happy memories
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2556
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
28 พฤษภาคม 2556
 
All Blogs
 

รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ (๔)







อ่านเนื้อเรื่องเวอร์ชั่นเกาหลีได้ที่นี่ค่ะ
รักนี้ชั่วนิรันดร์ (๔)



อยู่เพื่อรักเธอ [OST. รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์]



       



พิชชาถีบจักรยานไปที่บ้านวชิรวิทย์ ผ่านสถานที่ต่าง ๆ ที่เธอเคยคุ้นเคย พงศกรขับรถพาทุกคนออกจากบ้าน
       
       พิชชาเห็นรถนั้นไกล ๆ เธอพยายามถีบจักรยานเพื่อตามให้ทัน เพื่อบอกลาครั้งสุดท้าย รถวิ่งไกลออกไปจนพิชชาตามไม่ทัน เธอหมดแรง ได้แต่พึมพำในใจ
       “พ่อคะ แม่คะ พี่ทิน”
       พิชชาเศร้า ได้แต่ยืนมองรถนั้นแล่นลับตาไป






       ๑o ปีต่อมา

       พาทินในวัย ๒๖ ปี เดินมาตามทางที่ พิชชาเคยถีบจักรยานตาม เพื่อบอกลา เขาหยุดมอง ถนนที่ครั้งหนึ่งเคยพาพิชชาซ้อนท้ายจักรยานด้วยกัน...พาทินเดินมาตามถนน เขาหยุดมองที่หน้าร้านเช่าจักรยาน บริเวณชุมชนท่าน้ำริมเขื่อนแก่งกระจาน
       “ขอโทษครับ ผมขอเช่าจักรยานหน่อยครับ”
       เจ้าของร้านเดินออกมา
       “กี่ชั่วโมงดีครับ”
       “คิดค่าเช่ายังไงครับ”
       “ชั่วโมงละ หกสิบบาท”
       “งั้นผมขอเช่าสักสองชั่วโมง”
       “ขอบัตรประชาชนด้วยครับ”
       พาทินหยิบกระเป๋าตังค์ออกมา หยิบบัตรและเงินส่งให้

       พาทินขี่จักรยาน ไปตามที่ต่าง ๆ ที่เขาเคยใช้ เส้นทางถนนริมเขื่อน เส้นทางในอุทยาน เส้นทางระหว่างบ้านไปโรงเรียน เส้นทางริมทะเล...ภาพความหลังของเข้ากับพิชชา ผุดขึ้นมาเป็นช่วง ๆ เมื่อผ่านจุดที่ทั้งคู่มีความทรงจำดี ๆ ด้วยกัน





       
       พาทินมาที่บ้านเก่าของสุนทรีที่ชุมชนท่าน้ำริมเขื่อนแก่งกระจานเขานั่งที่โต๊ะตัวหนึ่งในร้าน เด็กสาวยกขวดน้ำอัดลมและน้ำแข็งมาส่งให้เขา
       “พี่คะ”
       พาทินได้ยินเสียงของพิชชา แต่พอเขาหันกลับไปเด็กสาวลูกเจ้าของร้านทัก
       “พี่เคยมา เมื่อปีที่แล้วใช่ไหม”
       พาทินยิ้มให้
       “จำได้ด้วยเหรอ”
       “จำได้ค่ะ พี่คือคนที่มาตามหาน้องสาวใช่ไหม”
       พาทินพยักหน้ารับ
       “แล้วเจอหรือยังคะ”
       พาทินส่ายหน้า
       “ยังเลย”
       “อือ คงไม่กลับมาที่แล้วมั้ง พวกเขาย้ายหนีหนี้ไปตั้งหลายปีแล้ว ก่อนที่แม่กับหนูจะย้ายมาอยู่ที่นี่ซะอีก”
       พาทินคิดตามเขารู้สึกหมดหวังที่จะได้เจอพิชชา





