BlogGang.com : : navagan : *** Jurassic World: Fallen Kingdom *** การรับมือกับความตายด้วยการฝืนกฎเกณฑ์

*** Jurassic World: Fallen Kingdom *** การรับมือกับความตายด้วยการฝืนกฎเกณฑ์

*** Jurassic World: Fallen Kingdom ***

ผลงานลำดับที่ 5 ของหนังไดโนเสาร์ตระกูล Jurassic ได้ผู้กำกับ J.A. Bayona มารับผิดชอบ จากบทหนังของ Colin Trevorrow และ Derek Connolly

3 ปีนับจากการปิดตัวของ Jurassic World ไดโนเสาร์ที่ถูกทิ้งไว้บนเกาะกำลังเผชิญกับภูเขาไฟที่กำลังจะระเบิด ซึ่งรุนแรงจนสามารถคร่าสิ่งมีชีวิตได้ทั้งเกาะ

รัฐบาลมีมติว่าจะไม่เข้าไปยุ่งกับเกาะนี้และปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ แต่ Benjamin Lockwood (James Cromwell) มหาเศรษฐีผู้ร่วมก่อตั้ง Jurassic Park ไม่สามารถทนรับความสูญเสียได้จึงวางแผนพาไดโนเสาร์หลบหนีไปยังเกาะใหม่ให้ได้มากที่สุด

นี่เองที่ทำให้ Owen (Chris Pratt) และ Claire (Bryce Dallas Howard) ถูกขอร้องให้กลับไปที่เกาะเพื่อทำภารกิจในการพาตัว “Blue” Raptor สายพันธ์พิเศษที่จับตัวได้ยากออกจากเกาะ

(จากนี้ไปเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ)

บทหนังของ Trevorrow และ Connolly ดูจะเข้าทาง Bayona ที่ถนัดเล่าเรื่องของตัวละครที่ต้องรับมือกับความตาย (เหมือนใน The Orphanage และ A Monster Call ผลงานเก่าของเขา) ซึ่งหนังก็เล่าประเด็นนี้ผ่าน 2 กลุ่มตัวละคร ได้แก่

1. กลุ่มที่ต้องยื้อชีวิตที่กำลังจะตาย

Owen และ Claire ยอมเสี่ยงตัวเองเพื่อแลกกับชีวิตของไดโนเสาร์ที่ถูกปล่อยให้ตาย โดยเฉพาะ Blue ไดโนเสาร์ที่ Owen ผูกพันเป็นพิเศษเพราะเลี้ยงมาตั้งแต่มันเกิด

2. กลุ่มที่สร้างชีวิตใหม่ทดแทนชีวิตที่ตายไปแล้ว

Benjamin และ John Hammond สร้างไดโนเสาร์ที่สูญพันธุ์ไปหลายล้านปีขึ้นมาใหม่
ไม่เพียงแค่ไดโนเสาร์เท่านั้น Benjamin ยังสร้างลูกสาวที่ตายไปแล้วขึ้นมาใหม่อีกด้วย

สำหรับสองกลุ่มนี้ แม้สถานะของสิ่งที่พวกเขาต้องรับมือกับความตายอยู่ในสถานะที่ต่างกัน (กลุ่มแรกสิ่งที่รักยังไม่ตาย กลุ่มสองสิ่งที่รักตายไปแล้ว) แต่สิ่งที่ทั้งสองกลุ่มมีความเหมือนกันคือ

“การกระทำที่เป็นการฝืนกฎเกณฑ์”

อีกประเด็นที่น่าสนใจที่หนังตั้งคำถามปลายเปิดให้คิดกันก็คือ "ในฐานะที่เป็นผู้มีอำนาจที่เหนือกว่า เรามีสิทธิ์เหนือชีวิตอื่นหรือไม่ ?"

ซึ่งในฉากที่ Mills (Rafe Spall) ตัวร้ายของเรื่องที่จับไดโนเสาร์จากเกาะมาประมูลขายเพื่อสร้างรายได้ให้ตนเอง พูดกับ Claire ว่า เขาและเธอในอดีตแทบไม่ได้ต่างกันเลย

- Mills จับไดโนเสาร์ขังในกรงเพื่อเอาไปขายให้คนอื่น

- Claire จับไดโนเสาร์ขังในเกาะเพื่อหารายได้จากนักท่องเที่ยว

ทั้งคู่ต่างก็ใช้อำนาจที่เหนือกว่า “หาประโยชน์” จากสิ่งมีชีวิตอื่นเหมือนกัน

(แต่สิ่งที่ต่างกันก็คือสำนึกความรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของสังคมโดยรวม เพราะการเปิดสวนสัตว์กับการค้าสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ที่เป็นอันตรายมันแตกต่างกันมาก)

เมื่อเชื่อมโยงมาถึงตอนสุดท้ายที่ไดโนเสาร์กำลังจะตายเพราะแก๊สพิษในห้องปิดตาย Claire คือผู้มีอำนาจในการตัดสินใจว่าจะปล่อยให้ไดโนเสาร์ตายหรือรอดชีวิต

สุดท้าย Claire เลือกให้ไดโนเสาร์ตายดีกว่าปล่อยให้รอดชีวิตออกไปซึ่งจะเป็นอันตรายต่อมนุษย์

นี่แสดงให้เห็นว่าสุดท้ายผู้มีอำนาจสูงกกว่า ก็ใช้สิทธิ์ตัดสินชีวิตของผู้อื่น เพื่อประโยชน์ของตนและพวกพ้อง

