0067. THE NEXT BIG THING IS REALLY SMALL : 1ใน 109 หนังสือควรอ่าน จาก นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร
ประเภท : บริหารธุรกิจยิ่งใหญ่ต้องยิ่งเล็ก : The Next Big Thing is Really Small ISBN 9749589955 แปลโดย INNOV : Jack Uldrich & Deb newberry พิมพ์ที่ เนชั่นบุ๊คส์ พิมพ์ปี 2548 235 หน้า น้ำหนัก 350 กรัม ราคาเดิม 205 บาท พิเศษ 174 บาท
แนะนำ นาโนเทคโนโลยี คือความสามารถที่จะ ปฏิวัติการอุตสาหกรรมโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะ โดยตรงหรือโดยทางอ้อม ขึ้นอยู่กับเวลา เท่านั้น หนังสือ ยิ่งใหญ่ต้องยิ่งเล็ก ได้ กลั่นกรองพัฒนาการนาโนเทคโนโลยีนำ เอาความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์มาแปล เป็นภาษาธุรกิจที่เข้าใจได้ง่าย เพื่อให้วง การธุรกิจปรับตัวและเตรียมพร้อมสำหรับ คลื่นความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น
บทนำ 17 1 นาโนเทคโนโลยี โลกยุคต่อไป นาโนเทคโนโลยีคืออะไร 26 ทำไมนาโนเทคโนโลยีถึงได้สำคัญนัก 30 คุณประโยชน์มหาศาลของความเล็ก 39 การทดสอบของธรรมชาติ 42 ความแม่นยำสูงสุด 43 ทำไมต้องเป็นขณะนี้ 44 เครื่องมือ ตาของเรา หูของเรา และนิ้วของเรา 45 คอมพิวเตอร์พลังสูงกับซอฟต์แวร์สุดยอด 49 ควรผลิตที่ปรับขนาดได้ 50 การประสานความคิดจากต่างแขนงวิชา 51 2 ก็น่าสนใจ แต่ผมต้องทำอะไรบ้างล่ะ ระบบจูงใจและให้รางวัลพนักงาน 53 การคัดเลือกบุคลากรที่มีพรสวรรค์และสนับสนุนด้านการให้คำปรึกษา 56 ความแข็งแกร่งของบริษัทและของคู่แข่ง 61 การลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนา 63 การวางแผนกลยุทธ์ 70 มาตรฐานและวิธีการ 72 3 เดินตามเส้นทางการเงิน เดินตามผู้นำ 76 ภาครัฐบาล 76 อภิมหาธุรกิจ 84 ตลาดทุน 89 4 วันนี้ นาโนเทคโนโลยียึดฐานที่มั่นได้แล้ว 96 มัลลิพีดกับหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ 97 หลอดคาร์บอนนาโน 101 อนุภาคนาโน สินค้า ปรับปรุงใหม่ 102 อนุภาคนาโน เมื่อเป็นสารเร่งปฏิกิริยา 106 อนุภาคนาโน ยกระดับเครื่องสำอางและวงการแพทย์ 110 การประดิษฐ์วัสดุนาโน 113 5 2004 และ 2005 เร็วขึ้น เล็กลง ถูกกว่า ดีขึ้น 120 การตรวจพบโรค 122 การให้ยารักษาโรค 126 อุปกรณ์กำเนิดพลังงานไฟฟ้า 130 แบตเตอรี่จอมพลัง 133 วัสดุนาโนจะมีราคาถูกลง 135 สารเร่งปฏิกิริยาและฟิลเตอร์ 137 การสื่อสาร 139 อุปกรณ์ใหม่ความรู้ใหม่ 142 6 2006 2008 นาโนเทคครองตลาดอย่างจุ่โจมโหมกระหน่ำ 144 7 2009 2013 อนุภาคนาโนเทคโนโลยีคุมบังเหียน 169 8 2013 เป็นต้นไป กับโลกที่กะทัดรัดและอัจฉริยะขึ้น 185 9 สรุปโดยรวม ที่เพิ่งจะเริ่มต้น 205 หมายเหตุ 214 แหล่งข้อมูล 228 ดัชนี 232 เกี่ยวกับผู้แต่ง 237
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2546 ในการประชุมคณะรัฐมนตรี เรื่อง "Nanotechnology" นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อีก 10 ปี ข้างหน้า เราจะต้องปรับตัวเองอย่างมาก สิ่งที่ผ่านมา ก็คือ ความล้มเหลวของ Globalization นายกรัฐมนตรีแนะนำให้อ่านหนังสือ The Next Big Thing Is Really Small: How Nanotechnology Will Change the Future of Your Business....
