รอบรู้เรื่อง ฟ.ฟันของลูก
เวลาเราพูดถึง “ฟัน” เรามักจะนึกถึงเรื่องการกินอาหาร การเคี้ยวอาหาร เพราะเป็นหน้าที่ที่ชัดเจนที่สุด และถูกใช้มากที่สุด ทั้งที่จริงเจ้าอวัยวะส่วนนี้มีประโยชน์มากมายมหาศาล
รูปหน้าคนเราจะหล่อจะสวยหรือไม่ ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับฟันด้วย บางคนหน้าตาดีแต่ไม่กล้ายิ้มให้เห็นฟันก็น่าเสียดาย ในขณะที่บางคนดูดีไปหมด แต่ออกเสียงไม่ชัดก็มี เรียกว่าทำให้เสียความมั่นใจไปก็ไม่น้อย ดิฉันเองก็มีปัญหาเรื่องฟันเหมือนกัน ในบรรดาหมู่มวลพี่น้องก็มีปัญหาเรื่องฟันกันหมด อันเนื่องมาจากเมื่อก่อนคุณแม่ไม่มีความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพฟันของลูก ซึ่งแท้จริงต้องเริ่มตั้งแต่ในท้องเลยทีเดียว
ช่วงที่คุณแม่ไม่สบาย คุณหมอให้ยามารับประทานทั้งที่คุณแม่กำลังตั้งท้องน้องชายของดิฉัน ยาที่คุณแม่รับประทานก็คือเตตร้าซัยคลิน ซึ่งกลายมาเป็นสาเหตุที่ทำให้ฟันของเขาไม่สวยและมีปัญหาอยู่จนทุกวันนี้ ยังมีอีกหลายกรณีที่ดิฉันได้มีโอกาสพบเห็นเจอะเจอคนที่มีปัญหาเรื่องฟัน อันเนื่องมาจากในยุคสมัยก่อน พ่อแม่ยังขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องการดูแลสุขภาพฟันอย่างถูกวิธี ยามเมื่อดิฉันได้เป็นแม่คน ก็เลยพิถีพิถันเป็นพิเศษ เพราะรู้ดีว่าเรื่องฟันเป็นเรื่องสำคัญต่อการสร้างความมั่นใจ มีส่วนต่อบุคลิกภาพ รวมถึงมีส่วนสำคัญที่ช่วยในเรื่องการออกเสียงที่ชัดเจน เรียกว่าต้องดูแลตัวเองตั้งแต่ตั้งครรภ์ และดูแลรายละเอียดของลูกน้อยตั้งแต่เล็กๆ เพื่อให้สุขภาพฟันของเขา และเธอตัวน้อยมีฟันที่สวยและสุขภาพแข็งแรง เพียงแค่พ่อแม่รู้จักวิธีการดูแลฟันอย่างถูกต้อง
ลองไปทำความรู้จัก “ฟัน” กันก่อนค่ะ ฟันซี่แรกของลูกหรือที่เรียกว่า ‘baby teeth’ มีมาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่เลยทีเดียว พอเป็นทารกก็จะเป็นตุ่มเล็กๆ แต่จะโผล่ขึ้นมาเห็นเป็นฟันน้อยๆ เมื่อเด็กอายุประมาณ 6 เดือน โดยทั่วไปฟันน้ำนมทั้ง 20 ซี่จะขึ้นครบ เมื่อเด็กอายุประมาณ 2 ปี และจะเริ่มหลุดเมื่ออายุประมาณ 6-7 ปี แล้วฟันแท้จะขึ้นมาแทนที่ฟันน้ำนม โดยฟันหน้าล่างจะหลุดก่อน ตามมาด้วยฟันหน้าบน ส่วนฟันกรามแท้ซี่แรกจะขึ้นเมื่อเด็กอายุประมาณ 6 ปี และฟันแท้ทั้งหมดจะขึ้นครบตอนเด็กอายุ 13 ปี ยกเว้นฟันกรามซี่ในสุดจะขึ้นตอนอายุ 18 - 25 ปี แต่บางคนอาจจะซ่อนอยู่ข้างในเรียกว่า “ฟันคุด” ซึ่งเด็กแต่ละคนฟันจะขึ้นเร็วช้าไม่เท่ากัน ช่วงอายุ 6 เดือนถึงขวบปีแรก เมื่อลูกเริ่มมีฟันน้ำนมซี่แรกขึ้นแล้ว ควรให้คุณหมอช่วยดูว่าฟันของลูกขึ้นถูกต้องหรือไม่และควรดูแลสุขภาพฟันอย่างไรไม่ให้ฟันผุ เนื่องจากเด็กเล็กมักจะมีปัญหาเรื่องฟันผุที่เกิดจากการดูดขวดนมหรือกินนมแม่ไม่ถูกวิธี จึงควรพาเด็กไปพบหมอฟันตั้งแต่เนิ่นๆ ข้อดีของการพาเด็กไปพบหมอฟันตั้งแต่เล็ก จะช่วยให้เด็กคุ้นเคยกับบรรยากาศของห้องทำฟัน และคุ้นเคยกับหมอฟัน ทำให้ไม่รู้สึกกลัว อ้อ..