ฝึกลูกให้พร้อม ควรเริ่มเมื่อไหร่ดี
คำถามที่หมอมักจะถูกคุณแม่ถามอยู่บ่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องพัฒนาการของเด็ก ว่าเมื่อไรลูกจะพร้อมที่จะทำอะไรต่างๆ ได้ เป็นคำถามที่ตอบได้ไม่ง่ายนัก เพราะขึ้นอยู่กับความสามารถในการพัฒนาการตามขั้นตอนต่างๆ ของตัวเด็กเอง และวิธีการต่างๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ใช้ในการฝึกลูก จึงขอรวบรวมเอามาไว้ ณ ที่นี้
เมื่อไรที่จะหัดให้ลูกแปรงฟันได้เอง ?
ช่วงอายุที่เริ่ม 2 ขวบครึ่ง ถึง 3 ขวบ การที่ลูกจะแปรงฟันได้ด้วยตนเองนั้น เขาจะต้องมีความสามารถในการดูแลตนเองได้ดีพอสมควร และสามารถช่วยตนเองได้ ซึ่งการที่จะเริ่มฝึกลูกให้แปรงฟันเองได้นั้น ควรสังเกตว่าลูกพร้อมหรือยัง โดยดูที่…
★ สิ่งที่แสดงว่าลูกน่าจะพร้อม : ตอนอายุประมาณขวบครึ่ง ลูกเริ่มที่จะฝึกใช้มือในการจับช้อนทานอาหารเอง หรือจับดินสอสีขีดๆ เขียนๆ ได้เอง ซึ่งแสดงว่าลูกได้ฝึกใช้ระบบประสาท ส่วนที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อมัดเล็ก และการทำงานของมืออย่างละเอียดได้ดีพอควร ลูกจะเฝ้าสังเกตวิธีแปรงฟันของคุณที่ทำอยู่ทุกวัน และจะพยายามทำท่าทางเลียนแบบคุณ เมื่อคุณหาแปรงสีฟันอันเล็กที่เขาชอบให้เขาใช้ เขาจะลองใส่มันเข้าปากและหยายามทำมือ เหมือนจะแปรงฟันด้วยความสนุกที่เขาทำได้เหมือนคุณ แต่ลูกเองก็ยังต้องการให้คุณช่วยเขาในการบีบหลอดยาสีฟันลงบนแปรง ช่วยในการแปรงฟันบางซี่ที่เขาทำได้ไม่ถนัดนัก และช่วยในการบ้วนปาก รวมถึงล้างทำความสะอาดแปรงสีฟันให้เขาด้วย
★ การพัฒนาการที่มีความสัมพันธ์กัน : เมื่อลูกสามารถใช้มือกำด้านแปรงและขยับไปมาได้แบบการแปรงฟัน แสดงว่าเขามีความสามารถในการใช้มือในการทำงานละเอียดอื่นๆ ได้ เช่น การจับปากกาหรือดินสอสีเขียน การหยิบจับช้อนและส้อม และการพับกระดาษหรือผ้าได้ ซึ่งคุณสามารถช่วยในการฝึกฝน ทักษะเหล่านี้ให้กับลูกไปพร้อมๆ กัน
เมื่อไรที่ลูกจะแต่งตัวได้เอง ?
