Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 
13 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 

ฝึกลูกให้พร้อม ควรเริ่มเมื่อไหร่ดี



คำถามที่หมอมักจะถูกคุณแม่ถามอยู่บ่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องพัฒนาการของเด็ก
ว่าเมื่อไรลูกจะพร้อมที่จะทำอะไรต่างๆ ได้ เป็นคำถามที่ตอบได้ไม่ง่ายนัก
เพราะขึ้นอยู่กับความสามารถในการพัฒนาการตามขั้นตอนต่างๆ ของตัวเด็กเอง
และวิธีการต่างๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ใช้ในการฝึกลูก

จึงขอรวบรวมเอามาไว้ ณ ที่นี้

เมื่อไรที่จะหัดให้ลูกแปรงฟันได้เอง ?

ช่วงอายุที่เริ่ม 2 ขวบครึ่ง ถึง 3 ขวบ
การที่ลูกจะแปรงฟันได้ด้วยตนเองนั้น เขาจะต้องมีความสามารถในการดูแลตนเองได้ดีพอสมควร
และสามารถช่วยตนเองได้ ซึ่งการที่จะเริ่มฝึกลูกให้แปรงฟันเองได้นั้น ควรสังเกตว่าลูกพร้อมหรือยัง โดยดูที่…

สิ่งที่แสดงว่าลูกน่าจะพร้อม :
ตอนอายุประมาณขวบครึ่ง ลูกเริ่มที่จะฝึกใช้มือในการจับช้อนทานอาหารเอง หรือจับดินสอสีขีดๆ เขียนๆ ได้เอง
ซึ่งแสดงว่าลูกได้ฝึกใช้ระบบประสาท ส่วนที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อมัดเล็ก
และการทำงานของมืออย่างละเอียดได้ดีพอควร ลูกจะเฝ้าสังเกตวิธีแปรงฟันของคุณที่ทำอยู่ทุกวัน
และจะพยายามทำท่าทางเลียนแบบคุณ เมื่อคุณหาแปรงสีฟันอันเล็กที่เขาชอบให้เขาใช้
เขาจะลองใส่มันเข้าปากและหยายามทำมือ เหมือนจะแปรงฟันด้วยความสนุกที่เขาทำได้เหมือนคุณ
แต่ลูกเองก็ยังต้องการให้คุณช่วยเขาในการบีบหลอดยาสีฟันลงบนแปรง
ช่วยในการแปรงฟันบางซี่ที่เขาทำได้ไม่ถนัดนัก และช่วยในการบ้วนปาก
รวมถึงล้างทำความสะอาดแปรงสีฟันให้เขาด้วย

การพัฒนาการที่มีความสัมพันธ์กัน :
เมื่อลูกสามารถใช้มือกำด้านแปรงและขยับไปมาได้แบบการแปรงฟัน
แสดงว่าเขามีความสามารถในการใช้มือในการทำงานละเอียดอื่นๆ ได้ เช่น การจับปากกาหรือดินสอสีเขียน
การหยิบจับช้อนและส้อม และการพับกระดาษหรือผ้าได้
ซึ่งคุณสามารถช่วยในการฝึกฝน ทักษะเหล่านี้ให้กับลูกไปพร้อมๆ กัน



เมื่อไรที่ลูกจะแต่งตัวได้เอง ?

ช่วงอายุที่เริ่ม 4-5 ขวบ
เด็กๆ จะมีความสามารถในการเลือกเสื้อผ้าและแต่งตัวได้เอง
โดยอาศัยความรู้สึกของเขาเอง ว่าจะชอบหรือไม่ชอบเสื้อผ้าสีไหน แบบไหน ฯลฯ
แต่การที่จะแต่งตัวได้เองอย่างจริงๆ ที่ทำได้อย่างเรียบร้อย ถูกต้องนั้น
ลูกจะต้องการความพร้อมในด้านการประสานงานของระบบประสาทหลายๆ อย่างร่วมกัน