       
       อรอินทุ์ อาภาภัทร คนรักของพาทินกำลังลองชุดที่จะใช้ในงานหมั้น อยู่ภายในบ้าน ที่กรุงเทพ ระหว่างนั้นเธอคุยโทรศัพท์กับพาทินไปด้วย พนักงานจากบริษัทจัดงานแต่ง มองดูความเรียบร้อยของชุดอยู่ใกล้ ๆ
       “จะกลับพรุ่งนี้เหรอคะ”
       “จ๊ะ”
       “ไปตามหาความหลังฝังใจหรือเปล่า”
       “ไม่ใช่หรอกจ๊ะ”
       อรอินทุ์ หันไปกวาดตามองในห้อง
       “คุณแม่ถามหาคุณอยู่”
       “ผมขอโทษนะ”
       “ฉันบอกว่าคุณต้องไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัย”
       “ขอโทษนะที่คุณต้องพูดโกหกให้”
       อรอินทุ์ยิ้ม
       “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะรอคุณที่บ้านนะคะ”
       “ครับ พรุ่งนี้เจอกันนะ”
       “ค่ะ คิดถึงคุณนะ”
       “ผมก็คิดถึงคุณ”
       พาทินวางสายไป อรอินทุ์ ยืนมองตัวเองที่พร้อมจะมีครอบครัวที่อบอุ่น
       
       ในโรงแรมหรู...เสาวนิตย์และชุติมา กำลังฟังเสียงของแขกที่จีบกันทางโทรศัพท์ ขณะที่นั่งอยู่ในส่วนทำงานของพนักงานรับสาย
       “เหลืออีกกี่ชิ้น เอาออกทีละชิ้น ๆ นะ ค่อย ๆ...”
       ทั้งคู่นั่งฟังด้วยความระทึกใจ พิชชาเดินเข้ามาเห็น ก็รู้ว่าทั้งคู่กำลังแอบฟังสายของแขก พิชชาเข้า
       ไปกดตัดสาย เสาวนิตย์เซ็งเลย
       “อ้าว ตัดสายทำไม กำลังจะ...”
       พิชชาจ้องหน้า
       “กำลังอะไร”
       เสาวนิตย์เสียดาย
       “ก็กำลังจะ...แบบนั้น”
       พิชชาดุ
       “ถ้าแขกรู้เข้า รายงานเข้ามา เธอสองคนจะถูกไล่ออกนะ”
       ชุติมารีบออกตัว
       “เฮ้ย ฉันไม่ได้รู้ด้วยนะ”
       เสาวนิตย์ หันขวับมามองหน้า
       “อ้าว แกนี่ เวลาสนุก สนุกด้วยกัน เวลาซวยชิ่งเฉยเลย”
       พิชชายิ้มที่ขู่เพื่อนได้ เสาวนิตย์เห็นก็รู้ว่าพิชชาแกล้งเธอทั้งคู่
       “พิชชา เธอน่ะผ่อนๆ บ้างเหอะ”
       “เราเป็นลูกจ้างเขา เรื่องผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ เขาก็ไล่เราออกได้ง่าย ๆ ฉันตกงานไม่ได้ เธอก็รู้อยู่”
       “ก็ได้ ๆ เธอยกเรื่องนี้มาทีไร ฉันหมดสนุกทุกทีเลย”
       เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่โต๊ะของพิชชา เธอเดินเข้าไปรับสาย
       “โอเปอเรเตอร์ ยินดีรับสายค่ะ”
       เสียงจิราพัชรดังมาจากปลายสาย
       “คุณช้อยหรือเปล่า”
       พิชชาจำเสียงที่ปลายสายได้
       “ค่ะ”
       “ว่างไปกินข้าวด้วยกันไหม”
       “ไม่ว่างค่ะ”
       “พรุ่งนี้ล่ะ”
       “ต้องไปรับเด็ก ๆ ค่ะ”
       จิราพัชรหัวเราะ
       “อย่าคิดมากน่า แค่อยากตอบแทนที่คุณมีน้ำใจให้ก็แค่นั้น ผมเองก็ไม่มีรสนิยมชอบแม่ม่ายหรือสาวสูงวัยอยู่แล้วน่า”
       พิชชานิ่งฟังไม่แสดงทีท่าอะไร เสาวนิตย์และชุติมาเอียงหูฟังอยากรู้
       “โอเค ไม่ไปก็ไม่ไปครับ”
       พิชชาวางสาย เสาวนิตย์ถามอย่างอยากรู้มาก
       “ใครน่ะ”
       ชุติมาตอบแทน
       “แขกห้อง ๑o๑ คนที่มาแข่งกอลฟ์บ่อย ๆ ไง ชื่อ...พัชร เป็นแขกวีไอพี มาพักอยู่หลายอาทิตย์แล้ว เห็นพวกแม่บ้านบอกว่าขี้วีนเหมือนกัน”
       “เธอนี่รู้ไปหมดทุกเรื่องเลยนะ” พิชชามองนาฬิกาที่ผนัง “อ๊ะ ฉันกลับล่ะ”
       ชุติมาคิดได้
       “อ้าวหลอกด่าแล้วชิ่งหนีเหรอ พิชชา”
       พิชชาหัวเราะที่เพื่อนรู้ทัน เธอเก็บของโบกมือลาเพื่อนทั้งคู่
       “ไปนะ พรุ่งนี้เจอกัน”
       
