|
0141. 19 พฤษภาคม 2544 คำกล่าวในรายการ นายกฯ ทักษิณพบประชาชน ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
คำกล่าวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ในรายการ นายกฯ ทักษิณพบประชาชน
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย คลื่น F.M. 92.5
เวลา 08.00 น. วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม 2544
----------------------------------------------------
สวัสดีครับพี่น้องประชาชนที่เคารพรักทุกท่านครับ
พบกันเป็นปกติทุกวันเสาร์เวลา 8 นาฬิกา ผมจะคอยรายงานให้พี่น้องประชาชนทราบว่ารัฐบาลที่พี่น้องประชาชน ได้เลือกมานั้นได้ทำงานให้พี่น้องประชาชนอะไรบ้าง เสาร์นี้มีเรื่องจะรายงาน พี่น้อง 14 เรื่องครับ
นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีนเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
เรื่องแรกคงเป็นเรื่องของวันนี้นะครับ เราจะมีแขกที่สำคัญมาเยือนประเทศไทยคือท่านนายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐประชาชนจีนและภริยา คือ นายจู หรงจี จะมาเป็นแขกของรัฐบาลระหว่างวันที่ 19-22 พฤษภาคมนี้ คงจะมีการพูดคุยกันในหลายเรื่องที่เป็นประโยชน์ ผมขอเล่าพื้นเพนิดนึงครับว่า ผมกับท่านจู หรงจี นั้นได้พบกันเกือบ 2 ปีที่แล้ว ขณะที่ผมกำลังอยู่ระหว่างการก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ผมได้ไปเยือนจีนโดยเป็นแขกของสถาบันต่างประเทศของจีน ได้ไปพบท่านได้พูดคุยกันถึงแนวคิดว่าเราจะร่วมมือกันในภูมิภาคนี้อย่างไรเพื่อให้ภูมิภาคนี้เข้มแข็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราจะทำอย่างไรที่จะให้พี่น้องประชาชนของทั้งสองประเทศซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นคนยากจนอยู่นั้นพ้นจากความยากจนได้อย่างไร ถ้าหากว่าเราต้องอยู่ในโลกของการค้าเสรีที่เราไม่ค่อยแข็งแรงพอ ก็ได้พูดคุยกันในแนวทางหลาย ๆ อย่างและผมก็บอกกับท่านว่า หากประชาชนคนไทยไว้วางใจผมแล้วในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ตอนนั้นก็พูดไว้ล่วงหน้าปีกว่า ผมก็คงจะขอโอกาสได้พบกับท่านเพื่อพูดคุยกันถึงแนวทางที่ทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันอย่างไร และวันนี้ก็ถึงเวลาที่เราสองคนจะได้พบกันในฐานะเป็นผู้นำประเทศทั้งสองประเทศ ซึ่งประเทศไทยกับประเทศจีนมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันแต่อยากจะให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อแก้ปัญหาให้กับคนของเราทั้งสองประเทศ และทำให้ประเทศของเราสามารถจะมีความสัมพันธ์ที่ดีในการร่วมมือกันในเวทีโลกในหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งปรากฏว่าเราก็ได้ร่วมมือกับจีนในเวทีโลกในหลายเรื่องไปแล้วนะครับ และผมกับท่านจะได้พบกันในเย็นวันนี้ ก็จะได้มีการพูดคุยกันทั้งส่วนตัวและในการประชุมเต็มคณะอย่างเป็นทางการและจะมีการเลี้ยงรับรองท่านอย่างเป็นทางการที่ทำเนียบรัฐบาลในเย็นวันนี้ ก็คงจะพูดกันในเรื่องเศรษฐกิจ การค้า เรื่องของการซื้อขายสินค้าเกษตร การลงทุน การแก้ปัญหายาเสพติด ซึ่งคงจะเกิดความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม แล้ววันเสาร์หน้าผมจะมารายงานในรายละเอียดเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่งนะครับ
ประธานาธิบดีอินโดนีเซียเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
เรื่องที่สองขอรายงานเรื่องที่ประธานาธิบดีอินโดนีเซียเดินทางมาเยือนประเทศไทยเมื่อ วันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา เราได้มีข้อตกลงที่จะร่วมมือกันในหลายเรื่อง เรื่องประมงก็เป็นเรื่องที่ทาง อินโดนีเซียยินดีที่จะเปิดให้เรือประมงไทยไปทำการประมงในน่านน้ำของอินโดนีเซีย 12 ไมล์ทะเลไปแล้ว เพราะในช่วง 12 ไมล์ทะเลแรกเขาจะสงวนให้คนอินโดนีเซีย เพียงแต่ขอให้ปักธงไทย เขาจะได้เก็บภาษีให้ถูกต้องเพราะถ้าเป็นอินโดนีเซียระบบภาษีจะต่างกัน ก็เลยขอร้องว่าถ้าปักธงไทยเขายินดีจะเพิ่มให้เรือประมงไทยได้เข้าไปทำการประมงในน่านน้ำเขามากขึ้น เรื่องที่สองคือเรื่องน้ำมันและก๊าซ เขาจะเอาน้ำมันดิบของเขามากลั่นในประเทศไทยเพราะโรงกลั่นของเรายังมีขีดความสามารถที่จะกลั่นได้อีก โอกาสที่จะทำให้เราได้ค่ากลั่นหรือมีการแลกเปลี่ยนทำให้มีโอกาสได้น้ำมันที่ต้นทุนดีขึ้นได้อีก เรื่องที่น่าสำคัญอีกเรื่องคือเรื่องยางพาราทำให้เรากับอินโดนีเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตยางพารา ที่ใหญ่ที่สุดคือไทย รองลงมาก็มาเลเซียและ อินโดนีเซีย ตอนนี้มาเลเซียเขาไม่ได้ส่งออก แต่อินโดนีเซียยังส่งออกอยู่ เราก็จะมีความร่วมมือกันเพื่อจะไม่ขายยางพาราตัดราคากันในตลาด ผลสุดท้ายเกษตรกรก็ลำบากขาดทุนเหมือนเดิม อันนี้เป็นความร่วมมือที่ค่อนข้างจะเป็นรูปธรรมมาก
คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ขาดดุลงบประมาณประจำปี 2545 เพิ่มขึ้นอีก 5 หมื่นล้านบาท
เรื่องที่สามคือเรื่องที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ขาดดุลงบประมาณประจำปี 2545 เพิ่มขึ้นอีก 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ปกติแล้ววิธีการจัดสรรงบประมาณเดิม ๆ คือ คิดว่าปีที่แล้วใช้เท่าไหร่ ปีนี้จะเพิ่มหรือจะลดก็จะเพิ่มลดตามนั้น จะเห็นว่ากระทรวงที่ใหญ่ก็จะใหญ่ไปเรื่อย ๆ กระทรวงที่เล็กก็จะเล็กไปเรื่อย ๆ แต่วันนี้รัฐบาลได้เปลี่ยนวิธีการจัดสรรงบประมาณใหม่คือ งบประมาณที่แตะไม่ได้ก็คือ งบประมาณ 3 ส่วนที่เป็นงบประจำ ได้แก่ 1. งบเงินเดือน งบค่าน้ำค่าไฟงบค่าใช้จ่ายทั่วไป 2. งบผูกพันที่มีมาตั้งแต่รัฐบาลก่อน 3. งบใช้หนี้ซึ่งเป็นงบที่ผูกพันกันมา เพราะฉะนั้น 3 ส่วนนี้รัฐบาลไหนเข้ามาก็คงแตะ ไม่ได้ ทีนี้ก็จะมีงบส่วนที่เราดูว่าเราจะตั้งงบขาดดุลเท่าไหร่ เราก็จะดูงบใหม่ก็ไปดูว่างบส่วนเพิ่มนี้เราจะเอาไปใช้เพื่อเป็นยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหาของชาติทางด้านสังคมและเศรษฐกิจอะไรบ้าง ก็จะใช้งบก้อนนี้จัดสรรไปตามที่เราคิดว่าจะช่วยแก้ปัญหาของชาติได้ และผมก็ขอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติสำรองไว้อีก 5 หมื่นล้าน สำรองไว้เพื่ออะไรครับ สำรองเพื่อที่ว่าถ้าหากนโยบายต่าง ๆ ได้ทำไปแล้ว เศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่ได้หรือฟื้นตัวช้าไปหรือมีวิกฤตการณ์ของโลกมากขึ้น เราจะได้ใช้เงินสำรองฉุกเฉินนี้กระตุ้นเศรษฐกิจ ถ้าไม่วางทิ้งไว้ก็จะลำบากในการจะหาเงิน กว่าจะขออนุมัติจะไม่ทันกับเหตุการณ์ เลยสำรองไว้ 5 หมื่นล้าน แต่งบที่สำรองนี้แนวคิดเปลี่ยนไป แนวคิดสมัยก่อนเมื่อเป็นงบประมาณแล้วต้องใช้ให้หมด แต่สำหรับ รัฐบาลนี้งบที่มีอยู่ในงบประมาณนั้นไม่จำเป็นต้องใช้ให้หมด ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าใช้ปีหน้าว่ากันใหม่ ถ้าไม่ได้ใช้ปีนี้ปีหน้ามีความจำเป็นต้องใช้ก็ตั้งใหม่ได้ เราไม่ได้บอกว่าถ้าไม่ได้ตั้งปีนี้ปีหน้าจะตั้งใหม่ไม่ได้ไม่มี เพราะฉะนั้นวิธีคิดในเชิงงบประมาณจึงเปลี่ยนไป แต่ว่ารัฐบาลนี้เข้ามาปีปฏิทินงบประมาณค่อนข้างจะช้าไปนิดนึง ดังนั้น การจะรื้อจะเปลี่ยนงบประมาณที่จะวางใหม่ค่อนข้างจะทำไม่ได้เต็มที่ เพราะมีเวลาน้อยแต่ก็ไม่เป็นไรถือว่าปรับไปเยอะทีเดียว ก็จะทำให้มีงบประมาณสำหรับเป็นยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แก้ปัญหาสังคม และทำนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลได้อย่างเต็มที่ ก็ทำให้จะมีงบประมาณขาดดุลเพิ่มขึ้นรวมแล้วปี 2545 งบประมาณจะขาดดุลประมาณ 3 %กว่า ๆ เกือบ 4 % เมื่อรวมกับการขาดดุลภาค รัฐวิสาหกิจแล้วก็ยังไม่ถึง 5 % ถ้าเปรียบเทียบกับประเทศที่มีวิกฤตเศรษฐกิจพร้อม ๆ กับเราแล้ว ส่วนใหญ่ จะขาดดุลประมาณ 8 %ของจีดีพี เงินขาดดุลนี้จะเป็นเงินที่กู้ในประเทศไม่ได้กู้ต่างประเทศนะครับ ฉะนั้นจะไม่มีผลต่อปัญหาหนี้ต่างประเทศ
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น
