BlogGang.com : : navagan : *** Wonder Women 1984 *** โตไปไม่โกง

*** Wonder Women 1984 *** โตไปไม่โกง

*** Wonder Women 1984 ***

ภาคต่อของ Wonder Women หนัง Superhero ของ DC ที่ได้ Patty Jenkins ผู้กำกับจากภาคแรก กลับมารับหน้าที่เดิม

หนังเล่าเรื่องราวของ Diana Prince/Wonder Woman (Gal Gadot) ซึ่งในปี 1984 เธอได้ที่ย้ายมาทำงานที่พิพิธภัณฑ์ Smithsonian ในสหรัฐอเมริกา

Diana ได้พบเหตุการณ์ประหลาดเมื่อคำอธิษฐานของเธอที่ต้องการให้ Steve Trevor (Chris Pine) คนรักของเธอที่ตายไปแล้วเมื่อปี 1918 (ในภาคแรก) กลับมามีชีวิตอีกครั้ง กลายเป็นจริงขึ้นมาอย่างเหลือเชื่อ หลังจากเธออธิษฐานกับ Dreamstone

ในขณะเดียวกัน Maxwell Lord (Pedro Pascal) นักธุรกิจผู้ทะเยอทะยาน ก็ต้องการครอบครอง Dreamstone นี้เพื่อแก้ปัญหาขาดทุนจากการลงทุน ซึ่งการกระทำของ Maxwell กลายมาเป็นความวุ่นวายในท้ายที่สุด

เรามาวิเคราะห์ถึงตัวสารที่หนังต้องการเล่ากันดีกว่า
(จากนี้ไปเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ ใครที่ยังไม้ได้ดู ไม่ควรอ่านครับ)

Wonder Woman 1984 เปิดเรื่องด้วยฉากในอดีต สมัยที่ Diana ในวัยเด็ก (Lilly Aspell) ยังอาศัยอยู่ที่ Amazon ซึ่งเธอได้เข้าแข่งกีฬาชนิดหนึ่งของ Amazon เป็นครั้งแรก

โดยในช่วงสุดท้ายของการแข่ง Diana ที่กำลังนำอยู่ได้พลาดตกม้าจนเสียตำแหน่งผู้นำ
Diana จึงเลือกที่จะใช้ “ทางลัด” เพื่อกลับเข้ามาเป็นผู้นำ และเข้าเส้นชัยเป็นที่หนึ่ง

อย่างไรก็ตาม Antiope (Robin Wright) และแม่ของ Diana Hippolyta (Connie Nielsen) ได้สอนให้ Diana ยอมรับความจริงว่า “การโกง” เพื่อให้ได้ชัยชนะนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง

และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “การเรียนรู้ที่จะยอมรับความจริง” ว่าเธอเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และต้องอยู่กับมันให้ได้

นี่เองคือประเด็นสำคัญของหนัง ที่ถูกอธิบายอย่างรวบรัดในช่วงเปิดเรื่อง
ก่อนที่ประเด็นนี้จะถูกนำมาขยายเป็นประเด็นหลักของหนัง เมื่อ Diana ต้องรับมือกับ "โอกาสในการโกง" และ "การยอมรับความจริง" อีกครั้ง

ในปี 1984 Diana ได้อธิษฐานกับ Dreamstone ว่า ขอให้ Steve กลับมาให้เธอได้รักอีกครั้ง ซึ่งสุดท้าย Steve ก็กลับมาอยู่ในร่างของชายคนหนึ่งตามคำอธิษฐาน

ปาฏิหาริย์ในครั้งนี้ก็คือ “การโกงความจริง” ที่ว่า Steve ได้ตายไปแล้ว
แต่ Diana ก็ยังคงดื่มด่ำกับความสุขในครั้งนี้ โดยไม่รู้ว่าเธอกำลังเสียสิ่งสำคัญ นั่นก็คือพลังของเธอเอง

หนังยังมีอีก 2 ตัวละคร ที่ต้องการโกงความเป็นจริง

คนแรกก็คือ Barbara (Kristen Wiig) นักโบราณคดีที่อ่อนแอ และไม่มีเสน่ห์ ผู้ที่อยากเป็นเหมือน Diana

ส่วนอีกคนก็คือ Maxwell นักธุรกิจ ผู้ที่กำลังจะล้มละลายจากความผิดพลาดในการลงทุน

Barbara ได้กลายเป็นผู้หญิงในแบบที่เธออยากเป็น ก็ต้องแลกมาด้วยด้วยตัวตนที่แท้จริงของเธอ

ในขณะที่ Maxwell ได้ขอพรให้ตัวเองกลายเป็น Dreamstone เพื่ออาศัยประโยชน์จากสิ่งแลกเปลี่ยนเมื่อเขาให้พรกับผู้อื่น

เมื่อ Maxwell ให้พรแก่คนไปทั่วโลก การโกงก็กระจายไปทั่วโลก
นั่นทำให้โลกที่เคยสงบสุข กลายเป็นความโกลาหลมากขึ้นเรื่อยๆ จนอาจจะทำให้สังคมมนุษย์ล่มสลายลงไป เหมือนกับที่อารยธรรมในอดีตเคยล่มสลายมาแล้วเพราะ Dreamstone

แต่จากความต้องการของ Steve เองที่พบว่าการโกงความตายของเขา ทำให้ Diana ต้องสูญเสียพลัง ซึ่งหมายความว่า จะไม่มีใครหยุดยั้งวิกฤติที่กำลังเกิดขึ้นได้

