0031. REINVENTING GOVERNMENT : 1 ใน 109 หนังสือควรอ่าน จาก นากยกฯ ทักษิณ ชินวัตร
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2545 นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงและมอบนโยบายในการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ และ ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เรื่อง "นโยบายการปฏิรูประบบราชการ" นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า....
......"เมื่อปี 1993 มีหนังสือเรื่อง REINVENTING GOVERNMENT ในหนังสือเล่มนี้ ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องเทคโลโลยี หรือ เรื่อง e- Government มากนัก แต่หนังสือเล่มนี้ได้จุดประกายให้ทั่วโลกปฏิรูประบบราชการ ทุกคนเรียกร้องระบบราชการที่เน้น Customer Driven Government ซึ่ง Customer คือ ประชาชนผู้ใช้บริการ ดังนั้น Customer Driven Government คือ รัฐบาลที่ให้ศูนย์กลางอยู่ที่ประชาชน เช่นเดียวกับภาคธุรกิจที่ศูนย์กลางอยู่ที่ลูกค้า ดังนั้น การคิด การทำ ต้องกลับไปที่ประชาชนว่า ประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร พึงพอใจอย่างไร จึงเท่ากับเป็นการเพิ่มอำนาจให้กับประชาชน ลดบทบาทและอำนาจของภาครัฐลง นั่นคือหลักที่ต้องการเห็น ต่อมามีการเน้นเรื่องการปรับองค์กรมากขึ้น เมื่อกระบวนทัศน์ความคิดเปลี่ยนไปจากผู้บริหารเป็นศูนย์กลาง กลายเป็นประชาชนเป็นศูนย์กลาง จากการเรียนการสอนที่คูรเป็นศูนย์กลาง กลายเป็นนักเรียนเป็นศูนย์กลาง สมัยก่อน โรงงานอุตสาหกรรมก็ใช้โรงงานเป็นศูนย์กลางว่าจะผลิตอะไร ก็เปลี่ยนให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง นี่คือสิ่งที่เปลี่ยนไป
"ดังนั้น ถ้าวันนี้ไม่ทำหน้าที่นี้ ไม่ปรับให้เป็นแบบนี้ ในอนาคตระบบราชการเราจะเป็นระบบที่มีปัญหา ที่แย่กว่านั้น คือ ระบบราชการของเดิมของเราเป็นระบบแยกส่วน ทุกกระทรวงต่างคนต่างทำต่างอยู่ ที่เรียกว่า Functioning System ซึ่งเป็นแนวคิดที่มาจากระบบของการบริหารโรงงานอุตสาหกรรม เป็นลักษณะ Assembly Line คือ ใครทำหน้าที่อะไร ก็ทำหน้าที่ตรงนั้น ต่อมาเมื่อเหตุการณ์มันเปลี่ยนไป ทุกคนก็จะช่วยตัวเองโดยพยายามมีหน่วยงานใหม่ๆอยู่ในกระทรวงของตัวเองเพื่อให้ครบตามภารกิจของตัวเอง เมื่ออีกกระทรวงหนึ่งก็มีเหมือนกัน จึงเกิดความซ้ำซ้อนและความสิ้นเปลืองในการบริหารจัดการมากขึ้น สุดท้ายระบบนี้ก็เหมือนปีศาจร้ายที่อยู่ทั้งในกระบวนการบริหารและกระบวนการเรียนรู้ เพราะทุกคนไม่ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน แต่กลายเป็นต่างคนต่างอยู่ ทุกคนจะเข้าใจตัวเองมากกว่าผู้อื่น ระบบนี้ได้เข้าไปเป็นปีศาจร้ายในกระบวนการศึกษาของไทย มหาวิทยาลัยก็เช่นกัน คณะใครก็คณะคนนั้น ต่างคนต่างอยู่ ปฏิสัมพันธ์ หรือ การใช้ Facility ข้ามคณะมีน้อย
