" เรื่องราวต่างๆเป็นดั่งทองคำในเทพนิยาย เมื่อคุณแจกจ่ายไปมากขึ้น คุณก็ได้รับกลับมามากขึ้น " พอลลี แมคไกวร์
Group Blog
 
 
มีนาคม 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
10 มีนาคม 2551
 
All Blogs
 
0067. THE NEXT BIG THING IS REALLY SMALL : 1ใน 109 หนังสือควรอ่าน จาก นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร








ประเภท : บริหารธุรกิจยิ่งใหญ่ต้องยิ่งเล็ก : The Next Big Thing is Really Small
ISBN 9749589955
แปลโดย INNOV : Jack Uldrich & Deb newberry
พิมพ์ที่ เนชั่นบุ๊คส์
พิมพ์ปี 2548
235 หน้า น้ำหนัก 350 กรัม
ราคาเดิม 205 บาท พิเศษ 174 บาท

แนะนำ
นาโนเทคโนโลยี คือความสามารถที่จะ
ปฏิวัติการอุตสาหกรรมโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะ
โดยตรงหรือโดยทางอ้อม ขึ้นอยู่กับเวลา
เท่านั้น หนังสือ ยิ่งใหญ่ต้องยิ่งเล็ก ได้
กลั่นกรองพัฒนาการนาโนเทคโนโลยีนำ
เอาความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์มาแปล
เป็นภาษาธุรกิจที่เข้าใจได้ง่าย เพื่อให้วง
การธุรกิจปรับตัวและเตรียมพร้อมสำหรับ
คลื่นความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น


บทนำ 17
1 นาโนเทคโนโลยี โลกยุคต่อไป
นาโนเทคโนโลยีคืออะไร 26
ทำไมนาโนเทคโนโลยีถึงได้สำคัญนัก 30
คุณประโยชน์มหาศาลของความเล็ก 39
การทดสอบของธรรมชาติ 42
ความแม่นยำสูงสุด 43
ทำไมต้องเป็นขณะนี้ 44
เครื่องมือ ตาของเรา หูของเรา และนิ้วของเรา 45
คอมพิวเตอร์พลังสูงกับซอฟต์แวร์สุดยอด 49
ควรผลิตที่ปรับขนาดได้ 50
การประสานความคิดจากต่างแขนงวิชา 51
2 ก็น่าสนใจ แต่ผมต้องทำอะไรบ้างล่ะ
ระบบจูงใจและให้รางวัลพนักงาน 53
การคัดเลือกบุคลากรที่มีพรสวรรค์และสนับสนุนด้านการให้คำปรึกษา 56
ความแข็งแกร่งของบริษัทและของคู่แข่ง 61
การลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนา 63
การวางแผนกลยุทธ์ 70
มาตรฐานและวิธีการ 72
3 เดินตามเส้นทางการเงิน เดินตามผู้นำ 76
ภาครัฐบาล 76
อภิมหาธุรกิจ 84
ตลาดทุน 89
4 วันนี้ นาโนเทคโนโลยียึดฐานที่มั่นได้แล้ว 96
มัลลิพีดกับหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ 97
หลอดคาร์บอนนาโน 101
อนุภาคนาโน สินค้า ปรับปรุงใหม่ 102
อนุภาคนาโน เมื่อเป็นสารเร่งปฏิกิริยา 106
อนุภาคนาโน ยกระดับเครื่องสำอางและวงการแพทย์ 110
การประดิษฐ์วัสดุนาโน 113
5 2004 และ 2005 เร็วขึ้น เล็กลง ถูกกว่า ดีขึ้น 120
การตรวจพบโรค 122
การให้ยารักษาโรค 126
อุปกรณ์กำเนิดพลังงานไฟฟ้า 130
แบตเตอรี่จอมพลัง 133
วัสดุนาโนจะมีราคาถูกลง 135
สารเร่งปฏิกิริยาและฟิลเตอร์ 137
การสื่อสาร 139
อุปกรณ์ใหม่ความรู้ใหม่ 142
6 2006 – 2008 นาโนเทคครองตลาดอย่างจุ่โจมโหมกระหน่ำ 144
7 2009 – 2013 อนุภาคนาโนเทคโนโลยีคุมบังเหียน 169
8 2013 เป็นต้นไป กับโลกที่กะทัดรัดและอัจฉริยะขึ้น 185
9 สรุปโดยรวม ที่เพิ่งจะเริ่มต้น 205
หมายเหตุ 214
แหล่งข้อมูล 228
ดัชนี 232
เกี่ยวกับผู้แต่ง 237


เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2546 ในการประชุมคณะรัฐมนตรี เรื่อง "Nanotechnology" นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อีก 10 ปี ข้างหน้า เราจะต้องปรับตัวเองอย่างมาก สิ่งที่ผ่านมา ก็คือ ความล้มเหลวของ Globalization นายกรัฐมนตรีแนะนำให้อ่านหนังสือ
The Next Big Thing Is Really Small: How Nanotechnology Will Change the Future of Your Business....


Create Date : 10 มีนาคม 2551
Last Update : 10 มีนาคม 2551 16:09:33 น. 3 comments
Counter : 990 Pageviews.

 


ไบโอ-นาโนเทคโนโลยี ไทยต้องวิ่งให้ทันก่อนตกกระแสโลก

หากท่านเป็นผู้หนึ่งที่ติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง คงจะได้เห็นลีลาของนักอ่านหนังสือตัวยงของพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพราะหลายครั้งที่นายกรัฐมนตรีผู้นี้ได้ออกมาวาดลวดลายแนะนำหนังสือน่าอ่านผ่านเวทีการประชุมคณะรัฐมนตรีให้กับบรรดารัฐมนตรีทั้งหลายไปอ่านเพื่อที่จะตามให้ทันกับกระแสโลก เปรียบเสมือนเป็นการจุดกระแสของการอ่านให้กับคนไทยทั้งประเทศด้วยเพราะดูจากยอดขายหนังสือแต่ละเล่มที่ท่านแนะนำก็จะมียอดขายดีทีเดียว และถ้าท่านเป็นหนึ่งในผู้ที่รักการอ่านและติดตามหนังสือที่ท่านทักษิณแนะนำคงจะไม่ลืมหนังสือเล่มนี้ ็ เมื่ออนาคต ไล่ล่า คุณิ หรือ ็AS THE FUTURE CATCHES YOU

หนังสือเล่มนี้ท่านนายกฯได้แนะนำให้คณะรัฐมนตรีต้องอ่านเป็นลำดับต้น ๆ ที่เกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ และนาโนเทคโนโลยี สและหนังสือดังกล่าวได้มีการตีพิมพ์เป็นฉบับภาษาไทยในต้นปี 2546 สโดยผู้ที่เขียนหนังสือเล่มนี้คือ นายฮวน เอนริเกซ์ (Juan Enriqez)ผู้อำนวยการโครงการวิทยาศาสตร์ชีวภาพของ ฮาร์วาร์ดบิสเนสสคูล ซึ่งบุคคลผู้นี้มีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่าธุรกิจ และชีวิตทั่วไปในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จนหากใครเตรียมตัวรับการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ทันจะต้องสะดุดล้ม ในทางกลับกันหากใครเตรียมตัวดีก็หมายถึงก็จะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล

หนังสือดังกล่าวอธิบายให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงโลกในอนาคตที่ สังคมจะต้องพึ่งความรู้มากขึ้น โดยเฉพาะความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งประเทศใดด้อยคุณภาพก็ไม่สามารถอยู่ในโลกของการแข่งขันได้ แต่ปัจจัยที่เปลี่ยนโลกไปมากคือความรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่มาเป็นหนึ่งเดียวกับอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ กล่าวคือ เป็นความรู้ที่มีฐานพันธุกรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง และความรู้ดังกล่าวนี่เองจะเป็นตัวตัดสินประเทศใดจะรุ่งเรืองหรือตกต่ำในอนาคต

เพียงไม่ถึงปีจะด้วยอิทธิพลของหนังสือดังกล่าวหรือไม่ก็ตามหรือเพราะต้องวิ่งตามกระแสโลก ก่อนสิ้นปี 2546 นายกรัฐมนตรีได้ประกาศสิ่งท้าทายสำหรับประเทศไทยที่จะก้าวไปในอนาคตให้ทันด้วยการให้ความสำคัญกับ นาโนเทคโนโลยี ซึ่งหมายถึงเทคโนโลยีย่อส่วนที่จะจัดโครงสร้างอะตอมของสารใหม่ทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศไทยเนื่องจากเห็นว่าไทยมีศักยภาพทางด้านวัตถุดิบอยู่แล้วนั่นคือ เกษตรกรรม

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในรายการ "นายกฯ ทักษิณ คุยกับประชาชน"เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2546 ว่า ได้ กำชับในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้รัฐมนตรีทุกคนให้ความสำคัญกับ ็นาโนเทคโนโลยี ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ย่อส่วน เป็นเทคโนโลยีที่ไปจัดโครงสร้างของอะตอมสารแต่ละอย่างใหม่ ทำให้เกิดสิ่งใหม่ขึ้น ซึ่งในอนาคตอาจจะมีวัสดุบางอย่างที่แข็งกว่าเหล็กถึง 100 เท่า แต่มีน้ำหนักน้อยกว่าเหล็กถึง 6 เท่า และในอนาคตจะมีการสร้างอะไหล่ชิ้นส่วนของมนุษย์ เรียกว่า Bio Compatible Replacement คือมีการเปลี่ยนอะไหล่มนุษย์ด้วยเทคโนโลยี และสามารถชะลอความแก่ได้ โดยสิ่งที่เรียกว่า Artificial Red blood Cells

