All the girls standing in the line for the bathroom !!!

*** หมายเหตุ : สงวนลิขสิทธิ์ บทความและผลงาน ใน Blog นี้ครับ ***
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2561
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
4 พฤษภาคม 2561
 
All Blogs
 
*** Avengers: Infinity War *** คำถามเชิงปรัชญากับปัญหาจักรวาล

*** Avengers: Infinity War ***






(เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ)



Avengers: Infinity War เล่าเรื่องของ Thanos ผู้มีความตั้งใจอันแน่วแน่ในการคืนความสมดุลให้จักรวาลด้วยวิธีการลดประชากรของสิ่งมีชีวิตในจักรวาลลงครึ่งหนึ่ง


เพื่อให้แผนการสำเร็จ Thanos ต้องรวบรวม Infinity stones ทั้งหกชิ้นมาประกอบในถุงมือพิเศษเพื่อนำมาใช้เป็นพลังในการทำลายสิ่งมีชีวิตครึ่งหนึ่งของจักรวาล ซึ่งหาก Thanos รวบรวมมันได้โดยสมบูรณ์การดีดนิ้วที่สวมถุงมือนี้เพียงครั้งเดียวก็จะทำให้ Thanos บรรลุวัตถุประสงค์ของเขา


แต่ก่อนจะรวบรวมได้สำเร็จ Thanos ต้องพบกับอุปสรรคขัดขวางมากมาย ทั้งจากกลุ่ม Superhero ที่คอยปกป้อง Mind Stone ที่อยู่บนหน้าผากของ Vision และ Time Stone ที่เก็บรักษาไว้โดย Dr. Strange นอกจากนี้ Thanos ต้องถูกทดสอบความหนักแน่นของจิตใจ ด้วยการเสียสละคนที่เขารักมากที่สุดเพื่อให้ได้ครอบครอง Soul Stone



แนวความคิดของ Thanos เป็นสิ่งที่ไม่ยากต่อการเข้าใจ เหมือนที่เขาอธิบายให้ Gamora ซึ่งอยู่ในวัยเด็กฟังว่า ในเมื่อทรัพยากรในจักรวาลมีจำกัด แต่สิ่งมีชีวิตกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรและความอดอยากจึงเกิดขึ้นในจักรวาล ดังนั้นวิธีที่เรียบง่ายและได้ผลเร็วที่สุดก็คือการกำจัดชีวิตส่วนเกินเหล่านี้ทิ้งไป (แต่ Thanos ก็ไม่ได้อธิบายว่าทำไมต้องทำลายไปครึ่งหนึ่งถึงจะเกิดสมดุล)



แม้วิธีคิดของ Thanos อาจไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องชอบธรรม แต่อย่างน้อยมันก็เป็นตรรกะและมีเหตุผล






ต่างกับวิธีของอดีตสมาชิก Avengers ที่นำทีมโดย Captain America ที่หาวิธีแก้ไขปัญหานี้แบบน่าสงสัยในความเป็นตรรกะและดูเป็นเหตุเป็นผลน้อยกว่า


หาก Captain America ยอมทำตามคำขอของ Vision ผู้ครอบครอง Mind Stone ว่าให้ทำลาย Mind Stone เสียโดยเร็ว มันจะเป็นการทำลายแค่ 1 ชีวิต โดยที่ไม่ต้องเสียสละชีวิตทหารชาว Wakanda หลายร้อยชีวิตที่ต้องคอยหยุดยั้งการบุกมาชิง Mind Stone ของพวกของ Thanos (ท้ายที่สุดถึงแม้ว่าพวกเขาจะแกะ Mind Stone จากหน้าผาก Vision ได้สำเร็จแล้วทำลายทิ้ง แต่พวกเขาต้องเสียสละชีวิตทหารหลายร้อยนายเพื่อยื้อเวลา)



ความจริงวิธีคิดของ Captain America และพรรคพวกที่บอกว่าจะไม่แลกเปลี่ยนชีวิต คล้ายกับจะบอกว่าชีวิตประเมินค่าไม่ได้ซึ่งฟังดูชอบธรรมและมีคุณธรรม แต่การเอาชีวิตหลายชีวิตมาเสียสละเพื่อปกป้อง ชีวิตเดียวมันดูไม่มีเหตุผลไม่เป็นตรรกะเอาเสียเลย



หรือว่าชีวิตของ Vision มีค่ามากกว่าทหารหลายร้อยของ Wakanda ?