Create Date : 10 มีนาคม 2551 |
Last Update : 10 มีนาคม 2551 16:09:33 น. |
|
3 comments
|
Counter : 990 Pageviews. |
|
|
|
ไบโอ-นาโนเทคโนโลยี ไทยต้องวิ่งให้ทันก่อนตกกระแสโลก
หากท่านเป็นผู้หนึ่งที่ติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง คงจะได้เห็นลีลาของนักอ่านหนังสือตัวยงของพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพราะหลายครั้งที่นายกรัฐมนตรีผู้นี้ได้ออกมาวาดลวดลายแนะนำหนังสือน่าอ่านผ่านเวทีการประชุมคณะรัฐมนตรีให้กับบรรดารัฐมนตรีทั้งหลายไปอ่านเพื่อที่จะตามให้ทันกับกระแสโลก เปรียบเสมือนเป็นการจุดกระแสของการอ่านให้กับคนไทยทั้งประเทศด้วยเพราะดูจากยอดขายหนังสือแต่ละเล่มที่ท่านแนะนำก็จะมียอดขายดีทีเดียว และถ้าท่านเป็นหนึ่งในผู้ที่รักการอ่านและติดตามหนังสือที่ท่านทักษิณแนะนำคงจะไม่ลืมหนังสือเล่มนี้ ็ เมื่ออนาคต ไล่ล่า คุณิ หรือ ็AS THE FUTURE CATCHES YOU
หนังสือเล่มนี้ท่านนายกฯได้แนะนำให้คณะรัฐมนตรีต้องอ่านเป็นลำดับต้น ๆ ที่เกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ และนาโนเทคโนโลยี สและหนังสือดังกล่าวได้มีการตีพิมพ์เป็นฉบับภาษาไทยในต้นปี 2546 สโดยผู้ที่เขียนหนังสือเล่มนี้คือ นายฮวน เอนริเกซ์ (Juan Enriqez)ผู้อำนวยการโครงการวิทยาศาสตร์ชีวภาพของ ฮาร์วาร์ดบิสเนสสคูล ซึ่งบุคคลผู้นี้มีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่าธุรกิจ และชีวิตทั่วไปในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จนหากใครเตรียมตัวรับการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ทันจะต้องสะดุดล้ม ในทางกลับกันหากใครเตรียมตัวดีก็หมายถึงก็จะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล
หนังสือดังกล่าวอธิบายให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงโลกในอนาคตที่ สังคมจะต้องพึ่งความรู้มากขึ้น โดยเฉพาะความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งประเทศใดด้อยคุณภาพก็ไม่สามารถอยู่ในโลกของการแข่งขันได้ แต่ปัจจัยที่เปลี่ยนโลกไปมากคือความรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่มาเป็นหนึ่งเดียวกับอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ กล่าวคือ เป็นความรู้ที่มีฐานพันธุกรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง และความรู้ดังกล่าวนี่เองจะเป็นตัวตัดสินประเทศใดจะรุ่งเรืองหรือตกต่ำในอนาคต
เพียงไม่ถึงปีจะด้วยอิทธิพลของหนังสือดังกล่าวหรือไม่ก็ตามหรือเพราะต้องวิ่งตามกระแสโลก ก่อนสิ้นปี 2546 นายกรัฐมนตรีได้ประกาศสิ่งท้าทายสำหรับประเทศไทยที่จะก้าวไปในอนาคตให้ทันด้วยการให้ความสำคัญกับ นาโนเทคโนโลยี ซึ่งหมายถึงเทคโนโลยีย่อส่วนที่จะจัดโครงสร้างอะตอมของสารใหม่ทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศไทยเนื่องจากเห็นว่าไทยมีศักยภาพทางด้านวัตถุดิบอยู่แล้วนั่นคือ เกษตรกรรม
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในรายการ "นายกฯ ทักษิณ คุยกับประชาชน"เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2546 ว่า ได้ กำชับในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้รัฐมนตรีทุกคนให้ความสำคัญกับ ็นาโนเทคโนโลยี ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ย่อส่วน เป็นเทคโนโลยีที่ไปจัดโครงสร้างของอะตอมสารแต่ละอย่างใหม่ ทำให้เกิดสิ่งใหม่ขึ้น ซึ่งในอนาคตอาจจะมีวัสดุบางอย่างที่แข็งกว่าเหล็กถึง 100 เท่า แต่มีน้ำหนักน้อยกว่าเหล็กถึง 6 เท่า และในอนาคตจะมีการสร้างอะไหล่ชิ้นส่วนของมนุษย์ เรียกว่า Bio Compatible Replacement คือมีการเปลี่ยนอะไหล่มนุษย์ด้วยเทคโนโลยี และสามารถชะลอความแก่ได้ โดยสิ่งที่เรียกว่า Artificial Red blood Cells