"ปกติมนุษย์นี่มันจะแก่ เพราะว่าเซลล์หยุดการเจริญพันธ์ หยุดการแตกตัว เขาก็เลยสร้างเซลส์ เม็ดเลือดแดงเทียมด้วยเทคโนโลยีนี้ ก็เทคโนโลยีนี้จะมาแรง มาเร็ว ซึ่งผมได้อ่านหนังสือเรื่อง The next big thing is really small เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก และระยะหลังนี่ หนังสือที่ออกมาพูดกันถึงเรื่องนาโนเทคโนโลยีทั้งนั้น เราต้องให้ความสำคัญ ไม่เช่นนั้นเราจะตกรถ เพราะเราเป็นประเทศหนึ่งที่มีเกษตรกรรม มีความหลากหลายทางชีวภาพ มีเทคโนโลยีชีวภาพอยู่ในระดับหนึ่งแล้ว ถ้าเอา 2 เทคโนโลยีนี้มารวมกัน ก็จะเกิดสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชาติในอนาคต ไม่เช่นนั้นเราจะเป็นชาติที่ทำงานหนัก แต่ได้เงินน้อยอยู่เรื่อย เราต้องพัฒนาเทคโนโลยีไปด้วย"นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า จะต้องเอาจริงในเรื่องนาโนเทคโนโลยี โดยคณะกรรมการนโยบายเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ จะต้องพิจารณาควบคู่กับเรื่องของศูนย์นาโนเทคโนโลยี เพื่อจะทำให้ประเทศไทยมีความก้าวหน้าทางด้านของเทคโนโลยีชีวภาพ กับนาโนเทคโนโลยีไปควบคู่กัน เพราะเป็นเทคโนโลยีที่เอามาผสมผสานกัน เพื่อให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้

เป้าหมายไทย สู่'ศก.ชีวภาพ'

ดังนั้นเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจไทยในอนาคตต้องตกกระบวนของกระแสโลกรัฐบาลจึงได้กำหนดเป้าหมายการพัฒนาอย่างชัดเจนภายใต้การบริหารงานของทักษิณ ชินวัตร สโดยเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. สนายกฯในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ สได้เห็นชอบในกรอบนโยบายการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) ของประเทศ ตั้งแต่ปี 2547-2554 เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายระดับชาติ 6 ด้าน สประกอบด้วย

1.การมุ่งสร้างเศรษฐกิจชีวภาพสมัยใหม่
2.การสนับสนุนการเป็นครัวของโลก
3.ประชาชนมีสุขภาพดี และเป็นศูนย์กลางสุขภาพแห่งเอเชีย
4.รักษาสิ่งแวดล้อมและผลิตพลังงานสะอาด
5.สนับสนุนระบบเศรษฐกิจพอเพียง
6.สร้างกำลังคนด้านเทคโนโลยีชีวภาพที่มีคุณภาพ

แนวทางและประเด็นเป้าหมายในการพัฒนา 6 ด้าน ในปี 2547-2554 โดย

เป้าหมายระดับชาติที่ 1 คือ ธุรกิจชีวภาพสมัยใหม่เกิดและพัฒนาโดยมีกลยุทธ์สำคัญ คือ การสร้างบรรยากาศและแรงจูงใจให้เกิดการร่วมทุนทางธุรกิจด้านเทคโนโลยีชีวภาพ รวมทั้งสนับสนุนการลงทุนวิจัยพัฒนานวัตกรรม ผลักดันให้มีกลุ่ม บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

เป้าหมายระดับชาติที่ 2 ให้มีองค์ประกอบด้านเทคโนโลยีชีวภาพมากขึ้น ในกลุ่มคลัสเตอร์ ที่มีมูลค่าเพิ่ม โดยมุ่งรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร เพื่อขยายมูลค่าการส่งออกให้เพิ่มขึ้นเป็น 1.2 ล้านล้านบาท (ประมาณ 3 เท่าของมูลค่าส่งออกปี 2545) และเพิ่มการส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปให้มากขึ้นจากอันดับที่ 12 ให้เป็น 1 ใน 5 ของโลกในปี 2554

เป้าหมายระดับชาติที่ 3 เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยมีสังคมที่มีสุขภาพดีและเป็นศูนย์สุขภาพแห่งเอเชีย มีกลยุทธ์สำคัญ คือ เร่งการลงทุนวิจัยและพัฒนาโรคเขตร้อน และโรคทางพันธุกรรม ส่งเสริมให้ผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีมูลค่าสูงจากทรัพยากรในประเทศ ใช้นโยบายต่างประเทศในการขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน สนับสนุนการจัดตั้งบริษัทใหม่ที่ผลิตชุดตรวจและธุรกิจบริการตรวจสอบพันธุกรรมภายในประเทศ

เป้าหมายระดับชาติที่ 4 เพื่อใช้เทคโนโลยีชีวภาพรักษาสิ่งแวดล้อมและผลิตพลังงานสะอาดนั้น มีกลยุทธ์สำคัญ คือ การปรับปรุงกฎหมายและข้อกำหนดให้เอื้อต่อการลงทุนบำบัดของเสีย กำหนดมาตรการบังคับใช้ให้ผลตอบแทนธุรกิจที่สามารถลดของเสียและใช้พลังงานทดแทน รวมถึงกำหนดมาตรการทางการเงินและภาษีเพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนลงทุนเปลี่ยนของเสียให้เป็นพลังงาน ส่งเสริมการพัฒนา และการใช้ปุ๋ยชีวภาพ แทนการใช้สารเคมี

เป้าหมายระดับชาติที่ 5 เพื่อใช้เทคโนโลยีชีวภาพ เป็นปัจจัยสำคัญของเศรษฐกิจพอเพียง มีกลยุทธ์สำคัญ คือ การเพิ่มคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าชุมชน ใช้เทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก ในการเพิ่มมูลค่าสินค้าชุมชน พัฒนาแหล่งทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ รวมทั้งอนุรักษ์แหล่งทรัพยากรและนำทรัพยากรมาใช้อย่างยั่งยืน

เป้าหมายระดับชาติที่ 6 สมุ่งพัฒนาระบบการสร้างกำลังคนที่มีคุณภาพ มีกลยุทธ์สำคัญ คือ การจัดทำทำเนียบนักวิจัยชั้นนำ 5,000 คนแรก สร้างภาวะดึงดูดการทำงานวิจัยและพัฒนาโดยการสร้างเมืองและชุมชนวิจัย เช่น อุทยานเทคโนโลยีชีวภาพ สร้างเส้นทางนักวิจัยอาชีพ และชักจูงผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชีวภาพต่างประเทศให้มาทำวิจัย และพัฒนาในไทยในสาขาที่ขาดแคลน

สำหรับคณะทำงานที่จะเข้ามาดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมาย 6 ข้อดังกล่าว คือ
1.คณะอนุกรรมการเทคโนโลยีชีวภาพด้านการพัฒนาธุรกิจชีวภาพ โดยมีนายสมพงษ์ วนาภา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เป็นประธาน
2.คณะอนุกรรมการเทคโนโลยีชีวภาพด้านอาหารและการเกษตร มีนายกรพจน์ อัศวินวิจิตร เป็นประธาน
3.คณะอนุกรรมการเทคโนโลยีชีวภาพด้านสุขภาพ มี ดร.พรชัย มาตังคสมบัติ เป็นประธาน
4.คณะอนุกรรมการเทคโนโลยีชีวภาพด้านสิ่งแวดล้อม และพลังงานสะอาด มี น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รมว.พลังงาน เป็นประธาน
5.คณะอนุกรรมการเทคโนโลยีชีวภาพด้านการพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจพอเพียง มี ศ.น.พ.ประเวศ วะสี เป็นประธาน และ
6.คณะอนุกรรมการเทคโนโลยีชีวภาพด้านการพัฒนากำลังคน มี ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ เป็นประธาน

แผนการพัฒนาประเทศไทยดังกล่าวนับเป็นความท้าทาย เพราะประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่ได้เริ่มนับหนึ่งแล้วและพร้อมที่จะขับเคลื่อนแรงมากขึ้นเกี่ยวกับนาโนเทคโนโลยี แต่ไทยยังขาดปัจจัยเกื้อหนุนหลายด้าน และที่สำคัญสุดคือ ระบบการศึกษา ที่ดูเหมือนว่าจะยังไม่เอื้ออำนวยเท่าใดนัก แต่ถ้าไทยไม่เริ่มต้นวันนี้มีหวังตกกระบวนแน่


โดย : ผู้จัดการรายวัน วันที่ 3 ม.ค. 47

Resource://www.biothai.net/cgi-bin/content/news/show.pl?0319


โดย: ไบโอ-นาโนเทคโนโลยี ไทยต้องวิ่งให้ทันก่อนตกกระแสโลก (moonfleet ) วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:16:13:19 น.  