เราสามารถนำเหตุการณ์ 2 แบบ ในหนังมาเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างระหว่าง Thanos และ Team Captain America ได้ดังนี้



เป้าหมายของแต่ละฝ่าย


- Thanos ต้องการครอบครอง Infinity Stone เพื่อทำลายสิ่งมีชีวิตครึ่งหนึ่งของจักรวาล

- Team Captain America ต้องการขัดขวางการครอบครอง Infinity Stone ของ Thanos เพื่อรักษาชีวิตครึ่งหนึ่งของจักรวาล



เพื่อบรรลุเป้าหมายของแต่ละฝ่ายพวกเขาต้องทำตามเงื่อนไขดังนี้


- Thanos ต้องยอมเสียสละชีวิต Gamora ที่เขารักเหมือนลูก เพื่อได้ครอบครอง Soul Stone

- Team Captain America ต้องสละชีวิต Vision เพื่อนของพวกเขาเพื่อทำลาย Mind stone



และวิธีที่เขาปฏิบัติเพื่อบรรลุเงื่อนไข


- Thanos เสียสละแลกตัว Gamora เพื่อ Soul Stone

- Team Captain America ไม่ยอมเสียสละชีวิต Vision แต่หาวิธีแยก Vison ออกจาก Mind Stone เพื่อทำลาย



ดังนั้นเราสรุปได้ดังนี้


- Thanos ให้ความสำคัญกับ “ผลลัพธ์” มากกว่า “วิธีการ”

- Team Captain America ให้ความสำคัญกับ “วิธีการ” มากกว่า “ผลลัพธ์”



หากพิจารณาในแง่ตรรกะและความเป็นเหตุผล


- Thanos ยอมเสียสละชีวิตคนที่รัก 1 คน เพื่อแลกกับชีวิตครึ่งจักรวาลที่เขาต้องการ ซึ่งดูมีเหตุผล

- Team Captain America ไม่ยอมแลกชีวิต 1 ชีวิตกับโอกาสที่จะรักษาชีวิตอีกครึ่งจักรวาล (อย่างน้อยก็ทหาร Wakanda หลายร้อยชีวิต) ซึ่งดูไร้เหตุผล






นี่คือการนำคำถามเชิงปรัชญาจริยธรรมอันโด่งดังที่เรียกว่า Trolley Problem (ปัญหารถราง) ซึ่งปัญหาดังกล่าวถูกคิดค้นโดย Philippa Foot ในปี 1967 มาใช้ในภาพยนตร์เพื่ออธิบายแนวคิดที่แตกต่างกันของสองขั้วตัวละครได้อย่างน่าสนใจ


คำถามมีอยู่ว่า หากมีรถไฟเบรกแตกกำลังมุ่งหน้าไปที่คน 5 คนที่ถูกมัดอยู่บนราง เราอยู่ใกล้สวิตซ์สับรางที่สามารถสับไปที่อีกรางหนึ่งซึ่งมีคนถูกมัดอยู่ 1 คน ดังนั้นมี 2 ทางเลือก



1. เราจะสับรางเพื่อช่วยชีวิตคน 5 คน โดยยอมให้ 1 คนตายแทน (ตาย 1 คนดีกว่าตาย 5 คน)

2. เราจะไม่สับรางเพราะเดิมทีคนที่ควรตายคือ 5 คนบนเส้นทางเดิม คนที่อยู่อีกรางคือผู้บริสุทธิ์




รูปภาพจาก wikipedia
https://en.wikipedia.org/wiki/Trolley_problem



Thanos คือคนที่เลือกข้อที่ 1 เขายอมฆ่าคนครึ่งหนึ่ง ดีกว่าไม่ฆ่าแล้วปล่อยให้ทุกคนลำบากแถมทรัพยากรในจักรวาลก็จะหมดลง หรือการที่เขายอมเสียสละ Gamora เพื่อบรรลุเป้าหมายก็เข้าข่ายนี้ (Thanos สับรางเพื่อช่วย 5 คน ยอมเสียสละ 1 คน)


Team Captain America คือคนที่เลือกข้อที่ 2 เขาไม่ยอมฆ่า Vision เพราะเป็นผู้บริสุทธิ์ แล้วหันไปสู้กับปัญหาซึ่งก็คือ Thanos แทน (Team Captain America ไม่สับรางไปที่ 1 คน แต่จะพาพรรคพวกไปแก้มัดคนที่ถูกผูกอยู่ที่ราง 5 คนแทน)



ซึ่งกับคำถามนี้นักปรัชญาสรุปว่า


คนที่เลือกข้อ 1 แบบ Thanos เป็นคนที่ “เน้นประโยชน์หรือเน้นผลลัพธ์เป็นหลัก”

คนที่เลือกข้อ 2 แบบ Team Captain America เป็นคนที่ “เน้นหน้าที่หรือหลักการเป็นหลัก”



ทางด้านนักจิตวิทยาสรุปไว้ว่า


คนที่เลือกข้อ 1 แบบ Thanos เป็นคนที่ “ใช้เหตุและผลในการตัดสินใจ”

คนที่เลือกข้อ 2 แบบ Team Captain America เป็นคนที่ “ใช้ความถูกผิดและความรู้สึกในการตัดสินใจ”






อย่างไรก็ตามยังมี 1 คนที่ดูมีเหตุผลและเน้นผลลัพธ์มากกว่าวิธีการแบบ Thanos คนคนนั้นคือ Dr. Strange



