Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 
21 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
3Q เพื่อพัฒนาการที่มีคุณภาพของลูก

3Q เพื่อพัฒนาการที่มีคุณภาพของลูก
3 คิว เพื่อพัฒนาการที่มีคุณภาพของลูก

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในภาวะปัจจุบัน สิ่งแวดล้อมและสภาพสังคมเป็นปัจจัยหนึ่ง
ที่มีอิทธิพลต่อการหล่อหลอมให้เด็กคนหนึ่ง เติบโตขึ้นมาในแบบที่แตกต่างกันออกไป
นั่นเพราะถ้าเด็กได้เข้าไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมและสังคมที่ดี เขาก็จะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ
แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าเขาต้องเผชิญกับสิ่งแวดล้อม และสภาพสังคมที่ไม่ดีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
เด็กๆ เหล่านั้นก็จะเติบโตขึ้นมาอย่างไม่มีคุณภาพเช่นกัน
เพราะฉะนั้น การป้องกันเด็กจากสภาพสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี
โดยทำให้เด็กมีภูมิต้านทานต่อสิ่งแวดล้อม และสภาพสังคมที่ไม่ดีทั้งหลายเหล่านั้น

การเลี้ยงดูที่ดีจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
ซึ่งที่ผ่านมาหลายคนก็คงได้ยินได้ฟังในเรื่องของ “ไอคิว” (Intelligence Quotient) ความฉลาดทางสติปัญญา
และ “อีคิว” (Emotional Ouotient) ความฉลาดทางอารมณ์ เพื่อพัฒนาการที่ดีของเด็กมาบ้างแล้ว

แต่ในสภาพสังคมปัจจุบัน เพียงแค่ไอคิวและอีคิวก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่
แต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับการเลี้ยงดู เพื่อให้เด็กเติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ
เพราะ พ.ญ.สุพร อภินันทเวช จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ภาควิชาอนามัยครอบครัว คณะสาธารณสุขศาสตร์
มหาวิทยาลัยมหิดล บอกว่า ต้องเพิ่มเติมเรื่องของ “เอ็มคิว” (Moral Ouotient) ไปอีกหนึ่งอย่างด้วย


ไอคิว (Intelligence Quotient)
พ.ญ. สุพร บอกว่า ไอคิวเป็นเรื่องของความสามารถทางสติปัญญา ซึ่งเกี่ยวกับระดับสติปัญญาการเรียนรู้
เป็นตัวที่จะบ่งบอกความสามารถในการเรียนรู้ คนที่มีไอคิวดีจะเรียนรู้ ฟัง รับรู้เรื่องต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
ไอคิวนั้นสามารถวัดได้ตั้งแต่เด็กประมาณ 2 ขวบแต่จะไม่ได้ออกมาเป็นตัวเลข
หรือถ้าต้องการจะวัดออกมาเป็นตัวเลขก็จะต้องวัดตั้งแต่อายุ 7 ขวบขึ้นไป
โดยจะมีแบบทดสอบที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งโลก และแต่ละประเทศจะแปลงให้เข้ากับคนในชุมชน
ซึ่งการทดสอบนี้จะต้องทำโดยนักจิตวิทยาคลินิกเท่านั้น

“ไอคิวเป็นเรื่องของพันธุกรรม พ่อแม่ที่ฉลาด ลูกก็มักจะฉลาดไปด้วย
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเกือบทุกคนจะมีไอคิวปกติ ค่าที่วัดได้จะอยู่ที่ประมาณ 90-110
แต่สำหรับคนที่มีไอคิวสูง หรือมีความฉลาดมาก ค่าที่วัดได้จะอยู่ประมาณ 120-130
แต่ถ้าทดสอบออกมาแล้วพบว่ามีไอคิวต่ำกว่ามาตรฐาน ก็แสดงว่าเด็กคนนั้นอาจจะมีปัญหาอะไรมาก่อน
เช่น มีพัฒนาการช้า ปัญญาอ่อน หรือมีโรคทางสมอง”



อีคิว (Emotional Ouotient)
อีคิว คือความฉลาดทางอารมณ์ หมายถึง อารมณ์ จิตใจและสังคม
เป็นสิ่งที่ตอนนี้สังคมให้ความสนใจและมีความสำคัญมาก เพราะ พ.ญ.สุพร บอกว่า
ในระยะหลังๆ มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ออกมาบอกว่า คนที่มีไอคิวดีนั้นสู้การมีอีคิวที่ดีไม่ได้
เพราะมีหลายคนเป็นเด็กเรียนเก่ง แต่เมื่อพบกับความผิดพลาดก็มักจะรับไม่ได้
และผลที่ตามมาก็คือการทำร้ายตัวเอง

“ในตอนนี้จึงให้ความสำคัญกับเรื่องของอีคิวมากกว่าไอคิว เพราะในขณะที่บางคนมีไอคิวต่ำแต่มีอีคิวดี
พวกเขาก็จะมีความสุข เพราะจะเป็นผู้ที่เข้ากับคนง่าย มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
ซึ่งเรื่องของไอคิวนั้นสามารถที่จะพัฒนาได้ถ้าเป็นคนที่มีอีคิวดี”

ถ้าจะลองสังเกตดูง่ายๆ ว่าลูกของคุณเป็นผู้มีอีคิวดีหรือไม่ ให้ลองตรวจสอบดูว่ามีลักษณะดังต่อไปนี้หรือไม่
1.รู้จักอารมณ์ตัวเอง
2.รู้จักอารมณ์คนอื่น
3.ควบคุมอารมณ์ตนเองเป็น
4.เป็นคนที่มีแรงจูงใจ มีความตั้งใจที่จะไปข้างหน้า มีจุดมุ่งหมาย มีการพัฒนาตนเองอยู่เรื่อยๆ
5.มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ตั้งแต่การรู้จักปรับตัวเข้ากับคนอื่น เสียสละ มีมารยาท