"จะเห็นว่าระบบที่ไม่ดีนี้ลุกลามไปหมด จึงต้องปรับเปลี่ยนและแก้ไขระบบโดยด่วน เพื่อให้เกิดกระบวนการทำงานร่วมกันเป็นทีม โดยนำภารกิจมาเป็นตัวตั้ง แล้วให้ทุกคนมุ่งไปที่ภารกิจเดียวกัน ทุกคนจะเล็งไปที่เป้าเดียวกัน ทุกคนจะต่างคนต่างทำงานก้ได้ ประสานงานกันได้ แต่ทั้งหมดมุ่งไปที่เป้าเดียวกัน คือ ภารกิจ แล้วความสามัคคีจะเกิดขึ้น ความขัดแย้งจะลดน้อยลง ถ้าเป็นระบบเดิมจะมีแต่ความขัดแย้ง เพราะทุกคนจะมีตัวตนมาก และ ตัวตนจะใหญ่ จะคิดเฉพาะหน่วยงานของตน ความขัดแย้งจึงมีมาก แต่ด้วยวิธีการนี้ ในอนาคต ความขัดแย้งจะลดลง ดังนั้น สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงต้องรีบดำเนินการ วันนี้โลกกำลังแข่งขันกันที่ความเร็วตลอดเวลา ใครตัดสินใจก่อนก็ไปได้เร็วกว่า"
" Customer Driven Government คือ รัฐบาลที่ให้ศูนย์กลางอยู่ที่ประชาชน เช่นเดียวกับภาคธุรกิจที่ศูนย์กลางอยู่ที่ลูกค้า ดังนั้น การคิด การทำ ต้องกลับไปที่ประชาชนว่า ประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร "
Create Date : 06 มีนาคม 2551 |
Last Update : 6 มีนาคม 2551 12:37:41 น. |
|
5 comments
|
Counter : 2661 Pageviews. |
|
|
|
และการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อการพัฒนาศักยภาพของภาคประชาคม ภาคธุรกิจ
และภาครัฐเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมระหว่าง 3 ภาคี
ระหว่างวันที่ 10-13 ธันวาคม 2545 ณ เมือง มาราเคช ประเทศมอร็อคโค
The 4th Global Forum on Reinventing Government & Capacity Development Workshops, Citizens, Businesses and Governments : Dialogue and Partnerships
for the Promotion of Democracy and Development
at Marrakech, Morocco, 10-13 December, 2002
--------------------------------------------------------------------------------
การประชุมวาระแห่งโลก ครั้งที่ 4 เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของภาครัฐ (Reinventing Government) ได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-13 ธันวาคม 2545 ณ เมืองมาราเคช ประเทศโมร็อคโค เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และการมีส่วนร่วมระหว่าง 3 ภาคี คือ ภาคประชาคม ภาคธุรกิจ และภาครัฐ ภายใต้องค์อุปถัมภ์ ของพระรามาธิบดีกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 6 แห่งประเทศมอร็อคโค ธนาคารโลก รัฐบาลมอร็อคโค และรัฐบาลอิตาลี มีผู้เข้าร่วมประชุม 1,200 คน จาก 100 ประเทศ ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี นายกเทศมนตรี ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรท้องถิ่น ตัวแทนจากภาคประชาคม ตัวแทนจากภาคธุรกิจ ตัวแทนจากกลุ่ม NGO ตัวแทนจากสถาบันการศึกษา และศูนย์การวิจัย ในส่วนของประเทศไทยมีผู้เข้าร่วมประชุม 3 คน จากเทศบาลเมืองภูเก็ต ซึ่งได้รับเชิญจากหน่วยงานเศรษฐกิจ และสังคมขององค์การสหประชาชาติ คือ ร้อยโทภูมิศักดิ์ หงษ์หยก นายกเทศมนตรีเมืองภูเก็ต พร้อมทั้งผู้ติดตาม คือ เทศมนตรีสมใจ สุวรรณศุภพนา และแพทย์หญิงทัศนีย์ เอกวานิช ในที่ประชุมได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และร่วมกันหาแนวทาง เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว เพื่อลดช่องว่าง ในด้านเทคโนโลยี และด้านเศรษฐกิจ ได้มีการถ่ายทอดกระแสของการปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) และการมีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดประชาธิปไตย และการพัฒนาอย่างยั่งยืน และยังได้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ดี ในระดับท้องถิ่น ระดับภูมิภาค และระดับประเทศ อันจะก่อให้เกิดการขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน
ที่ประชุมได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นใน 11 ด้าน คือ
การเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบธรรมาภิบาล
การกระจายอำนาจตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อลดปัญหาความยากจน
การปฏิรูประบบราชการ และการบริหารในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา
การปรับปรุงประสิทธิภาพและการเข้าถึงบริการสาธารณะ
การเสริมสร้างความเข้มแข็งของพันธมิตรระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาคม
กระบวนการเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค
โลกาภิวัตน์ บทบาทของภาครัฐกับสิ่งแวดล้อม
การค้า และการลงทุนในภาคเศรษฐกิจแห่งโลกาภิวัฒน์
การเคลื่อนไหวเพื่อปรับปรุงทรัพยากรและระบบการบริหารเรื่องภาษี
การส่งเสริมให้เกิดการตรวจสอบและความโปร่งใส
เพศกับหลักธรรมาภิบาล
นอกจากนี้ในการประชุมวาระแห่งโลก ยังได้แบ่งการประชุมเป็น 4 ด้าน คือ
การเสริมสร้างความเข้มแข็งของนโยบายสาธารณะ เพื่อสนับสนุนให้เกิดพันธมิตรระหว่างภาครัฐ ภาคประชาคม และภาคธุรกิจ
การปรับบทบาทของภาครัฐและกรอบแนวคิดเพื่อการควบคุม
การสนับสนุนพันธมิตรทางเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นและระดับภูมิภาค
วัฒนธรรม ค่านิยม และการพัฒนาในบริบทของโลกาภิวัตน์
ที่ประชุมยังได้ร่วมกันร่างประกาศแห่งเมืองมาราเคช สำหรับการประชุมวาระแห่งโลก ครั้งที่ 4 รวม 12 ข้อ เพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของภาครัฐ ดังนี้
ให้ภาคประชาคมเข้ามามีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงของภาครัฐ
เสริมสร้างพลังของชุมชนท้องถิ่น เพื่อดูแลความเป็นอยู่ของตนเอง
สนับสนุนภาคธุรกิจให้เติบโตและมั่งคั่งอย่างยั่งยืน
ขับเคลื่อนให้ภาคประชาสังคมเข้าถึงการท้าทายทางด้านสังคมและวัฒนธรรม
นำพาภาครัฐให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนและสามารถตรวจสอบได้
ริเริ่มและพัฒนาให้เกิดความร่วมมือในรูปแบบใหม่ๆ
ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT) เพื่อปรับปรุงการทำงานของภาครัฐ
พัฒนาความเป็นหนึ่งเดียวในระดับโลก เพื่อให้เป็นโลกที่น่าอยู่
สร้างความเป็นสากลบนพื้นฐานของการให้เกียรติ และการแลกเปลี่ยนในกลุ่ม ระหว่างวัฒนธรรมที่หลากหลาย
เพิ่มการสนับสนุนจากพันธมิตรระหว่างประเทศ
ติดตามผลการดำเนินงานโดยรัฐบาลมอร็อคโค
จัดวาระแห่งโลกครั้งที่ 5
รายงานโดย
ร้อยโทภูมิศักดิ์ หงษ์หยก นายกเทศมนตรีเมืองภูเก็ต
นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา เทศมนตรีเมืองภูเก็ต
แพทย์หญิงทัศนีย์ เอกวานิช ร.ก. ผ.อ.กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม
19 ธันวาคม 2545
Resource:การประชุมวาระแห่งโลก ครั้งที่ 4 เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของภาครัฐ (Reinventing Government)