อย่าลืมบอกเด็กว่าการไปพบหมอฟันไม่ใช่เรื่องน่ากลัว คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ควรเอาบรรยากาศของการไปหาหมอฟันไปขู่เด็ก เช่น ถ้าไม่ยอมทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็จะพาไปพบหมอฟัน ซึ่งจะทำให้เด็กรู้สึกว่ากลัวหมอฟัน อันจะนำไปสู่ความกลัวต่อการไปทำฟันอีกต่างหาก ควรทำให้เป็นเรื่องธรรมดา ท่าจะให้ดีพาเด็กไปตรวจฟันเป็นประจำทุก 6 เดือน เพื่อให้เด็กคุ้นเคยก็จะเป็นการดี สำหรับวิธีทำความสะอาดเริ่มได้ตั้งแต่ฟันยังไม่ขึ้น โดยใช้ผ้านุ่มชุบน้ำสะอาดเช็ดบริเวณเหงือกเบาๆ เมื่อฟันเริ่มขึ้นแล้ว ใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดที่ฟันหรือใช้แปรงสีฟันสำหรับเด็กที่มีขนแปรงที่อ่อนนุ่มทำความสะอาด ในช่วงแรกพ่อแม่ควรช่วยเด็กแปรงฟันโดยยืนหรือนั่งด้านหลังเด็กและเชยคางเด็กเพื่อให้แปรงฟันได้ถึงด้านใน โดยให้คำแนะนำในการแปรงฟันของเด็กจนเด็กอายุ 6 - 7 ขวบ จึงให้เด็กรับผิดชอบการแปรงฟันด้วยตัวเองได้ โดยให้เด็กแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนเข้านอน ควรชมเชยและให้กำลังใจทุกครั้งที่เด็กแปรงฟันเอง สำหรับปัญหาของเด็กไทยที่พบบ่อยก็คือ ฟันน้ำนมซี่หน้าบนและล่างผุ ซึ่งเกิดจากการแปรงฟันที่ไม่ถูกวิธีและ การดูดนมขวดที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้น จึงควรฝึกให้เด็กดื่มนมจากแก้วเมื่ออายุ 1ขวบ และไม่ควรปล่อยให้นอนหลับขณะที่ขวดนมคาอยู่ในปาก เมื่อฟันเริ่มขึ้นแล้ว ช่วงกลางคืนไม่ควรให้นอนหลับคานมแม่ และหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำผลไม้จากขวดนม แต่ให้ดื่มจากแก้วหรือใช้หลอดดูดก็ได้ ควรเลิกดูดนมขวดตอนอายุ 12-14 เดือน นอกจากนี้ พฤติกรรมการดูดนิ้วของเด็กก็มีส่วนอย่างมากที่ทำให้รูปฟันไม่ปกติ ส่วนมากถ้าเด็กยังดูดนิ้วหลังจากอายุ 4 ปี อาจทำให้เกิดปัญหาฟันเกซ้อนกัน การปรึกษาคุณหมอเพื่อขอคำแนะนำให้เด็กเลิกดูดนิ้วจึงมีความจำเป็น โดยเฉพาะหลังจากฟันแท้ขึ้นแล้ว (ประมาณ 6 ขวบ) เด็กยังดูดนิ้วอยู่ จะส่งผลทำให้ฟันแท้เกได้ อย่ามองข้ามเรื่องฟันของเจ้าตัวเล็กนะคะ คุณพ่อคุณแม่คือคนที่มีส่วนสำคัญทำให้เขาหรือเธอเมื่อเติบโตขึ้นมามีบุคลิกภาพที่ดี และยิ้มอย่างมั่นใจหรือเปล่าค่ะ..!!
โดย สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน
Create Date : 25 ธันวาคม 2551 |
Last Update : 31 ธันวาคม 2551 14:39:29 น. |
|
2 comments
|
Counter : 849 Pageviews. |
|
|
|
[ Click Me ]