กาหล มหรทึก : ปราปต์ (ความอึกทึกโกลาหล ลึกลับฉงนฉงายชวนหวาดผวา)
กาหล มหรทึก ปราปต์ นวนิยายยอดเยี่ยมรางวัลนายอินทร์อะวอร์ด แนวสืบสวนสอบสวน ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๕๗
พิมพ์ครั้งที่ ๑ / สนพ.อรุณ จำนวน ๒๑๒ หน้า / ราคา ๑๗๕.-
เรื่องราวความโกลาหลอันอึกทึก.. พิลึกพิลั่นสะท้านสะเทือนทั่วทั้งพระนคร..
คำโปรย+เรื่องย่อ
พุทธศักราช ๒๔๙๖ ท่ามกลางไฟมหาสงครามเอเชียบูรพาที่กำลังปะทุ กรุงเทพมหานครเกิดเหตุคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ บนศพปรากฏรอยสักปริศนา ๕ คำ.. ที่บริเวณเหนือหน้าผาก..ข้อมือ และข้อเท้าของผู้ตาย.. อันเป็นจุดเริ่มต้นของคดีฆาตกรรมต่อเนื่องพิลึกพิลั่นไปทั่วพระนคร..
เมื่อพ.ต.ท. เวทางค์ ภิรมย์รุจ สารวัตรหนุ่มแห่งกองตำรวจสอบสวนกลางได้รับแจ้งเหตุ พบศพเด็กหญิงในบ้านพักย่านวัดระฆังโฆษิตารามสภาพศพของผู้ตายมีลักษณะคล้ายถูกยาบางชนิดและโดนทุบจากด้านหลังจนกะโหลกศีรษะแตกเป็นที่น่าสยดสยอง.. การสืบสวนเบื้องต้นเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงเมื่อมารดาของผู้ตายให้การวกไปวนมา อีกทั้งบนร่างกายศพยังปรากฏรอยสักปริศนาของคำห้าคำ
เหย้า เจ้า แพะ ทิ้ง พงส์
ไม่เพียงเท่านั้นเหตุการณ์ซ้ำรอยยังคงเกิดขึ้นในชั่วเวลาไม่นาน เพียงแต่ที่น่าแปลกใจคือรายที่สอง..ไม่ถึงกับตายแต่... สิ่งที่เห็นมันดูพิลึกพิลั่นแปลกๆและชั่วข้ามคืนคดีใหม่ก็ตามมาอีกในเหตุการณ์คราวนี้รอยสักกลับรางเลือนและอ่านแทบไม่เห็น..หรือบางทีเหตุการณ์ครั้งนี้อาจจะเกิดนานกว่านั้นและ.. ศพแรก อาจะไม่ใช่อย่างที่คิด ทุกเหตุการณ์เชื่อมโยงถึงกันอย่างประหลาดและประจวบเหมาะแต่..รอยสักปริศนาและคำห้าคำนั้นกลับแตกต่างกันตามช่วงเวลาการเกิดเหตุร่องรอยการสักและหาจุดเชื่อมถึงกันยาก เพราะอะไรนั้น..เป็นสิ่งที่ พ.ต.ท.เวทางค์ ร.ต.อ.แชน และ ร.ต.ท.กบี่ต้องร่วมมือกันสืบหาตัวฆาตกร.. เงื่อนงำอันนำพาไปสู่คดีฆาตกรรมต่อเนื่องพิลึกพิลั่นและคำสักประหลาดทั่วเขตพระนครและจังหวัดธนบุรีรอยแผลเป็นจากประวัติศาสตร์และความลับทางวรรณศิลป์แห่งสยามประเทศ!..กำลังจะถูกเปิดเผยในไม่ช้า..
หลังอ่าน
กาหลมหรทึก..เป็นนวนิยายแนวสืบสวนสอบสวนย้อนยุคสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพา ยุคที่บ้านเมืองระส่ำระสายด้วยปัจจัยหลายอย่างทั้งการเมือง การปกครอง การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายของชนหลากเชื้อชาติ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องก็ผูกโยงเข้ากับประวัติศาสตร์เหล่านั้นได้อย่างแนบเนียน
เปิดเรื่องมาให้บรรยากาศชวนคิดแล้วเพราะว่าสถานที่หนึ่งในบทนำ จขบ.เคยได้ไปเยือนมาแล้วและก็ได้เห็นสถานที่จริงที่ถึงแม้จะเปลี่ยนแปลงไปจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมตามเนื้อเรื่องแต่ว่ายังคงมีร่องรอยความเป็นไปในอดีตไม่ว่าจะเป็นนิทรรศการหรือเครื่องไม้เครื่องมือ ภาชนะต่างๆ ที่จัดแสดงไว้ ทำให้ จขบ.อินไปกับบทเกริ่นนำได้ไม่ยากให้ความรู้สึกว่าไม่ธรรมดาและคิดว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างที่น่าสนใจและ
เรื่องราวหลัก..บอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆผ่านหลายสถานที่ที่ยังคงอยู่ถึงปัจจุบัน ผสมผสานกันระหว่างคดีฆาตกรรมการติดตามสืบหาตัวฆาตกร หลักการทางวิทยาศาสตร์ และเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในแต่ละสถานที่ที่เกิดคดี