เรื่องที่อยากจะเรียนให้พี่น้องประชาชนได้ทราบเรื่องต่อไปคือ เรื่องของมาตรการในการเร่งรัดการฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะสั้น ซึ่งเราได้วางแผนที่จะแก้ปัญหาโดยปรึกษากับนักเศรษฐศาสตร์ที่มี ชื่อเสียงอย่างเช่น อดีตรองนายกรัฐมนตรีคุณวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคุณโฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ และอีกหลายท่านรวมทั้งสภาพัฒน์ฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง มาช่วยกันคิดครับ เราจะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น โครงการหนึ่งก็คือจะช่วยเหลือผู้ที่ตกงาน แต่แทนที่เราจะจ้างเขาทำงานที่ไม่มีเป้าหมาย เราจะให้เบี้ยเลี้ยงเขาและให้ไปเรียนหนังสือ โดยจะร่วมมือกับมหาวิทยาลัย สถาบันราชภัฏทั่วประเทศจัดหลักสูตรในการอบรมเพื่อให้คนเหล่านี้มีความรู้พอกพูนขึ้น เช่น ไปเรียนภาษาอังกฤษ สมมติอีกหน่อยเราส่งเสริมการท่องเที่ยวการท่องเที่ยวเติบโตขึ้น ถ้าเขามีความรู้ภาษาอังกฤษบ้าง ถึงแม้จะขับรถแท๊กซี่แต่ก็พูดภาษาอังกฤษกับนักท่องเที่ยวพอได้พอเข้าใจพอหาเงินได้ อาจจะมีหลายอย่างซึ่งเราจะต้องมาดูวิเคราะห์กันอย่างเป็นระบบว่าคนตกงานนั้นมีพื้นเพความรู้แค่ไหน เราควรจะอบรมเขาแค่ไหน ก็จะมีกรรมการมาดูเพื่อจะให้เป็นนโยบาย อย่างที่อังกฤษทำได้ผลมากในช่วงมีวิกฤตเศรษฐกิจสมัยนายกรัฐมนตรีมากาเร็ต แธตเชอร์
การจัดตั้งกองทุนร่วมระหว่างนักลงทุนต่างประเทศกับรัฐบาลไทย
อีกเรื่องคือเรื่องกองทุนที่จะร่วมกับต่างประเทศที่จะเอาเงินดอลลาร์เข้ามาลงทุนในประเทศไทย เรื่องนี้ในภาวะที่วิกฤตเศรษฐกิจ ราคาหุ้นตกต่ำมากที่ฮ่องกง รัฐบาลฮ่องกงเขาเอาเงินของเขาไปลงทุนหุ้นเอง ซึ่งผมได้พบกับผู้บริหารสูงสุดฮ่องกง ท่านเล่าให้ผมฟังว่าท่านได้ลงทุนไปและกำไรประมาณ 2 เท่าครึ่ง ซึ่งผมเองมองว่าวิธีนั้นเราคงไม่พร้อมจะทำอย่างนั้นคือ 1. เราไม่ได้มีเงินมากเหมือนฮ่องกง 2. เราอาจจะไม่เหมาะที่จะทำอย่างนั้น เลยใช้วิธีการว่าเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับกองทุนต่าง ๆ ที่จะมาลงทุนในประเทศไทยว่า รัฐบาลมีความมั่นใจในประเทศไทยจึงให้เขานำเงินเข้ามาลงทุนในประเทศ สมมติว่าเขามาลงทุน 75 % เราพร้อมที่จะร่วมลงทุนกับเขาอีก 25% เพื่อที่จะให้เขาลงทุนในบริษัทตลาดหลักทรัพย์ก็ได้ ลงทุนในบริษัทที่เราปรับโครงสร้างหนี้ก็ได้ ก็จะทำให้เงินไหลเข้าสู่ประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งปรากฏว่าพอข่าวนี้ออกไปได้มีกองทุนต่างประเทศหลายกองทุนเริ่มสนใจติดต่อเข้ามา ก็เป็นสัญญาณที่ดีที่จะทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในประเทศ เพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจคงจะต้องทำหลายระดับ
การเร่งรัดให้ธนาคารของรัฐปล่อยกู้ภาคการส่งออก
