BlogGang.com : : navagan : *** Justice League *** ผู้นำ – อำนาจ

*** Justice League *** ผู้นำ – อำนาจ – ความกลัว

*** Justice League ***

(เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ)

ในจักรวาลของ DC Superman คือชายผู้มีอำนาจและเป็นที่รักของมนุษย์โลก (ส่วนใหญ่) นั่นทำให้สถานะของเขาใกล้เคียงกับพระเจ้า

Superman จึงกลายเป็นเหมือนความหวังและเป็นเหมือนเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชน

ดังนั้นการจากไปของ Superman ทำให้โลกขาดทั้งผู้ปกป้องและผู้ยึดเหนี่ยวจิตใจไปในคราวเดียวกัน นั่นทำให้ความกลัวเข้ามาครอบงำจิตใจมนุษย์ที่กำลังโศกเศร้าและอ่อนแอ

นี่เองที่เปิดโอกาสให้ผู้มีอำนาจคนอื่นสบโอกาสในการเข้ามาครอบครองโลก

เหล่า Justice League จึงจำเป็นต้องหาวิธีปกป้องและดูแลชาวโลกในขณะที่ Superman ไม่อยู่

Superhero คือผู้มีพลังพิเศษหรืออำนาจในรูปแบบต่างๆ ดังนั้นเราสามารถตีความ “อำนาจ” ที่พวกเขามีเพื่อแทนค่าในสมการสำหรับตีความหนังได้ดังนี้

Batman = ผู้มีอำนาจทางการเงิน
(ความสามารถและอำนาจของเขามาจากอำนาจของเงิน)

Wonder Woman = ผู้มีอำนาจทางทหารและการต่อสู้
(Wonder Woman ถูกฝึกมาเป็นนักรบ และความสามารถคือพลังมหาศาลและทักษะการต่อสู้ที่สูงพอจะล้มได้ทั้งกองทัพ)

Cyborg = ผู้มีอำนาจทางเทคโนโลยี
(Cyborg คือมนุษย์ที่ถูกหลอมรวมกับเทคโนโลยี จนทำให้เขามีอำนาจและพลังพิเศษจากเทคโนโลยี)

The Flash = ผู้มีอำนาจในการเคลื่อนย้าย
(The Flash ทำอะไรได้อย่างรวดเร็ว นั่นทำให้เขาเดินทางไปหลายที่ได้ในพริบตา คล้ายกับมีเครือข่าย Logistic ที่ครอบคลุมและรวดเร็ว)

Aquaman = ผู้มีอำนาจด้านการจัดการ
(Aquaman ไม่ได้บังคับน้ำได้ แต่เป็นชายที่ใช้ประโยชน์จากการจัดการกับน้ำ ซึ่งอาจหมายความไปถึงการจัดการทรัพยากร)

เป้าหมายของ Steppenwolf ในการครอบครองโลกจะสำเร็จลงได้ถ้าเขาสามารถครอบครอง Mother Box ที่เป็นเหมือนแหล่งพลังงานแหล่งใหญ่ ซึ่ง Mother Box ถูกแยกเก็บไว้ 3 ที่

Mother Box คือสัญลักษณ์หมายถึงที่มาของอำนาจ

ซึ่งสถานที่ที่มันถูกแยกเก็บไว้ 3 ที่ก็หมายถึงแหล่งที่มาของอำนาจ 3 รูปแบบ

1. Mother Box ถูกเก็บอยู่ที่เผ่านักรบ Amazon ของ Wonder Woman

Mother Box = กองกำลังทางทหาร

2. Mother Box ถูกเก็บอยู่ที่ชาว Atlantis โลกในมหาสมุทร บ้านเกิดของ Aquaman

Mother Box = ทรัพยากรธรรมชาติ (น้ำ, น้ำมัน, ทรัพยากรในทะเล)

3. Mother Box ถูกเก็บอยู่ที่ห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ของพ่อของ Cyborg

Mother Box = เทคโนโลยี

ดังนั้นสิ่งสำคัญในการใช้ครอบครองโลกใบนี้ คือการครอบครอง กำลังทหาร, ทรัพยากรธรรมชาติ และ เทคโนโลยี

ผ่านไปครึ่งเรื่องเหล่า Justice League ก็ไม่สามารถหาวิธีเอาชนะ Steppenwolf ได้ แม้พวกเขาจะมีพลังอำนาจหลายแบบแต่ก็ไม่สามารถเอาชนะความยิ่งใหญ่ของสิ่งที่ Steppenwolf ครอบครองไว้

ความสำเร็จของ Steppenwolf ได้มาจากเหล่า Parademon ที่สูบกินความกลัวของมนุษย์

ซึ่งตั้งแต่ไม่มี Superman มนุษย์ก็มีแต่ความกลัว นี่จึงเป็นแหล่งพลังชั้นเยี่ยม

ดังนั้นการจะเอาชนะผู้ที่ได้ผลประโยชน์จากความกลัว ก็ต้องกำจัดความกลัวออกไปเสียก่อน