"ปกติมนุษย์นี่มันจะแก่ เพราะว่าเซลล์หยุดการเจริญพันธ์ หยุดการแตกตัว เขาก็เลยสร้างเซลส์ เม็ดเลือดแดงเทียมด้วยเทคโนโลยีนี้ ก็เทคโนโลยีนี้จะมาแรง มาเร็ว ซึ่งผมได้อ่านหนังสือเรื่อง The next big thing is really small เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก และระยะหลังนี่ หนังสือที่ออกมาพูดกันถึงเรื่องนาโนเทคโนโลยีทั้งนั้น เราต้องให้ความสำคัญ ไม่เช่นนั้นเราจะตกรถ เพราะเราเป็นประเทศหนึ่งที่มีเกษตรกรรม มีความหลากหลายทางชีวภาพ มีเทคโนโลยีชีวภาพอยู่ในระดับหนึ่งแล้ว ถ้าเอา 2 เทคโนโลยีนี้มารวมกัน ก็จะเกิดสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชาติในอนาคต ไม่เช่นนั้นเราจะเป็นชาติที่ทำงานหนัก แต่ได้เงินน้อยอยู่เรื่อย เราต้องพัฒนาเทคโนโลยีไปด้วย"นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า จะต้องเอาจริงในเรื่องนาโนเทคโนโลยี โดยคณะกรรมการนโยบายเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ จะต้องพิจารณาควบคู่กับเรื่องของศูนย์นาโนเทคโนโลยี เพื่อจะทำให้ประเทศไทยมีความก้าวหน้าทางด้านของเทคโนโลยีชีวภาพ กับนาโนเทคโนโลยีไปควบคู่กัน เพราะเป็นเทคโนโลยีที่เอามาผสมผสานกัน เพื่อให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้
เป้าหมายไทย สู่'ศก.ชีวภาพ'
ดังนั้นเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจไทยในอนาคตต้องตกกระบวนของกระแสโลกรัฐบาลจึงได้กำหนดเป้าหมายการพัฒนาอย่างชัดเจนภายใต้การบริหารงานของทักษิณ ชินวัตร สโดยเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. สนายกฯในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ สได้เห็นชอบในกรอบนโยบายการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) ของประเทศ ตั้งแต่ปี 2547-2554 เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายระดับชาติ 6 ด้าน สประกอบด้วย
1.การมุ่งสร้างเศรษฐกิจชีวภาพสมัยใหม่
2.การสนับสนุนการเป็นครัวของโลก
3.ประชาชนมีสุขภาพดี และเป็นศูนย์กลางสุขภาพแห่งเอเชีย
4.รักษาสิ่งแวดล้อมและผลิตพลังงานสะอาด
5.สนับสนุนระบบเศรษฐกิจพอเพียง
6.สร้างกำลังคนด้านเทคโนโลยีชีวภาพที่มีคุณภาพ
แนวทางและประเด็นเป้าหมายในการพัฒนา 6 ด้าน ในปี 2547-2554 โดย
เป้าหมายระดับชาติที่ 1 คือ ธุรกิจชีวภาพสมัยใหม่เกิดและพัฒนาโดยมีกลยุทธ์สำคัญ คือ การสร้างบรรยากาศและแรงจูงใจให้เกิดการร่วมทุนทางธุรกิจด้านเทคโนโลยีชีวภาพ รวมทั้งสนับสนุนการลงทุนวิจัยพัฒนานวัตกรรม ผลักดันให้มีกลุ่ม บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เป้าหมายระดับชาติที่ 2 ให้มีองค์ประกอบด้านเทคโนโลยีชีวภาพมากขึ้น ในกลุ่มคลัสเตอร์ ที่มีมูลค่าเพิ่ม โดยมุ่งรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร เพื่อขยายมูลค่าการส่งออกให้เพิ่มขึ้นเป็น 1.2 ล้านล้านบาท (ประมาณ 3 เท่าของมูลค่าส่งออกปี 2545) และเพิ่มการส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปให้มากขึ้นจากอันดับที่ 12 ให้เป็น 1 ใน 5 ของโลกในปี 2554