Maisie (Isabella Sermon) เป็นอีกตัวละครที่น่าสนใจ เธอเป็นเด็กสาวที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อทดแทนลูกสาวที่เสียชีวิตไปแล้วของ Benjamin

นี่คือตัวละครที่เป็นภาพสะท้อนของไดโนเสาร์ที่ถูกสร้างขึ้นมา ด้วยหลายสิ่งหลายอย่างที่เหมือนกันของ Maisie และ ไดโนเสาร์

1. Maisie ถูกสร้างเพื่อความพึงพอใจหรือสนองความต้องการของผู้สร้างเหมือนกับไดโนเสาร์

2. Maisie ถูกสร้างด้วยวิธีที่ผิดธรรมชาติเหมือนไดโนเสาร์

และจากฉากที่เธอกดปุ่มเพื่อปล่อยไดโนเสาร์ที่กำลังจะตายให้ออกไปสู่โลกภายนอกเพราะเธอเข้าใจและเห็นอกเห็นใจบรรดาไดโนเสาร์ที่กำลังจะตาย ดังนั้นความเหมือนของเธอและไดโนเสาร์ก็มีเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งข้อคือ

3. Maisie เป็นหนึ่งในสาเหตุของอันตรายที่เกิดขึ้นกับมนุษย์เหมือนไดโนเสาร์

การกระทำของ Maisie และไดโนเสาร์ต่างก็เป็นการกระทำตามสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดและถือเป็นความเห็นอกเห็นใจเผ่าพันธุ์หรือสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวกัน ไม่ต่างกับการที่ Claire เลือกที่จะยอมให้ไดโนเสาร์ตายเพื่อปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์ของตนเอง

ดังนั้นเราคงไม่สามารถโยนความผิดไปที่ Maisie หรือไดโนเสาร์ ได้อย่างเต็มที่ เพราะมันเป็นการทำเพื่อความอยู่รอดตามธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต

อันที่จริงต้องถือว่ามันเป็นผลพวงต่อเนื่องจากการพยายามที่จะฝืนกฎเกณฑ์ธรรมชาติของมนุษย์ด้วย

ผู้กำกับ Bayona ยังสนุกกับการใส่สัญลักษณ์เล็กๆน้อยๆเข้ามา

อย่างฉากที่หนังถ่ายให้เห็นนาฬิกาไร้เข็มบนเกาะ ขณะที่มนุษย์ได้พบกับไดโนเสาร์ ราวกับจะบอกว่าต่อไปนี้กาลเวลาจะพร่าเลือน เพราะยุคสมัยของไดโนเสาร์อันเป็นยุคอดีตจะรวมกับยุคปัจจุบันของมนุษย์จนไม่สามารถบอกเวลาหรือบอกยุคสมัยที่แท้จริงได้

อีกสัญลักษณ์คือ Code ของ Blue ในการติดตามตัวบนเกาะ คือ D9 ที่พ้องเสียงกับคำว่า Deny ที่หมายถึงการปฏิเสธ

แม้หนังสร้างความระทึกขวัญด้วยเงื่อนไขและรูปแบบเดิมๆที่คาดเดาได้ไม่ยาก แต่หนังก็ยังสร้างความสนุกได้ดีอย่างที่ตั้งใจ

หนังมีแง่มุมเชิงปรัชญาและศีลธรรมให้ผู้ชมได้คิดและร่วมตัดสินใจกับทางเลือกที่ไม่ง่ายไปพร้อมกับตัวละครหลักในหลายช่วงหลายตอน

น่าเสียดายที่ตัวละครทั้งหลายจะขาดมิติไปพอสมควร เพราะฝ่ายดีก็ดีใจหาย ส่วนฝ่ายร้ายก็เลวจนไม่มีความดีอะไรหลงเหลือ

แต่มันก็มีประโยชน์ในการสร้างอารมณ์ร่วมให้ผู้ชมเกลียดหรือรักได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะผู้ชมอายุน้อย (แม้กระทั่งไดโนเสาร์เองก็ยังแบ่งเป็นฝ่ายร้ายกับฝ่ายดีอย่างชัดเจน)

อย่างไรก็ตามหนังสามารถสร้างความสนุกและความบันเทิงได้ในแบบที่ควรจะเป็น

แม้จะไม่ใช่งานที่สดใหม่และไม่มีอะไรให้น่าประทับใจ แต่ Jurassic World: Fallen Kingdom ก็มีแง่มุมให้ผู้ชมได้สำรวจและขบคิดอยู่บ้าง

ใจความสำคัญของหนังว่าด้วยมนุษย์ที่พยายามฝืนกฏ (ทั้งกฎเกณฑ์ธรรมชาติและกฎที่มนุษย์สร้างขึ้น) เมื่อต้องรับมือกับความตายของสิ่งที่ตนรัก

แต่หนังก็ฉายภาพการฝืนกฎของมนุษย์ให้เห็นอยู่บ่อยครั้งราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ คล้ายหนังจะบอกกับเราว่า

การฝืนกฎเกณฑ์ธรรมชาติ คือธรรมชาติของมนุษย์

7 / 10

Create Date : 14 มิถุนายน 2561

Last Update : 15 มิถุนายน 2561 0:36:28 น.

1 comments

Counter : 1550 Pageviews.

กระทู้ที่ตั้งใน Pantip

https://pantip.com/topic/37771918

โดย: navagan

วันที่: 28 มิถุนายน 2561 เวลา:22:43:58 น.