การปลุกผี Superman ให้ฟื้นขึ้นมาเพื่อเป็นความหวังให้มนุษย์ (รวมถึงพวกเขาเอง) คือวิธีการที่ดีที่สุด

จากสมการด้านบนสามารถเขียนสรุปหนังใหม่ได้ดังนี้

Justice League เปิดเรื่องด้วยความกลัวและความโศกเศร้าจากการสิ้นผู้นำคนก่อน ขณะเดียวกันผู้ที่อยากจะขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ก็หาประโยชน์จากความกลัวของประชาชน เพื่อรวบรวมอำนาจทั้ง 3 คือ กองกำลังทางทหาร ทรัพยากร และ เทคโนโลยี เพื่อเข้าครอบครองโลก

กลุ่มตัวเอกของเรื่องคือการรวมกันของพลังอำนาจต่างๆ ทั้งพลังทางการเงิน พลังในการสู้รบ พลังของเทคโนโลยี พลังการขนส่ง พลังในการจัดการทรัพยากร มาต่อสู้

แต่ถึงที่สุดก็ยังสู้ไม่ได้ สุดท้ายสิ่งเดียวที่ต้องทำคือทำให้ผู้คนเลิกกลัว ด้วยการคืนชีพบุคคลที่เป็นที่รักและเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจขึ้นมา

อ่านมาถึงตรงนี้เราจะพบว่า Concept ของหนังนั้นแข็งแรงและแน่นมาก แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าสิ่งที่เขียนไปนั้น เป็นสิ่งที่หนังนำเสนอและแตะประเด็นเหล่านี้แบบผิวเผินจนน่าเสียดาย

หนังเปิดเรื่องด้วยการจากไปของ Superman และตัวประหลาดที่สูบกินความกลัว ได้อย่างน่าสนใจ แต่ก็ทิ้งมันไปตอนกลางเรื่องก่อนจะนำเรื่องความกลัวกลับมาใช้เป็นจุดหักเหสำคัญในการกำจัด Steppenwolf ในตอนสุดท้ายแบบดื้อๆ

ที่สำคัญนี่คือหนัง Superhero ที่คอยปกป้องโลกและมนุษย์ แต่หนังละเลยที่จะแสดงให้ผู้ชมรับรู้ว่า Steppenwolf ส่งผลอย่างไรต่อโลกและมนุษย์ มีเพียงไม่กี่ตอนเท่านั้นที่หนังแสดงให้เห็นถึงความเสียหายของโลกและมนุษย์จากฝีมือของ Steppenwolf

นั่นทำให้ไม่สามารถรู้สึกหวั่นเกรงกับความร้ายแรงจากการมาถึงของ Steppenwolf ได้เลย

อีกอย่างหนึ่งคือ นี่เป็นหนังที่ Superhero แต่ละคนมีเอกลักษณ์โดดเด่น แต่หนังไม่ได้ดึงเอาพลังความสามารถอันโดดเด่นของตัวละครมาใช้ขับเน้นประเด็นหรือเอามาใช้สร้างความสนุกได้เท่าที่ควร

(ดังนั้นหลายส่วนที่ผมตีความออกมาก็ไม่ชัดเจนว่าผู้สร้างต้องการเน้นย้ำประเด็นเหล่านี้หรือไม่ อาจเป็นแค่ครึ่งหนึ่งของที่ผมเขียน

ทั้งที่เอกลักษณ์ของแต่ละตัวละครและเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหนังมันช่างลงตัวและเหมาะสมที่จะตีความได้แบบที่ผมเขียนเอาไว้

นี่ถ้าได้มีโอกาสแก้ไขบทเรื่องนี้ผมคงเล่นประเด็นเหล่านี้เป็นหลัก (ขออนุญาตฝัน ))

การเล่าเรื่องของหนังยังทำได้ไม่ดีนัก หลายสถานการณ์ถูกคลี่คลายอย่างง่ายดาย เมื่อทุกอย่างง่ายไปหมด ความรู้สึกระหว่างดูจึงเป็นเหมือนการนั่งดู Special Effect และ CG บนจอโดยไม่มีอารมณ์ร่วมใดๆ

อย่างไรก็ตามหนังก็ยังดูได้แบบเพลิดเพลินในระดับหนึ่ง

ที่น่าเสียดายคือหนังมีศักยภาพที่จะเป็นหนังที่น่าจดจำได้มากกว่านี้ แต่ผู้สร้างกลับไม่สามารถสร้างความประทับใจได้

5 / 10

Create Date : 24 พฤศจิกายน 2560

Last Update : 21 มีนาคม 2564 22:32:44 น.

1 comments

Counter : 2689 Pageviews.

กระทู้ที่ตั้งใน Pantip

https://pantip.com/topic/37123353

โดย: navagan

วันที่: 30 พฤศจิกายน 2560 เวลา:22:14:41 น.