0015. THE THIRD WAVE : 1ใน 109 หนังสือควรอ่าน จาก นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร
เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2544 นายกรัฐมนตรี กล่าวในโอกาสเปิดประชุมเชิงปฏิบัติการด้านการศึกษา ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล มีข้อความตอนหนึ่งว่า....
...."ผมขอเอาหนังสือเก่าๆ ที่คนไทยรู้จักกันดีมาเล่าให้ฟัง เรื่องของ อัลวิน ทอฟฟ์เลอร์ ซึ่งเมื่อวานนี้ผมได้เล่าให้กับทางฝ่ายเศรษฐกิจ อันวิน ทอฟฟ์เลอร์ พูดใน The Third Wave สิ่งหนึ่งที่คนไม่ได้พูดถึงเขาในข้อนี้ ใน The Third Wave เขาบอกว่า ในยุคสังคมข่าวสารเป็นยุคที่คนเริ่มเรียนรู้ว่า อดีตในยุคที่หนึ่งมีของดีอะไร ยุคที่สองได้ทำลายสิ่งดีๆเหล่านั้นไป มีอะไรบ้าง และ ยุคที่สาม ก็โหยหาสิ่งดีๆในยุคที่หนึ่ง แล้ว Restore หรือ ว่าฟื้นสิ่งที่เสียหายไปจากยุคที่สองให้ได้
"ยุคที่หนึ่ง มีสิ่งดีๆ คือ วัฒนธรรม ศิลปะ ขนบธรรมเนียม ประเพณี อันดีงาม ยุคที่สอง เป็นยุคที่เราเรียกว่า การประยุกต์อุตสาหกรรมที่มีการเร่งการผลิต ใครผลิตมากที่สุดคนนั้นได้เปรียบ การผลิตในยุคนี้จึงเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ พลังงานธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีหมายหมด พอยุคที่สาม คนหาเงินเก่งขึ้น คนที่หาเงินด้วยสมองจะหาเงินเก่งขึ้น ฉะนั้น คนเหล่านี้จะเริ่มสะสมสิ่งที่เป็นศิลปะในอดีต และ พยายามจะเรียกร้องให้มีการรักษา วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณีดีๆ ในอดีต ขณะเดียวกัน ก็ พายามส่งเสริมให้มีการวิจัยพัฒนาหาพลังงานทดแทน รักษาสิ่งแวดล้อม ทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดการทำลายสิ่งแวดล้อมที่เรามีอยู่ให้หมดไป สูญหายต่อไปอีก นี่คือ สิ่งที่นอกเหนือจากการทำมาหากิน ด้วยระบบ Information Technology แล้วก็มีสองสิ่งนี้ที่เราไม่ค่อยพูดกันถึงตรงนี้"
เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2546 ในการประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีได้ยกตัวอย่าง คำทำนายของ นาย อัลวิน ทอฟฟ์เลอร์ ในหนังสือเรื่อง The Third Wave อีกครั้ง เป็นการทำนาย (Predict) ว่าในอดีตนั้นเป็นอย่างไร ยุคที่ 1 เป็นสังคมเกษตรกร ยุคที่ 2 เป็นการทำลาย การสูญเสียของโลก สิ่งแวดล้อม ทรัพยากร และ คุณค่าของมนุษย์ถูกทำลายไป ยุคที่ 3 จะเป็นยุคที่เรียกร้องสิ่งดีงามจาก ยุคที่ 2 กลับคืนมา เป็นยุค High-Technology มีการปรับปรุงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ เรื่อง Food Safety จะส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของประชาชนเพราะฉะนั้น นายกรัฐมนตรีจึงเน้นความสำคัญของ Food Safety เป็นอย่างมาก
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2546 นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงหนังสือเล่มนี้อีก ในการปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "แนวนโยบายของรัฐบาลในการปฏิรูปการศึกษา เพื่อพัฒนาคนไทยให้เข้มแข็ง" ณ ลานคณะสังคมศาสตร์ ระหว่างอาคาร 1 - 2 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน โดยมีข้อความว่า...
