Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
 
27 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
เทคนิคสยบลูกด้วยวิธี “ไม่สนใจ”!



ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนกับ คำว่า “ไม่สนใจ” ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า
ไม่ไยดี ปล่อยปละละเลย หรือทิ้งๆ ขว้างๆ แต่ หมายถึงการ “ใส่ใจ” ด้วยวิธี “ไม่สนใจ”

เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเด็กยุคนี้ไม่ธรรมดา ยิ่งเกิดในครอบครัวไม่ธรรมดาด้วยแล้ว
เด็กยิ่งมีโอกาสสุ่มเสี่ยงต่อการกลายเป็นเด็กที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งอย่าง
เป็นธรรมดาที่คนเป็นพ่อแม่จะทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อลูกผู้เป็นดั่งดวงใจ
จึงไม่ต้องแปลกใจที่ลูกจะเป็นศูนย์กลางของคนเป็นพ่อแม่ ยิ่งถ้าเป็นครอบครัวขยาย
เด็กก็เป็นศูนย์กลางของครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นปู่ย่าตายาย พี่ป้าน้าอา
เด็กจะเป็นคนสำคัญและได้รับความสนใจอยู่ตลอดเวลา

ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการดูแลเด็กแนะนำวิธีการเลี้ยงลูกของชาวอเมริกันแบบไม่เครียด
โดยให้พ่อแม่ทำเป็นไม่สนใจลูกบ้าง เพราะพบว่าเด็กยุคนี้แทบจะไม่เคยลิ้มรสรับรู้ชีวิตที่ไม่ได้รับความสนใจเลย
จนกลายเป็นเด็กที่เรียกร้องความสนใจเก่งไปแล้ว

เด็กยุคนี้แทบจะเป็นศูนย์กลางของความสนใจของพ่อแม่นับแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลกเลยก็ว่าได้ พวกเขาเรียนรู้ว่า
ตัวเองนั้นมีความสำคัญเพียงใด ดังนั้น จึงทนไม่ได้เลยหากถูกละเลยไม่สนใจ
เด็กจึงมีวิธีการเรียกร้องความสนใจมากมายหลายรูปแบบ ทุกวันนี้พ่อแม่จำนวนไม่น้อยรู้สึกว่า
การเลี้ยงดูลูกนั้นทำให้เกิดความเครียด แต่ก็ยินดีและมีความรู้สึกว่าจะต้องให้ความสนใจกับลูกมากๆ
โดยหารู้ไม่ว่า ยิ่งพ่อแม่ให้ความสนใจลูกมากเท่าใด ลูกก็ยิ่งต้องการความสนใจมากขึ้นเท่านั้น

ในอดีต เด็กๆ ไม่ได้รับความสนใจจากพ่อแม่ผู้ปกครองมากเหมือนกับเด็กในปัจจุบัน
และเด็กก็ได้เรียนรู้ด้วยว่าอะไรควรทำ และไม่ควรทำอะไร เป็นการเรียกร้องความสนใจ
ซึ่งทำให้ทั้งพ่อแม่ลูกได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน และไม่เป็นการตามใจลูกจนเกินไป

ฉะนั้น การไม่สนใจลูกบ้างจึงเป็นวิธีการเลี้ยงลูกอย่างหนึ่งที่ได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย

สถานการณ์ของเด็กในอเมริกาก็ไม่ต่างจากเด็กไทย หรือแนวโน้มของเด็กทั่วโลก
เพราะเด็กที่เกิดมาในยุคนี้ มักจะได้รับการประคบประหงมที่ค่อนไปทางเกินเหตุเสียมากกว่า..!!

ปัญหานี้ส่วนใหญ่จะเกิดกับครอบครัวชนชั้นกลาง และครอบครัวผู้มีอันจะกินทั้งหลาย

สาเหตุหลักๆ ก็มาจากพ่อแม่ยุคนี้มีค่านิยมที่ต้องการมีลูกคนเดียว หรือไม่เกินสองคน
โดยมีเป้าหมายจะดูแลให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ประมาณว่ามีลูกน้อยแต่พร้อมที่จะเลี้ยงดูอย่างเต็มที่
อยากได้อะไรก็มักจะได้ โดยหารู้ไม่ว่า กลายเป็นการสะสมบ่มเพาะนิสัยที่ไม่ดีหลายๆ อย่างให้เกิดขึ้นในตัวลูก

อีกประการหนึ่ง ก็คือ ต้องการทดแทนชีวิตในวัยเด็กของพ่อแม่เอง
มีพ่อแม่จำนวนไม่น้อยที่พร้อมจะตอบสนองลูกในทุกเรื่อง
ซึ่งบางครั้งการตอบสนองดังกล่าวจะออกมาในรูปของวัตถุมากกว่า ทำให้เด็กมักจะเรียกร้อง
และสิ่งที่เรียกร้องก็มักจะเป็นสิ่งของซะมากกว่า