        พิชชาเปลี่ยนชุดจากพนักงานเป็นชุดธรรมดาเดินออกจากตึกโรงแรม เธอตรงไปที่มอเตอร์ไซค์ของ
       ตัวเอง จิราพัชรเดินออกจากห้องพัก พิชชาสตาร์ทเครื่องขับมอเตอร์ไซค์ออกจากลานจอดรถ จิราพัชรมองตามเขาเห็นแต่หลังของเธอผ่านหน้าไป





       
       จิราพัชรเดินดูของตกแต่งในห้องทำงานผู้บริหาร จักรกฤษณ์ พี่ชายของพัชร นั่งเซ็นเอกสารที่โต๊ะ เขามองดูจิราพัชรที่เดินดูของอยู่
       “เมื่อไหร่จะเลิกทำตัว เหลวไหล ไร้สาระซะที”
       “พี่ไม่ชอบใช่ไหม ไล่ผมออกสิ”
       “อยากจะทำใจจะขาด แต่แกก็รู้ฉันทำไม่ได้”
       จิราพัชรท้าทาย
       “ทำไมล่ะพี่ ง่าย ๆ แค่เซ็นเอกสารแก๊กเดียว”
       จักรกฤษณ์น้อยใจนิด ๆ
       “แกมันลูกคนโปรด พ่อรักแกอยู่คนเดียว”
       จิราพัชรได้ยินคำนั้นออกจากปากพี่ชาย เขารู้สึกไม่สบอารมณ์ แกล้งเดินชนแจกันราคาแพงที่วางอยู่ตกลงมาแตก จักรกฤษณ์ มองดูก็รู้ว่าน้องชายแกล้ง
       “อุ๊ป แพงไหมเนี่ย” จิราพัชรทำตกใจ
       จักรกฤษณ์มองน้องชายด้วยสายตาเย็นชา
       “นั่นมันเท่าเงินเดือนพนักงานคนหนึ่งทั้งปี แกก็เป็นแบบนี้มาตลอด ไม่เคยเห็นใจใครอยู่แล้วนี่ อยากจะทำอะไรก็เชิญ ฉันพอกับแกแล้ว”
       จักรกฤษณ์เดินออกจากห้อง ทิ้งให้จิราพัชรยืนคิดอยู่คนเดียว