สิ่งที่แสดงว่าลูกน่าจะพร้อม :
ช่วยอายุประมาณ 2 ขวบ ลูกมักอยากทำอะไรด้วยตนเอง จะไม่ยอมให้คุณใส่เสื้อผ้าให้เขาได้ง่ายๆ
ถ้าเขาไม่ยินยอมหรือเห็นชอบด้วย ลูกเริ่มที่จะเลือกในการแต่งตัว เช่น จะใส่เสื้อยืดตัวนี้กับกางเกงตัวนั้น
ใส่รองเท้าคู่นั้นคู่นี้ ฯลฯ ซึ่งคุณควรปล่อยให้ลูกได้เลือกบ้าง (ถึงแม้จะไม่ถูกใจคุณ)
ใช้ช่วงโอกาสนี้ในการให้เขาได้ลองแต่งตัวเองดูบ้าง แต่คุณก็จะรู้ว่าลูกไม่สามารถแต่งตัวได้เรียบร้อย
คุณต้องช่วยเขาในการแต่งตัวให้แล้วเสร็จ
พออายุประมาณ 3 ขวบ ลูกพอที่จะสวมเสื้อตัวโปรดหรือกางเกงแบบที่สวมสบายๆ (แบบชอบยางยืด) ได้เอง
หัดติดกระดุม แต่จะยังไม่สามารถรูดซิป หรือเก็บชายเสื้อไว้ในขอบกางเกงได้เรียบร้อย
พออายุประมาณ 4-5 ขวบ ลูกควรจะแต่งตัวด้วยตนเองได้ดีพอควร โดยที่คุณไม่ต้องคอยช่วยเขามากนัก

การพัฒนาการที่มีความสัมพันธ์กัน :
เมื่อลูกเริ่มแต่งตัวได้เอง แสดงว่าเขาเองก็พร้อมที่จะทำอะไรๆ ด้วยตนเองมากขึ้น เขาเริ่มที่จะเป็นอิสระ
ไม่ต้องการให้คุณช่วยเขาทำอะไรๆ ให้มากเหมือนแต่ก่อน
ลูกจะมีความภูมิใจที่เขาสามารถทำเรื่องต่างๆ เหล่านี้ได้เอง และจะเริ่มเข้าใจในคอนเซปต์เกี่ยวกับการแบ่งปันกัน
และกฎเกณฑ์พื้นฐานที่มีอยู่ในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น



เมื่อไรที่ควรจะฝึกลูกเก็บที่นอนให้เรียบร้อย ?

ช่วงอายุที่เริ่ม 6-8 ขวบ
สิ่งหนึ่งที่ผู้ใหญ่ในอดีตจะเน้นในการฝึกลูกหลาน คือการฝึกให้เป็นคนมีระเบียบ
และหัดให้รู้จักจัดเตียงนอนให้เรียบร้อยทุกเช้า หลังจากตื่นนอนขึ้นมา
ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ในปัจจุบัน ได้จางหายไปจากกิจวัตรประจำวันของหลายๆ ครอบครัว
เนื่องจากความฉุกละหุกในการที่จะต้องตื่นนอนแต่เช้าตรู่ รีบอาบน้ำแต่งตัว รีบทานข้าว
และเอาตนเองและลูกๆ ขึ้นรถ เพื่อจะได้ไปโรงเรียนให้ทันเวลา ทำให้โอกาสที่จะฝึกให้ลูกได้เป็นคนมีระเบียบ
และมีความรับผิดชอบต่างๆ นี้ลดน้อยลง

คุณพ่อคุณแม่ จึงควรที่จะหาทางนำกิจกรรมการทำเตียงนอนให้เรียบร้อยนี้
มาใช้ในการฝึกลูกให้เป็นคนที่มีระเบียบและรับผิดชอบต่อตนเองได้ ซึ่งมีข้อแนะนำดังนี้คือ