เป้าหมายระดับชาติที่ 3 เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยมีสังคมที่มีสุขภาพดีและเป็นศูนย์สุขภาพแห่งเอเชีย มีกลยุทธ์สำคัญ คือ เร่งการลงทุนวิจัยและพัฒนาโรคเขตร้อน และโรคทางพันธุกรรม ส่งเสริมให้ผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีมูลค่าสูงจากทรัพยากรในประเทศ ใช้นโยบายต่างประเทศในการขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน สนับสนุนการจัดตั้งบริษัทใหม่ที่ผลิตชุดตรวจและธุรกิจบริการตรวจสอบพันธุกรรมภายในประเทศ
เป้าหมายระดับชาติที่ 4 เพื่อใช้เทคโนโลยีชีวภาพรักษาสิ่งแวดล้อมและผลิตพลังงานสะอาดนั้น มีกลยุทธ์สำคัญ คือ การปรับปรุงกฎหมายและข้อกำหนดให้เอื้อต่อการลงทุนบำบัดของเสีย กำหนดมาตรการบังคับใช้ให้ผลตอบแทนธุรกิจที่สามารถลดของเสียและใช้พลังงานทดแทน รวมถึงกำหนดมาตรการทางการเงินและภาษีเพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนลงทุนเปลี่ยนของเสียให้เป็นพลังงาน ส่งเสริมการพัฒนา และการใช้ปุ๋ยชีวภาพ แทนการใช้สารเคมี
เป้าหมายระดับชาติที่ 5 เพื่อใช้เทคโนโลยีชีวภาพ เป็นปัจจัยสำคัญของเศรษฐกิจพอเพียง มีกลยุทธ์สำคัญ คือ การเพิ่มคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าชุมชน ใช้เทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก ในการเพิ่มมูลค่าสินค้าชุมชน พัฒนาแหล่งทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ รวมทั้งอนุรักษ์แหล่งทรัพยากรและนำทรัพยากรมาใช้อย่างยั่งยืน
เป้าหมายระดับชาติที่ 6 สมุ่งพัฒนาระบบการสร้างกำลังคนที่มีคุณภาพ มีกลยุทธ์สำคัญ คือ การจัดทำทำเนียบนักวิจัยชั้นนำ 5,000 คนแรก สร้างภาวะดึงดูดการทำงานวิจัยและพัฒนาโดยการสร้างเมืองและชุมชนวิจัย เช่น อุทยานเทคโนโลยีชีวภาพ สร้างเส้นทางนักวิจัยอาชีพ และชักจูงผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชีวภาพต่างประเทศให้มาทำวิจัย และพัฒนาในไทยในสาขาที่ขาดแคลน
สำหรับคณะทำงานที่จะเข้ามาดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมาย 6 ข้อดังกล่าว คือ
1.คณะอนุกรรมการเทคโนโลยีชีวภาพด้านการพัฒนาธุรกิจชีวภาพ โดยมีนายสมพงษ์ วนาภา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เป็นประธาน
2.คณะอนุกรรมการเทคโนโลยีชีวภาพด้านอาหารและการเกษตร มีนายกรพจน์ อัศวินวิจิตร เป็นประธาน
3.คณะอนุกรรมการเทคโนโลยีชีวภาพด้านสุขภาพ มี ดร.พรชัย มาตังคสมบัติ เป็นประธาน
4.คณะอนุกรรมการเทคโนโลยีชีวภาพด้านสิ่งแวดล้อม และพลังงานสะอาด มี น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รมว.พลังงาน เป็นประธาน
5.คณะอนุกรรมการเทคโนโลยีชีวภาพด้านการพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจพอเพียง มี ศ.น.พ.ประเวศ วะสี เป็นประธาน และ
6.คณะอนุกรรมการเทคโนโลยีชีวภาพด้านการพัฒนากำลังคน มี ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ เป็นประธาน
แผนการพัฒนาประเทศไทยดังกล่าวนับเป็นความท้าทาย เพราะประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่ได้เริ่มนับหนึ่งแล้วและพร้อมที่จะขับเคลื่อนแรงมากขึ้นเกี่ยวกับนาโนเทคโนโลยี แต่ไทยยังขาดปัจจัยเกื้อหนุนหลายด้าน และที่สำคัญสุดคือ ระบบการศึกษา ที่ดูเหมือนว่าจะยังไม่เอื้ออำนวยเท่าใดนัก แต่ถ้าไทยไม่เริ่มต้นวันนี้มีหวังตกกระบวนแน่
โดย : ผู้จัดการรายวัน วันที่ 3 ม.ค. 47
Resource://www.biothai.net/cgi-bin/content/news/show.pl?0319