...."จะต้องเพิ่มศักยภาพในการพัฒนา Biotect และ ICT จะต้องสร้างมิติใหม่ มุมมองใหม่ร่วมกันของคนทั้งชาติ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ให้ไปอ่านหนึงสือของ อัลวิน ทอฟฟ์เลอร์ ที่บรรยายไว้ว่า ในยุคที่ 3 ของมนุษย์จะเป็นยุคที่หลีกเลี่ยง Dark Side ของยุคที่ 2 แล้วจะมองหา Bright Side ของยุคที่ 1 นำมาผสมผสานกันเป็นจุดกำเนิดของยุคที่ 3 โดยที่มนุษย์ยุคที่ 3 จะแสวงหาสิ่งดีงามจากยุคที่ 1 ซึ่งเป็นยุคเกษตรกรรม มีศิลปะ วัฒนธรรมอยู่อย่างสมบูรณ์ จะมองหาผลผลิตที่เกี่ยวกับสุขภาพเป็นหลัก เช่น สมุนไพร ศิลปวัฒนธรรมของยุคที่ 1 หลีกเลี่ยง Dark Side ของยุคที่ 2 ซึ่งเป็นยุคที่ทำลายสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ประเทศไทยยังโชดคีที่ยังมีจุดแข็งอยู่ในด้านนี้ มีฐานอุดมการณ์ ความรักชาติ ศิลปวัฒนธรรมดีกว่าประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ น่าจะพัฒนาให้เกิดศักยภาพต่อไปในอนาคตได้ สามารถพัฒนาให้เกิดศักยภาพทางด้านการแข่งขัน
THE THIRD WAVE ผู้แต่ง/แปล : TOFFLER, A. ISBN : 0553246984 Barcode : 9780553246988 ปีพิมพ์ : 1 / 1990 ขนาด (w x h) : 105 x 175 mm. ปก/จำนวนหน้า : ปกอ่อน / 537 หน้า 0 ราคาปกติ : 265.00 บาท ราคาพิเศษ : 239.00 บาท (ลดถึง 10 %) เฉพาะสั่งซื้อทางเว็บไซต์เท่านั้น
Create Date : 04 มีนาคม 2551 |
Last Update : 4 มีนาคม 2551 16:43:32 น. |
|
2 comments
|
Counter : 3134 Pageviews. |
|
|
|
คิดตามหนังสือเก่า ทฤษฎีคลื่นลูกที่สาม ของอัลวิน ทอฟเลอร์
ผมเคยนั่งฟัง CEO ของผู้ให้บริการโทรคมนาคมของประเทศนิวซีแลนด์สามราย บรรยายวิสัยทัศน์และ Business Model ของธุรกิจเขา ทั้ง บริษัท ฟาร์ม ไซด์ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม ความเร็วสูงทั้ง ADSL และ IP star โดยเจาะกลุ่มลูกค้า ชาวไร่ อีกทั้ง CEO บริษัท Bay City ผู้จำหน่าย Solution สำหรับพื้นที่ทุรกันดาร ทั้ง Hard Ware และ Software เป็นผู้เชี่ยวชาญในการหา Solutions สำหรับ Farm และ CEO บริษัท ICONZ ผู้ให้บริการ อินเทอร์เน็ต (ISP)
นิวซีแลนด์นั้นเป็นหนึ่งในประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลกมีประชากรประม าณ 4 ล้านคน มีแกะประมาณ 40 ล้านตัว และประชาชนกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ของประเทศเข้าถึงบริการ Broadband หรือเครือข่ายโทรคมนาคมความเร็วสูง!