เราจะเห็นได้ว่า เด็กๆ มักจะเอาแต่ใจตนเอง เพราะเวลาอยากได้อะไรแล้วมักจะได้ เพราะเด็กเรียนรู้ว่า
พ่อแม่รักเขา และเขาก็เรียนรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรพ่อแม่จึงจะตอบสนองสิ่งที่เขาต้องการ

เรียกว่าตั้งแต่แรกเกิด พ่อแม่ก็จะประคบประหงม ไม่ให้ลูกร้องไห้ บางทีลูกยังไม่ทันได้รู้สึกหิว
เพราะความห่วงใยของพ่อแม่ที่กลัวลูกหิว ก็จะเตรียมให้ลูกไม่ได้ขาด ลูกอยากได้สิ่งใด ก็ตามใจลูก
ไม่อยากให้ลูกเสียใจหรือร้องไห้

เมื่อเด็กเรียนรู้ว่าทุกคนรักเขา และให้ความสำคัญกับเขา
เขาก็เรียนรู้วิธีต่างๆ ได้มากมายกว่าที่ผู้ใหญ่อย่างเราๆ คิด บางครั้งเขาเรียนรู้ว่าถ้าลงไปนอนดิ้นกับพื้นเมื่อไร
แม่จะต้องตอบสนองสิ่งที่เขาต้องการ หรือพ่อแม่บางคนจะทนไม่ได้เมื่อเห็นลูกร้องไห้ กับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ
หรือต้องการตัดรำคาญก็ตอบสนองทันที เด็กก็ยิ่งจดจำวิธีการเหล่านั้น

เด็กจะทนไม่ได้ ถ้าพ่อแม่ไม่ให้ความสนใจในตัวเขา
เขาจึงพยายามสรรหาวิธีเรียกร้องความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ

เด็กที่เกิดในครอบครัวชนชั้นกลางยุคนี้ ได้รับความรักหรือความสนใจจากคนเป็นพ่อแม่ออกจะเกินเหตุด้วยซ้ำไป
เขาควรจะต้องได้รับภูมิต้านทานในเรื่องนี้
ฉะนั้น คนเป็นพ่อแม่ต้องใช้วิธี “ไม่สนใจ” เพื่อสยบความเฮี้ยว หรือความเอาแต่ใจตนเองของลูกบ้าง


แล้วมีวิธีใดบ้าง ?

หนึ่ง
ลูกเป็นศูนย์กลางของพ่อแม่ก็จริงอยู่ แต่ไม่จำเป็นต้องแสดงออกให้ลูกรับรู้ทั้งหมด
ควรจะอธิบายและสอนให้ลูกมีเหตุผลมากกว่าจะยอมลูกเพราะความรักเพียงอย่างเดียว
ลูกจำเป็นที่จะต้องถูกปฏิเสธในบางเรื่องที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสม
โดยมีพ่อแม่คอยอธิบาย และพูดคุยด้วยเหตุผลอย่างสม่ำเสมอ

สอง
ต้องพยายามสร้างความรับรู้ และความเข้าใจกับคนในครอบครัวที่มีส่วนต่อการดูแลลูกของเรา
เพราะความรักของผู้ใหญ่ในบ้าน บางคราก็ทำร้ายลูกหลานของเราเอง
ถ้าเรารักลูกไม่ถูกทาง การบ่มเพาะนิสัยที่ไม่ดี หรือปลูกฝังนิสัยดีๆ ก็เริ่มตั้งแต่เล็ก
และก็เกิดจากการเลี้ยงดู และสภาพแวดล้อม รวมถึงผู้คนในครอบครัวที่ต้องร่วมรับผิดชอบร่วมกัน
ผู้ใหญ่ในบ้านต่างก็รักลูกของเรา การทำความเข้าใจ
เพื่อให้การเลี้ยงดูลูกของเราไปในทิศทางเดียวกัน และบ่มเพาะนิสัยที่ดีเพื่ออนาคต

สาม
บางครั้งวิธีที่ไม่สนใจลูก ก็ช่วยสร้างนิสัยที่ดีให้กับลูกได้ เช่น ถ้าลูกแสดงอาการที่ไม่เหมาะสม อาละวาด หรือกรี๊ด
หรือนอนดิ้นกับพื้น เพื่อต้องการได้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือเพื่อต้องการให้เรียกร้องความสนใจ
แม้ใจจริงคุณอยากจะให้ลูกขนาดไหน ก็ต้องใจแข็ง และบอกกับตัวเองว่าต้องผ่านไปให้ได้
เพื่อสร้างนิสัยที่ดีให้กับลูกของเราที่ต้องเติบโตขึ้นไปในอนาคต โดยไม่มีเรา

ลูกจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่แบบไหน ต้องถามตัวเราเองว่าแล้วเราสร้างลูกมาแบบไหนด้วยเช่นกัน


จาก ผู้จัดการ


Create Date : 27 มีนาคม 2552
Last Update : 27 มีนาคม 2552 16:39:58 น. 0 comments
Counter : 868 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.