|
สอนให้ลูกอ่านหนังสือออก
Doman แนะนำให้คุณแม่ทั้งหลายในประเทศของเขา สอนให้เด็กแรกเกิด ถึง 6 ปี อ่านหนังสือออกมาตั้งแต่ พ.ศ.2507 ซึ่งวิธีการสอนคล้ายกับการสอนสารานุกรมให้เด็กที่เคยเสนอไปแล้ว ยิ่งเด็กอายุน้อยเท่าไรยิ่งดี คุณแม่เหล่านั้น ตอบจดหมายกลับมาเล่าถึงความปลื้มใจที่สอนให้ลูกอ่านหนังสือได้ ในขณะที่คุณแม่อีกหลายคนผิดหวัง ที่ไม่สามารถทำให้ลูกเรียนรู้ได้อย่างถูกต้อง Doman ไม่สอนเด็กให้อ่านหนังสืออกตามตัวอักษร เพราะตัวอักษรเป็นนามธรรมที่ไม่มีตัวตน จับต้องไม่ได้
ถ้าเด็กถามว่า ทำไมตัวอักษรมีรูปร่าง กายเขียนแบบนี้ คุณอาจตอบว่า เพราะตัว ก.กอ ก็คือ ตัว ก.กอ มีการประดิษฐ์ตัวอักษรให้มีรูปร่างอย่างนี้ ซึ่งเป็นคำตอบที่กว้างมาก อาจถึงกับต้องเล่าประวัติศาสตร์การประดิษฐ์ตัวอักษรกันเลย
ในขณะที่การสอนให้เด็กรู้จักคำว่า “ไก่” “กุ้ง” “เกี๊ยว” ฯลฯ เป็นคำคุ้นหู ชินตา ได้ลิ้มรสมาตั้งแต่เล็ก จึงมีพลังที่จะทำให้เด็กเกิดความต้องการเรียนรู้มากกว่า * หาปากกาเมจิกหัวใหญ่สีแดง มาเขียนคำด้วยตัวบรรจงลงบนกระดาษขาวเท่าที่ตัดเป็นบัตรคำขนาด 4x24 นิ้ว * เลือกคำที่ใกล้ตัวเด็กและเข้าใจกับสิ่งนั้นอยู่แล้ว * คำที่เขียนควรสูง 3 นิ้ว เพื่อให้สมองของเด็กแปลความหมายของคำที่เขียนได้ไม่ผิดพลาด
เมื่อสอนไปแล้ว 1-2 เดือน อาจเขียนให้ตัวอักษรเล็กลงจะกระตุ้นสมองของเด็กให้กระตือรือร้น อยากจะเรียนมากขึ้น ช่องไฟระหว่างแต่ละอักษรควรเว้นพอควร เพื่อเวลาที่คุณชูบัตรคำให้เด็กดู นิ้วของคุณจะได้ไม่บัง ช่วยให้เด็กเห็นชัดและเข้าใจง่ายขึ้น
กรณีที่คุณจะสอนเป็นภาษาอังกฤษ ให้เขียนเป็นตัวพิมพ์เล็กยกเว้นชื่อเฉพาะ เช่น ชื่อของลูก ชื่อของสัตว์เลี้ยง ควรเขียนตัวพิมพ์ใหญ่ ทั้งนี้เพราะหนังสือภาษาอังกฤษทุกเล่มพิมพ์โดยใช้หลักการนี้
ถ้าคุณแม่อยากเขียนหรือระบายสีบนตัวอักษรให้สวยแปลกตาก็ทำได้ แต่จะได้ผลดีกว่า ถ้าคำเขียนมีลักษณะไม่ต่างจากตัวอักษรในหนังสือทั่วไป
Doman แนะว่าควรเตรียมทำบัตรคำล่วงหน้า 200 ใบ เพื่อให้มีบัตรคำเพียงพอที่จะนำมาสอนอย่างน้อยล่วงหน้าให้ได้จำนวน 1 เดือน ไม่เช่นนั้น ถ้าเด็กเคยดูบัตรคำนั้น 2 ครั้งแล้ว และยังจะให้เขาดูคำเดิมซ้ำอีก เขาก็จะเดาล่วงหน้าได้ ทำให้เด็กเริ่มไม่สนุก ไม่อยากเรียน ทำลายหลักสูตรสอนลูกให้อ่านหนังสือออกทั้งหลักสูตร คุณจึงควรใช้เวลาส่วนใหญ่ ทำชุดบัตรคำมากกว่าประดิษฐ์ตัวอักษรให้สวย อาจให้คุณพ่อช่วยตัดบัตรคำ หรือหาซื้อสำเร็จรูปมาจะไม่เสียเวลา
