Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 
13 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 

เล่นอย่างไรให้สร้างสรรค์



เด็กกับการเล่นเป็นสิ่งที่ควบคู่กันตั้งแต่ในสมัยอดีต จนมาถึงปัจจุบัน
การเล่นเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเด็ก จำเป็นสำหรับการพัฒนาตลอดจนก่อให้เกิดการเรียนรู้ การฝึกทักษะ
และเป็นบทเรียนที่สำคัญที่จะสร้างแรงจูงใจให้เกิดความอยากรู้ การฝึกฝนตนเอง
เพื่อที่จะได้พัฒนาไปถึงทักษะที่ซับซ้อนได้

โภชนาการที่ดีจำเป็นสำหรับพัฒนาการทางด้านร่างกายฉันใด
การเล่นที่สร้างสรรค์ จำเป็นสำหรับพัฒนาการทางจิตใจและสติปัญญาฉันนั้น

ดังนั้นการเล่นที่เหมาะกับช่วงวัยหรือพัฒนาการของเด็ก ย่อมจะส่งเสริมให้เกิดขบวนการเรียนรู้ที่ต่อเนื่อง
และของเล่นที่เป็นสื่อกลางในการเล่นจะเกิดประโยชน์สูงสุด หากเราใช้อย่างเหมาะสม
อย่างไรก็ตามของเล่นที่วิเศษที่สุดสำหรับเด็กคือพ่อแม่ ทั้งนี้เพราะการมีส่วนร่วมกับเด็กในการเล่น
นอกจากจะเปิดโอกาสให้เด็กได้พัฒนาแล้ว ยังเป็นช่วงเวลาคุณภาพของครอบครัวที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งด้วย


การเล่นที่เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก


แรกเกิด – 3 เดือน
การเล่นของเล่นที่เหมาะกับเด็กวัยนี้คือ การเล่นที่กระตุ้นประสาทสัมผัสทั้ง5 ได้แก่
การมองเห็น, การได้ยิน, การสัมผัส, การดมกลิ่น, การรับรส
เด็กเริ่มมองเห็นแล้วในระยะ 8-12 นิ้ว เด็กวัยนี้จะชอบสีสันที่สดใส ชอบมองการเคลื่อนไหว

การได้ยิน เด็กเริ่มได้ยินเสียงตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา
และจะมีการเปลี่ยนแปลงที่แสดงให้เห็นในด้านการเคลื่อนไหว เมื่อได้ยินเสียง
เช่น การหันหาเสียง การขยับมือขยับเท้า

การสัมผัส เด็กวัยนี้สามารถที่จะแยกความรู้สึกสัมผัสที่แตกต่าง
และสามารถที่จะรับรู้กลิ่นของคนเลี้ยงไปพร้อมกันด้วย ซึ่งมีการศึกษาในต่างประเทศพบว่า
เด็กจะมีการตอบสนองที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน เมื่อได้กลิ่นของคนเลี้ยงกับคนแปลกหน้า
ดังนั้นพ่อแม่และคนเลี้ยงจึงเป็นของเล่นที่ดีที่สุด
เด็กจะชอบมองหน้าคน พ่อแม่ควรจะอุ้มพูดคุยขณะกำลังเปลี่ยนผ้าอ้อม ร่วมกับการมองหน้าสบตา
ร้องเพลงกล่อมเด็กด้วยน้ำเสียงที่สูงๆ ต่ำๆ โทนเสียงที่นุ่มนวล เด็กจะเพลิดเพลิน
ประกอบการเล่นแบบไทยๆ เช่น การเล่นปูไต่ จะเป็นการกระตุ้นสัมผัสทางผิวหนัง
การแขวนของเล่นชนิดแขวนให้เด็กดู เช่น แขวนปลาตะเพียน,โมบาย
ซึ่งขบวนการเล่นดังกล่าวจะเสริมสร้างความรักความผูกพันธ์
ตลอดจนช่วยให้เด็กสามารถเรียนรู้ที่จะควบคุมตนเองได้ดีขึ้น
นอกจากนั้นในบางครั้งเด็กวัยนี้ อาจชอบมองกระจกดูหน้าตัวเองที่เปลี่ยนแปลงไป บางคนจะยิ้ม
บางคนจะเป่าปากเพื่อที่จะทำให้เกิดการเรียนรู้ ที่จะเชื่อมโยงระหว่างตัวเองกับสิ่งแวดล้อมได้ดีขึ้น



