ทำอย่างไรให้ลูกรักคณิตศาสตร์
ครูสอนคณิตศาสตร์จะคุ้นเคยกับคำถามนี้ และเห็นเป็นเรื่องปกติ เพราะผู้ปกครองมักจะถามคำถามนี้กับคุณครูเสมอ เมื่อทราบผลการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของลูกที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก ผู้ปกครองที่มีลูกอยู่ในวัยเรียนและประสบปัญหานี้ คงมีความวิตกกังวลมาก
ทำไม! ผู้เขียนจึงนำคำถามนี้มาเขียนในโอกาสนี้ ผู้เขียนได้มีส่วนร่วมในการรับโทรศัพท์จากผู้ชมโทรทัศน์ทางบ้าน ในรายการถ่ายทอดสด ซึ่งเสนอแนวการจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ ที่สอดคล้องตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ 2542 ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ผ่านช่อง 11 ในช่วงเวลา 1 ชั่วโมงนั้นได้รับโทรศัพท์จากทางบ้าน โทรศัพท์มาปรึกษาเกี่ยวกับลูก ที่เรียนคณิตศาสตร์ไม่ดีบ้าง ไม่ชอบเรียนบ้าง หลายสายในสายที่ได้รับ ทำให้ผู้เขียนคิดว่าในฐานะที่ตัวเองเคยเป็นครูคณิตศาสตร์มาก่อน มีประสบการณ์ในการสอนพอที่จะแนะนำผู้ปกครองที่มีลูกเล็ก ยังมีเวลาพอที่จะช่วยสร้างและเสริมให้ลูกมีพื้นฐาน และมีความเข้มแข็งทางคณิตศาสตร์ในเบื้องต้นได้ อาจนำเทคนิคที่จะหยิบยกมาเป็นตัวอย่างต่อไปนี้ ไปใช้เสริมสร้างให้ลูกมีเจตคติที่ดีต่อวิชาคณิตศาสตร์ มีความคิดเชิงคณิตศาสตร์ ได้พัฒนาทักษะการคิดคำนวณและพัฒนากระบวนการแก้ปัญหาได้บ้าง
ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์เป็นพื้นฐานสำคัญของวิชาคณิตศาสตร์ เราไม่สามารถจะเรียนคณิตศาสตร์ให้ได้ดีเพียงแค่จำเนื้อหา สาระ และทำความเข้าใจกับปัญหาเท่านั้น ผู้เรียนจะต้องหมั่นฝึกฝนตนเองให้มีการพัฒนาทักษะกระบวนการหลัก 5 ทักษะนี้ด้วย 1. ทักษะการคิดคำนวณ และการแก้ปัญหา 2. ทักษะการให้เหตุผล 3. ทักษะการเชื่อมโยงความรู้คณิตศาสตร์ 4. ทักษะการสื่อสาร สื่อความหมาย และการนำเสนอ 5. ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
ผู้ปกครองสามารถสร้างเจตคติที่ดี ต่อวิชาคณิตศาสตร์และพัฒนาทักษะกระบวนการดังกล่าวนี้ ให้กับลูกรักของตนเองได้ ขอเพียงให้ผู้ปกครองมีเวลาอยู่ใกล้ชิดลูก หากิจกรรมง่ายๆ ทำร่วมกัน เช่น ใช้เวลาระหว่างการเดินทางไปส่งลูกที่โรงเรียนในช่วงเช้า-เย็น มีกิจกรรมในช่วงค่ำหรือช่วงวันหยุด อาจเป็นช่วงเวลาดูโทรทัศน์ร่วมกัน ถกปัญหาที่ต้องใช้เหตุผลมาคุยกันบ้าง ในกิจกรรมหนึ่งๆ ลูกอาจได้พัฒนาทักษะกระบวนการไปพร้อมๆ กันหลายทักษะ ซึ่งหมายถึงได้พัฒนาทักษะพื้นฐานอื่นๆ อีกด้วยเช่น ทักษะการสังเกต การคาดคะเนและการประมาณ