ช่วงอายุที่เริ่ม 4-5 ขวบ เด็กๆ จะมีความสามารถในการเลือกเสื้อผ้าและแต่งตัวได้เอง โดยอาศัยความรู้สึกของเขาเอง ว่าจะชอบหรือไม่ชอบเสื้อผ้าสีไหน แบบไหน ฯลฯ แต่การที่จะแต่งตัวได้เองอย่างจริงๆ ที่ทำได้อย่างเรียบร้อย ถูกต้องนั้น ลูกจะต้องการความพร้อมในด้านการประสานงานของระบบประสาทหลายๆ อย่างร่วมกัน
★ สิ่งที่แสดงว่าลูกน่าจะพร้อม : ช่วยอายุประมาณ 2 ขวบ ลูกมักอยากทำอะไรด้วยตนเอง จะไม่ยอมให้คุณใส่เสื้อผ้าให้เขาได้ง่ายๆ ถ้าเขาไม่ยินยอมหรือเห็นชอบด้วย ลูกเริ่มที่จะเลือกในการแต่งตัว เช่น จะใส่เสื้อยืดตัวนี้กับกางเกงตัวนั้น ใส่รองเท้าคู่นั้นคู่นี้ ฯลฯ ซึ่งคุณควรปล่อยให้ลูกได้เลือกบ้าง (ถึงแม้จะไม่ถูกใจคุณ) ใช้ช่วงโอกาสนี้ในการให้เขาได้ลองแต่งตัวเองดูบ้าง แต่คุณก็จะรู้ว่าลูกไม่สามารถแต่งตัวได้เรียบร้อย คุณต้องช่วยเขาในการแต่งตัวให้แล้วเสร็จ พออายุประมาณ 3 ขวบ ลูกพอที่จะสวมเสื้อตัวโปรดหรือกางเกงแบบที่สวมสบายๆ (แบบชอบยางยืด) ได้เอง หัดติดกระดุม แต่จะยังไม่สามารถรูดซิป หรือเก็บชายเสื้อไว้ในขอบกางเกงได้เรียบร้อย พออายุประมาณ 4-5 ขวบ ลูกควรจะแต่งตัวด้วยตนเองได้ดีพอควร โดยที่คุณไม่ต้องคอยช่วยเขามากนัก
★ การพัฒนาการที่มีความสัมพันธ์กัน : เมื่อลูกเริ่มแต่งตัวได้เอง แสดงว่าเขาเองก็พร้อมที่จะทำอะไรๆ ด้วยตนเองมากขึ้น เขาเริ่มที่จะเป็นอิสระ ไม่ต้องการให้คุณช่วยเขาทำอะไรๆ ให้มากเหมือนแต่ก่อน ลูกจะมีความภูมิใจที่เขาสามารถทำเรื่องต่างๆ เหล่านี้ได้เอง และจะเริ่มเข้าใจในคอนเซปต์เกี่ยวกับการแบ่งปันกัน และกฎเกณฑ์พื้นฐานที่มีอยู่ในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น
เมื่อไรที่ควรจะฝึกลูกเก็บที่นอนให้เรียบร้อย ?
ช่วงอายุที่เริ่ม 6-8 ขวบ สิ่งหนึ่งที่ผู้ใหญ่ในอดีตจะเน้นในการฝึกลูกหลาน คือการฝึกให้เป็นคนมีระเบียบ และหัดให้รู้จักจัดเตียงนอนให้เรียบร้อยทุกเช้า หลังจากตื่นนอนขึ้นมา ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ในปัจจุบัน ได้จางหายไปจากกิจวัตรประจำวันของหลายๆ ครอบครัว เนื่องจากความฉุกละหุกในการที่จะต้องตื่นนอนแต่เช้าตรู่ รีบอาบน้ำแต่งตัว รีบทานข้าว และเอาตนเองและลูกๆ ขึ้นรถ เพื่อจะได้ไปโรงเรียนให้ทันเวลา ทำให้โอกาสที่จะฝึกให้ลูกได้เป็นคนมีระเบียบ และมีความรับผิดชอบต่างๆ นี้ลดน้อยลง
คุณพ่อคุณแม่ จึงควรที่จะหาทางนำกิจกรรมการทำเตียงนอนให้เรียบร้อยนี้ มาใช้ในการฝึกลูกให้เป็นคนที่มีระเบียบและรับผิดชอบต่อตนเองได้ ซึ่งมีข้อแนะนำดังนี้คือ
★ สิ่งที่แสดงว่าลูกน่าจะพร้อม : ช่วงอายุประมาณ 5-6 ขวบ ลูกจะมีความสามารถที่จะนอนในเตียงของเขาได้เองแล้ว และรู้จักว่าเตียงที่เขานอนอยู่นี้เป็นเตียงของเขา ซึ่งคุณควรจะหาโอกาสที่จะชวนลูกให้ทำเตียงของเขาให้เรียบร้อย เช่น การเก็บหมอน พับผ้าห่ม โดยมีคุณคอยช่วย เพื่อให้ลูกรู้สึกคุ้นเคยกับการทำแบบนี้ และค่อยๆ ปล่อยให้เขาได้ลองทำเองดูบ้าง แม้ว่าลูกอาจจะไม่สามารถพับผ้าห่มได้เรียบร้อยดีนัก หรือดึงผ้าปูที่นอนให้ตึงสวยแบบที่ผู้ใหญ่ทำ ก็ไม่เป็น สิ่งสำคัญก็คือความรู้สึกดีๆ ที่เขาได้จากการทำเตียงของเขาเองให้ดูเรียบร้อยขึ้น ซึ่งเป็นความภูมิใจที่เกิดขึ้นภายใน และเป็นเสมือนรางวัลอยู่แล้วในตัวเอง