สิ่งที่แสดงว่าลูกน่าจะพร้อม :
ช่วงอายุประมาณ 5-6 ขวบ ลูกจะมีความสามารถที่จะนอนในเตียงของเขาได้เองแล้ว
และรู้จักว่าเตียงที่เขานอนอยู่นี้เป็นเตียงของเขา ซึ่งคุณควรจะหาโอกาสที่จะชวนลูกให้ทำเตียงของเขาให้เรียบร้อย
เช่น การเก็บหมอน พับผ้าห่ม โดยมีคุณคอยช่วย เพื่อให้ลูกรู้สึกคุ้นเคยกับการทำแบบนี้
และค่อยๆ ปล่อยให้เขาได้ลองทำเองดูบ้าง แม้ว่าลูกอาจจะไม่สามารถพับผ้าห่มได้เรียบร้อยดีนัก
หรือดึงผ้าปูที่นอนให้ตึงสวยแบบที่ผู้ใหญ่ทำ ก็ไม่เป็น
สิ่งสำคัญก็คือความรู้สึกดีๆ ที่เขาได้จากการทำเตียงของเขาเองให้ดูเรียบร้อยขึ้น
ซึ่งเป็นความภูมิใจที่เกิดขึ้นภายใน และเป็นเสมือนรางวัลอยู่แล้วในตัวเอง

การพัฒนาการที่มีความสัมพันธ์กัน :
การเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกันกับคนอื่นเพื่อให้เกิดผลสำเร็จ เช่น
ที่คุณช่วยเขาดึงผ้าคลุมเตียงหรือผ้าปูที่นอนให้เรียบร้อย
ช่วยกันออกความเห็น ช่วยกันทำคนละไม้ละมือ จะเป็นการเริ่มต้นของการทำงานเป็นทีมเวิร์คที่ดี
และคุณสามารถดึงความสนใจของเขาให้มาช่วยทำงานบ้านอย่างอื่นที่ง่ายๆ เช่น การเก็บเสื้อผ้าส่งซัก การล้างจาน
การทำความสะอาดห้องน้ำ หรือการช่วยกันทำกับข้าว ฯลฯ
ซึ่งจะเป็นการฝึกที่ดีให้ลูกรู้จักการเป็นตัวของตัวเอง รู้จักช่วยเหลือและรู้จักดูแลตนเองได้ต่อไป



เมื่อไรที่ลูกจะดูนาฬิกาเป็นและบอกเวลาได้ ?

ช่วงอายุที่เริ่ม 6-8 ขวบ
ความสามารถในการดูนาฬิกาเป็นและบอกเวลาได้ของลูก
บ่งบอกถึงวุฒิภาวะของเด็กว่าเขาเริ่มที่จะเข้าใจ เรื่องของคณิตศาสตร์และกฎเกณฑ์ง่ายๆ ของเวลา
และความสัมพันธ์ของ "เวลา" กับเรื่องอื่นๆ

ในสมัยก่อน นาฬิกา จะมีแขน 2 อัน คือเข็มยาว และเข็มสั้น
ซึ่งจะหมุน (เดิน) ไปเป็นรอบ มีขีดบอกเวลา ซึ่งบางเรือนก็มีตัวเลขกำกับ บางเรือนก็ไม่มีตัวเลขกำกับ
ทำให้เด็กๆ มีความสับสนบ้างพอควรในการดูเวลาของนาฬิกา ที่จะบอกได้ว่าเป็นเวลาเท่าไร
แต่ในปัจจุบันนี้การบอกเวลาของเด็กจะทำได้ง่ายขึ้น เพราะนาฬิกาส่วนใหญ่เป็นแบบดิจิตอล คือเป็นตัวเลข
แสดงให้ดูเลยว่าขณะนี้เป็นเวลาเท่าไร ซึ่งถ้าเด็กสามารถอ่านตัวเลขได้ ก็จะบอกเวลาได้
แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเข้าใจคอนเซปต์ของเวลาที่ 1 นาฬิกา 60 วินาที และ 1 ชั่วโมงมี 60 นาที
วันหนึ่งมี 24 ชั่วโมง ฯลฯ ได้ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่เองก็ยังควรจะใช้นาฬิกาเป็นสื่อให้กับลูก โดยการทำนาฬิกาของเล่น
เพื่อให้ฝึกอ่านเวลาจากเข็มหน้าปัด หรือการสอนความสัมพันธ์ของเวลากับสิ่งอื่นๆ
เช่น เคารพธงชาติเวลา 8 โมงเช้า หรือการใช้นาฬิกาแดด และนาฬิกาทราย
เพื่อให้เขามีความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้นเกี่ยวกับเรื่องของเวลา เพื่อเสริมความคิดแบบแอปสแตรกต่อไป