Steve จึงอยากให้ Diana ยอมรับความจริงเพื่อแก้ปัญหาที่โลกกำลังเผชิญอยู่ ซึ่งนี่คือการเสียสละตัวเองอีกครั้งของ Steve อย่างที่เขาเคยทำมาแล้วในภาคแรก

ในท้ายที่สุด Diana ก็เลือกที่จะยอมรับความจริง ว่า Steve ได้ตายไปแล้ว เธอเลือกถอนคำอธิษฐานตามคำขอร้องของ Steve เพื่อฟื้นฟูพลังจนกลับมาแก้ไขปัญหาได้สำเร็จ

นี่คือประเด็นที่น่าสนใจสำคัญของหนัง

ปัญหาทุกอย่างเกิดขึ้นจากการโกง และผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากการโกง ก็พยายามที่จะปกป้องการโกงเหล่านี้ นั่นยิ่งทำให้ปัญหาเลวร้ายลงเรื่อยๆ

วิธีแก้ปัญหาที่หนังนำเสนอก็คือ การที่ผู้มีอำนาจ (ในหนังก็คือ Diana ที่มีพลังเหนือมนุษย์) ต้องเลือกที่จะเสียสละผลประโยชน์ของตัวเองที่ได้จากการโกง แล้วใช้พลังอำนาจที่มี ในการกำจัดการโกง

สรุปง่ายๆก็คือ ผู้มีอำนาจต้องเลิกโกงเสียเอง แล้วใช้อำนาจนั้นในการกำจัดปัญหาการโกง ความวุ่นวายจากการโกงหรือการคอรัปชั่น ก็จะลดลงจนแทบจะหมดไป

มาที่การวิจารณ์ตัวหนังกันบ้าง

Wonder Woman 1984 วางตัวเองเป็นหนังรักที่มีเรื่องราวปาฏิหาริย์เหนือจริง แล้วเอาความเป็นหนัง Superhero มาเจือปน แทนที่จะเป็นจะเป็นหนัง Superhero เน้นทำภารกิจ ที่มีเรื่องราวความรักเป็นตัวเสริมแบบภาคแรก
อย่างไรก็ตาม การใช้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 1984 นั้นกลับไม่โดดเด่นและชัดเจนว่าสำคัญอย่างไร และทำไมถึงต้องเป็นปีนี้

ส่วนที่ดีของหนังคือการปูเนื้อหาที่มาที่ไปของตัวละครหลักได้อย่างพอเหมาะพอดีในช่วงครึ่งแรก
ที่ต้องชมก็คือ การออกแบบตัวร้ายอย่าง Maxwell ที่เน้นไปที่ความเจ้าเล่ห์และการใช้ความคิดมากกว่าจะเป็นตัวร้ายที่ใช้พละกำลังหรือพลังพิเศษ ถือเป็นการหาทางออกที่ชาญฉลาด
นั่นเป็นเพราะว่า หากเทียบจากพลังทางกายภาพของ Wonder Woman แล้ว ไม่น่าจะมีใครในโลกนนี้ที่สามารถต่อกรตรงๆกับเธอได้
แต่สิ่งที่ตัวร้ายอย่าง Maxwell ได้ทำลงไปนั้น กลับดูน่าเชื่อว่าสามารถสร้างปัญหาให้กับ Wonder Woman ได้จริงๆ

ข้อเสียของหนังก็คือการเสียเวลากับบางฉากที่ไม่จำเป็น อย่างเช่นฉากขายความ Romance ของคู่พระนางที่ลากยาวเกินพอดี
รวมถึงการคลี่คลายปมปัญหาที่ถูกวางเงื่อนปมไว้อย่างดีในช่วงแรก แต่ในช่วงสุดท้าย ปัญหาเหล่านี้กลับถูกคลี่คลายแบบเล่นง่ายเกินไป
แถมรวบรัดเสียจนขาดความน่าเชื่อถือไปว่าความเลวร้ายที่เกิดขึ้นมามากมายขนาดนั้น จะถูกแก้ไขได้อย่างง่ายดายขนาดนี้

งาน effect และงานด้านภาพของหนังไม่มีอะไรโดดเด่นน่าประทับใจ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรขัดตามากนัก
แต่ส่วนที่ไม่ลงตัวจริงๆ กลับกลายเป็นดนตรีประกอบ ที่ถูกโหมประโคมเข้ามาแบบเกินพอดีจนทำลายจังหวะและอารมณ์ร่วมของเนื้อเรื่องในบางตอนเพราะโดนดนตรีประกอบเข้ามาแย่งความสนใจไปหมด

ในภาพรวมแล้ว Wonder Woman 1984 ถือเป็นความบันเทิงที่ทำให้รู้สึกติดตามหนังไปได้ทั้งเรื่องแบบเพลินๆ และยังเป็นความสนุกที่เข้าถึงได้ง่าย
ซึ่งเสน่ห์ของนักแสดงก็ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้หนังไม่น่าเบื่อ และชวนติดตามไปตลอดทั้งเรื่อง

สิ่งที่โดดเด่นคือประเด็นที่หนังต้องการถ่ายทอดนั้น ทำได้ชัดเจน หนักแน่น อีกทั้งยังเป็นประเด็นสากลที่เข้าใจได้ไม่ยาก

แม้จะไม้ได้เป็นความน่าประทับใจ แต่ Wonder Woman 1984 ก็คือหนังที่มอบความบันเทิง และมีประเด็นที่ทำให้เรากลับมาย้อนมองสังคมของเราได้อย่างน่าสนใจ

7 / 10

Create Date : 30 ธันวาคม 2563

Last Update : 30 ธันวาคม 2563 1:34:13 น.

0 comments

Counter : 1465 Pageviews.