 
คำกล่าวของพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

ในรายการ “นายกฯ ทักษิณคุยกับประชาชน”

ทางคลื่นเอฟ.เอ็ม. 92.5 สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย

เวลา 08.00 น. วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม 2546

----------------------------------------

สวัสดีครับพี่น้องประชาชนที่เคารพรักครับ
เหลืออีก 5 วันจะเป็นปี 2547 แล้ว ปีนี้วันที่ 2 ความจริงไม่ใช่วันหยุด วันที่ 31 ธันวาคมเป็นวันหยุด คณะรัฐมนตรีจึงสลับวันกันเพื่อที่จะให้พี่น้องได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนญาติพี่น้อง วันที่ 31 ธันวาคมส่วนใหญ่ยังนับถอยหลังข้ามปีใหม่กันอยู่ที่กรุงเทพฯ เพราะฉะนั้น วันที่ 1 มกราคมก็ไปสวัสดีปีใหม่ไปเยี่ยมเยียนญาติผู้ใหญ่ ซึ่งตามประเพณีพวกที่นับถือศาสนาคริสต์ใช้ฤดูกาลช่วงคริสต์มาสเป็นวันหยุดหลายวันเพื่อจะได้ไปเยี่ยมญาติพี่น้องพ่อแม่ เพื่อนฝูงและได้พักผ่อนไปด้วยในตัวครับ



ขอให้ระมัดระวังในการเดินทางไปต่างจังหวัด
สำหรับพี่น้องคนไทยที่จะเดินทางไปพักผ่อนและไปต่างจังหวัดในช่วงวันหยุด 4 วัน ติดต่อกันคือ

วันที่ 1- 4 มกราคม 2547 ขอให้พึงใช้ความระมัดระวัง เพราะอุบัติเหตุปี ๆ หนึ่งในช่วงวันหยุดยาวเกิดขึ้นมาก

บางครั้งบาดเจ็บทีหนึ่ง 20,000 กว่าคน เสียชีวิต 400-500 คนมากไป อยากจะขอให้พี่น้องคนไทยทุกคนได้ใช้ความระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำหน้าที่ขับรถสาธารณะนั้นถือว่าท่านต้องดูชีวิตคนหลายคนขอให้พึงระมัดระวัง ส่วนคนเมามักจะเถียงกับทุกคนว่าไม่เมา คือสรุปแล้วอย่าดื่มแอลกอฮอล์แล้วไปขับรถแม้กระทั่งแก้วเดียวก็ตาม บางทีไม่เมาครับแต่ง่วงง่าย ฉะนั้น เรื่องเมาเรื่องง่วงอย่าขับรถครับ เป็นอันตรายต่อท่านเองทั้งคนที่นั่งไปกับท่านและคนอื่นซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่ที่ขับรถสวนขึ้นมา อย่างน้อยคิดถึงคนที่บ้านบ้างว่าถ้าท่านเป็นอะไรไปมีผลต่อคนที่บ้านเยอะ ดังนั้น ขอให้ระมัดระวังนะครับ เรื่องเมา ง่วง เข็มขัดนิรภัยให้รัดเสีย และผู้ขับขี่มอเตอร์ไซต์ให้สวมหมวกกันน็อคเปิดไฟ แม้กระทั่งตอนกลางวันก็เปิดเถอะเพื่อความปลอดภัยของท่านเอง อยากจะขอฝากให้ใช้ความระมัดระวัง และฝากผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดครับ วันนี้ความรับผิดชอบทั้งหลายในพื้นที่ที่เกิดขึ้นในทุกจังหวัดถือว่าเป็นหน้าที่ของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งผมไม่ได้คาดหวังว่าท่านจะต้องทำงานคนเดียวทุกอย่าง ท่านต้องกระจายงานและวางแผนต้องติดตามงาน เพื่อที่จะให้คนอื่นทำงานได้อย่างเต็มที่ โดยที่ท่านเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดในจังหวัดในทุก ๆ เรื่อง โดยเฉพาะปีนี้ลองดูสิว่าเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนช่วยกันคนละไม้คนละมือครับ ถ้าสถิติลดจะเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์มาก











รัฐบาลจะดำเนินการกับผู้ที่ข้ามไปเล่นการพนันในประเทศเพื่อนบ้าน

ปีใหม่นี้เช่นกันนะครับ ผู้ที่ตั้งใจจะไปเล่นการพนันตามบ่อนแถวชายแดนไม่ว่าจะเป็นชายแดนกัมพูชาชายแดนพม่า แถวจังหวัดระนองแถวอรัญประเทศ เห็นใจนะครับคงไม่สะดวกแน่ ไปทำอย่างอื่นดีกว่า ไปเที่ยวไปพักผ่อนซื้อของดีกว่า เงินที่จะไปเล่นคือไปเล่นเสียเล่นไม่ค่อยได้ คนเล่นการพนันไม่ค่อยมีใครได้ ส่วนใหญ่เจ้าของบ่อนจะได้ และมีเจ้าหน้าที่ที่ทุจริตอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ผมสืบสวนเริ่มรู้อะไรเป็นอะไรแล้วนะครับ จะต้องมีการดำเนินการอะไรอีกหลายอย่าง ขอให้ท่านที่ตั้งใจจะไปเล่นการพนันเอาเงินไปซื้อของให้ลูกให้หลานให้พ่อแม่ดีกว่า ดีไม่ดีจะโดนยึดเงินไม่คุ้มเลย พอแล้วครับเล่นมามากแล้ว



หลายหน่วยงานจัดกิจกรรมวันนับถอยหลัง
คืนวันที่ 31 ธันวาคมมีการจัดกิจกรรมวันนับถอยหลังหลายที่ องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อ.ส.ม.ท.) ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ไปจัดที่สนามกีฬาศุภชลาศัยเป็นสวัสดีปีใหม่ข้ามโลก 2547 มีรางวัลเยอะแยะ รวมทั้งส่งไปรษณียบัตรไปที่ตู้ป.ณ.2547 ปณจ.รองเมือง กรุงเทพฯ 00009 สำหรับ ชิงทุนการศึกษาให้ส่งไปที่ ตู้ป.ณ. 2004 ปณจ.รองเมือง กรุงเทพฯ 09000 อันนี้เป็นกรณีนักเรียน กรณีประชาชนทั่วไปใช้รหัส 00009 ที่เชียงใหม่ก็มีการจัดนะครับ ปีนี้เชียงใหม่จัดคึกคักทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 7 ไปร่วมจัดที่โน้น ที่สะพานพระราม 8 ก็มีการจัด เวิร์ดเทิร์ดก็มีการจัดเหมือนกัน ในส่วนของ อ.ส.ม.ท. ที่สนามกีฬาศุภชลาศัยจะมีการเชื่อมสัญญาณแลกข่าวการเฉลิมฉลองปีใหม่กันกับหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป จีน ออสเตรเลีย



ประชาชนซื้อสินค้า OTOP กันเป็นจำนวนมาก

อยากจะเชิญชวนพี่น้องประชาชนครับ วันพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายของการจัดงาน OTOP CITY ที่

เมืองทองธานี ตั้งแต่เปิดงานวันแรกเมื่อวันเสาร์ที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมามีคนไปประมาณ 175,000 คน หลังจากนั้น วันธรรมดารถติดคนเยอะมาก วันแรกขายได้ 54 ล้านบาท ความจริงแล้วควรจะขายได้มากกว่าแต่เป็นเพราะว่า คนแน่นซื้อไม่ถนัด ผมจะเดินสัก 2-3 Hall เดินแป๊บเดียวเดินไม่ไหวแล้วครับเพราะคนเยอะ สื่อมวลชนก็เยอะ หน่วยรักษาความปลอดภัยก็เยอะ ภรรยาผมไปด้วยนึกว่าจะได้ซื้ออะไรหน่อย ปรากฎว่าเดินไม่ไหวครับ สองวันนี้เสาร์-อาทิตย์คนคงจะเยอะมาก เพราะฉะนั้น ถ้าหากใครจะไป ๆ แท็กซี่หรือรถเมล์จะมีรถรับส่งฟรีแถว ๆ ย่านนั้นเพื่อพาเข้าไปในงาน เพราะคนอาจจะแน่น ของดีมาก ๆ ถูกครับ ผมไปเห็นแล้วอดชื่นใจไม่ได้ว่าเวลานี้ฝีมือคนไทยได้พัฒนาไปเยอะ ส่งออกไปเยอะ ยอดขายของ OTOP ปีนี้ทั้งปี 33,000 ล้านบาท เราคิดว่าคงจะได้ประมาณสัก 20,000 กว่าล้านบาท ตอนนี้ประมาณ 33,000 ล้านบาท ถือว่าเป็นยอดขายที่ดีมาก และไปเห็นของแล้วท่านจะภูมิใจว่าเดี๋ยวนี้พี่น้องคนไทยชาวบ้านได้ทำงานด้วยความตั้งใจทำงานดี ศิลปวัฒนธรรมที่ถ่ายทอดไว้จากบรรพบุรุษนั้นได้รับการรักษาไว้เป็นอย่างดีนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการศิลปาชีพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทุ่มเทถ่ายทอดให้กับประชาชนได้มีความรู้มีทักษะมีฝีมือแรงงานได้ดีมาก นอกจากนั้นมีอาหารอร่อยจาก 75 จังหวัด ผมยังเสียดายอยากจะไปเดินทานอาหารก็ไม่มีเวลา ถ้าไปท่านไปได้เลยนะครับเพราะใช้เวลาทั้งวัน สินค้าเยอะ 6,000 กว่ารายการ ไปตั้งแต่เช้าถึงเย็นดีไม่ดียังเดินไม่ทั่วนะครับ