4 – 6 เดือน
เด็กวัยนี้จะเริ่มมีการเล่นอย่างมีจุดหมายและซับซ้อนมากขึ้น เด็กเริ่มมีความสังเกตมากขึ้น
สนใจในการเคลื่อนไหวของแขนและขาของตน
ดังนั้นการร้องเพลงที่มีการเคลื่อนไหว เช่น เพลงโยกเยกเอย จะเหมาะกับเด็กในช่วงวัยนี้
เด็กจะเริ่มคว้าของใกล้ตัว และชอบที่จะสัมผัสพื้นผิวที่แตกต่าง มีความอยากรู้อยากเห็นในสิ่งรอบตัวมากขึ้น
กรุ๊งกริ๊งที่สั่นแล้วเกิดเสียงเด็กวัยนี้จะชอบเป็นพิเศษ ดังนั้นตุ๊กตานุ่มๆ ที่ทำด้วยผืนผ้าที่แตกต่างกันไปแขวนไว้
หรือวางของเล่นไว้ในระยะที่เด็กพอเอื้อมถึง แกว่งของและล่อให้เด็กเอื้อมมือไปคว้า
จะเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กได้มีพัฒนาการในการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก

ถ้าพ่อแม่สามารถที่จะเล่นร่วม ไปกับการใช้ชีวิตประจำวันของเด็ก
เช่น การอาบน้ำ การใส่ผ้าอ้อม จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด


นอกจากนั้นเด็กวัยนี้จะเริ่มเลียนแบบเสียงพูดคุย พ่อแม่ควรพูดกับเด็ก
พยายามทำเสียงบางคำซ้ำๆ เพื่อให้เด็กตอบกลับมา เช่น จ๋า จ๊ะ
เสียงพูดควรเป็นเสียงที่เด็กจะเลียนแบบได้ง่าย แม้ว่าคำนั้นจะไม่มีความหมายก็ตาม



6 – 9 เดือน
เด็กวัยนี้เริ่มที่จะเคลื่อนไหวได้เอง เรียนรู้การใช้เหตุและผลง่ายๆ เริ่มเข้าใจ object permanence (เป้าหมาย)
เริ่มมีทักษะภาษาที่ดีขึ้น ดังนั้นกิจกรรมที่เหมาะกับเด็กวัยนี้คือการเล่นจ๊ะเอ๋ เล่นตบแปะ
การร้องเพลงที่มีการตอบสนองพร้อมการทำท่าทางประกอบ เช่น เพลงนิ้วโป้งอยู่ไหน
นอกจากนั้นเพลงที่แสดงให้เห็นเหตุและผล เช่น จับปูดำ เพลงที่ช่วยฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก เช่น แมงมุมขยุ้มหลังคา

การเล่นกลิ้งลูกบอล จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการของกล้ามเนื้อ และปฏิสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับผู้อื่นด้วย
ต่อมาเมื่อเด็กเก่งขึ้นจะเริ่มใช้มือ, นิ้วในการสำรวจสิ่งของ
และเพิ่มทักษะในการใช้ตากับมือให้ทำงานประสานกันในช่วงต่อไป



9 – 12 เดือน
เด็กวัยนี้จะเริ่มเรียนรู้ที่จะสื่อสารบทสนทนาง่ายๆ สั้นๆ ได้ ถึงแม้เขาจะยังมีหรือไม่มีคำพูดบ้าง
แต่เขาเริ่มที่จะเข้าใจภาษาท่าทางของพ่อแม่มาก่อน จนบางครั้งผู้ใหญ่ถึงกับแปลกใจ
เราควรหัดให้เด็กฝึกชี้รูปภาพจากหนังสือ โดยจับมือเด็กชี้ที่รูปภาพที่เราพูดชื่อและให้เด็กพูดตาม
ดังนั้นหนังสือภาพจึงเป็นของเล่นที่เหมาะสม และเด็กเองก็จะมีความรู้สึกสนุกกับการเล่นแบบนี้เช่นกัน

การร้องเพลงที่มีภาษาคล้องจอง ภาษาซ้ำๆ กาเอ๋ยกา ท่องบทกลอนกล่อมเด็กจะช่วยส่งเสริมความเข้าใจภาษา
และเป็นการฝึกให้เด็กคุ้นเคยกับฐานเสียงต่างๆ


การเล่นตุ๊กตาหุ่น โดยสมมุติให้ตุ๊กตาพูดคุยกับเด็กและให้เด็กตอบโต้ตุ๊กตา
จะเป็นการส่งเสริมพัฒนาการทางภาษาได้อย่างดี

เด็กวัยนี้จะเริ่มเกาะยืน การให้ของเล่นลากจูง จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการของกล้ามเนื้อมัดใหญ่
และการทำงานประสานกันของกล้ามเนื้อต่างๆ ได้อย่างสมดุล


โดย พญ.อดิศร์สุดา เฟื่องฟู
ที่มา : //women.sanook.com


สารบัญแม่และเด็ก




 

Create Date : 13 มิถุนายน 2553
0 comments
Last Update : 13 มิถุนายน 2553 21:20:42 น.
Counter : 1108 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.