งานมีบรรยากาศความยะเยือกตามแบบอาชญนิยายเป็น แต่การดำเนินเรื่องตามยุคสมัยแบบไทยพร้อมบทบรรยายพลิกแพลงเล่นกับคำไทยโบราณอย่างกลมกลืนเป็นธรรมชาติคืออ่านแล้วถึงไม่รู้มาก่อนก็คิดว่าผู้เขียนเรื่องนี้น่าจะมีอายุไม่น้อย (แต่ที่จริงน้อยกว่าที่คิด)และศึกษาประวัติศาสตร์มาอย่างละเอียดมาก จน จขบ.คิดว่ากว่าจะเขียนเรื่องนี้จบผู้เขียนคงต้องทั้งอ่าน เสิร์ชหาข้อมูล และสอบถามจากคณาจารย์ ผู้รู้ทางประวัติศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มากแน่ๆ กว่าจะได้มาขนาดนี้ (สังเกตจากแต่ละสถานที่ที่แทรกเข้ามาในเรื่องอย่างเนียนๆและสิ่งที่ใช้ประกอบการฆาตกรรมซึ่งหากไม่ศึกษามาเป็นอย่างดีต้องมีพลาดแน่..แต่ก็ไม่พลาด..หรือถ้ามีจขบ. อาจจะหาไม่เจอเอง ถ้าอยากรู้ก็ต้องลองหาอ่านดูค่ะ)
หลายสถานที่ที่ปรากฏในนวนิยายเรื่องนี้ที่มีความยาวไม่มากเพียงสองร้อยกว่าหน้า ทำให้ได้รู้จักอะไรดีๆ ไม่น้อยไม่ว่าจะเป็นประวัติความเป็นมาของสถานที่สำคัญ เช่น ย่านสำเพ็ง รพ.ศิริราช หรือกระทั่งตึกเจ็ดชั้นกับบทบรรยายเล็กน้อยเพียงย่อหน้าแต่ จขบ.ก็เพิ่งรู้เมื่อได้อ่านนี่แหละ ว่าคำพูดที่ใช้กันแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน..บางคำ..มีที่มาจากไหนและนั่นทำให้สองร้อยกว่าหน้าชวนขบคิดและสนุกกับสิ่งที่ไม่เคยรู้และได้รู้แบบไม่ยัดเยียด(โดยเฉพาะจากคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเรียนประวัติศาสตร์เลย อย่าง จขบ.ก็พลอยได้รู้ไปด้วย)
อีกทั้งยังหลักการทางนิติวิทยาศาสตร์เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่สอดแทรกเข้ามาในการสืบสวนหาข้อเท็จจริงในแต่ละคดี แยบยล มีที่มาที่ไปสมเหตุสมผลจน จขบ.ลุ้นตามแทบจะทุกหน้า แบบว่าอยากรู้แต่ก็ต้องอดใจไว้ไม่ให้เปิดหน้าสุดท้ายแบบที่เคยทำประจำเพื่อจะได้ค่อยรู้ไปเรื่อยๆ ตามปมที่ผู้เขียนผูกไว้อย่างน่าสงสัยจนบางครั้งถึงกับต้องจดกันลืม
ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เพราะเปรียบเสมือนหัวใจหลักของเรื่องนั่นก็คือ กลโคลง..มีบางสิ่งที่น่าสนใจเชื่อมโยงกับ กลโคลง..ศาสตร์ทางวรรณศิลป์และจิตรกรรมที่ จขบ. อธิบายไม่ได้และไม่อยากอธิบายเพราะอาจเผลอสปอยล์ได้อยากให้ผู้อ่านได้ลองอ่านดูค่ะ แล้วจะต้องทึ่งกับศาสตร์แขนงนี้เหมือน จขบ. แน่ๆ
บทสรุปของเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งที่ชวนขบคิดอีกเช่นกัน..ถ้าหากไม่มีเหตุ ผลก็ไม่ตามมา แล้วเหตุเกิดจากอะไรทำไมถึงต้องมีคดีพิลึกพิลั่นเหล่านี้เกิดขึ้น..จขบ.ก็ไม่อยากสปอยล์อีก (ไปหาอ่านกันเถอะ)บางครั้งคนเราก็อาจจะมีแรงจูงใจในการทำอะไรบางอย่างได้โดยไม่คิดว่าสิ่งนั้นเหมาะสมและ ควร หรือไม่..การทำร้ายคนมากมายและหมายชีวิตคนอื่น เพื่ออะไร..ทำไปทำไม..ทำแล้วได้อะไร..อ่านจบแทบจะปลงเลยทีเดียวกับความคิดของฆาตกรที่คิดใหญ่ ทำใหญ่ แต่ให้ผลยังไงก็ต้องลองหาอ่านดูกันเถอะ ><
เขาว่ากันว่าจิต เป็นนาย กาย เป็นบ่าว..น่าจะจริงที่สุดสำหรับแก่นเรื่อง และผลของการกระทำการใดๆย่อมเกิดแต่ กรรม ของใครของมัน..ไม่ช้าก็เร็วผลกรรมนั้นก็ย่อมตามทัน..
ซึ่งนั่นคงหมายถึง..บทสรุปที่แท้จริงของจิตใจ มนุษย์..ที่มี กรรม เป็นกำหนด..
กาหลหรทึกแล้ เสียงสังข์ เรียมบฟังเลยฟัง ข่าวน้อง ฆ้องคึกบันดาลหวัง เสียงเสน่ห์ เสน่ห์มารุมรึงข้อง ขุ่นข้องอารมณ์ฯ
(ตัดความจากโคลงนิราศเจ้าฟ้าอภัยฯ)
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ตอบโจทย์ RBC 2014 หัวข้อ Free Square
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ขอบคุณของแต่งบล็อกสวยๆจากคุณยายเก๋าและคุณญามี่ ขอบคุณภาพและเพลงเพราะๆจากอินเตอร์เน็ต ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ ^______^
Create Date : 05 ตุลาคม 2557 |
|
42 comments |
Last Update : 5 ตุลาคม 2557 12:38:11 น. |
Counter : 19671 Pageviews. |
|
|
|