Dr. Strange บอกกับ Tony Stark ว่าหากเขาต้องเลือกที่จะปกป้องระหว่างชีวิตของคนอย่าง Peter และ Tony กับ Time Stone ที่เขาครอบครอง เขาเลือกที่จะสละชีวิตคนเพื่อปกป้อง Time Stone มากกว่า


นอกจากนี้ Dr. Strange ยังดูความเป็นไปได้ในอนาคต ซึ่งเขาบอกกับทุกคนว่า มีโอกาศ 1 ใน 14 ล้านที่จะเอาชนะ Thanos ได้


ดังนั้นการที่ Dr. Strange มอบ Time Stone ให้ Thanos แล้วยอมสละชีวิตคนไปครึ่งจักรวาลอาจเป็นสิ่งที่จำเป็นในการบรรลุเป้าหมายที่เขามองเห็นในอนาคต (ถ้าไม่ใช่เพราะความผิดพลาดของบท ภาคหน้าเราน่าจะได้เห็นแผนการที่ Dr. Strange จงใจให้เกิดขึ้น)



เมื่อมองในสมมติฐานนี้ Dr. Strange เป็นคนแบบเดียวกับ Thanos และน่าจะเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ (รอพิสูจน์สมมติฐานได้ในภาคหน้า)






ส่วนตัวแล้ว Avengers: Infinity War เป็นความบันเทิงที่ทำได้ดีกว่าที่คาดไว้มาก


ส่วนที่ต้องชมคือการกระจายบทบาทความสำคัญให้ตัวละครที่มีมากมายได้อย่างยอดเยี่ยม

และไม่ใช่แค่การกระจายบทบาทให้เท่านั้น หนังยังดึงเอกลักษณ์ประจำตัวในแบบที่เราคุ้นเคยจากหนังภาคแยกของแต่ละคนแต่ละกลุ่มมาให้ผู้ชมสัมผัสได้แม้แต่ละคนจะมีเวลาของตัวเองไม่มากนัก



อย่างไรก็ตามบทหนังยังมีช่องโหว่และข้อบกพร่องให้เห็นอยู่บ้าง แต่การเล่าเรื่องที่รวดเร็วและมีความน่าติดตามทำให้ปล่อยผ่านจุดบกพร่องเหล่านี้ไปได้เหมือนกัน


อีกข้อดีหนึ่งก็คือ นี่คือหนังที่สร้างตัวเอกอย่าง Thanos ให้มีมิติ ได้อย่างน่าสนใจ ด้วยการเผยให้เห็นมุมมอง วิธีคิด และความเป็นสิ่งมีชีวิตและจิตใจในตัวละครนี้






คล้ายกับปัญหาประชากรของสิ่งมีชีวิตเยอะเกินไปในจักรวาล ปัญหาการมี Superhero มากเกินไปก็เกิดขึ้นในจักรวาลภาพยนตร์ Marvel เช่นกัน

การใช้ถุงมือของ Thanos เพื่อลดจำนวนประชากรก็ไม่ต่างจากการที่ผู้เขียนบทเลือกที่จะลดจำนวน Superhero ให้หายลงไปครึ่งหนึ่ง


Avengers: Infinity War อาจเป็นภาพสะท้อนของตัวจักรวาลภาพยนตร์ Marvel เองที่มีอายุครบ 10 ปี

แต่ที่ต่างกันคือ มันไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรที่ต้องแก้ไข เพราะยิ่งเยอะยิ่งสร้างรายได้เพิ่มขึ้น บางทีการทำลายล้างในครั้งนี้ อาจเป็นอีกวิธีหนึ่งในการสร้างใหม่เพื่อยืดอายุให้จักรวาลภาพยนตร์ Marvel ต่อไป






8 / 10 ครับ




Create Date : 04 พฤษภาคม 2561
Last Update : 4 พฤษภาคม 2561 21:35:24 น. 2 comments
Counter : 3023 Pageviews.

 
กระทู้ที่ตั้งใน Pantip

https://pantip.com/topic/37632611


โดย: navagan วันที่: 10 พฤษภาคม 2561 เวลา:1:43:35 น.  

 
วิเคราะห์ได้เฉียบครับ


โดย: สมแมน IP: 110.77.176.122 วันที่: 15 พฤษภาคม 2561 เวลา:13:01:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

navagan
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 73 คน [?]




นวกานต์ ราชานาค
Navagan Rachanark


สนใจใน ภาพยนตร์, การวิเคราะห์-วิจารณ์ ภาพยนตร์,ดนตรี, งานเขียน และ ศิลปะอื่นๆ

สร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ทดลอง และ งานดนตรีทดลอง และ งานเขียน


ปัจจุบันทำงานด้านการตลาด การวิจัยและพัฒนายางสังเคราะห์และยางธรรมชาติ

เริ่มจัดเก็บข้อมูลสถิติการเข้าชม

Time 09:00 Date 31/01/2010

by Histats.com

blogger web statistics

ถูกใจบทความ หรืออยากสนับสนุนเจ้าของ Blog

ก็ช่วย click ที่ Link โฆษณาครับ

ขอบคุณครับ

Friends' blogs
[Add navagan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.