เชิญเที่ยวงานถนนคนเดินทุกเย็นวันเสาร์ที่สันกำแพง
ท่านที่ไปเชียงใหม่ทุกวันเสาร์ไปที่สันกำแพง วันเสาร์ตอนเย็นสันกำแพงจะเปิดถนนคนเดิน ชาวบ้านจะเอาของมาขายสองข้างทาง ของหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ของหัตถกรรมพื้นบ้าน มีทั้งอาหาร ผลิตภัณฑ์ผ้าไหม ผ้าฝ้าย ศิลาดล เครื่องแกะสลัก ของเอสเอ็มอีที่สันกำแพงตอนนี้ก้าวหน้าไปเยอะ ของสวย ๆ ถูกครับ อยากจะเชิญชวนถ้าไปเชียงใหม่แวะไปเดิน ถนนสองข้างที่เป็นถนนคนเดินที่สันกำแพงเป็นถนนที่ผมวิ่งเล่นมาตั้งแต่เด็ก บางทีหน้าหนาวสมัยก่อนไม่ค่อยมีรถตีแบดกันบ้าง ถนนนี้เป็นถนนที่จะเอาไว้สำหรับขายของเป็นถนนคนเดินให้กับนักท่องเที่ยวทั้งจากเชียงใหม่จากทั่วประเทศและต่างประเทศที่ไปทุกวันเสาร์ครับ



อนุมัติงบประมาณเพื่อจัดหาเครื่องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์และเครื่องตรวจจับความเร็ว
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาการประชุมคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณเพื่อจะจัดหาเครื่องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์และเครื่องตรวจจับความเร็วให้ซื้ออย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะได้เอาไปใช้ในช่วงวันหยุดได้ด้วย ถ้าไม่ทันของเก่ามีอยู่บ้างพยายามให้เอามาใช้ ต่อไปนี้เรื่องของการเมาแล้วขับ อาจจะมีทั้งโทษปรับและการให้ไปทำงานสาธารณะไปล้างท่อไปขัดป้ายจราจรบ้างคงจะต้องมีแบบนั้นมากขึ้น เพราะบางคนค่าปรับไม่มีความหมาย ปรับ 2,000 บาทเขาบอกเรื่องเล็กจ่ายไปเลย แต่บางคน 2,000 บาททำให้ครอบครัวไม่มีกินเลย อันนี้เป็นเรื่องที่จะต้องดูว่าบางทีต้องให้ทำงานสาธารณะ 2,000 บาทไม่มีความหมายแต่ต้องไปล้างท่อ บางคนอาจยอมไม่ได้ อะไรทำนองนี้ ทุกคนจะได้ระมัดระวังพึงคิดถึงคนอื่นในการขับรถด้วย



บริการตรวจสภาพและซ่อมรถยนต์ รถจักรยานยนต์

เราจะมีการให้บริการตรวจสภาพและซ่อมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน จะเปิดให้บริการตรวจเช็คสภาพ ซ่อมรถยนต์และจักรยานยนต์ในทุกจังหวัดตามจุดบริการต่าง ๆ ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2546 – 4 มกราคม 2547 ตลอด 24 ชั่วโมงนะครับ มีทั้งกรุงเทพฯ สมุทรปราการ ชลบุรี ราชบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี นครสวรรค์ พิษณุโลก เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี สงขลา เป็นต้น เพื่อที่จะให้ท่านมั่นใจว่ารถของท่านปลอดภัยระหว่างเดินทางครับ



รับพระราชทานผ้าห่มกันหนาวเพื่อนำไปแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัยหนาว
เมื่อวันพฤหัสบดีตอนเย็น ผมได้ไปเฝ้าฯ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ท่านทรงห่วงประชาชนที่กำลังประสบภัยอยู่ทั้งที่ภาคเหนือและภาคอีสาน ทรงพระราชทานผ้าห่มซึ่งทรงซื้อโดยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ 6,000 ผืน และมีผู้ร่วมโดยเสด็จพระราชกุศลอีก 400 ผืน ได้กระจายแจกไปทางภาคเหนือภาคอีสาน ทรงห่วงใยว่าประชาชนหนาวโดยที่พระองค์ท่านทรงรับสั่งว่า รู้สึกว่าอากาศเปลี่ยนและทรงหนาวด้วย จึงคิดว่าพี่น้องประชาชนที่อยู่ตามป่าตามเขาชนบทในภาคอีสานและภาคเหนือคงจะหนาว ทรงให้ราชเลขาธิการโทร.ให้ผมไปเฝ้าฯ เพื่อรับพระราชทานผ้าห่มไปแจก ได้ให้กระทรวงมหาดไทยไปดำเนินการ เรียบร้อยแล้วนะครับ เป็นความห่วงใยจากพระองค์ท่าน



ให้เกษตรตำบลและประชาชนเรียนรู้การพัฒนาเกษตรร่วมกัน

เมื่อวานนี้ผมได้ไปเป็นประธานในพิธีเปิดงานและแสดงปาฐกถาพิเศษหัวข้อ“นโยบายในการพัฒนาการเกษตรไทย” ที่อำเภอแกลง จังหวัดระยอง คือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เอาเกษตรตำบลจาก ทั่วประเทศมาดูงานมาเปิดหูเปิดตา มาดูการทำสวนที่ใช้หลักวิชาที่สวนเจริญพีระวัฒน์ อำเภอแกลง ที่นี่เขาทำ แม้กระทั่งปลูกทุเรียนเป็นการปลูกทุเรียนต้นเตี้ย ทำให้ต้นเตี้ยแค่เมตรกว่า ๆ และสามารถเก็บลูกทุเรียนได้ง่ายและทุเรียนก็อร่อย ลำไยก็ปลูกที่นี่ เขาสามารถปลูกได้หลายอย่างโดยใช้ระบบสปริงเกอร์ ใช้น้ำน้อยและมีการทำสวนอย่างถูกหลักวิชา เลยพาเกษตรตำบลมาดู นอกจากนั้นให้ไปนิคมอุตสาหกรรมด้วย เขาจะได้เปิดหูเปิดตาเพราะการที่ได้มาเห็นอะไรที่นอกเหนือจากที่เคยทำอยู่จำเจทุกวันถึงจะให้เกิดความคิดนอกกรอบได้ ผมจึงบอกกับเกษตรตำบลทั้งหลายว่า มาดูมาเห็นมาเรียนรู้แล้วยังไม่เท่ากับลงมือปฏิบัติเอง เพราะฉะนั้น เราจะหาแปลงในทุกตำบลให้เกษตรตำบลทุกคนทำสวนทำไร่ ทำเป็นแปลงสาธิต ทำให้ถูกหลักวิชาและเอาประชาชนมาเรียนรู้มาทำด้วยกัน และผลผลิตที่ได้ขายเป็นรายได้ของทั้งเกษตรตำบลและของประชาชนที่มาช่วยกันทำ แล้วนอกนั้นประชาชนที่มาช่วยกันทำจะเกิดความเข้าใจในวิชาการที่ถูกต้องและจะเอาไปปฏิบัติจะเป็นประโยชน์ต่อเขาเองในอนาคต เพราะ ต่อไปเรากำลังจะมีการแจกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกินแล้ว ประชาชนที่ได้ไปจะรู้ว่าทำมาหากินอะไรได้ ปลูกอะไรปลูก อย่างไรดูแลอย่างไร เกษตรอินทรีย์คืออะไร ระบบการเกษตรที่ใช้น้ำน้อยทำอย่างไรเพราะจะได้เข้าใจ บางพื้นที่เขตชลประทานไปไม่ถึง จึงให้กำลังใจเขาและบอกให้เขาลงมือปฏิบัติร่วมกับประชาชน และวันนั้นเราจะได้พัฒนาเกษตรโดยทั้งทฤษฎีทั้งประสบการณ์อย่างชัดเจน



ภาวะเศรษฐกิจของไทยขณะนี้ดีมาก
วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคมผมได้ไปบรรยายพิเศษเรื่อง “อนาคตเศรษฐกิจไทยในโลกการค้ายุคใหม่” ที่ธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่ ได้รับเกียรติจากประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษซึ่งให้การต้อนรับและได้พบปะพูดคุยกับท่านก่อนจะบรรยายพิเศษ การบรรยายพิเศษของผมคงเน้นย้ำให้เห็นถึงภาวะที่แท้จริงของเศรษฐกิจไทยและแนวโน้มของการปลี่ยนแปลงของโลกและผลกระทบว่า เราจะต้องปรับตัวเตรียมตัวอย่างไรและเพื่อให้เกิดความมั่นใจเกิดกำลังใจในการเตรียมตัวของภาคเอกชนด้วย ผมได้เล่าเรื่องสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันให้เขาฟังด้วย ถือว่าเป็นภาวะเศรษฐกิจที่เป็นตัวเลขที่ดีมาก ผมคิดว่าทุก ๆ ประเทศอยากจะเห็นตัวเลขที่มีความสมดุลเหมือนที่เวลานี้ประเทศไทยเรามี เพราะเรามีการส่งออกที่เติบโตมีการค้าที่เกินดุล มีดุลบัญชีชำระเงินที่เกินดุล บัญชีเดินสะพัดที่เกินดุล มีเงินไหลเข้ามาก หนี้ลด การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูง เงินเฟ้อต่ำ ตลาดหลักทรัพย์ก็โตวันโตคืน อันนี้เป็นเรื่องที่ได้ชี้ให้เห็นว่าภาวะตอนนี้เป็นภาวะที่ถือว่าดี ประชาชนมีความสุขกันถ้วนหน้า



ประเทศไทยจะมีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีชีวภาพและนาโนเทคโนโลยี
สัปดาห์นี้ผมมีงานประชุมหลายเรื่อง มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายเทคโนโลยีชีวภาพ แห่งชาติ เพราะว่าเรื่องนี้ต้องเอาจริงและทำควบคู่กันถึงเรื่องของศูนย์นาโนเทคโนโลยี จะทำให้ประเทศไทยมีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพและนาโนเทคโนโลยีควบคู่กัน เพราะเป็นเทคโนโลยีที่เอามาผสมผสานกันเพื่อให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้



3 กระทรวงนำร่องจะเปิดศูนย์ Call Center ตั้งแต่ 1 มกราคมนี้

มีการประชุมร่วมศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรีและศูนย์ปฏิบัติการกระทรวง หลักคือให้ทุกกระทรวงมีระบบฐานข้อมูลของตัวเองแล้วเอามาเชื่อมกัน ผมจะเห็นภาพรวมของประเทศว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง แค่ไหนอย่างไรมีการพัฒนาแค่ไหน เพื่อจะได้ติดตามข่าวสารจากการวิเคราะห์และการตัดสินใจที่ถูกต้องรวดเร็วแม่นยำ และเห็นตัวเลขต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้โดยที่จะมีการสร้างกลยุทธ์และยุทธศาสตร์ใหม่ ๆ ในการแก้ปัญหาของประเทศ โดยมีข้อมูลที่แม่นยำและมีหลักวิชาการที่รองรับ ข้อมูลทั้งหมดเมื่อเชื่อมกันแล้วจะไปใช้ตั้งศูนย์ที่เราเรียกว่า Call Center หมายความว่าเป็นศูนย์ที่จะทำให้ประชาชนทั้งหลายสอบถามอะไร ร้องเรียนอะไร จะหมุนเข้ามาจะมีเจ้าหน้าที่รับโทรศัพท์ ซึ่งจะเชื่อมฐานข้อมูลเข้าไปยังกระทรวงต่าง ๆ อันนี้เราหวังว่าสักประมาณกลางปีหน้าคงจะสมบูรณ์ แต่จะเริ่มทดลองตั้งแต่ 1 มกราคมนี้ จะเปิดนำร่องโดย 3 กระทรวงที่พร้อมคือ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร วันที่ 1 มกราคมเราจะเริ่มเปิดศูนย์โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์ 4 ตัวคือ 1111 หลังจากเมษายนไปจะดีขึ้น ข้อมูลจะเข้ามาทุกอย่าง จะทำให้เป็นศูนย์ที่พี่น้องประชาชนที่ไม่กล้าไปพูดกับตำรวจ ไม่กล้าไปพูดกับผู้ว่าราชการจังหวัด แต่อยากจะบอกให้นายกรัฐมนตรีรู้ว่าปัญหานี้เขตพื้นที่ตัวเองมีปัญหาอะไร ก็โทร.มาบอกที่เบอร์นี้ ระบบคอมพิวเตอร์จะหมุนแล้วมีคนรับและจะคีย์เข้าคอมพิวเตอร์ แล้วข้อมูลนั้นจะส่งมาที่สำนักงานที่จะมีการวิเคราะห์ข้อมูลและเอาข้อมูลเหล่านั้นมาเพื่อการแก้ไขปัญหา จะง่ายขึ้นมากการตอบสนองต่อปัญหาจะรวดเร็วขึ้น จะเริ่มลงมือได้ตั้งแต่ 1 มกราคมนี้เป็นต้นไป



เร่งปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ ให้ครบ 5 ล้านไร่
ผมมีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ปีที่ 50 เป็นขั้นที่ 3 คือรัฐบาลก่อนๆได้ทำมาหมดแล้ว เราตั้งเป้าไว้ 5 ล้านไร่ในอดีตแต่ทำไปแล้ว 3 ล้าน 4 แสนไร่ ยังเหลืออีก 1 ล้าน 6 แสนไร่ ผมจึงให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นแกนหลักในการปลูกต่อให้ครบ 5 ล้านไร่ ซึ่งเป็นโครงการที่มีพี่น้องประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมาก ผมเองอยากเห็นการมีส่วนร่วมอยากให้คนในท้องถิ่นได้รู้ว่าคนเมืองก็รักป่า จะมาบริจาคช่วยกันปลูกป่า แล้วคนในชนบทจะได้ช่วยกันว่าขนาดคนที่เขาอยู่ห่างไกลเขายังรักป่าของเรา เพราะฉะนั้น เราก็ควรจะรักป่าและเข้ามามีบทบาทโดยเข้ามาช่วยกัน เอาแรงงานมาช่วยบ้าง เพื่อจะได้รักษาป่าให้ป่าของเราอุดมสมบูรณ์ต่อไป เจริญตามรอยพระยุคลบาท อันนี้เป็นเรื่องที่เราพยายามที่จะเร่งขยายเพื่อให้ครบ 5 ล้านไร่ คงจะมีโครงการเชิญชวนในโอกาสต่อไป



โอนเงินบำเหน็จดำรงชีพเข้าบัญชีผู้รับบำนาญแล้ว 31,000 ล้านบาท

วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม ผมได้ไปเป็นประธานในพิธีโอนเงินบำเหน็จดำรงชีพอย่างเป็นทางการเข้าสู่บัญชีเงินฝากของผู้รับบำนาญทั่วประเทศ เรื่องนี้เดิมมีอยู่ว่าผู้ที่รับบำนาญเมื่อเสียชีวิตจะได้รับบำเหน็จ ตกทอด 30 เท่าของเงินบำนาญต่อเดือน เนื่องจากว่าที่ผ่านมามีภาวะวิกฤตเศรษฐกิจผู้รับบำนาญเดือดร้อน บางคนอยากจะซ่อมบ้าน บ้านที่อยู่ทรุดโทรมแล้ว อายุมากแล้วอยากจะซ่อมบ้านให้พออยู่ได้ก็ไม่มีสตางค์ บางคนมีความ รู้สึกว่าลูกหลานเดือดร้อนอยากให้สตางค์ลูกหลานบ้าง บำนาญแค่พอกินไปวัน ๆ หนึ่งไม่พอใช้ ทีนี้ภาวะเป็นอย่างนั้นแล้วทำอย่างไรดีจะต้องรอเสียชีวิตก่อนหรือค่อยให้ลูก เราจึงคิดว่าให้พ่อแม่ที่รับบำนาญได้มีโอกาสถือเงินสดเพื่อจะเอามาไว้สำหรับให้เปรี้ยวให้หวานให้ลูกให้หลานตัวเล็ก ๆ กินหรือจะซ่อมบ้าน ซ่อมสุขภาพให้มีอายุยืนนานขึ้นมีสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่ดี จึงคิดว่าขณะนี้ฐานะเศรษฐกิจของรัฐบาลของเงินคงคลังมีมาก การเก็บภาษีเกินเป้า คิดว่าควรที่จะดูแลข้าราชการบำนาญ เลยตัดสินใจว่าเราเสนอกฎหมายเพื่อแก้กฎหมายเกี่ยวกับบำเหน็จบำนาญเพื่อที่จะได้ให้เอาเงิน 30 เท่ามาจ่ายให้ผู้ที่รับบำนาญสัก 15 เท่า แต่บางคนเงินเดือนสูงเรากำหนดเพดานขั้นสูงไว้ว่าไม่เกิน 200,000 บาท ปรากฎว่าข้าราชการบำนาญที่มีสิทธิทั้งหมด 258,000 รายมาใช้สิทธิ 224,000 ราย ใช้สิทธิไป 86.76% บางคนที่ใช้สิทธิไม่ได้หมายความว่าไม่มีฐานะ แต่มีความรู้สึกว่าจะได้เอาเงินไว้ให้ลูก อยากจะยื่นเงินให้กับลูกก่อนที่จะเสียชีวิตแทนที่จะต้องรอเสียชีวิตแล้วลูกไปรับมรดกตกทอด อยากจะให้เขามีเงินก่อน ก็มีโอกาสก่อนที่จะเอาไปทำอะไร เมื่อวันพฤหัสฯ ผมโอนเงินเข้าบัญชีไปแล้ว ขณะนี้บัญชีที่โอนเข้าไปประมาณ 209,000 รายยังเหลืออีก 10,000 กว่าราย จะเร่งทำให้เสร็จก่อนปีใหม่แน่นอน เพราะฉะนั้น ทุกคนที่ยื่นสมัครแล้วจะได้รับเงินตอนปีใหม่ แต่คนที่ยังไม่ยื่นสมัครอีกประมาณ 10 กว่าเปอร์เซนต์ สามารถสมัครได้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2547 ขณะนี้เงินที่โอนไปแล้วทั้งหมด 31,000 ล้านบาท ถ้าครบทั้งหมดคือ 33,000 ล้านบาท เงินได้ไปอยู่กับข้าราชการบำนาญแล้ว 31,000 ล้านบาทครับ