ถ้ามีทั้ง 5 ข้อก็ถือว่าเป็นผู้ที่มีความฉลาดทางอารมณ์
ซึ่งเรื่องของอีคิวนี้ หลังๆ ก็เริ่มที่จะมีการวัดออกมาแต่ก็ยังไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน
เพราะอีคิวนั้นต้องขึ้นอยู่กับสังคม วัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ ด้วย

เรื่องของการพัฒนาอีคิวสำหรับลูกนั้น พ.ญ.สุพร บอกว่า การสร้างอีคิวทำได้ไม่ยาก
“เราสามารถสร้างอีคิวให้ลูกได้ตั้งแต่เกิด เพียงแต่ว่าพ่อกับแม่ต้องรู้จักวิธีการเลี้ยงดูที่เหมาะสม
รู้จักพัฒนาการของลูก รู้จักอารมณ์เด็ก ซึ่งพ่อแม่ที่มีอีคิวดีก็จะเลี้ยงลูกให้มีอีคิวดีได้
ในทางตรงกันข้าม ถ้าพ่อแม่มีอีคิวไม่ดีก็จะเลี้ยงลูกแบบใช้อารมณ์ กดขี่บังคับหรือว่าปล่อยปละละเลยจนเกินไป
ทำให้เด็กมีอีคิวที่ไม่ดี พ่อแม่จึงเป็นต้นตอของการสร้างอีคิวของลูก
ถ้าสำรวจพบว่าตัวเองยังมีอีคิวไม่ดี พ่อแม่ก็ต้องแก้ที่ตนเองก่อน เพราะลูกจะเห็นพฤติกรรมของพ่อแม่โดยตลอด
สิ่งแวดล้อมจะมีผลต่อการสร้างมนุษย์ครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งนั้นจะมาจากพันธุกรรมของพ่อและแม่”




เอ็มคิว (Moral Ouotient)
เอ็มคิว เป็นเรื่องของจริยธรรมและคุณธรรม
ซึ่งพ่อแม่สามารถที่จะปลูกฝังเรื่องของคุณธรรมให้ลูกๆ ได้เกือบทุกเรื่อง เช่น ความมีน้ำใจ
โดยอาจจะให้ช่วยคุณแม่ถือของ หรือให้นำเอาแก้วน้ำไปเก็บเองเมื่อดื่มน้ำเสร็จ เป็นต้น

พ.ญ.สุพร บอกว่า อยากให้พ่อแม่เน้นตรงนี้ให้มากๆ
เพราะสมัยนี้ปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นก็เพราะคนเราขาดคุณธรรม จริยธรรม
ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธ เราเอาเรื่องนี้มาใช้ในการสั่งสอนลูกได้ง่ายๆ เช่น ถ้าเราใช้หลักพุทธศาสนามาสั่งสอน
อย่างน้อยๆ ก็แค่เรื่องของศีล 5 ถ้าอยู่ในกรอบของศีล 5 ก็จะไม่มีการเบียดเบียน ไม่หยิบของใคร ไม่เจ้าชู้
ไม่พูดปด ไม่ยุ่งกับเหล้า บุหรี่ ยาบ้า ซึ่งถ้าปฏิบัติได้ตามนี้ลูกก็จะเติบโตมาอย่างมีคุณธรรมและจริยธรรม
จริยธรรมนี่เองที่จะเป็นเกราะให้ลูกเติบโตมาอย่างดี มีคุณภาพ

แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าพ่อแม่สอนสั่งสอนให้ลูกเห็นแก่ตัวหรือไม่มีคุณธรรม
กลับจะยิ่งทำให้เด็กขาดความภาคภูมิใจในตัวเอง เพราะคนที่เห็นแก่ตัวหรือไม่มีน้ำใจ
ความภาคภูมิใจในตัวเองจะมีน้อย ตรงข้ามกับคนที่เสียสละ
และยิ่งถ้าพ่อแม่ไม่มีเอ็มคิว ก็ไม่มีทางที่จะสอนลูกได้เช่นกัน


ทั้งไอคิว อีคิว และเอ็มคิวนั้นสามารถเริ่มสอนได้ตั้งแต่แรกเกิด และสอนไปตามวัยของเด็ก
เช่น อายุ 6 เดือนเริ่มเคลื่อนไหวได้ อาจจะสอนให้รู้จักควบคุมอารมณ์
แสดงให้เขารู้ว่าอะไรสามารถเล่นได้หรือเล่นไม่ได้ เป็นต้น

นอกจากนั้น พ.ญ.สุพร ได้ฝากทิ้งท้ายเอาไว้ว่า
การเลี้ยงลูกไม่ใช่เลี้ยงให้เป็นเด็กเก่งเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเป็นเด็กดีด้วย ซึ่งเด็กที่ดีนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับพ่อแม่
เพราะฉะนั้น พ่อแม่ต้องไปสำรวจตัวเองว่ามีครบทั้ง 3 ข้อหรือไม่
และถ้าสำรวจแล้วพบว่าตนเองมีครบทั้ง 3 ข้ออยู่แล้ว
ก็ให้มั่นใจที่จะสอนลูกให้เติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพต่อไป


เรื่อง : สุรีย์รัตน์ พิทักษ์
ข้อมูลจาก : //www.posttoday.com
ที่มา : //www.dmh.go.th


สารบัญแม่และเด็ก



Create Date : 21 พฤษภาคม 2553
Last Update : 21 พฤษภาคม 2553 20:57:34 น. 0 comments
Counter : 2013 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.