เช้าวันใหม่...ในห้องพัก ๑o๑ ซึ่งเป็นห้องของจิราพัชร บนโต๊ะห้องรับแขกมีขวดเหล้าวางอยู่ สอง สามขวด เศษกระดาษ เศษอาหารกระจายอยู่บนพื้น
        จิราพัชรนอนอยู่บนเตียง เขายังสวมชุดของเมื่อวานอยู่ เขานอนกระสับกระส่าย ก่อนที่งัวเงียลุกขึ้นมา รู้สึกไม่สบายตัว ยังไม่สร่างจากอาการเมา เขาหงุดหงิด ยกโทรศัพท์ที่อยู่ข้างโต๊ะหัวเตียงขี้นมา กดเบอร์
       “ฮัลโหล”
       พิชชารับสาย
       “สวัสดีค่ะ”
       “นี่คุณ...ทำไมห้องพักที่นี่มันอึดอัดจังเลย อากาศหายไปไหนหมด”
       “ขออภัยนค่ะ ดิฉันจะโอนสายไปแผนกซ่อมบำรุงให้นะคะ”
       “ผมไม่อยากคุยกับช่าง ผมอยากสดชื่นน่ะ คุณช่วยผมหน่อยสิ นะ ๆ”
       ไม่มีเสียงตอบจากปลายสายอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่พิชชาตั้งสติพูดสาย
       “ดิฉันจะแนะนำ วิธีง่าย ๆ ให้นะคะ”
       จิราพัชรยิ้มออกมา
       “ก่อนอื่นต้องเข้าไปในห้องน้ำก่อนนะคะ”
       จิราพัชรทำตามเขาลุกจากเตียง เดินไปที่ห้องน้ำอย่างมึน ๆ เพราะเมา
       “ไปยืนตรงตำแหน่งเดียวกับ ก๊อกน้ำนะคะ เสร็จแล้ว หมุนสีฟ้าไปทางขวาครึ่งหนึ่งนะคะ”
       จิราพัชรทำตาม น้ำจากฝักบัวสาดใส่เขาจนเปียกไปหมด
       “บ้าเอ้ย นี่ ๆ”
       พิชชาวางสายไปแล้ว จิราพัชรโกรธที่เธอแกล้ง แต่เขาก็สร่างเมา
       
       บ่ายนั้น พิชชาขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากลานจอดรถ พาทินเดินผ่านลานจอดนั่นเช่นกัน แต่พิชชาเลี้ยวไปอีกทาง





       
       จิราพัชรเล่นกอล์ฟกับเพื่อน ๆ เขาตีได้ไม่ดีนัก ใช้มือตีท้ายทอยเบา ๆ เขายังรู้สึกมึน ๆ กับฤทธิ์
       เหล้าที่ค้างอยู่ จิราพัชรกำลังจะตีลูก พาทินเดินข้ามเนินมาไกล ๆ
       “ใครวะ”
       จิราพัชรโบกมือไล่ให้ออกจากสนาม พาทินโบกมือตอบ จิราพัชรโมโหโยนไม้ลงพื้น เดินเข้าไปหา
       “เฮ้ย...ไอ้ทิน”
       พาทินยิ้มให้ จิราพัชรดีใจที่เจอเพื่อน
       “ไอ้บ้าเอ๊ย เป็นไงมึง”
       “กูสบายดี”
       “มาทำไมวะ”
       พาทินยิ้มแย้ม
       “ก็มาหามึงไง”
       พาทินและพัชรเดินจากสนามกอล์ฟไปที่ตึก พาทินชวนคุย
       “ดูท่ามึงก็ไปได้ดีนี่น่า”
       จิราพัชรถอนใจ
       “ดีบ้าอะไร พวกพี่ิ ๆ มันเกลียดขี้หน้ากูจะตาย เพราะเป็นคนโปรดของพ่อ ไม่มีใครรู้หรอกว่า พ่อกูส่งมาฝึกงานกับพวกพี่ ๆ”
       “แล้วอาชีพนักกอล์ฟล่ะ”
       “อีกสักพัก กูคงถูกไล่ออก ค่อยกลับไปเทินโปรใหม่”
       “ไหวเหรอ”
       “มาลองสักรอบไหมล่ะ”
       พาทินส่ายหน้าปฏิเสธ