อีกเรื่องที่ผมได้สั่งการไปในเรื่องของการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะสั้นก็คือ เร่งรัดให้ธนาคารที่เป็นของรัฐนั้นได้ปล่อยกู้ภาคการส่งออก ซึ่งขณะนี้เราต้องยอมรับว่าบางบริษัทมีปัญหาเรื่องเป็นหนี้เสียอยู่ในระบบก็จะไม่ได้รับการปล่อยกู้ ผมเป็นห่วงเรื่องใบสั่งซื้อจากต่างประเทศถ้าหลุดมือไปแล้วเอาคืนยาก กว่าจะได้คืนบางทีใช้เวลาหลายปี ก็เลยบอกให้ธนาคารของรัฐพยายามที่จะหาทางปล่อยกู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปล่อยกู้เพื่อจะซื้อวัตถุดิบเพื่อผลิตของส่งต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ส่งออกของเราไม่เสียหายมากนักในภาวะเศรษฐกิจที่ตลาดของเรานั้นชะลอตัว ก็ได้เร่งรัดไปแล้ว
การสร้างความเข้าใจในแนวทางการแก้ปัญหาของประเทศไทยกับนักลงทุน
อีกเรื่องก็คือเมื่อวานนี้ผมได้พูดกับนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งบริษัท CLSA หรือ Credit Lyonais Securities Asian ได้จัดขึ้นโดยเชิญนักลงทุนจากทั่วโลกประมาณ 1,100 คนมาประชุมกันที่ฮ่องกง ผมไปไม่ได้ก็พูดผ่านดาวเทียมไป ก็พูดให้เขามองเห็นอนาคตและลู่ทางเศรษฐกิจของประเทศไทย เพื่อให้นักลงทุนเหล่านั้นได้ทราบนโยบายและการบริหารงานของรัฐบาล ได้มีการตอบข้อซักถามเขาพอสมควร ซึ่งผมได้รับทราบว่าอย่างน้อย ๆ ก็เกิดความเข้าใจประเทศไทยและแนวทางการแก้ปัญหาของประเทศไทยอย่างถูกต้องขึ้น เชื่อว่าน่าจะมีผู้ที่ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยต่อ
การจัดทำร่างกฎหมายจัดตั้งบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย
อีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องของอดีตประธานรัฐสภาท่านมีชัย ฤชุพันธ์ ซึ่งเป็นทีมในการดูเรื่องกฎหมายของรัฐบาลได้ประชุมกันในเรื่องการร่างกฎหมายจัดตั้งบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ซึ่งจะเป็น องค์กรที่เอาหนี้เสียออกจากระบบธนาคาร เพื่อให้ธนาคารนั้นได้พ้นจากพันธะในเรื่องของหนี้เสียทับถม ซึ่งจะมีโอกาสปล่อยกู้ได้หากเศรษฐกิจฟื้นตัว และธนาคารจะได้มีสภาพที่ดีได้รับความน่าเชื่อถือสูงขึ้น เพื่อจะมีผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ธนาคารเป็นเฟืองสำคัญตัวหนึ่ง ก็ได้ร่างกฎหมายค่อนข้างจะเรียบร้อยประมาณ 95% เหลืออีก 5% ที่ต้องมีการปรับปรุงแก้ไขนิดหน่อย ซึ่งผมดูแล้วค่อนข้างจะดีเพราะเราพยายามสร้างความสมดุลระหว่างเจ้าหนี้ลูกหนี้และภาครัฐ เพื่อไม่ให้เป็นภาระทางภาษีอากรแก่พี่น้องประชาชน ในขณะเดียวกันก็สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ เชื่อว่าน่าจะใช้ได้ในต้นเดือนมิถุนายนนี้ จะทำให้เราสามารถเอาหนี้เสียออกจากระบบธนาคารได้มากพอสมควร โดยเฉพาะธนาคารภาครัฐก็จะมาเป็นประโยชน์ที่จะสนองนโยบายรัฐที่จะฟื้นฟูภาคธุรกิจได้อีกครั้งหนึ่ง
การเปิดร้านค้าปลอดภาษีในจังหวัดท่องเที่ยว