* บรรยากาศการสอนควรเป็น 1 ต่อ 1 ปราศจากเสียงรบกวนจากวิทยุ โทรทัศน์ เครื่องมือสื่อสารต่างๆ * จัดมุมพิเศษในบ้าน เพื่อให้ลูกรับรู้การสอนจากคุณได้ดีที่สุด * และจงเชื่อมั่นในตัวลูก มีนักวิชาการและจิตแพทย์บางคนว่า การสอนความรู้แก่เด็กเล็กเป็นการฝืนเด็ก แต่ประสบการณ์ของ Doman บอกเขาว่า เด็กมีความสุขที่ได้เรียน เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่เด็กรู้สึกตื่นเต้นกับการได้เล่นเกมนี้ คุณแม่เองก็พบสิ่งใหม่พร้อมๆ กับลูก จึงเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เกิดความสนุกสนานร่วมกัน การเรียนจึงเป็นเหมือนรางวัล ไม่ใช่การลงโทษที่ทำให้คุณแม่และลูกรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการเรียน หรือเป็นสิ่งฟ้าสาปมาให้จำต้องทำ
คุณแม่จึงควรอ่านใจของลูกด้วยว่า เด็กชอบช่วงเวลาเรียนรู้นี้ไหม ? ถ้าคุณแม่รู้สึกว่าตัวเองสนุกกับการสอน แต่ลูกกลับไม่สนุก ไม่สนใจหรือป่วย จงหยุดให้เขาดูบัตรคำและยกเลิกการสอนทันที เพื่อหาความผิดพลาดและแก้ไขให้เรียบร้อย ก่อนจะกลับมาสอนลูกใหม่
หรือถ้าสอนเด็กในขณะที่ใจของคุณไม่ชอบสอน ลูกก็จะรู้สึกได้ทันที เขาจะรู้สึกอึดอัดไม่ชอบช่วงเวลาการเรียนนี้เหมือนคุณ จงยกเลิกงานนี้แล้วยกหน้าที่ให้คนอื่น
คำที่เอามาให้ลูกดูในการสอนวันแรก 5 ใบ ควรเป็นคำที่ใกล้ตัวลูกมากที่สุด เช่น คำบ่งบอกสถานภาพของสมาชิกในครอบครัว ชนิดสัตว์เลี้ยงที่เห็นบ่อย อาหาร เครื่องใช้ในบ้านที่เห็นเป็นประจำ ชูให้เด็กดูอย่างชัดเจน บอกว่านี่อ่านว่า “แม่” แล้วเปลี่ยนบัตรคำแผ่นหลังสุดขึ้นมาหน้าสุด นี่อ่านว่า “พ่อ”
* ควรเปลี่ยนบัตรด้วยจังหวะเร่งเร้า เพราะธรรมชาติของสมองเด็กเรียนรู้ค่อนข้างเร็ว ถ้าหยุดนานจะผิดจังหวะการเรียนรู้ของสมอง ฉุดให้เด็กเบื่อ ไม่อยากเรียน
ถึงแม้ลูกจะทักถามบัตรคำนั้นขึ้นมา ก็ขอให้ตอบเพื่อยุติความสงสัยของเขาโดยเร็ว แล้วสับบัตรใหม่ให้เขาดูคำว่า “พี่” “น้อง” หรือเป็นชื่อเฉพาะก็ได้
การสับบัตร ช่วงแรกอาจติดขัดบ้าง แต่จะคล่องขึ้นถ้าได้ซ้อมทุกครั้งก่อนสอน แล้วถามสามีว่าจังหวะและน้ำเสียงของคุณน่าสนุกหรือยัง ?
