้งหลายอย่างฉากระเบิดเครื่องบินก็ถูกใช้อย่างคุ้มค่า

อย่างไรก็ตามฉาก action ช่วงท้ายยังคงยืนยันได้ดีว่า Christopher Nolan ยังไม่แม่นยำพอในจังหวะของฉาก action เพราะงานออกมาสับสนและไร้ซึ่งความน่าสนใจ

ข้อด้อยอีกอย่างหนึ่งของหนังก็คือ ดนตรีประกอบที่ในหลายต่อหลายครั้งโดดออกมาจากภาพบนจอ นั่นทำให้แทนที่ดนตรีประกอบจะช่วยเสริมเรื่องราวบนจอ กลับกลายเป็นการทำให้อารมณ์สะดุดแทน

แม้บทสรุปของ TENET จะเป็นภาพของ “การทวงคืนเจตจำนงเสรีที่ล้มเหลว” ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงอนาคต และเป็นชัยชนะของกลุ่มอำนาจเก่าในท้ายที่สุด

แต่ส่วนตัวแล้วยังคงเชื่อมั่นว่า

ผู้ชมทุกคนยังคงมี “เจตจำนงเสรี” ในการเลือกที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อในสิ่งที่หนังต้องการโน้มน้าวให้ผู้ชมคล้อยตามอยู่ดี

8 / 10

*** Concept ของหนังเรื่อง Tenet และ Timeline อย่างง่าย ***

ต้องบอกก่อนว่ามันไม่ใช่หนังเดินทางข้ามเวลาแบบที่ผู้กำกับ Christopher Nolan ว่าไว้
แต่มันเป็นหนังว่าด้วยการเดินทางย้อนกลับทิศทางของเวลา

อธิบายง่ายๆคือ โดยทั่วไปคนเราจะเดินทางไปในทิศทางของอนาคตเท่านั้น แต่ในหนังจะมีเครื่องมือเปลี่ยนทิศทางในการเดินทางของเวลา (เปลี่ยนทิศทางของ Entropy ) ที่ทำให้คนหรือวัตถุเดินทางสวนทางกลับไปในอดีตได้

ดังนั้น ไม่มีการเดินทาง “ข้าม” เวลาใน Tenet แต่เป็นการเดินถอยกลับไปในเวลาเดิม

ชื่อหนัง Tenet มาจาก แผ่นจารึกที่ปรากฏในฉากเปิดเรื่องที่ Kyiv Opera ซึ่งมันคือชื่อตัวละครและสถานที่ที่มีอยู่ในหนัง ราวกับว่า Nolan ได้ไอเดียของหนังมาจากสิ่งนี้ (ไม่ว่าจะอ่านจากบนลงล่าง ล่างขึ้นบน ซ้ายไปขวา ขวาไปซ้าย ก็จะได้คำเดิมๆ)

S A T O R
A R E P O
T E N E T
O P E R A
R O T A S

Sator คือชื่อของตัวละครผู้กุมชะตาของโลก ที่พยายามรวมรวมวัตถุทั้ง 9 เพื่อทำลายโลกในปัจจุบันเพื่อโลกอนาคต

Arepo คือชื่อตัวละครที่เป็นคนขายภาพวาด Goya ปลอมให้ Kat และ Sator

Tenet คือชื่อหนัง อยู่ตำแหน่งตรงกลาง ราวกับเป็นตัวเชื่อมของทั้ง 4 คำทีเหลือ

Opera หมายถึงสถานที่เกิดเหตุในช่วงแรกของหนัง นั่นก็คือ Kyiv Opera

Rotas คือชื่อสถานที่เก็บรักษางานศิลปะที่ Oslo Freeport

Create Date : 02 กันยายน 2563

Last Update : 2 กันยายน 2563 17:50:43 น.

3 comments

Counter : 2376 Pageviews.