นิวซีแลนด์นั้นผมถือว่าเป็นประเทศ เกษตรกรรม แต่เป็นประเทศเกษตรกรรมที่ชาวไร่ชาวนาของประเทศค่อนข้างมีฐานะที่ดี การที่เกษตรกรจะมีฐานะที่ดี ต้องมีผลิตผลที่ดีมาก อันส่งผลให้เศรษฐกิจของประชาติดีตามไปด้วย (High Productivity) ผู้บริหารบริษัทโทรคมนาคมของ นิวซีแลนด์ ทั้งสามค่ายนั้นได้ให้ข้อสรุปเป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า Productivity = Broadband ซึ่งได้อธิบายว่า ผลผลิตทางเกษตรกรรมของเกษตรกรบ้านเขาจะมากขึ้น เมื่อชาวไร่ชาวนาเข้าถึงบริการเครือข่ายโทรคมนาคมความเร็วสูง แต่ผมสรุปเองในใจให้โลกสวยงามมากขึ้นเป็น More Productivities = More Broadband Access
เป็นการบรรยายที่ยอดเยี่ยมที่ผมประทับใจมาก ผมเองก็เคยแอบคิดในใจมานานแล้วว่า ประเทศใดจะพัฒนาให้เจริญรุ่งเรื่องได้ จะต้องมีโครงข่ายโทรคมนาคมที่ความเร็วสูงและราคาถูก แต่ผมไม่สามารถเชื่อมโยงภาพลางๆ ในใจนั้นให้เป็นรูปธรรมชัดเจนได้ว่า สิ่งเหล่านั้นสัมพันธ์กันอย่างไร แต่ภาพในสมองของผมนั้นถูกตัดสัญญาณไปนึกถึงใครคนหนึ่งที่ผมเคยอ่านหนังสือขอ งเขาและหลายคนได้พูดถึงเขาไปทั่วโลกในกลุ่มคนชั้นนำโทรคมนาคมยุคปัจจุบัน
เรื่องมันมีอยู่ว่าใครคนหนึ่งแอบไปเห็นความสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐกิจข องชาติใดนั้นมีความสัมพันธ์กับเครือข่ายโทรคมนาคมที่มีประสิทธิภาพสูง ผมขอเล่าให้ฟังดังนี้ครับ
Alvin Toffler ผู้เขียนหนังสือ Third wave อันลือลั่น ได้ให้แนวความคิดเกี่ยวกับการปฏิวัติโลก ที่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจของมนุษยชาติไว้ โดยเปรียบเป็นทฤษฎีคลื่นสามลูก
คลื่นลูกที่หนึ่ง (First Wave) เป็นช่วงเวลาที่สังคมมนุษย์ปฏิวัติระบบ เศรษฐกิจด้วยการรู้จักการทำ เกษตรกรรม ซึ่งการที่มนุษย์รู้จักการทำ กสิกรรม ปลูกพืชเป็นไร่ เลี้ยงสัตว์เป็นฟาร์ม สิ่งที่ขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ ของประเทศนั้นๆ จะขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่แปลงเกษตร การครอบครองพื้นที่ การทำฟาร์ม ปริมาณผลผลิตที่ได้จากการปศุสัตว์และการเกษตรกรรม สิ่งเหล่านี้ ทำให้ระบบเศรษฐกิจของชาตินั้นๆ เติบโตแข็งแกร่ง
คลื่นลูกที่สอง (Second Wave) สังคมมนุษย์ปฏิวัติระบบเศรษฐกิจด้วย อุตสาหกรรม ในช่วงเวลาปี 1650-1750 มนุษย์รู้จักการใช้เครื่องมือ (Machines) การทำสายการผลิต (Production line) สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพเหมือนกันจำนวนมากๆ ได้และมีคุณภาพเหมือนกัน (Quality control) และสามารถผลิตจำหน่ายจำนวนมากๆ ได้ (Mass Production) สิ่งที่ขับเคลื่อนการเติบโต ของเศรษฐกิจประเทศใดๆ นั้น ขึ้นอยู่กับการทำ Mass Production ควบคุมมาตรฐานในการผลิตสินค้าจำนวนมากๆ ได้และผลิตจำนวนมากได้