กำชับให้รัฐมนตรีทุกคนให้ความสำคัญกับนาโนเทคโนโลยี
การประชุมคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมาในวันอังคาร ผมได้กำชับให้รัฐมนตรีทุกคนให้ความสำคัญกับนาโนเทคโนโลยี ๆ คือเป็นเทคโนโลยีที่ย่อส่วน แล้วเป็นเทคโนโลยีที่เข้าไปจัดโครงสร้างของอะตอมของสาร แต่ละอย่างเสียใหม่และจะเกิดสิ่งใหม่ขึ้น ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีวัสดุบางอย่างที่แข็งกว่าเหล็กถึง 100 เท่าแต่มี น้ำหนักน้อยกว่าเหล็กถึง 6 เท่า ในอนาคตข้างหน้าจะมีการสร้างอะไหล่ชิ้นส่วนของมนุษย์ได้เรียกว่า Bio Compatible Replacement คือมีการเปลี่ยนอะไหล่มนุษย์ด้วยเทคโนโลยีนี้ ในอนาคตข้างหน้าจะชะลอความแก่ได้ โดยมี Artificial Red blood Cell คือปกติมนุษย์จะแก่เพราะเซลล์หยุดการเจริญพันธุ์ หยุดการแตกตัว ฉะนั้น เขาจึงสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงเทียมด้วยเทคโนโลยีนี้ เทคโนโลยีพวกนี้จะมาแรงมาเร็ว ซึ่งผมไปอ่านหนังสือมาเล่มหนึ่งชื่อ The Next Big Thing is Really Small เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก และหนังสือออกมาระยะหลังพูดถึงเรื่องนาโนเทคโนโลยีทั้งนั้น เพราะฉะนั้น เราถือว่าเรื่องนี้ต้องให้ความสำคัญไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเราตกรถ และเราเป็นประเทศที่มีเกษตรกรรม มีความหลากหลายทางชีวภาพ มีเทคโนโลยีชีวภาพอยู่ในระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้น ถ้าเอาสองเทคโนโลยีนี้มารวมกันจะเกิดสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชาติในอนาคต ถ้าไม่เช่นนั้นเราจะเป็นชาติที่ทำงานหนักได้เงินน้อยอยู่เรื่อย เราต้องพัฒนาเทคโนโลยีไปด้วย



เสนอให้รัฐวิสาหกิจที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กระจายหุ้นให้แก่ข้าราชการ
ผมได้เสนอแนะให้รัฐวิสาหกิจโดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าแทนที่จะกระจายหุ้นธรรมดาทั่วไป น่าจะกระจายหุ้นส่วนหนึ่งให้ข้าราชการ เพราะข้าราชการรายได้น้อย บางทีออมทรัพย์วันนี้ดอกเบี้ยก็ต่ำ ถ้าหากว่ากระจายหุ้นที่จะเข้าตลาดรัฐวิสาหกิจให้ข้าราชการไว้บ้าง

แต่อันนี้ให้ตัดสินใจเองนะครับ หมายความว่าถ้าใครสนใจน่าจะจัดสรรหุ้นให้เขาบ้าง เพราะแทนที่เขาจะไปฝากเงินออมเขาอาจจะมีความรู้สึกอยากจะออมผ่านตลาดหลักทรัพย์ และเลือกหุ้นรัฐวิสาหกิจที่เป็นหุ้นหลักดี ๆ เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยซึ่งกำลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ให้ข้าราชการบ้าง ข้าราชการจะมีโอกาสที่จะมีเงินออม กำไรจากเงินออมผ่านกระบวนการออมของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ หุ้นที่ดีนะครับ ผมจึงให้คำแนะนำว่าลองไปศึกษากันดูถึงวิธีการจะทำได้แค่ไหน



อนุมัติกรอบการจัดทำแผนงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2547
นอกจากนั้นคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติกรอบการจัดทำแผนงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2547 จำนวน 135,500 ล้านบาท เพราะเนื่องจากว่าเราเก็บภาษีได้เกินเป้ามาก ฉะนั้น ตามงบประมาณที่สภาได้อนุมัติแล้วจะมีเงินเหลืออีกมาก แล้วเราต้องการให้เห็นว่าการลงทุนภาคเอกชนในปี 2547 เข้มแข็งและ สอดรับเพื่อให้เศรษฐกิจของเราเจริญเติบโตอย่างมั่นคง จึงต้องมีการเพิ่มงบประมาณโดยไม่ได้ไปเพิ่มอะไรนะครับ เอาเงินที่จัดเก็บได้เกินนั้นเอามาสานงานต่อ 1. เอาไปใช้เพื่อเบี้ยหวัด บำเหน็จบำนาญ ตามที่เล่าให้ฟังเมื่อสักครู่นี้ 30,000 กว่าล้านบาท 2. ใช้ในการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง “ทางเลือกใหม่ให้ชีวิต” ที่เคยเล่าให้ฟังว่าให้ข้าราชการออกก่อนเกษียณ 40,000 กว่าคน จะใช้เงิน 14,000 กว่าล้านบาท 3. จะเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับเงินค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ 16,000 กว่าล้านบาท 4. ค่าใช้จ่ายเพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ 59,000 ล้านบาท 5. เงินอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด 12,300 ล้านบาท จะทำให้เศรษฐกิจมีความแข็งแรงอย่างต่อเนื่อง แล้วปีหน้าการเจริญเติบโตที่คิดว่าประมาณ 8% นั้น จะเป็น 8% แน่นอน และจะกระจายสิ่งที่เป็นความเจริญนั้นสู่ชนบท รายได้ของคนชนบทจะดีขึ้นแน่นอน เมื่อชนบทดีเมืองดีตามอยู่แล้ว ส่วนในปีงบประมาณ 2548 จะทำงบประมาณสมดุล จะเป็นครั้งแรกหลังวิกฤตเศรษฐกิจที่จะเกิดงบประมาณสมดุลขึ้นอย่างแน่นอน



โดย: คำกล่าวของพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (moonfleet ) วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:16:16:40 น.  

 
คำกล่าวของพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
( ต่อ )

คัดเลือกเด็กด้อยโอกาสและเด็กยากจนขึ้นเครื่องบิน C 130 ไปดูหมีแพนด้า

อีกเรื่องที่ผมได้แนะนำไปคือไหน ๆ เครื่องบินของกองทัพอากาศ นักบินก็ต้องซ้อมบิน เมื่อต้องซ้อมบินอยู่แล้วเพื่อหาชั่วโมงบินให้เกิดความชำนาญ เพื่อไม่ให้เครื่องบินจอดไว้เฉย ๆ จะมีการฝึกบินอยู่แล้ว และเครื่องบินลำเลียงบรรทุกแบบ C 130 มีอยู่หลายลำ เพราะฉะนั้น ผมจึงบอกว่าในช่วงใกล้ ๆ วันเด็กนี้น่าจะเอาเด็ก ที่ด้อยโอกาสเด็กยากจนทั้งหลายให้มีโอกาสได้นั่งเครื่องบินไปดูหมีแพนด้าที่เชียงใหม่ ซึ่งทางกระทรวงศึกษาธิการจะคัดเด็กที่ยากจนที่เป็นเด็กประพฤติดีได้นั่งเครื่องบิน C 130 ไปดูหมีแพนด้าที่เชียงใหม่



จะไปตรวจเยี่ยมกระทรวงมหาดไทยเพื่อดูตัวเลขเบื้องต้นผู้มาลงทะเบียนแก้ปัญหาสังคมฯ
กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้รายงานตัวเลขการจดทะเบียนของจังหวัดนำร่อง 8 จังหวัด จนถึงขณะนี้มีผู้มาลงทะเบียนแล้ว 586,000 คน ส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน 330,000 กว่าคน หนี้สิน 344,000 คน ที่อยู่อาศัย 160,000 คน นักเรียนที่ต้องการทำงานนอกเวลาประมาณ 8,000 กว่าคน อันนี้เป็นการนำร่องเพียง 8 จังหวัด ถ้าเป็นทั้งประเทศต้องเอา 5 คูณโดยประมาณ เพราะเนื่องจาก 8 จังหวัดนี้เป็นประชากรประมาณ 20% ของประเทศ ผมเชื่อว่าจำนวนประชากรที่มีปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน กับมีปัญหาเรื่องของหนี้สินคิดว่าอยู่ในจำนวนที่ไม่ผิดความคาดการณ์ไว้ คิดว่าการแก้ปัญหาความยากจนจะเป็นระบบขึ้น ง่ายขึ้น มีตัวเลขที่เข้าใจได้มากขึ้น เพราะฉะนั้น พี่น้องที่อยู่ในจังหวัดอื่นที่ไม่ใช่ 8 จังหวัดนำร่องเราจะเปิดให้มีการลงทะเบียนวันที่ 5 มกราคมเป็นต้นไปถึงวันที่ 31 มีนาคม 2547 หลังจากนั้นตัวเลขเหล่านี้จะถูกนำมาวิเคราะห์ ต้นปีนี้ในเดือนมกราคมผมจะแวะไปเยี่ยมที่กระทรวงมหาดไทยเพื่อจะดูตัวเลขเบื้องต้นของ 8 จังหวัด และจะได้ทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ เพื่อรองรับการวิเคราะห์ได้ถูกต้อง จะได้เตรียมการวางยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหาได้แม่นยำขึ้น







