กันไว้ดีกว่าแก้ ก่อนลูกแย่เพราะของติดคอ
การที่เด็กจะหยิบอะไรเข้าปาก ก่อให้เกิดปัญหาในเรื่องของสิ่งของนั้นๆติดคอเด็ก จนบางครั้ง ต้องกลายเป็นเรื่องสลดถึงแก่ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นด.ช.สุรินทร์ ศีลพรหรือน้องพี อายุ 2 ขวบ ที่เสียชีวิต เพราะกลืนลูกมะนาวขนาดเท่าลูกปิงปองติดหลอดลม หรือจากเหตุการณ์ล่าสุดใน กรณีของด.ญ.แก้วตา สุขเทวี หรือ น้องก้อย อายุ 1 ขวบ ที่ต้องเสียชีวิตลงหลังจากที่ น้องก้อยไปตลาดกับแม่แล้วคว้าเห็ดฟางใส่ปากจน ติดหลอดลม ขาดอากาศหายใจ และมีสิทธิ์เป็นเจ้าหญิงนิทราแต่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา แม้ว่า เหตุการณ์เหล่านี้ได้เป็นอุทาหรณ์สอนใจพ่อแม่ทุกคนมานับไม่ถ้วน แต่โอกาสที่เด็ก จะเสียชีวิตเพราะกลืนสิ่งของลงไปจนขาดอากาศหายใจนั้นก็ยังพบ อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พึงระวังเป็นอย่างมาก เพราะหากเกิดการผิดพลาดแม้เสียววินาที ก็ก่อให้เกิดความสูญเสียแก่คนในครอบครัวได้เช่นกัน พญ.อดิศร์สุดา เฟื่องฟู กุมารแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการ สถาบันสุขภาพเด็ก แห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า จากกรณีที่มีเด็กต้องเสียชีวิตเพราะกลืนสิ่งของต่างๆนั้น โดยธรรมชาติแล้ว พฤติกรรมการหยิบสิ่งของเข้าปากเป็นพัฒนาการของเขาโดยเฉพาะ ขวบปีแรก สิ่งสำคัญที่สุดที่พ่อแม่ต้องคำนึงอยู่เสมอคือ ต้องระมัดระวังและใส่ใจทุกเรื่องอย่างใกล้ชิด ซึ่งวิธีป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันมีดังนี้ 1.“ระวังเรื่องของเล่น” ส่วนใหญ่พ่อแม่จะไม่ให้ลูกเล่นของเล่นชิ้นเล็กๆ แต่ของเล่นชิ้นใหญ่เองก็ไม่ได้ปลอดภัย เพราะของเล่นชิ้นใหญ่ก็มีส่วนประกอบชิ้นเล็กๆเช่นกัน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นชิ้นไหนๆก็ไม่ควร ประมาท ซึ่งวิธีทดสอบง่ายๆว่าของเล่นชิ้นนั้นควรให้เด็กเล่นหรือไม่ โดยการตั้งแกนกระดาษทิชชู และนำของเล่นใส่ลงไป ถ้าชิ้นไหนสามารถใส่ลงไปในแกน กระดาษทิชชูได้ก็ไม่ควรให้เด็กเล่น เพราะชิ้นเล็กจนเกินไป ทั้งนี้ พยายามอย่าให้ลูกเล่น ของเล่นที่มีลักษณะกลมๆ และเป็นเม็ดเล็กๆ เพราะมักหยิบใส่ปากได้เช่นกัน 2.“เก็บให้พ้นมือเด็ก” หากมีวัสดุอุปกรณ์ตกอยู่หรือเก็บไม่เป็นที่ ควรเก็บให้เรียบร้อยและที่สำคัญคือ กรุณาเก็บให้พ้นมือเด็กเพราะเด็กวัยนี้เป็นวัยกำลังซน มือเขาจะหยิบจับอะไรค่อนข้างวัยมาก พ่อแม่อาจดูไม่ทัน
3. “เหรียญต่างๆ อย่าให้ถือ” พ่อแม่ไม่ควรให้เงินลูกโดยเฉพาะเหรียญต่างๆ เพราะเด็กอาจนำเอาเข้าปากได้ ซึ่งกรณีที่เด็กกลืนเหรียญนั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่พบเห็นได้บ่อย มากกว่าชนิดอื่น ดังนั้น พ่อแม่ควรระมัดระวังมากเป็นพิเศษ
4. “ใช้ช้อนป้อนขนมลูก” ไม่ว่าจะเป็นเยลลี่หรือวุ้นพ่อแม่ควรใช้ช้อนตักให้ลูกรับประทาน ห้ามให้ลูกดูดจากถ้วยเด็ดขาดเพราะขนมเหล่านั้นอาจทำติดคอได้ ส่วนอาหารที่มีก้างหรือกระดูกก็ควรเลาะเอาก้างออกให้หมด ก่อนที่จะเอาให้ลูกรับประทาน
แต่หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ลูกจะไม่สามารถส่งเสียงได้ หากของชิ้นนั้นเป็นชิ้นที่มีขนาดใหญ่และไปติดที่หลอดลมหรือ หลอดอาหาร ซึ่งเด็กก็ไม่สามารถบอกหรืออธิบายให้ผู้ปกครองทราบได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หากเป็นของชิ้นเล็กๆ เด็กจะกลืนอาหารลำบาก พ่อแม่จะสังเกตได้จากการที่เขาบ้วนน้ำลาย บ่อยๆ ทั้งนี้ ในกรณีที่ต้องส่งโรงพยาบาลทันทีที่เด็กส่วนใหญ่ต้องเสียชีวิตลงคือ เด็กมีอาการหน้าและปากเขียว เพราะสิ่งของไปติดที่หลอดลม จนทำให้เขาขาดอากาศหายใจ และหมดสติในที่สุด ซึ่งหากอาการหนักมาก เด็กขาดอากาศหายใจเกิน 4 นาทีจะถึงแก่ชีวิต ส่วนวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อเด็กๆกลืนสิ่งของลงคอนั้น พ่อแม่ต้องดูก่อนว่าเด็กมีอาการ “เขียว” หรือไม่ ถ้ามีควรส่งโรงพยาบาลทันที แต่หากไม่ร้ายแรงมากนัก สิ่งแรกที่ควรทำคือเด็กนอนคว่ำและตบหลังให้ของออกมา หรือใช้มือล้วง แต่ต้องแน่ใจว่าของนั้นๆยังไม่ตกลงไปในท้อง หากสิ่งของลงท้องไปแล้ว ควรรีบไปโรงพยาบาลทันที ซึ่งถ้าของติดหลอดลมจะเป็นอันตรายมากกว่าหลอดอาหาร อย่างไรก็ดี ผู้ปกครอง,พี่เลี้ยงควรระวังและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุจะดีกว่าไปแก้ไขทีหลัง
Create Date : 21 มกราคม 2552 |
Last Update : 21 มกราคม 2552 19:08:10 น. |
|
1 comments
|
Counter : 889 Pageviews. |
|
|
|