คลื่นลูกที่สาม (Third Wave) เป็นการเปลี่ยนแปลงของสังคมมนุษย์ด้วยการปฏิวัติ ข้อมูลข่าวสาร ซึ่งได้เริ่มต้นราวๆ ปี 1955 ด้วย เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเครือข่ายโทรคมนาคม จนกลายเป็นระบบเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) ดังในโลกยุคปัจจุบันที่เรียกกันทั่วไปว่า เป็นคลื่นลูกที่สาม (Third Wave) หรือการปฏิวัติ การสื่อสารโทรคมนาคม หรือยุคโลกาภิวัฒน์ สิ่งที่เป็นตัวขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศใด ให้มีความมั่งคั่งเจริญรุ่งเรืองจะขึ้นอยู่กับการมี เครือข่าย ที่มีประสิทธิภาพสูง (High Performance Network) เครือข่ายที่มีประสิทธิภาพสูงจะสร้างให้เกิดความเจริญก้าวหน้าของประเทศในทุ กด้าน
ซึ่งในแนวคิดคำว่า Network อันลึกซึ้งนี้ Toffler ยังได้ขยายความหมายถึงทั้งเครือข่ายแท้และเครือข่ายเทียม อาทิเช่น เครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เครือข่ายอินเตอร์เน็ต เครือข่ายดาวเทียม เครือข่ายใยแก้วนำแสง ถนน สายการบิน รางรถไฟ เป็นต้น ถือเป็นเครือข่ายแท้ในการสร้างความเจริญให้บ้านเมือง เครือข่ายเทียม อาทิเช่น เครือข่ายลูกค้า เครือข่ายการค้าต่างประเทศ เป็นต้น ซึ่งเครือข่ายแท้จะช่วยสนับสนุนระบบเศรษฐกิจและส่งเสริมให้ครือข่ายเทียมเติ บโตขึ้น ตลอดจนสนับสนุนงานความมั่นคงของชาติให้มีศักยภาพสูงขึ้นโดยรวม กล่าวสรุปคือ เครือข่ายที่มีประสิทธิภาพสูง (High Performance Network) จะส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจและประเทศนั้นเจริญในทุกด้าน
Network ที่เป็น ถนน หรือระบบขนส่ง โดยเฉพาะการเดินทางหรือขนส่งสินค้ายังพอทำให้ผมเข้าใจได้ง่ายอยู่ว่าทำให้บ้ านเมืองเจริญได้อย่างไร หากการพัฒนาเครือข่ายโทรคมนาคมในประเทศให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดเป็นการพัฒนาความแข็งแกร่งของระบบเศรษฐกิจของประเทศได้จริงๆ หรือ แล้วจะทำให้บ้านเมืองเจริญได้ในทุกด้านอย่างไรผมก็ไม่ใช่คนที่สามารถจะเข้าใ จอะไรง่ายๆ ได้ด้วยจึงต้องค้นคว้าเพิ่มเติมต่อไป จะว่าไปแล้วการมีโครงข่ายโทรคมนาคมที่มีประสิทธิภาพสูงโดยเฉพาะบริการ อินเทอร์เน็ต ในปัจจุบันนี้ทำให้คนไม่ค่อยฉลาดอย่างผมสามารถค้นคว้าข้อมูลทั้งโลกได้เพียง ปลายนิ้วที่ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค เท่านั้นเอง ไม่ต้องเสียเวลาไปห้องสมุดไปรบกวนสอบถามคนที่เก่งๆ
คนไทยทั่วไปจะทราบได้อย่างไร ถึงความเชื่อมโยงระหว่างการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและความเจริญของชาติ กับการมีเครือข่ายโทรคมนาคมที่มีประสิทธิภาพสูงสัมพันธ์กันอย่างไร ทั้งๆที่ บ้านเราเป็นประเทศซื้อสินค้าเทคโนโลยีด้วยแล้ว จะสวนทางกับหลักการอยู่อย่างพอเพียงหรือไม่นะ หรือว่าทุกวันนี้โครงข่ายโทรคมนาคมของประเทศยังไม่ถึงขั้นคำว่าพอเพียง ไม่ใช่ว่ามีเกินความจำเป็น แต่เรา ขาด ขาดความพอดีที่พอเพียงจะทำให้บ้านเมืองเจริญขึ้นได้มากกว่านี้