เอกอัครราชทูตซีอีโอต้องเรียนรู้ข้อด้อยและข้อเด่นของแต่ละประเทศ
วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้นำคณะเอกอัครราชทูตซีอีโอจำนวน 21 คนที่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายใหม่มาพบเพื่อรับนโยบาย ผมได้ฝากว่าไปอยู่ประเทศไหนก็ตาม ทุกประเทศมีข้อด้อยและข้อเด่น เพราะฉะนั้น ลองไปดูว่าอะไรที่น่าจะให้ประเทศไทยมีโอกาสได้เรียนรู้จาก ข้อด้อยและข้อเด่นเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขอให้ทำวิเคราะห์ทำรายงานมาด้วย เราจะได้นำมาเพื่อปรับใช้กับประเทศไทยได้ถูกต้อง เราจะได้ไม่เสียเวลาในเรื่องที่คนอื่นได้เสียเวลาไปเรียบร้อยแล้ว เราจะได้เรียนรู้เรียนรับ นอกจากนั้นแนะนำให้เขาทำงานร่วมกันเป็นทีมให้ได้ หลังจากนั้นได้ย้ำอีกครั้งว่าขอให้อย่าไปขอความช่วยเหลือจากประเทศใด ๆ ขอให้คิดเสียว่าเราต้องการเป็นหุ้นส่วนที่เท่าเทียมกัน เป็น partner ทำงานแบบเพื่อนแบบ เท่าเทียมกัน เราไม่ได้อวดรวยและเราก็ยังไม่รวย แต่เราคิดว่าการคบกันแบบเท่าเทียมกันนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยมากกว่าการพบกันแบบต้องไปขอพึ่งพาเขา พึ่งพาก็ไม่เท่าไหร่หรอกครับ จริง ๆ แล้วเราพึ่งตนเองดีกว่าเลยเน้นย้ำเขาเพื่อให้รู้เดี๋ยวไม่เข้าใจกัน



กระทรวงการต่างประเทศต้องจัดคนให้เหมาะกับภารกิจ
จากนั้นผมได้มีการประชุมอัตรากำลังของคนในสำนักงานต่างประเทศหมายความว่าทุก

กระทรวงทุกหน่วยงานที่มีคนอยู่ในต่างประเทศ ผมได้แนะนำว่าเปลี่ยนวิธีใหม่ มองภารกิจเป็นหลักว่าแต่ละประเทศแต่ละเมืองที่จะมีเจ้าหน้าที่ไทยไปอยู่ ไม่ต้องสนใจว่าจะประหยัดหน่วยงานไหน ต้องสนใจก่อนว่า เป้าหมายของเราที่จะมีสำนักงานตัวแทนในประเทศนั้น ๆ หรือในเมืองนั้น ๆ ภารกิจเราคืออะไร 1. เรื่องความสัมพันธ์หรือเปล่า 2.เรื่องความมั่นคงหรือเปล่า 3. เรื่องเศรษฐกิจหรือเปล่า 4. เรื่องท่องเที่ยวหรือเปล่า 5. เรื่องการลงทุนหรือเปล่า ให้มองภารกิจทั้งหมดให้ชัด เมื่อชัดแล้วเราต้องดูว่าน้ำหนักอะไรมากน้อย แล้วค่อยคัดคนให้ไปทำหน้าที่นั้น ๆ ตรงกับสิ่งที่เราต้องการจะทำ แล้วคน ๆ นั้นจะมาจากกระทรวงไหนก็แล้วแต่ภารกิจ กงสุลใหญ่บางเมืองเราต้องการเรื่องของการค้าเป็นหลัก เราเอามาจากกระทรวงพาณิชย์ แต่แต่งตั้งให้เป็นกงสุลใหญ่แทนที่จะเอามาจากกระทรวงการต่างประเทศแล้วเป็นกงสุลใหญ่ อันนี้บอกเขาว่าให้เน้นเรื่องภารกิจและจัดคนให้เหมาะกับภารกิจเป็นหลัก อันนี้คือการจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานและได้ผลคุ้มค่าต่อการทำงานมาก



นำวัสดุเหลือใช้ ฟาง ขี้เลื่อย มาผลิตเป็นวัสดุก่อสร้างบ้าน
นักวิจัยของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และการเคหะแห่งชาติไปร่วมกันวิจัยทำไม้ที่ทำจากฟาง

ขี้เลื่อย วัสดุเหลือใช้ ทั้งหมด แทนที่จะไปเผาทิ้งเกิดมลภาวะ และทำให้ทำลายจุลินทรีย์ในดินก็เอามาขาย แล้วเอามาทำเป็นไม้ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จะสร้างโรงงานต้นแบบ และโครงการบ้านเอื้ออาทรถ้าใช้วัสดุเหล่านี้ 1.ทน 2.สร้างได้เร็ว 3. เบา 4.ประหยัด ดูแล้วเขาทำได้ดีทีเดียว เป็นวิชาการทางด้านวัสดุศาสตร์ ทำได้ทั้งราวบันได ตัวบันได ฝ้าเพดาน ผนัง ทำได้ดีทีเดียวผมเห็นแล้วสวยด้วยครับ จึงส่งเสริมให้เขาไปเตรียมงานวางแผนกันเต็มที่ อีกเรื่องที่มหาวิทยาเกษตรศาสตร์มารายงานคือโครงการพัฒนาทรัพยากรบุคคลเพื่อป้อนธุรกิจอาหารไทยทั่วโลก ทำได้ดีได้รับความนิยมจากพี่น้องประชาชนเข้าไปอบรมกันมาก



ออกประกาศห้ามนำเข้าเนื้อวัวจากประเทศแหล่งที่มีปัญหาโรควัวบ้า
อีกเรื่องที่เป็นประเด็นที่ต้องอธิบายให้ฟังนิดหนึ่งคือ กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศห้ามนำเข้าเนื้อวัวจากประเทศแหล่งที่มีปัญหาโรควัวบ้าแล้ว 24 ประเทศ เพราะฉะนั้น เราดูแลเราตื่นตัวให้ทันเหตุการณ์อยู่แล้วนะครับ พี่น้องประชาชนไม่ต้องห่วง



เตรียมเรียกประชุมทุกฝ่ายเพื่อแก้ไขปัญหานักเรียนยกพวกตีกัน
กรณีนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ถูกยิงเสียชีวิตจากเหตุการณ์นักเรียนยกพวกตีกัน เป็นเรื่อง

ที่เศร้า เป็นความคึกคะนองของเด็กวัยรุ่น เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วผมได้เรียกเด็กที่มีปัญหาทั้งหลายมาประชุมมาพบมาคุย ผมพยายามถามนักศึกษาอาชีวะที่ชอบยกพวกตีกันว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น เขาบอกว่าเป็นอย่างนี้มานานแล้ว เป็นตั้งแต่รุ่นก่อนผมเป็นเด็กอีก เขามีความรู้สึกว่าถ้าคนละสีคนละพวกต้องตีกันแน่เจอกันเป็นตีกัน และบางคนไม่ใช่เป็นคนอยากหาเรื่องอยากตีแต่กลัวเขาจะมาตีเหมือนกัน เพราะฉะนั้น เลยพกอาวุธ บางทีกลัวเขาค้นก็เอาไปซ่อนตามตู้โทรศัพท์ ถึงเวลาอีกโรงเรียนหนึ่งเดินผ่านมาจะต้องตีกัน อันนี้เป็นเรื่องที่เป็นวัฒนธรรมที่ผิด บางคนแนะนำว่าไม่ควรมีเครื่องแบบ ควรจะใช้เสื้อผ้าสีเดียวกันหมด หรือบางคนบอกว่าแต่งนอกเครื่องแบบให้หมด เพื่อความรู้สึกเหล่านี้จะได้ไม่มีความเป็นคนละพวกกัน อะไรทำนองนี้ ฉะนั้น ถึงเวลาที่ผู้ใหญ่ต้องมานั่งฟังเด็ก ไม่ใช่คิดเอาเอง สั่งลงโทษเอาไปขัง ง่ายครับ แต่ต้องไปแก้ที่ต้นเหตุ ขังอีกเท่าไหร่ก็ไม่หมด ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ลงโทษ ต้องลงโทษแน่นอน คนทำผิดไปแล้วต้องลงโทษ แต่ต้องไปหาต้นเหตุว่าจะแก้กันอย่างไร อันนี้ มีทั้งเอาไปเข้าค่าย บางทีคนละโรงเรียนจับไปเข้าค่ายด้วยกันเลยครับ ไปอยู่ด้วยกัน 15 วันรับรองพอจะแยกจากกันแทบจะร้องไห้รักกันเหลือเกิน คือจะต้องใช้ผสมผสาน ผมจะเชิญทั้งนักเรียนผู้ปกครอง กระทรวงศึกษาธิการ ทุกฝ่ายมานั่งพบกัน ผมจะประชุมนั่งหัวโต๊ะเอง และจะแก้ปัญหาทั้งหมด ไม่ใช่ล้อมคอกครับ สื่อมวลชนบางคนไปเขียนล้อมคอก ปัญหาทุกปัญหาเกิดดับ ๆ ก็ต้องแก้ คงไม่ใช่เป็นเรื่องล้อมคอม ถ้าไม่แก้คือปล่อยให้ตายไปอีกหลายคนอย่างนั้นหรือ ต้องแก้ครับ