ตัวอย่างกิจกรรม ถ้าผู้ปกครองมีลูกเล็กต้องการฝึกให้ลูกท่องจำสูตรคูณได้แม่นยำ และไม่น่าเบื่อ อาจใช้เวลาในช่วงที่ผู้ปกครองขับรถไปรับ-ส่ง ลูกที่โรงเรียน โดยผู้ปกครองชวนลูกผลัดกันท่องสูตรคูณแบบมีกติกา เช่น
พ่อเริ่มต้นท่องก่อนว่า 8x6 = 48 (แปดหกสี่สิบแปด) ให้ลูกท่องต่อ 6x7 = 42 (หกเจ็ดสี่สิบสอง) พ่อ 7x8 = 56 (เจ็ดแปดห้าสิบหก) ลูก 8x9 = 72 (แปดเก้าเจ็ดสิบสอง)
ข้อสังเกต ตัวตั้งของคนต่อไปคือตัวคูณของคนก่อน และตัวคูณของแต่ละคนมากกว่าตัวตั้งอยู่ 1 เสมอ เมื่อใครได้ตัวตั้งใหม่เป็น 9 ให้เริ่มต้นตัวคูณใหม่เป็นจำนวนใดก็ได้ เช่น
พ่อเริ่มใหม่ 9x3 = 27 ลูก 3x4 = 12 . . . ฯลฯ
การท่องสูตรคูณตามกติกานี้ ลูกจะได้ฝึกสมาธิในการจำตัวคูณของพ่อ ได้สังเกตแบบรูป (pattern) ของจำนวนด้วย
ถ้าลูกเรียนอยู่ในระดับประถมศึกษาปีที่ 5-6 ผู้ปกครองต้องการทักษะการคำนวณเกี่ยวกับการซื้อ-ขาย หรือการลดราคา อาจหากิจกรรมโดยใช้ใบโฆษณาสินค้า หรือพบแผงโฆษณาตามที่ต่างๆ อาจชวนลูกคุยในเชิงตั้งโจทย์ถามลูกพร้อมเสริมแนวคิดให้ลูก เช่น
แม่อาจจะคุยกับลูกว่า โทรศัพท์มือถือที่แม่ซื้อมาใช้เมื่อ 3 เดือนก่อนซื้อมา 12,000 บาท ถ้าแม่ซื้อเดือนนี้ แม่จะได้ส่วนลดกี่บาทนะลูก ลูกคงไม่คิดว่าแม่กำลังฝึกให้ลูกคิดเลขอยู่ แต่อาจจะคิดช่วยตอบคำถามให้แม่ ถ้าตอบได้ถูกต้อง ลูกก็จะมีความสุขที่ช่วยคิดให้แม่ได้ แต่ถ้าลูกคิดไม่ถูกแม่ที่มีความรู้ทางคณิตศาสตร์อยู่บ้าง อาจช่วยแนะนำลูกให้หาคำตอบเป็นขั้นตอน โดยใช้การถาม-ตอบ ดังเช่น
แม่ : ถ้าเขาลดให้ 10 เปอร์เซ็นต์ แม่ได้ส่วนลดกี่บาทนะลูก ลูก : ก็ได้ลดไป 1,200 บาท (10/100x12,000 = 1,200 ถ้าลูกตอบไม่ได้แม่อาจให้ข้อสังเกตว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนใดก็ตาม จะเท่ากับจำนวนนั้นหารด้วย 10 หรือตัดตัวเลขที่หลักหน่วยของจำนวนนั้นออกไปก็ได้)
แม่ : 5 เปอร์เซ็นต์ เป็นครึ่งหนึ่งของ 10 เปอร์เซ็นต์ ใช่ไหมลูก ลูก : ใช่ค่ะ แม่ : ถ้าลดเพียง 5 เปอร์เซ็นต์ จะได้ส่วนลดกี่บาทนะลูก ลูก : ก็ 600 บาทค่ะ แม่ : ถ้าลด 15 เปอร์เซ็นต์ จะได้ส่วนลดกี่บาทนะลูก ลูก : 1,800 บาท ซิคะ แม่ : ลูกคิดมาได้อย่างไร (คำถามนี้เป็นคำถามที่แม่จะตรวจสอบแนวคิดของลูกว่าคิดถูกต้องหรือไม่) ลูก : ก็ 1,200+600 = 1,800 ค่ะ แม่ : ลูกแม่เก่งจังเลย