และเมื่อวานนี้ได้มีการประชุมที่สำคัญ 2 เรื่อง เรื่องหนึ่งก็คือ ผลจากการไปทำเวิร์กช็อปเรื่องการท่องเที่ยวที่เชียงใหม่ ผมได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปพิจารณาเรื่องการเปิดร้านค้าปลอดภาษีในจังหวัดท่องเที่ยวคือเชียงใหม่และภูเก็ต ปรากฏว่าเขาไปทำได้ดีกว่านี้ครับ เขาบอกว่าเขาสามารถเปิดได้หลายเมืองโดยที่ร้านค้าร้านหนึ่งสามารถขายของในประเทศ และขายของให้กับนักท่องเที่ยวเพื่อนำออกไปใช้ในต่างประเทศ ซึ่งเวลาซื้อของที่ไม่ต้องเสียภาษีนั้นต้องไปรับที่สนามบินตอนที่จะบินออกนอกประเทศก็จะทำให้เขาซื้อสินค้าที่ปลอดภาษี เพื่อจะดึงนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวประเทศไทย เพราะบางครั้งเขาไปเที่ยวฮ่องกง สิงคโปร์เพียงเพื่อที่จะไปซื้อของ แต่มาประเทศไทยนั้นมีหลายอย่างให้ดูรวมทั้งซื้อของด้วยและก็จะได้ซื้อของไทย เราก็เลยเปิดร้านค้าปลอดภาษีขึ้นที่เชียงใหม่และภูเก็ต กรุงเทพฯ ก็จะเป็น เป้าหมายสำคัญ ขณะเดียวกันสรรพากรก็จะเพิ่มร้านค้าที่คืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับนักท่องเที่ยวได้ด้วย ตรงนี้ก็จะทำให้เชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มการท่องเที่ยว
การผลิตน้ำมันไบโอดีเซล
และเมื่อวานนี้มีคณะติดตามงานของรัฐบาลที่มีคุณเสนาะ เทียนทอง เป็นประธานมีกรรมการหลายคน เช่น คุณมงคล สิมะโรจน์ ก็ได้ไปศึกษาเรื่องไบโอดีเซลคือน้ำมันดีเซลที่ใช้น้ำมันที่สกัดจากพืชบางตัว เช่น ปาล์มหรือมะพร้าวมาผสมกับน้ำมันดีเซลที่จะใช้กับเครื่องยนต์ดีเซล เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรที่จะแปรรูปสินค้าเกษตรบางตัวคือปาล์มกับมะพร้าว เราได้เชิญนักวิชาการ เกษตรกร หลายฝ่ายเข้ามาร่วมกัน รัฐบาลก็เลยใช้เวลา 1 ชั่วโมงตัดสินได้เลยเพราะมีการศึกษาล่วงหน้าอย่างดี เราจะให้ ปตท. รับซื้อน้ำมันปาล์มที่สกัดแล้วเอามาผสมกับน้ำมันดีเซลประมาณ 10% ผลคือจะทำให้สิ่งแวดล้อม ดีขึ้น เครื่องยนต์ไม่มีเสียหายเลย ได้ทดลองกันมานานแล้วภายใน 10% ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเกิน 10% เราขอเวลาในการศึกษาอีกนิดนึง มะพร้าวนั้นจะใช้การกลั่นที่ไม่ให้มีไข ทุกวันนี้ที่ภูมิปัญญาชาวบ้านทำนั้นกลั่นแบบมีไขและใช้น้ำมันก๊าซไปผสมเพื่อล้างไข ซึ่งเราคิดว่ากลั่นแบบไม่มีไขจะดีกว่ายอมเสียค่ากลั่นมากขึ้นอีกนิด เบ็ดเสร็จแล้วจะทำให้น้ำมันดีเซลที่เป็นไบโอดีเซลราคาต่ำกว่าดีเซลทั่วไปประมาณ 30-50 สตางค์ต่อลิตร ซึ่งไม่มากก็จริงอยู่แต่เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรให้ขายสินค้าเกษตรคือปาล์มกับมะพร้าวได้ราคาที่พอมีกำไรบ้าง และทำให้ลดมลภาวะที่เกิดจากเครื่องยนต์ดีเซลได้อีกประมาณ 30% และเป็นการสงวนเงินตราที่จะต้องส่งไปซื้อน้ำมันดีเซลได้อีก 7-8 % ในส่วนนี้ ก็ถือว่าโดยรวมแล้วน่าจะเป็นประโยชน์ก็ได้สั่งการไปเรียบร้อยแล้ว
