Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 
29 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
ผลเสียจากการตำหนิติเตียน

ผลเสียจากการตำหนิติเตียน


น้องโน้ตกำลังเขียนจดหมายถึงคุณยาย หรือพอเขียนจบ คุณแม่ขอดู โน้ตไม่เต็มใจนักแต่ก็ต้องส่งให้คุณแม่ดู
แต่แม่กลับบอกว่า
“ลายมือลูกนี่แย่จริงๆ เขียนโย้ไปเย้มา ไม่ตรงบรรทัดเลย สะกดผิดตั้งหลายคำ คำนี้สะกดอย่างนี้ๆ”

ว่าแล้วคุณแม่ผู้หวังดีก็ขีดคำผิดออกและแก้ไขให้ใหม่ พร้อมกับบอกโน้ตให้เขียนใหม่อีกรอบ
โน้ตก็เขียนอีกครั้งก็ยังสะกดผิดอีก คุณแม่ก็บ่นพลางแก้ให้อีก
สรุปแล้วโน้ตก็ต้องคัดจดหมายฉบับนั้น อีกหลายครั้ง จนในที่สุดโน้ตก็เลยขย้ำกระดาษทิ้งแล้วก็ร้องไห้
คุณแม่ก็ยังไม่วายออกคำสั่งอีก
โน้ต หยุดร้องเดี๋ยวนี้ ไม่เห็นเป็นเรื่องเลย ออกไปทำอย่างอื่นสักพักแล้วค่อยกลับมาเขียนใหม่

อย่าว่าแต่เด็กตัวเล็กๆ เลยค่ะ เราเองที่เป็นผู้ใหญ่ ถ้าโดนแบบนี้ก็คงหมดกำลังใจ
น้องโน้ตวัยเพียงแค่ 6 ขวบ ก็คงจะน้อยอกน้อยใจเหลือเกิน
ก็ลองนึกดูสิค่ะว่าในขณะที่เธอกำลังเพลิดเพลินกับการเขียนจดหมาย คุณแม่กลับทำให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจ
เธอผลักดันลูกสาวจากด้านบวกไปสู่ด้านลบ กลายเป็นเด็กที่เกรงกลัวความผิดพลาด
ความกลัวตัวนี้จะบีบคั้นให้เด็กทำผิดพลาดมากขึ้น และเกิดความท้อแท้หมดกำลังใจ
น้องโน้ตอาจจะเกลียดการเขียนจดหมายไปเลยก็ได้ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วไม่ว่าจะเขียนถูกหรือผิดอย่างไร
คุณยายก็ชื่นใจไม่ต่างกัน

ในทางกลับกัน ถ้าคุณแม่แสดงความชื่นชม
ก็จะทำให้น้องโน้ตมีความภูมิใจ มีกำลังใจที่จะเขียนหนังสือให้สวยยิ่งขึ้น
และมีความมั่นใจในความสามารถของตัวเอง การที่เรามุ่งไปที่ความผิด เราก็จะได้ข้อสรุปเป็นความผิด
นั่นแสดงว่าเราไม่มีความศรัทธาในตัวลูกเลย เมื่อเป็นเช่นนี้ ลูกก็ย่อมขาดพลังที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ

บ่อยครั้งที่เด็กทำความผิดเพราะขาดประสบการณ์ การทำความผิดนั้นทำให้เด็กทุกข์มากอยู่แล้ว
การตำหนิจะเป็นการซ้ำเติมให้เด็กยิ่งเจ็บช้ำมากขึ้น หากเราคอยแต่จับผิดและตำหนิติเตียนเด็กบ่อยๆ
ก็อาจจะส่งผลให้เด็กมีความประพฤติไปจากที่ควรโดยไม่รู้ตัว
และอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กมีความบกพร่องตลอดไป
เช่น เด็กที่พูดติดอ่าง บ่อยครั้งที่อาการดังกล่าวจะหายไป ถ้าไม่มีใครคอยสังเกตหรือพูดย้ำ

การที่เราจะแนะนำสั่งสอนเด็กให้ได้ผลดีนั้น
จะต้องหาสาเหตุของปัญหาให้ได้ก่อนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร เพราะเหตุใดเป็นเพราะความผิดของเด็ก
หรือเป็นเพราะเกิดความท้อคอยเกรงกลัว หรือมีเหตุผลอย่างอื่นอยู่เบื้องหลังพฤติกรรมนั้น เช่น
การที่พ่อแม่มองว่าเด็กเป็นคนขี้แยจอมแก่น ทำให้เรามองเด็กว่าเป็นเด็กเช่นนั้นเรื่อยไป
ตัวเด็กเองก็คิดเช่นนั้นด้วย ดังนั้นแทนที่เขาจะทำตัวให้ดีขึ้น เขาจะกลับทำตัวแบบนั้นตลอดไป

