ทดสอบการได้ยินของทารก
ข้อมูลทางการแพทย์ในสหรัฐอเมริกาพบว่า ทารกปกติ 1,000 คน จะมีปัญหาการได้ยิน 1.5-3 คน ส่วนทารกคลอดก่อนกำหนด 100 คน จะมีปัญหาการไดเยิน 2-4 คน ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนไม่น้อยเลย
การสูญเสียการได้ยินนั้น สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่แรกเกิด และหากไม่ได้รับการตรวจแต่เนิ่นๆ จะทำให้มีผลต่อพัฒนาการต่างๆ ที่สำคัญสำหรับเด็กในขวบปีแรก โดยเฉพาะการออกเสียงและการพูด ตลอดจนอาจก่อให้เกิดผลเสียทางด้านอื่นๆ ตามมาอีกหลายประการคือ
1. ทารกมีพัฒนาการช้าในบางเรื่อง เช่น ทารกจะเริ่มเข้าใจความหมายของการเรียกชื่อ รวมถึงการชี้บอกสิ่งที่เราถามได้ถูกต้อง แต่หากทารกมีปัญหาการได้ยิน อาจต้องใช้เวลาในการเรียนรู้เรื่องดังกล่าว มากกว่าเด็กที่ไม่มีปัญหาการได้ยิน อาจต้องใช้เวลาในการเรียนรู้เรื่องดังกล่าว มากกว่าเด็กที่ไม่มีปัญหาการได้ยิน โดยจะเริ่มเมื่ออายุ 2-4 ปีขึ้นไป ซึ่งควรจะได้เรียนรู้เรื่องอื่นๆ แล้ว
2. เสียบุคลิกภาพ เนื่องจากทารกไม่ได้ยิน ทำให้ไม่สามารถสื่อสารเพื่อบอกถึงความต้องการของตัวเอง และตอบสนองความต้องการของผู้อื่นได้ อาจทำให้ทารกเกิดความหงุดหงิด และกลายเป็นเด็กอารมณ์ร้าย
3. ได้รับการรักษาไม่ทันท่วงที เนื่องจากการวินิจฉัยล่าช้า
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าปัญหาการได้ยินนั้นเป็นปัญหาต่อเนื่อง ปัจจุบันมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่ใช้ในการทดสอบสมรรถภาพการได้ยินของทารกเรียกว่า OAE (Otoacoustic emission) ซึ่งจะช่วยในการตรวจวินิจฉัยปัญหา การได้ยินของทารกได้ตั้งแต่แรกเกิด ทำให้เราทราบและนำไปสู่การแก้ไขปัญหาการได้ยินของเด็กเร็วขึ้น ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป
วิธีการทดสอบการได้ยิน การทดสอบสมรรถภาพการได้ยินของทารกทำได้ 2 วิธีคือ
วิธีที่ 1. การทดสอบการได้ยินโดยการใช้ OAE (Otoacoustic emission) เป็นวิธีการตรวจที่ดีมากสำหรับทารก ทารกจะได้ยินเสียงจากหูฟังเล็กๆ และคอมพิวเตอร์ จะทำการวัดระดับความดังของเสียงที่หูทารกสะท้อนกลับมา การทดสอบด้วยวิธีนี้จะทำในขณะที่ทารกหลับ โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้ ก่อนส่งไปให้กุมารแพทย์วินิจฉัยอีกครั้ง
วิธีที่ 2. การทดสอบการได้ยินด้วยวิธี ABR (Auditory Brainstem Response Test) เป็นวิธีการทดสอบเพื่อยืนยันผลการตรวจการทดสอบด้วยวิธีนี้ ทารกจะได้ยินเสียงผ่าน Head Phone และผู้ทดสอบจะสามารถวัดการได้ยินของทารก
“การทดสอบทั้งสองวิธีนี้ เป็นการทดสอบที่ปลอดภัย และไม่ทำให้ทารกเจ็บปวดแต่อย่างใด”
สำหรับการรักษา หลังการตรวจพบว่าทารกมีความผิดปกติ สามารถเริ่มรักษาได้ภายในขวบปีแรก ด้วยวิธีที่เหมาะสมกับอาการ เช่น ใช้วิธีใส่เครื่องขยายเสียง โดยเริ่มใส่หูฟังได้อายุ 6 เดือนขึ้นไป การสอนให้ทารกพูดหากว่าทารกได้ยินอยู่บ้าง หรือใช้การผ่าตัด เป็นต้น
ทดสอบการได้ยินของลูกอย่างง่ายๆ
อายุ 0-3 เดือน พฤติกรรมตอบสนองต่อเสียง: ตอบสนองต่อเสียงดังมีอาการเงียบลงเมื่อได้ยินเสียงคุณแม่
อายุ 3-6 เดือน พฤติกรรมตอบสนองต่อเสียง: หันศีรษะหรือมองหาเสียงที่คุ้นเคย ทำเสียงดังหรือมีเสียงจากลำคอ เช่น เสียงคราง
อายุ 6-10 เดือน พฤติกรรมตอบสนองต่อเสียง: ตอบสนองเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตนเองเริ่มเข้าใจความหมายของคำว่า “ไม่”และ“บ๊ายบาย”
อายุ 10-15 เดือน พฤติกรรมตอบสนองต่อเสียง: ทำเสียงซ้ำๆ กัน และเลียนแบบเสียงที่คุณทำสามารถชี้ หรือเข้าหาสิ่งของที่คุ้นเคยเมื่อคุณถาม
ขอขอบคุณ นิตยสาร บันทึกคุณแม่ ที่มา : //women.sanook.com
สารบัญแม่และเด็ก
Create Date : 03 มิถุนายน 2553 |
|
0 comments |
Last Update : 3 มิถุนายน 2553 21:33:55 น. |
Counter : 1582 Pageviews. |
|
|
|