การให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
วันเสาร์ที่แล้วผมไปเชียงใหม่ไปเป็นประธานในพิธีประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันของภาคประชาชนในการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพื้นที่ลุ่มน้ำปิง และไปเปิดงาน “สันกำแพง” สานศิลป์ ถิ่นหัตถกรรม ทั้งสองงานนี้ประชาชนเข้ามาร่วมมือกันมาก คือทุกเรื่องถ้าหากว่าเราสามารถนำประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมนั้นเป็นสิ่งที่จะดีที่สุดจะได้รับความร่วมมือ และเขามีความรู้สึกเป็นเจ้าของโครงการก็จะช่วยกันรักษาไว้



ดิอิมโพเรียมจัดงานอาหารปลอดภัย
มีเรื่องชี้แจงอีก 2-3 เรื่อง เรื่องแรกขอเชิญชวนว่าที่ดิอิมโพเรียม วันศุกร์-วันอาทิตย์นี้มีงานอาหารปลอดภัย ท่านที่จะไปซื้อของขวัญปีใหม่และไปดูเรื่องอาหารปลอดภัย ซื้ออาหารปลอดภัยไปให้กัน จะเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์นะครับ วันปกติจะมีจำหน่ายที่เซ็นทรัลกับเดอะมอลล์



ตัวเลขส่งออกเดือนพฤศจิกายนขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.6
อยากจะเล่าให้ฟังเรื่องส่งออก เดือนพฤศจิกายนตัวเลขดีมาก มียอด 7,217 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.6 เพราะฉะนั้น ถ้า 11 เดือนแรกของปีนี้เฉลี่ยแล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.5 ถือว่าดีมาก ปีนี้น่าที่จะมียอดส่งออกทั้งหมดเกือบ 80,000 ล้านเหรียญสหรัฐ นำเข้าโต 14% ฉะนั้น ปีนี้น่าจะได้ดุลการค้าไม่น้อยกว่า 5.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพราะจนถึงปัจจุบันได้ดุลมาแล้วประมาณ 5.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ สรุปแล้วคือเราส่งออกกับนำเข้าปีนี้กำไรประมาณ 220,000 ล้าน เชื่อมั๊ยครับว่าตลาดส่งออกเรามีตลาดหลักและตลาดใหม่ ตลาดใหม่โตมากครับ วันนี้ตลาดใหม่ที่เราบุกกันไปเป็นสัดส่วนประมาณ 37% ถึงแม้ว่าตลาดใหม่เพิ่มขึ้นกว่าเศษหนึ่งส่วนสาม เพราะฉะนั้น เราจะต้องบุกตลาดใหม่ต่อ ๆ ไป ประเทศที่เราไปทำเขตการค้าเสรีหรือFTA ยอดการส่งออกเพิ่มขึ้นใช้ได้ทีเดียว



การควบรวมธนาคารของรัฐเพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง
มีอีกเรื่องสั้น ๆ ครับวันก่อนผมได้เชิญรองนายกรัฐมนตรีสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ร.ต.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มาพบกันคุยกันเรื่องเศรษฐกิจทั่วไป เรื่องที่จะชี้แจงเรื่องแรกคือเรื่องการควบรวมธนาคารของรัฐเพื่อให้เกิดความแข็งแรง คู่แรกที่กำลังทำกันอยู่คือบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (IFCT) กับไทยธนาคาร ส่วนธนาคารนครหลวงไทย ธนาคารกรุงไทยยังไม่ได้แตะ ธนาคารอื่นกำลังดูว่าอะไรจะเหมาะ สรุปคือจะทำให้ธนาคารภาครัฐเข้มแข็งแข็งแรง สมัยนี้ตัวเล็ก ๆ สู้เขาไม่ค่อยได้ ต้องตัวโต ๆ เพราะการแข่งขันจากภายในและภายนอกจะรุนแรงมากขึ้น อันนี้คือผลพวงจากการที่จะต้องมีเขตการค้าเสรี (FTA) ฉะนั้น เราต้องเตรียมความแข็งแรงของเราไว้ ส่วนภาคเอกชน ไม่ไปยุ่งกับเขา เป็นเรื่องของกลไกที่เขาจะต้องพัฒนาตัวเองอยู่แล้ว



สั่งให้ดูตัวเลขทุนสำรองของประเทศ
เรื่องที่สองคือขณะนี้ทุนสำรองของเรามีมาก ๆ เกินไปไม่ดี แต่เรามีหนี้ภาครัฐที่เป็นหนี้เงินต่างประเทศอยู่จำนวนหนึ่ง ผมสั่งให้ไปดูตัวเลขว่าเราควรจะมีเงินสำรองเท่าไหร่ที่เหมาะสม เกินความเหมาะสมปาดไปใช้หนี้ให้หมดส่วนเกิน ปรากฎว่าวันนี้เรามีเกินตั้ง 42 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือ 42,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มีเยอะ จริง ๆ แล้วเราต้องการแค่ 2 เท่าของหนี้ระยะสั้นโดยประมาณ ซึ่งหนี้ระยะสั้นเราก็น้อย ผมเลยบอกว่าให้เอาส่วนเกินมาชำระหนี้ เข้าใจว่าเราจะมีส่วนเกินประมาณ 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จะชำระหนี้ต่างประเทศอีกสัก 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้ให้ไปดูตัวเลขแล้ว หนี้ตัวไหนที่ถึงเวลาใช้ได้ใช้ไปก่อน วันนี้ถ้าเราสามารถลดหนี้ต่างประเทศได้จนหนี้ภาครัฐเหลือ 0 เราจะเป็นประเทศที่แข็งแรงมาก ผมคิดว่าไม่ยากครับสัก 3-4 ปีไม่เกิน



ขอให้ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ระมัดระวังพวกเก็งกำไร

อีกเรื่องที่บอกไปคือเรื่องตลาดหลักทรัพย์ ๆ มี 2 ส่วน ถ้าเมื่อเปรียบเทียบ PE ของทั้งตลาดวันนี้ ประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศที่ตลาดหลักทรัพย์ PE ต่ำ ถ้าเปรียบเทียบกับหลายประเทศ ของเรา PE ตลาดเวลานี้ ประมาณ 11-12 เท่าอย่างมาก ซึ่งเท่ากับระดับของเกาหลีใต้ อินโดนีเซีย แต่ประเทศอื่นนั้น PE สูงกว่าเราเยอะ เช่น จีน 32 เท่าสูงกว่าเราเกือบ 3 เท่า สหรัฐอเมริกา 20 กว่าเท่า ส่วนสิงคโปร์ ฮ่องกง 20 กว่า ๆ เพราะฉะนั้น ถ้าดูภาพรวมดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันนี้ถือว่าไม่สูง เพราะฝรั่งเขาจะเห็นอย่างนี้ เมื่อเขาเห็นอย่างนี้โอกาสที่เงินจะไหลเข้าหลังจากปีใหม่เยอะ ผมจึงต้องบอกกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์ว่าให้ระมัดระวังพวกเก็งกำไรพวกเห็ดควันทั้งหลาย เดี๋ยวเราจะโดนกินฟรี ขอให้ใช้ความระมัดระวังรอบคอบให้ดูมาตรฐานการทำงานให้เป็นมาตรฐานสากลที่สามารถจะให้เห็นชัดเจนว่า เราเป็นตลาดที่มีมาตรฐานระดับโลก มีระบบตรวจสอบที่โปร่งใส เพราะฉะนั้น ขอให้ใช้ความละเอียดรอบคอบระมัดระวัง ทำอย่างเต็มที่ทำให้ถูกต้อง ใครมีปัญหาใครทำไม่ดีต้องว่ากันไป ให้เขาพึงระมัดระวังและทำหน้าที่ของเขาเต็มที่ สรุปแล้วคือให้กำลังใจบอกเขาให้เตรียมตัวทั้งตั้งรับทั้งรุกเพื่อให้ตลาดของเราเป็นตลาดที่น่าเชื่อถือ พี่น้องประชาชนเช่นกันครับอย่าไปเล่นหุ้นเก็งกำไร บางอันไม่มีอนาคตเลยขึ้นอย่างชนิดที่ตกใจ เพราะฉะนั้น ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามหลักการลงทุน โดยมองปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก อย่าไปลงทุนตามกระแสเพื่อที่จะให้เกิดความมั่นคงในการลงทุนของท่าน

ปีใหม่คงได้พูดกันอีกครั้ง แต่ปีนี้ถือว่าเป็นเสาร์สุดท้ายของปี 2546 ขอให้พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนประสพแต่ความสุขความเจริญโชคดีตลอดปีใหม่หน้าครับ ขอบคุณครับสวัสดีครับ



-----------------------------------------



ฝ่ายวิเคราะห์ข่าว สำนักโฆษก

วิสุนี ตรวจ/จินตนา ถอดเทป/พิมพ์


โดย: คำกล่าวของพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (moonfleet ) วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:16:17:47 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

moonfleet
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]




ไม่มีสิ่งใดจะเกิดขึ้นมาได้ หากไม่เคยเป็นความฝันมาก่อน
New Comments
Friends' blogs
[Add moonfleet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.