ตัวอย่างเช่นนี้ เป็นลักษณะของปัญหาที่อยู่รอบๆ ตัว ผู้ปกครองสามารถนำมาผูกโยงเป็นปัญหาที่เหมาะสมกับลูกได้
การได้โต้ตอบปัญหากัน ผู้ปกครองมีส่วนกระตุ้นให้ลูกได้คิดเป็นระบบ ใช้เหตุผลที่สมเหตุสมผล ผู้ปกครองรู้เป้าหมายของกิจกรรม แต่ลูกได้ฝึกทักษะกระบวนการคิดและการแก้ปัญหาไปโดยไม่รู้ตัว
ถ้าผู้ปกครองต้องการดูว่าลูกมีแนวคิด หรือยุทธวิธีในการแก้ปัญหาอย่างไรบ้าง ผู้ปกครองอาจจัดกิจกรรมหรือหาสถานการณ์ให้ลูกได้แก้ปัญหา ดังเช่น พ่อชวนลูกไปเดินหรือวิ่งออกกำลังกายรอบสนาม หรือสวนแห่งใดแห่งหนึ่ง พ่ออาจชี้ชวน ถามว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ทางเดินรอบสนามหรือทางเดินรอบสวนนี้ ยาวประมาณกี่เมตร
คำตอบของลูกอาจเป็นทำนองนี้ * วัดจริงโดยใช้เทปวัดความยาว * วัดจากก้าวเท้าของตัวเองก่อนว่า ยาวประมาณก้าวละกี่เซนติเมตรแล้วนับจำนวนก้าวเท้าที่เดินรอบสนาม ความยาวรอบสนามจะเท่ากับผลคูณของจำนวนก้าวเท้ากับความยาว 1 ก้าวเท้าโดยประมาณ * ถ้ามีเสาไฟฟ้ารอบสนาม อาจวัดความยาว 1 ช่วงเสาไฟฟ้าก่อน แล้วหาผลคูณของจำนวนช่วงเสาไฟฟ้ากับความยาว 1 ช่วงไฟฟ้าโดยประมาณ
คำตอบของลูกทุกคำตอบ เป็นความคิดสร้างสรรค์ทั้งนั้น จะเป็นคำตอบที่ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับผู้ปกครองมากนัก แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่า คือ ลูกของเรารู้จักคิด พยายามหาวิธีแก้ปัญหา วิธีคิดของลูกเป็นการพัฒนาด้านทักษะและกระบวนการทั้งสิ้น
ท่านผู้ปกครองพอจะเห็นแนวทางที่จะช่วยลูกรักให้รักคณิตศาสตร์ มีการพัฒนาการคิดและการแก้ปัญหาทางคณิต-ศาสตร์ได้บ้างแล้ว ขอเพียงให้ท่านมีเวลา และใช้โอกาสนี้อยู่ใกล้ชิดกันนั้นเล่น หรือคุยกับลูกโดยมีสาระทางคณิตศาสตร์บ้างเท่านั้น
โดย..ชุลีพร สุภธีระ ที่มา ://www.mc41.com/special/math001.htm ภาพจาก ://www.ehow.com/how_5153752_teach-grocery-store-keep-busy.html
สารบัญ เรื่อง แม่และเด็ก คลิกดู ที่นี่ค่ะ
Create Date : 06 ธันวาคม 2552 |
Last Update : 6 ธันวาคม 2552 19:50:46 น. |
|
0 comments
|
Counter : 810 Pageviews. |
|
|
|
|
|