คนไทยมีนิสัยมัธยัสถ์ที่ดี กลัวการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยและแน่นอนอาจเป็นกังวลกับการใช้จ่ายของประเทศในการม ีใช้เครือข่ายโทรคมนาคมที่มีประสิทธิภาพสูง แต่หากมองให้แคบลงจากระดับประเทศมาเหลือแค่มองตัวตนเราแล้ว อย่างเช่น การที่ผมลงทุนผ่อน โน้ตบุ๊ค ถือเป็นการมีเครื่องมืออันสำคัญในการเสริมประสิทธิภาพการทำงานให้สูงขึ้น เพราะที่ทำงานผมไม่เคยมีคอมพิวเตอร์ให้ผมเลย จนต้องผ่อนซื้อเองไม่งั้นไม่ได้ทำงาน จึงนับได้ว่านอกจากเป็นเครื่องมือจำเป็นอันสำคัญทำให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพ ได้มากขึ้น และสามารถเขียนบทความให้ผู้อ่านเพลิดเพลินได้ด้วย และช่วยเพิ่มศักยภาพในการค้นคว้าความรู้เพิ่มเติมพัฒนาตนเองอีกด้วย นอกจากทำให้สามารถพอเข้าใจเรื่องที่ผู้ชำนาญการคุยกันพอรู้เรื่องบ้างได้แล้ ว ยังส่งผลให้การมุงานหนักเงินเดือนผมก็เพิ่มขึ้นและมีรายได้จากงานพิเศษมากมา ย รวมถึงได้เป็นที่ปรึกษาหลายที่อันเป็นผลจากการเขียนบทความที่นี่เช่นกัน จึงสามารถมีรายได้ผ่อนโทรศัพท์มือถือที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเพื่อต่อยอดเพิ ่มศักยภาพตัวเองได้อีก การพัฒนาทรัพยากรในการเรียนรู้ของผมก็สะดวกขึ้นมากอีกเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจุบันมือถือผมมี Windows explorer ด้วยแล้ว ทำให้ผมสามารถค้นหาข้อมูลได้ตลอดเวลาเพราะบ้านเรามีบริการ GPRS/EDGE ราคาถูกให้บริการอยู่แล้ว อะไรๆ ก็จะดีขึ้นตามมา แม้แต่งานอดิเรกเขียนหนังสือและค้นคว้าก็กระทำได้ทุกที่ทุกเวลา
มองในมุมกลับหากผมไม่มีเครื่องมือดังกล่าว อาจจะทำงานเช้าชามเย็นชาม กี่ปีผ่านไปก็มีความรู้เท่าเดิม รอต่อคิวใช้ คอมพิวเตอร์ แต่การมีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงดังกล่าว นอกจากทำงานได้มีประสิทธิภาพแล้ว ผมอาจจะยังหาช่องทางพัฒนาตนเองจนจบปริญญาเอกก็เป็นได้
เมื่อมองกลับมาในระดับประเทศ เทคโนโลยีหรือเครือข่ายโทรคมนาคมที่มีประสิทธิภาพสูง ก็เป็นเพียงเครื่องมืออันหนึ่งที่จะเพิ่มศักยภาพให้ประเทศเราเช่นกัน หากช่างน้ำหนักแล้วพบว่าคุ้มค่าแก่การลงทุน
แต่การมีโครงข่ายโทรคมนาคมที่มีประสิทธิภาพสูง อาจจะทำให้หมายถึงต้องเสียเงินของชาติจำนวนมหาศาลออกนอกประเทศ จะคุ้มค่ากับสิ่งที่ลงทุนหรือไม่ จะทำให้ประเทศไทยเดินหน้าได้ถูกต้องชัดเจนแท้จริงอย่างพอเพียงหรือไม่? ต้องให้ผู้รู้ช่วยแนะนำ คนไทยและคนโทรคมนาคมไทยต้องเริ่มออกเดินทางสู่เส้นทางความคิดนั้น ออกจากมุมที่วงการโทรคมนาคมขีดเส้นแบ่งเราไว้ว่า คุณคือผู้ชำนาญสาขานั้น คุณคือผู้ชำนาญสาขานี้ การโทรคมนาคม คือ สหวิทยาการ การโทรคมนาคมคือเรื่องของคนไทยทุกคน และความคิดเห็นต่างๆ จะเกิดการแลกเปลี่ยนจนตกผลึกทางความคิด เราจะเห็นความจริงปรากฏขึ้นมา พร้อมกับ เส้นทางข้างหน้าที่จะเดินไปอย่างชัดเจน
โดย ปรเมศวร์ กุมารบุญ