* จงควบคุมสติของคุณมุ่งที่การสอน อย่าเตลิดสอนนอกเรื่องหรือยืดยาด เพราะจะทำลายความกระตือรือร้นของเด็ก และไม่ต้องให้ลูกอ่านออกเสียงตาม เพราะจะทำให้มันไม่สนุก
* เมื่อคุณสอนลูกไปเรื่อยๆ สมองของลูกจะนำบัตรคำชุดแรกนี้ไปจับคู่ผสมกับคำอื่นที่คุณสอน เพื่อแตกความคิดออกไป การสอนคำชุดแรกจึงเป็นข้อมูลชีวิตในการแปลความหมายของคำ ที่จะเข้ามาสู่สมองของเขาในวันข้างหน้า
บัตร 5 คำ กินเวลาสอนประมาณ 1 นาที เพื่อยุติการสอนก่อนที่เด็กจะรู้สึกเบื่อ เมื่อสอนจบให้คุณกอดจูบ ชื่นชมในตัวลูกว่า “เก่งมาก”
ทั้งหมดในการสอนครั้งแรกมีเป้าหมายเพียงจุดประกายความอยากรู้ ซึ่งเป็นสัญชาตญาณของสมองเด็ก ที่ปรารถนาอยากรู้อยู่แล้ว ไม่ควรให้รางวัลเป็นขนม หรือของเล่นที่เป็นวัตถุ เพราะนานวัน รางวัลที่เป็นรูปธรรมจะเป็นสิ่งของที่แห้งแล้งต่อจิตใจ การชื่นชมด้วยความจริงใจจากคุณ คือรางวัลที่ลูกสมควรได้ที่สุด จะทำให้เขารู้สึกว่าตัวเขามีค่า มีเกียรติมากกว่าเดิม
คุณควรสอนซ้ำอีกครั้งห่างจากครั้งแรกมากกว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยเรียงตามลำดับบัตรคำเหมือนครั้งแรก สอนให้ได้ 3 ครั้งต่อวัน ไม่มากกว่านี้ เพราจะฉุดให้เด็กหมดความกระหายในการเรียน เป็นการทำลายมากกว่าส่งเสริม
วันที่ 2 ให้เด็กดูบัตรคำชุดเดิม แต่สลับตำแหน่งของบัตรให้ไม่เหมือนกับวันแรก เพื่อให้เด็กรู้สึกว่าเรื่องที่สอนสดใหม่ขึ้น ด้วยประสิทธิภาพสมองของเขา คำที่ผ่านสายตาของเด็ก 6 ครั้ง เขาจะจำได้แล้ว
ในวันที่ 3 เด็กเริ่มชินกับระบบการสอนวันละ 3 ครั้ง ให้คุณเปลี่ยนคำเก่าออก 3 ใบ เพิ่ม 3 ใบใหม่เข้ามา บัตรคำเก่าในมือคุณ จะเป็นสะพานเชื่อมต่อให้ลูกมั่นใจในความรู้เดิม และก้าวต่อไปในบัตรทำแผ่นใหม่ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นบัตรใหม่ทั้ง 6 ใบเลย สมองของเด็กจะรับข้อมูลไม่ต่อเนื่องกัน
วันที่ 4 คุณเอาบัตรคำเก่าออก 3 ใบ และเพิ่มบัตรใหม่ 3 ใบ เท่ากับว่าบัตรคำวันแรกเปลี่ยนออกไปหมดแล้ว
วันที่ 5 และ 6 ก็นำบัตรคำใหม่เข้าไปเปลี่ยนกับบัตรคำเก่า ด้วยวิธีการเดิม การสอนครั้งที่ 2 และ 3 ของวัน ก็ให้สลับตำแหน่งบัตรคำด้วย ทำวิธีอย่างเดียวกันนี้เหมือนเป็นระบบ
สัปดาห์ที่ 2 เพิ่มบัตรคำเป็น 10 ใบ เริ่มมีบัตรคำกิริยา เช่น “กิน” ซึ่งเป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้ปนเข้าไปด้วย
สัปดาห์ที่ 3 เริ่มให้เด็กดูบัตรคำกลางๆ ที่มีความหมายกว้างๆ ไม่เว้นแม้แต่คำศัพท์ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพราะเมื่อเด็กโตขึ้น เขาจะค้นหาความหมายของคำเหล่านั้นอย่างหิวกระหายใคร่รู้
ไม่ควรเอาบัตรคำเก่า มาให้เด็กดูซ้ำหลายครั้งพร่ำเพรื่อ หรือเพื่อสอบความจำเด็ก เด็ดขาด เพราะทุกครั้งที่เขาเห็นบัตรใบเก่า เขาจะรู้สึกต่อต้านบัตรคำใบนั้น กลายเป็นความเบื่อ ท้อแท้ ไม่อยากเรียน
ถ้าเป็นเพราะทำบัตรคำใหม่ไม่ทัน หยุดสอน 1 วัน หรือ 1 สัปดาห์ จนกว่าจะทำบัตรคำชุดใหม่มากเพียงพอแล้ว จึงค่อยสอนต่อไป
การเรียนที่ไม่ผ่านตัวอักษร ลูกจะได้รับจากพ่อแม่เท่านั้น แต่การเรียนผ่านตัวอักษร ที่ลูกได้เรียนรู้ผ่านบัตรคำข้างต้น จะช่วยปล่อยความคิดของมนุษย์ผู้ให้เป็นอิสระคือ สามารถอ่านหนังสือที่เป็นความรู้จากหลายภาษาก็ได้
ที่มา : //www.elib-online.com/doctors48/child_read001.html
สารบัญ เรื่อง แม่และเด็ก คลิกดู ที่นี่ค่ะ
Create Date : 15 ธันวาคม 2552 |
Last Update : 15 ธันวาคม 2552 20:31:32 น. |
|
0 comments
|
Counter : 955 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|