รัฐบาลไทยและรัฐบาลเวียดนามลงนามในสัญญาความร่วมมือซื้อขายสินค้าเกษตรร่วมกัน
อีกเรื่องที่น่าสนใจคือการที่รัฐบาลที่ผมไปเยือนเวียดนามคราวที่แล้วเมื่อวันที่ 26 เมษายน ก็มีการพูดคุยกันถึงเรื่องความร่วมมือในการขายสินค้าเกษตรร่วมกัน ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 15-16 พฤษภาคม รัฐมนตรีเกษตรของเวียดนามและรัฐมนตรีพาณิชย์ของไทยได้มาพูดคุยกันสองวัน และได้ลงนามในสัญญากันเรียบร้อยแล้วว่าเราจะตกลงร่วมมือกันในการขายสินค้าเกษตรโดยเฉพาะข้าว เพื่อไม่ให้พี่น้องเกษตรกรต้องขาดทุนขายข้าวราคาถูก หลังจากเซ็นสัญญาแล้วเวียดนามขึ้นราคาข้าวในตลาดโลก ทำให้ข้าววันนี้ราคาดีขึ้น พี่น้องที่เป็นเกษตรกรขายข้าวก็เป็นข่าวดี เชื่อว่าต่อไปนี้ราคาข้าวจะดีกว่าเดิมแน่นอน ซึ่ง เวียดนามกับเราเป็นสองประเทศที่ส่งออกข้าวที่ใหญ่ที่สุดในโลก วันนี้เรากับเขาก็ร่วมมือกันอย่างดีด้วยความจริงใจกัน
รัฐบาลอนุมัติงบกลางช่วยเหลือพี่น้องที่ประสบอุทกภัยที่อำเภอวังชิ้น
อีกเรื่องคือเรื่องน้ำท่วมรอบสองที่อำเภอวังชิ้น ผมขอให้กำลังใจและแสดงความเห็นใจกับพี่น้องที่วังชิ้น เมื่อวันอังคารที่แล้วรัฐบาลได้อนุมัติเงินช่วยเหลือไปเรียบร้อยแล้ว อนุมัติงบกลางซึ่งเกินกว่างบปกติที่แต่ละกระทรวงมีอยู่ก็เพิ่มไปอีกประมาณร่วม 200 ล้านบาท เพื่อที่จะให้พี่น้องที่อำเภอวังชิ้นนั้นได้มีบ้านอยู่เร็ว ๆ ได้มีอาชีพ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับไปดูแล และน้ำท่วมรอบสองนี้กระทรวงเกษตรฯ ก็เข้าไปดูแลแล้ว เพื่อที่จะให้การแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วขึ้น
นายกรัฐมนตรียืนยันไม่มีความขัดแย้งใด ๆ ในรัฐบาล
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ สื่อมวลชนเขียนกันถึงเรื่องเกาเหลา ต้องขออนุญาตชี้แจงครับ ไปมองกันว่าคุณพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ซึ่งเป็นประธานด้านนโยบายและวิชาการที่ทำงานอยู่กับผมไปมีความขัดแย้งกับคุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ขอกราบเรียนพี่น้องประชาชนว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะจริง ๆ แล้วทั้งสองคนสนิทกัน แต่เป็นคนสไตล์นักวิชาการมีอะไรก็พูดตรง ๆ แสดงความคิดเห็นบางเรื่องก็ตรงกันบางเรื่องก็ไม่ตรงกัน ซึ่งเป็นธรรมดาและผมเองเป็นผู้บริหารที่ต้องการความคิดที่แตกต่าง เพื่อที่ผมจะได้เลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุดในการแก้ปัญหาให้กับประชาชน ผมไม่เคยฟังคนใดคนหนึ่งเป็นหลัก เพราะฉะนั้นผมต้องการความคิดที่แตกต่าง และผมนำเอาความคิดที่แตกต่างมาเลือกว่าสิ่งไหนน่าจะเหมาะกับเหตุการณ์มากที่สุดเพราะผมต้องรับผิดชอบ เพราะฉะนั้น