★ การพัฒนาการที่มีความสัมพันธ์กัน : การเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกันกับคนอื่นเพื่อให้เกิดผลสำเร็จ เช่น ที่คุณช่วยเขาดึงผ้าคลุมเตียงหรือผ้าปูที่นอนให้เรียบร้อย ช่วยกันออกความเห็น ช่วยกันทำคนละไม้ละมือ จะเป็นการเริ่มต้นของการทำงานเป็นทีมเวิร์คที่ดี และคุณสามารถดึงความสนใจของเขาให้มาช่วยทำงานบ้านอย่างอื่นที่ง่ายๆ เช่น การเก็บเสื้อผ้าส่งซัก การล้างจาน การทำความสะอาดห้องน้ำ หรือการช่วยกันทำกับข้าว ฯลฯ ซึ่งจะเป็นการฝึกที่ดีให้ลูกรู้จักการเป็นตัวของตัวเอง รู้จักช่วยเหลือและรู้จักดูแลตนเองได้ต่อไป
เมื่อไรที่ลูกจะดูนาฬิกาเป็นและบอกเวลาได้ ?
ช่วงอายุที่เริ่ม 6-8 ขวบ ความสามารถในการดูนาฬิกาเป็นและบอกเวลาได้ของลูก บ่งบอกถึงวุฒิภาวะของเด็กว่าเขาเริ่มที่จะเข้าใจ เรื่องของคณิตศาสตร์และกฎเกณฑ์ง่ายๆ ของเวลา และความสัมพันธ์ของ "เวลา" กับเรื่องอื่นๆ
ในสมัยก่อน นาฬิกา จะมีแขน 2 อัน คือเข็มยาว และเข็มสั้น ซึ่งจะหมุน (เดิน) ไปเป็นรอบ มีขีดบอกเวลา ซึ่งบางเรือนก็มีตัวเลขกำกับ บางเรือนก็ไม่มีตัวเลขกำกับ ทำให้เด็กๆ มีความสับสนบ้างพอควรในการดูเวลาของนาฬิกา ที่จะบอกได้ว่าเป็นเวลาเท่าไร แต่ในปัจจุบันนี้การบอกเวลาของเด็กจะทำได้ง่ายขึ้น เพราะนาฬิกาส่วนใหญ่เป็นแบบดิจิตอล คือเป็นตัวเลข แสดงให้ดูเลยว่าขณะนี้เป็นเวลาเท่าไร ซึ่งถ้าเด็กสามารถอ่านตัวเลขได้ ก็จะบอกเวลาได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเข้าใจคอนเซปต์ของเวลาที่ 1 นาฬิกา 60 วินาที และ 1 ชั่วโมงมี 60 นาที วันหนึ่งมี 24 ชั่วโมง ฯลฯ ได้ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่เองก็ยังควรจะใช้นาฬิกาเป็นสื่อให้กับลูก โดยการทำนาฬิกาของเล่น เพื่อให้ฝึกอ่านเวลาจากเข็มหน้าปัด หรือการสอนความสัมพันธ์ของเวลากับสิ่งอื่นๆ เช่น เคารพธงชาติเวลา 8 โมงเช้า หรือการใช้นาฬิกาแดด และนาฬิกาทราย เพื่อให้เขามีความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้นเกี่ยวกับเรื่องของเวลา เพื่อเสริมความคิดแบบแอปสแตรกต่อไป
★ การพัฒนาการที่มีความสัมพันธ์กัน : เมื่อลูกมีวุฒิภาวะที่ดีพอที่จะบอกเวลาจากนาฬิกาได้แล้ว แสดงว่าเขามีความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับตัวเลข และความสัมพันธ์อื่นๆ เขาจะเริ่มสนุกกับการหัดอ่านหนังสือ และการบวก ลบ เลข รวมทั้งเริ่มเข้าใจการรอคอย หรือการใช้เวลาในการทำสิ่งต่างๆ ซึ่งจะเป็นการฝึกให้เขามีวุฒิภาวะเริ่มเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
เมื่อไรที่ลูกจะเดินข้ามถนนเองได้ ?
