สอนลูก 10 สิ่งก่อนเข้าสู่ปีเสือ
* ครอบครัว ปลูกฝังนิสัยที่ดีให้แก่คนที่สุดรัก
เหลืออีกไม่กี่วันก็จะสิ้นปี 2552 กันแล้ว มีอะไรบ้างที่คุณคิดจะทำและยังไม่ได้ทำหรือไม่…!! นอกจากกิจกรรมสังสรรค์เลี้ยงฉลองส่งท้ายปี ประเภทเคาทน์ดาวน์กันแล้ว ไปฉลองปาร์ตี้ปีใหม่กันแล้ว มีอะไรบ้างที่คุณควรทำในช่วงนี้ก่อนจะสิ้นปี โดยเฉพาะคนเป็นพ่อแม่ มีอะไรที่ควรจะทำกับลูกดีไหม… ไหนๆ ก็ไหนๆ ถือโอกาสสอนลูกผ่านช่วงเทศกาลปีใหม่ซะเลย
ฉบับ นี้มีสิบสิ่งที่น่าจะนำมาเป็นบทเรียนสอนลูกในช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีเสือ ที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้มาฝากเพื่อนผู้อ่านชาวพ่อ แม่
★1. พาลูกไปเยี่ยมเยียนญาติผู้ใหญ่ สำหรับ ครอบครัวที่มีลูก แน่นอนว่าช่วงเวลาเช่นนี้ พ่อแม่ควรจะพาลูกไปกราบปู่ย่าตายาย หรือญาติผู้ใหญ่ที่เคารพรัก เพื่อไปขอพรปีใหม่จากท่าน รับรองว่าผู้หลักผู้ใหญ่จะต้องปลาบปลื้มและดีใจอย่างยิ่ง ที่ลูกหลานยังคิดถึงท่านและมาหาท่านในโอกาสสำคัญ ซึ่งเท่ากับเป็นการสอนเรื่องการกตัญญูให้กับลูกของเรา ได้เรียนรู้ด้วย ยิ่งถ้าคุณให้ความสำคัญกับพ่อแม่ของคุณมากเท่าไร ก็เท่ากับเป็นการสร้างรากฐานให้ลูกของคุณรัก และกตัญญูต่อคุณด้วยมากเท่านั้ ตรงกันข้ามถ้าคุณไม่เคยไปเยี่ยมเยียนพ่อแม่ของคุณ ลูกของคุณแทบจะไม่ค่อยได้เห็นหน้าค่าตาของปู่ย่าตายาย ก็รับรองได้เช่นกันว่าเขาจะเลียนแบบพฤติกรรมของคุณอย่างแน่นอน
★2. สอนลูกจากของขวัญปีใหม่ ชวน ลูกให้นึกถึงคนที่เขารู้สึกดีด้วย ให้เขาลองจดรายชื่อคนที่เขารู้สึกดีในตลอดทั้งปีที่ผ่านมา และอยากจะมอบของขวัญให้แก่คนเหล่านั้น เท่ากับเป็นการสอนให้เขานึกถึงเหตุการณ์ดีๆ ที่มีคนเคยมีน้ำใจหรือดีต่อเขา และเมื่อถึงเทศกาลส่งความสุขก็อยากจะมอบสิ่งดีๆ ให้กับคนเหล่านั้นเช่นกัน ซึ่งเท่ากับเป็นการสอนเรื่องการมีน้ำใจต่อคนอื่น
★3. ชวนลูกไปทำบุญปีใหม่ การทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต เช่น ใส่บาตรในตอนเช้า โดยอาจจะให้ลูกมีส่วนร่วมในการเตรียมอาหารสำหรับทำบุญด้วย และสอดแทรกเรื่องการทำบุญที่ถูกวิธีว่าควรจะทำอย่างไร โดยไม่ลืมที่จะสอดแทรกเรื่องธรรมให้กับลูกด้วย หรืออาจจะชวนลูกไปวัด ให้ได้เห็นพุทธศาสนิกชนจำนวนมากที่มารวมตัวกันทำบุญ จะได้ทำให้เด็กๆ ได้ซึมซับเอาวิถีวัฒนธรรมของชาวพุทธติดตัวไปด้วย
★4. ชวนลูกทบทวนตัวเอง พ่อ แม่ควรตั้งคำถามถึงช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาว่าลูกเป็นอย่างไร มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง และอยากจะปรับปรุงอะไรบ้าง โดยที่พ่อแม่ควรมีส่วนในการกระตุ้นให้ลูกฝึกคิด และตั้งใจฟังเขาด้วยความเต็มใจ พยายามให้เขาอยากพูดออกมาแบบไม่อึดอัด เพื่อให้เขาเรียนรู้จักตัวเองด้วย และขณะเดียวกัน อาจเปิดโอกาสให้เขาได้วิพากษ์วิจารณ์พ่อแม่ด้วยก็ได้ เช่น มีอะไรที่อยากจะบอกพ่อแม่ไหม หรือมีอะไรที่คิดว่าไม่ชอบที่จะให้พ่อแม่ทำอะไรบ้าง
การเปิดโอกาสให้ลูกได้คิด ได้พูด อาจจะทำให้เราได้สะท้อนอะไรจากลูกด้วยก็ได้ เพราะอาจจะมีนิสัยบางอย่างเช่นกัน ที่ลูกไม่ชอบการกระทำบางอย่างของพ่อแม่ แต่เมื่อพ่อแม่เปิดโอกาสและรับฟังเขา พร้อมทั้งยอมที่จะปรับปรุงพฤติกรรมบางอย่างที่ลูกร้องขอ ก็จะทำให้ลูกรู้สึกดี และเรียนรู้ว่าพ่อแม่รักเขา และยินดีที่จะรับฟังและแก้ไขตัวเองเช่นกัน