ผมจะนำความคิดที่แตกต่างนั้นมาใช้อย่างเป็นระบบ จึงถือเป็นเรื่องธรรมดาและผมก็คงไม่อยากเห็นนักวิชาการที่อยู่รอบตัวผมนั้นคิดเหมือนกันทั้งหมด เพราะว่าเราจะได้มีแนวคิดที่หลากหลาย ผมจึงขอเรียนว่าทั้งสองคนนี้ไม่ได้มีความขัดแย้งใด ๆ ทั้งสิ้น ขอกราบเรียนพี่น้องประชาชนเดี๋ยวจะตกใจว่ายังไม่ทันไรเลยเริ่มทะเลาะกันแล้ว เพราะรัฐบาลนี้ไม่มีเรื่องผลประโยชน์ ฉะนั้น ความคิดเห็นที่แตกต่างจึงไม่ใช่ความขัดแย้ง ถ้าไม่มีเรื่องผลประโยชน์ความขัดแย้งไม่มีหรอกครับ ก็ขอเรียนพี่น้องประชาชนได้ทราบได้เข้าใจได้สบายใจนะครับว่า เราไม่มีปัญหาเรื่องความขัดแย้งในการทำงานใด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผมนั่งเป็นประธานเป็นผู้นำบริหารอยู่ ผมไม่ให้สิ่งเหล่านี้กระทบต่อการแก้ปัญหาของชาติหรอกครับ และขอยืนยันว่าไม่จริงนะครับ
รัฐบาลจะใช้มาตรการเด็ดขาดในการปราบปรามการคอรัปชั่น
อีกเรื่องหนึ่งเรื่องสุดท้ายที่ได้มีการจับกุมแก๊งบังคับให้ฮั้วประมูลกันที่กาญจนบุรีเมื่อสองวันที่แล้ว ผมได้รับรายงานว่ามีเหตุการณ์อย่างนี้หลายจังหวัด เพราะว่ามีการใช้กลุ่มอิทธิพลใช้ข้าราชการบางส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องบังคับให้มีการฮั้วการประมูลกันหลายที่โดยเฉพาะการก่อสร้างในระดับท้องถิ่น ทำให้รัฐบาลต้องเสียเงินภาษีอากรมากมายในการที่จะต้องก่อสร้างของแพงและของไร้คุณภาพ ผมถือเรื่องนี้เป็นเรื่องกระบวนการคอรัปชั่นอย่างหนึ่ง จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ชุดพิเศษสืบสวนติดตามทั่วประเทศ ถ้าพบ ที่ไหนเราจะจับกุมและใช้มาตรการเด็ดขาดในทุกพื้นที่ ที่จับที่กาญจนบุรีนั้นก็ยังมีคนที่เกี่ยวข้องอีก ซึ่งเราได้มีวิดิโอเทปถ่ายเก็บไว้หมดแล้วก็คงจะมีการออกหมายจับต่อไป
ก็ขอเรียนพี่น้องประชาชนว่ารัฐบาลนี้แน่วแน่ในการแก้ปัญหา และแน่วแน่ในการขจัดสิ่งที่เป็นเชื้อโรคกับสังคมไทย ไม่ว่าจะเรื่องคอรัปชั่น เรื่องยาเสพติดและเรื่องความยากจนอย่างมุ่งมั่นต่อไป ขอกราบเรียนพี่น้องประชาชนสำหรับวันเสาร์นี้เพียงเท่านี้ เพื่อว่าวันเสาร์หน้าผมจะได้มีเรื่องรายงานเกี่ยวกับเรื่องที่จะทำงานต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลการเจรจากับท่านนายกรัฐมนตรีจู หรงจี ของจีนในวันนี้ ก็ขอ กราบขอบพระคุณพี่น้องประชาชนทุกท่านที่ได้ให้การสนับสนุนรัฐบาล และเฝ้าติดตามการทำงานของ รัฐบาลเป็นประจำ ก็ขอขอบคุณอีกครั้งครับ
สวัสดีครับ
สำนักโฆษก
จินตนา/ถอด/พิมพ์
Resource: //www.thaigov.go.th/webold/news/speech/thaksin/sp19may44.htm
Create Date : 12 มีนาคม 2551 |
Last Update : 12 มีนาคม 2551 15:26:48 น. |
|
0 comments
|
Counter : 855 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
|
|