การพัฒนาการที่มีความสัมพันธ์กัน :
เมื่อลูกมีวุฒิภาวะที่ดีพอที่จะบอกเวลาจากนาฬิกาได้แล้ว แสดงว่าเขามีความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับตัวเลข
และความสัมพันธ์อื่นๆ เขาจะเริ่มสนุกกับการหัดอ่านหนังสือ และการบวก ลบ เลข รวมทั้งเริ่มเข้าใจการรอคอย
หรือการใช้เวลาในการทำสิ่งต่างๆ ซึ่งจะเป็นการฝึกให้เขามีวุฒิภาวะเริ่มเป็นผู้ใหญ่ขึ้น



เมื่อไรที่ลูกจะเดินข้ามถนนเองได้ ?

ช่วงอายุที่เริ่ม 9-10 ขวบ
เมื่อคุณพ่อคุณแม่คิดถึง เรื่องการฝึกให้ลูกหัดข้ามถนนเองนั้นหลายคนก็ยังไม่อยากจะทำ
เนื่องจากหวั่นเกรงว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับลูกได้ แต่ในชีวิตจริงที่ลูกจะต้องเผชิญ เช่น ตอนไปเรียนที่โรงเรียน
หรือการออกไปซื้อของ ไปเดินเที่ยวแถวบ้าน ก็อาจเกิดความจำเป็นที่ลูกจะต้องเดินข้ามถนนเอง
ดังนั้น คุณจึงควรหาโอกาสฝึกให้ลูกได้รู้จักระมัดระวังตัวในการข้ามถนน ให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด
โดยการฝึกเขาให้ถูกต้อง ก่อนที่ลูกจะได้รับอันตรายจากการเดินข้ามถนนเอง

สิ่งที่แสดงว่าลูกน่าจะพร้อม :
คุณควรฝึกลูกให้รู้จักการข้ามถนนอย่างรอบคอบ โดยการดูว่าเขารู้จักการกะระยะของรถที่วิ่งไปมาบนถนน
และจังหวะการก้าวลงเดินข้ามถนน รวมทั้งการรู้จักมองดูรถทั้งสองฝั่งถนนว่าได้หยุดให้ ก่อนที่จะข้ามถนน
โดยควรเริ่มจากการข้ามถนนบนทางม้าลาย ในช่วงที่มีจังหวะไฟแดงไฟเขียวและรถต่างๆ จอดหยุดตามกฎจราจร
พร้อมๆ กับคนอื่นๆ เดินข้ามถนน เพื่อให้ลูกได้รู้จังหวะและฝึกฝนการข้ามถนน
จนเกิดความมั่นใจที่จะดูแลตนเองได้ ก่อนที่จะปล่อยให้เขาเดินข้ามเองตามลำพัง

การพัฒนาการที่มีความสัมพันธ์กัน :
ในช่วงอายุนี้ ลูกจะเริ่มเรียนรู้ถึงการเป็นอิสระและเป็นตัวของตัวเอง
คุณควรใช้โอกาสนี้ในการสอนเรื่องความปลอดภัยด้านอื่นๆ ด้วย เช่น
การห้ามพูดคุยกับคนแปลกหน้าที่พบตามข้างทาง และไม่ไปกับคนแปลกหน้า หรือห้ามขึ้นรถคนอื่นที่มารับไป
ควรฝึกลูกที่จะหาที่ที่จะเป็นที่นัดพบกันกับคุณพ่อคุณแม่ ในกรณีเกิดการผลัดหลง หรือมารับผิดเวลา
และฝึกลูกในการใช้โทรศัพท์เพื่อติดต่อคุณ
หรือกลับเข้าไปหาคุณครูที่โรงเรียน ในกรณีที่เกิดเหตุไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น


พัฒนาการต่างๆ ที่คุณแม่หลายท่านสงสัย คงได้ทราบคำตอบกันไปบ้าง ไม่มากก็น้อย…นะคะ


ที่มา : //www.elib-online.com/doctors46/child_train001.html
ภาพจาก : //novictims.wordpress.com/


สารบัญ เรื่อง แม่และเด็ก
คลิกดู ที่นี่ค่ะ




 

Create Date : 13 ธันวาคม 2552
0 comments
Last Update : 13 ธันวาคม 2552 20:04:03 น.
Counter : 1015 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.