★5. เปิดโอกาสให้ลูกแก้ปัญหา เป็น การต่อเนื่องจากข้อสี่ เรียกว่าถ้ามีบางเรื่องที่ไม่เหมาะสม ก็ชวนกันพูดคุยว่า แล้วเราจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร โดยเปิดโอกาสให้ลูกเสนอความคิดเห็นทั้งเรื่องของตัวเอง และเรื่องของพ่อแม่ โดยมีการพูดคุย และรับฟัง รวมถึงมีข้อเสนอแนะดีๆ ให้กับลูก เท่ากับเป็นการกระตุ้นให้ลูกได้ฝึกคิด ฝึกให้ยอมรับปัญหา และพร้อมจะแก้ไขปัญหา โดยมีคนที่เขารักพร้อมเป็นกำลังใจอยู่เสมอ
★6. สอนให้ลูกยิ้มในทุกสถานการณ์ แม้ จะต้องเจอะเจออุปสรรค หรือมีปัญหาใดๆ ก็ตาม ควรสอนให้ลูกเป็นเด็กร่าเริง มองโลกด้วยทัศนคติบวก และใส่เรื่องราวที่สร้างสรรค์ให้ลูกอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าลูกจะเจอะเจอกับปัญหาหรืออุปสรรคแค่ไหน เขาก็พร้อมที่จะเผชิญปัญหา
★7. ฝึกจิตใจให้ลูกได้เรียนรู้คนที่ด้อยโอกาสกว่า หลัง จากฝึกให้ลูกคิดแล้ว ก็ควรให้ลูกได้ฝึกจิตใจด้วย อาจจะชวนลูกไปทำทานที่บ้านเด็กกำพร้า เด็กพิการ หรือบ้านคนชรา ฯลฯ เพื่อให้เขาได้เรียนรู้จักกลุ่มคนที่ด้อยโอกาส หรือขาดโอกาสมากกว่าเขามากมาย ทั้งยังเป็นการสอนให้เขาเรียนรู้เรื่องการแบ่งปัน การคิดถึงและเข้าอกเข้าใจเพื่อนมนุษย์ ให้เขาเห็นว่าจากสิ่งที่เขามี สิ่งที่เขาเป็น ก็โชคดีกว่าคนอื่นอีกมากมาย เขาจะได้เห็นคุณค่าในตัวเอง และอยากที่จะแบ่งปันให้กับผู้อื่นด้วย
★8. เรียนรู้จากงานปาร์ตี้ อย่างไรซะลูกของเราก็ต้องได้ไปงานเลี้ยงฉลองปีใหม่ ไม่ที่ใดก็ที่หนึ่ง หรืออาจจะหลายครั้งด้วย ก็ต้องสอนให้ลูกเรียนรู้ว่าการไปงานปาร์ตี้ต่างๆ ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร งานแต่ละประเภทแต่ละสถานที่มีความแตกต่างกันอย่างไร และลูกควรจะปฏิบัติตัวอย่างไร เป็นการสอนเรื่องการเรียนรู้ในการเข้าสังคมให้กับเขาด้วย
★9. อาหารการกินก็ต้องเลือก แม้แต่อาหารการกินก็ควรให้ลูกได้เลือกกินให้เหมาะสม เพราะ ปกติงานเลี้ยงส่วนใหญ่ ก็จะเต็มไปด้วยอาหารมากมาย แต่อาหารส่วนใหญ่จะอุดมไปด้วยไขมัน และอาหารประเภทเนื้อสัตว์ รวมถึงเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมก็จะเยอะมาก ก็ต้องสอนให้ลูกเลือกกิน หรือกินแต่พอเพียง และหลังจากกินแล้ว ก็ต้องกระตุ้นให้เขาได้ใช้พลังงานด้วยการออกกำลังกายด้วย และถ้าจะให้ดีก็ชวนกันออกกำลังกายกันทั้งครอบครัวซะเลย
★10. ชวนลูกทำความรู้จักสิ่งใหม่ๆ รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใหม่ๆ เพื่อนใหม่ หรือสนใจเรียนรู้สิ่งรอบตัวเดิม แต่สังเกตสิ่งใหม่ๆ รอบตัวก็ได้ หรืออาจจะตั้งเป็นโจทย็ให้ลูกก็ได้ว่าลูกอยากจะทำสิ่งใดใหม่ๆ ก่อนจะขึ้นปีใหม่หรือไม่ เราอาจจะได้คำตอบจากลูกชนิดคาดไม่ถึงก็ได้
ทั้ง 10 สิ่ง จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก ก็สุดแท้แต่ว่าเราจะจัดลำดับความสำคัญของชีวิตของลูกเราอย่างไร เพราะทุกๆ สิ่งรอบตัวของเขาก็คือการเรียนรู้ วันเวลาที่เปลี่ยนผ่าน ก็เป็นการบอกถึงอายุที่เพิ่มขึ้น และเมื่อวัยที่เพิ่มขึ้น การเก็บเกี่ยวสิ่งดีๆ พร้อมกับการเรียนรู้ของลูกก็น่าจะเพิ่มมากขึ้นด้วย และคนที่มีส่วนต่อการเรียนรู้ของลูก ก็ไม่ใช่ใครอื่น พ่อแม่นั่นแหละค่ะ
สวัสดีปีใหม่ ปีแห่งการเรียนรู้อีกปีหนึ่งของลูกของเรา
ที่มา : //www.thaihealth.or.th/node/13208
Create Date : 30 ธันวาคม 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 30 ธันวาคม 2552 21:11:38 น. |
Counter : 709 Pageviews. |
|
|
|