ช่วงอายุที่เริ่ม 9-10 ขวบ เมื่อคุณพ่อคุณแม่คิดถึง เรื่องการฝึกให้ลูกหัดข้ามถนนเองนั้นหลายคนก็ยังไม่อยากจะทำ เนื่องจากหวั่นเกรงว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับลูกได้ แต่ในชีวิตจริงที่ลูกจะต้องเผชิญ เช่น ตอนไปเรียนที่โรงเรียน หรือการออกไปซื้อของ ไปเดินเที่ยวแถวบ้าน ก็อาจเกิดความจำเป็นที่ลูกจะต้องเดินข้ามถนนเอง ดังนั้น คุณจึงควรหาโอกาสฝึกให้ลูกได้รู้จักระมัดระวังตัวในการข้ามถนน ให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด โดยการฝึกเขาให้ถูกต้อง ก่อนที่ลูกจะได้รับอันตรายจากการเดินข้ามถนนเอง
★ สิ่งที่แสดงว่าลูกน่าจะพร้อม : คุณควรฝึกลูกให้รู้จักการข้ามถนนอย่างรอบคอบ โดยการดูว่าเขารู้จักการกะระยะของรถที่วิ่งไปมาบนถนน และจังหวะการก้าวลงเดินข้ามถนน รวมทั้งการรู้จักมองดูรถทั้งสองฝั่งถนนว่าได้หยุดให้ ก่อนที่จะข้ามถนน โดยควรเริ่มจากการข้ามถนนบนทางม้าลาย ในช่วงที่มีจังหวะไฟแดงไฟเขียวและรถต่างๆ จอดหยุดตามกฎจราจร พร้อมๆ กับคนอื่นๆ เดินข้ามถนน เพื่อให้ลูกได้รู้จังหวะและฝึกฝนการข้ามถนน จนเกิดความมั่นใจที่จะดูแลตนเองได้ ก่อนที่จะปล่อยให้เขาเดินข้ามเองตามลำพัง
★ การพัฒนาการที่มีความสัมพันธ์กัน : ในช่วงอายุนี้ ลูกจะเริ่มเรียนรู้ถึงการเป็นอิสระและเป็นตัวของตัวเอง คุณควรใช้โอกาสนี้ในการสอนเรื่องความปลอดภัยด้านอื่นๆ ด้วย เช่น การห้ามพูดคุยกับคนแปลกหน้าที่พบตามข้างทาง และไม่ไปกับคนแปลกหน้า หรือห้ามขึ้นรถคนอื่นที่มารับไป ควรฝึกลูกที่จะหาที่ที่จะเป็นที่นัดพบกันกับคุณพ่อคุณแม่ ในกรณีเกิดการผลัดหลง หรือมารับผิดเวลา และฝึกลูกในการใช้โทรศัพท์เพื่อติดต่อคุณ หรือกลับเข้าไปหาคุณครูที่โรงเรียน ในกรณีที่เกิดเหตุไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น
พัฒนาการต่างๆ ที่คุณแม่หลายท่านสงสัย คงได้ทราบคำตอบกันไปบ้าง ไม่มากก็น้อย…นะคะ
ที่มา : //www.elib-online.com/doctors46/child_train001.html ภาพจาก : //novictims.wordpress.com/
สารบัญ เรื่อง แม่และเด็ก คลิกดู ที่นี่ค่ะ
Create Date : 13 ธันวาคม 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 13 ธันวาคม 2552 20:04:03 น. |
Counter : 1015 Pageviews. |
|
|
|