       
       จิราพัชรไขกุญแจห้องพักเดินนำพาทินเข้ามาในห้อง เขาเดินเข้าไปที่ครัว พาทินนั่งที่โซฟา
       “ตามสบายเลย”
       “ทำไมไม่อยู่ที่ตึกใหญ่”
       “ถามเหมือนมึงไม่รู้จักกูไปได้”
       “ก็ขึ้นเป็นผู้บริหารแล้วนี่ครับท่าน นึกว่าอาจจะทำให้เปลี่ยนนิสัยของท่านได้บ้าง”
       “กูก็เป็นเหมือนเดิมของกูนั่นแหละ แล้วขอร้องเลยอย่ามาท่านเทิ่นกับกู ฟังแล้วยังไงไม่รู้ว่ะ”
       “ทำตัวให้ชินไว้หน่อยสิ”
       พาทินกวาดตามองไปรอบ ๆ เห็นภาพวาดที่ตกแต่งห้อง
       “มึงไม่วาดรูปแล้วเหรอ”
       จิราพัชรเดินเข้ามาหาพร้อมแก้วน้ำส่งให้พาทิน
       “จริง ๆ พ่อไม่อยากให้กูเรียนศิลปะอยู่แล้ว พอเทินโปรอาชีพกอล์ฟ เลยไม่มีเวลากับมันเท่าไหร่ พ่อกูชอบใจ เลยยัดให้กูมาช่วยดูโรงแรมเรื่องการบริการ จะได้ยิ่งไม่ว่างก็เลย...”
       จิราพัชรยักไหล่ไม่แคร์
       “มึงไม่เหงาเหรอเนี่ย”
       “ทั้งเบื่อ ทั้งเหงา แต่ก็มีคนไว้ให้คอยแกล้งแหย่เล่น คลายเหงาได้บ้าง”
       พาทินหัวเราะ
       “เออ เชื่อแล้วว่าไม่มีเปลี่ยนไอ้คุณพัชรได้จริง ๆ”
       “ที่จริงจะว่าแกล้งเขาก็ไม่ถูกนะ”
       พาทินหัวเราะ






       “คนอย่างมึง ยอมให้คนอื่นแหย่เล่นได้ด้วยเหรอ เขาเป็นใคร”
       “พนักงานรับโทรศัพท์ ชื่อคุณช้อย”
       “ช้อย ชื่อเชยเหมือนกันนะ ทำอะไรก็เห็นใจน้องฉันบ้างนะเว้ย เดือนหน้าแพนก็เรียนจบแล้ว”
       “มึงนี่ ไม่รู้อะไรเลยว่ะ”
       พาทินงง ๆ
       “เราไม่ได้คบกันมาพักใหญ่แล้ว”
       พาทินถอนใจ จิราพัชรเห็นเขาหนักใจ
       “เฮ้ย ขอโทษทีว่ะ ที่ไปกันไม่รอด”
       พาทินพยักหน้ารับ
       “มึงกับแพนมันดันเหมือนกันเกินไป”
       จิราพัชรจิบน้ำ
       “แล้วอรเป็นไงบ้าง”
       “ก็สบายดี”