ในทำนองเดียวกัน
หากเราคอยระวังแก้ไขความผิดพลาดของเด็กอยู่ตลอดเวลา หรือกังวลว่าจะต้องมีความผิดพลาดเกิดขึ้น
แทนที่เราจะได้ช่วยแก้ไขพฤติกรรมของเด็ก กลับกลายเป็นว่าไปสร้างความยุ่งยากใหม่ให้เกิดขึ้น
นั้นเป็นเพราะว่าเด็กจะรู้สึกว่าการกระทำผิดนั้นจะทำให้พ่อแม่สนใจ แล้วเขาก็จะทำมันเรื่อยๆ
หรือบางครั้งถ้าหากว่าเด็กทำให้พ่อแม่ยุ่งยากหรือโมโหได้ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นฝ่ายชนะ
ดังนั้น การตำหนิไม่ใช่วิธีการสอนเด็ก
แต่กลับกลายเป็นการส่งเสริมให้เด็กพยายามทำในสิ่งที่เราไม่ชอบ หรือสิ่งที่บกพร่องนั้นต่อไป
โดยที่เราเองก็นึกไม่ถึงว่าเด็กจะแกล้งทำสิ่งที่ผิดด้วยความตั้งใจ

เมื่อต้องถูกแก้ไขอยู่ตลอดเวลา ไม่เพียงแต่เด็กจะรู้สึกว่าเขาทำแต่ความผิดเท่านั้น แต่จะกลายเป็นคนกลัวผิดด้วย
ความกลัวผิดนี้จะทำให้เด็กกลายเป็นคนลังเล ไม่มั่นใจในตัวเอง ทำอะไรก็กลัวผิด
ซึ่งทำให้เขาไม่อยากทำอะไรเลย และทำให้เด็กรู้สึกว่าถ้าเขาไม่เพียบพร้อมสมบูรณ์ก็คงไม่มีคุณค่า

เด็กๆ จะมีความกล้าและสามารถเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี ถ้าหากว่าพ่อแม่ไม่พยายามหาข้อบกพร่อง
และนำลูกไปในทางบวก เช่น การให้กำลังใจลูก โดยการช่วยลูกคิดหาทางแก้ไข นำให้เด็กก้าวต่อไป
และหนุนให้เขากล้าหาญที่จะยอมรับความผิด
การทำความผิดนั้นไม่สำคัญเท่ากับการคิดว่า จะแก้ไขอย่างไรดีกับสิ่งที่ผิดไปแล้ว
เพราะความเพรียบพร้อมสมบูรณ์นั้นเป็นเป้าหมายสูงสุดที่ใครๆ ก็ไปไม่ถึง
เราจึงควรมีความกล้าหาญพอที่จะมีความบกพร่อง และยอมให้ลูกๆ มีบ้างเช่นเดียวกัน

การที่เรายับยั้งไม่ดุว่าติเตียน ไม่ปรักปรำว่าเขาเป็นเด็กไม่ดี หรือบกพร่องอย่างนั้นอย่างนี้
มองเด็กในแง่ดี และชี้แจงเหตุผลให้เขาเข้าใจ อีกไม่ช้าเด็กก็จะทำผิดน้อยลง
สิ่งสำคัญก็คือพ่อแม่จะต้องทำความเข้าใจว่า ตัวเด็กก็ไม่ได้เลว แต่สิ่งที่เขาทำต่างหากที่เลว
เด็กเองก็เข้าใจแบบนั้นเช่นเดียวกัน เขาอาจจะทำความผิด โดยที่คิดว่าเขาไม่ใช่คนเลว
พ่อแม่จึงควรจะทำให้เด็กรู้อยู่เสมอว่า เรารักเขาและมีความศรัทธาในตัวเขา
ก็จะเป็นการส่งเสริมให้เด็กเลิกทำความผิดได้



ขอขอบคุณ นิตยสาร บันทึกคุณแม่
ที่มา : //women.sanook.com


สารบัญแม่และเด็ก



Create Date : 29 พฤษภาคม 2553
Last Update : 29 พฤษภาคม 2553 20:07:00 น. 0 comments
Counter : 973 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.