       “เฮ้อ คิดถึงตอนเรียนที่โน่นกับอรแล้วก็มึง ตอนนั้นโคตรสนุก ชีวิตกูตอนนั้นดีและก็มีความสุขที่สุดเลย เออ...มัวแต่คุยเรื่องกู แล้วมึงมาทำไมที่นี่”
       “ก็ว่าจะมาสอนหนังสือที่นี่”
       “ปักหลักที่นี่เหรอ ทำไมไม่ไปกรุงเทพวะ”
       “พวกเราคงย้ายกลับมาอยู่ที่นี่”
       จิราพัชรงง ๆ
       “พวกเรา”
       “ก็ทั้งบ้านกูนั่นแหละ ตอนนี้พ่อกับแม่ก็อยู่ที่กรุงเทพ”
       “นึกว่าจะกลับมาพร้อมแพน”
       “พ่อกับแม่มาธุระสำคัญ”
       จิราพัชรมองหน้าพาทินเพื่อคาดคั้นว่าธุระอะไร พาทินไม่ตอบได้แต่อมยิ้ม จิราพัชรเริ่มเดาออก
       “ไอ้บ้า ทำไมไม่บอกกู”
       จิราพัชรเข้าไปกอดพาทินแสดงความดีใจ
       “เมื่อไหร่วะ”
       “พรุ่งนี้”
       “แล้วกูจะเตรียมตัวทันยังไงวะ”
       “แค่งานหมั้นเฉย ๆ ยังไม่มีอะไรมากหรอก มีแค่ญาติๆ เท่านั้น”
       “แต่งเมื่อไหร่”
       “ก็อีกสักพักแหละ”
       “ยินดีด้วยว่ะ”
       ทั้งคู่ชนแก้วกัน






       ค่ำนั้น จิราพัชรนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง เขาตื่นขึ้นมาเดินลงมาหาน้ำดื่มที่ครัว พาทินนั่งที่ระเบียงรับลม
       “ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเลยเหรอ”
       พาทินยังคงนั่งคิด จิราพัชรมองพาทินเขาคิดอะไรบางอย่างออก
       “เออ กูสงสัยอยู่อย่าง พรุ่งนี้จะหมั้นอยู่แล้ว วันนี้มึงทำไมถึงยังถ่อมาที่นี่”
       พาทินเหม่อคิด เขาเผลอตัวยิ้มออกมา
       “กูมาหาผู้หญิงคนหนึ่ง”
       จิราพัชรแปลกใจ
       “ใคร”
       “ไม่มีใครรู้จักหรอก”
       “มาหาผู้หญิงคนอื่น ทั้ง ๆ ที่กำลังจะหมั้น มึงก็ใช้ไม่ได้เหมือนกันนะ”
       “จะมาบอกกับเขาว่า กูกำลังจะหมั้น”
       “แล้วได้บอกมั๊ย”
       พาทินส่ายหน้า
       “ยังไม่ได้เจอเขาเลย”
       
       พาทินเหม่อคิดไปไกล จิราพัชรมองเพื่อนได้แต่สงสัย






เช้าวันใหม่...จิราพัชรขับรถพา พาทินไปส่งที่สนามบิน บรรยากาศข้างทางเป็นป่าเขียว สดชื่น พิชชาขับมอเตอร์ไซค์สวนทางมา จิราพัชรมองเธอ
       
       พาทินมองตามสายตาของเพื่อนที่ละจากถนนเบื้องหน้า พาทินเตือนเพื่อน
       “เฮ้ย มองทางสิ”
       จิราพัชรพูดขึ้นลอย ๆ
       “แถวนี้มีช้างเผือกด้วย”
       พาทินหัวเราะกับคำพูดของเพื่อนเขาเหลียวหลังไปมองตาม เห็นหลังเธอที่แล่นห่างออกไปแล้ว จิราพัชรมองตามเธอผ่านกระจกข้าง พิชชารู้สึกบางอย่าง เธอมองรถคันนั้นแล่นห่างไปทางกระจกข้างเช่นกัน





       
       บริเวณบ้านอาภาภัทร...พาทินและอรอินทุ์ ทำพิธีท่ามกลางผู้ใหญ่ของสองฝ่าย ญาติทั้งสองฝ่ายต่างรับหมั้นด้วยความสุข เมื่อพิธีจบญาติทั้งสองฝ่ายก็ทานอาหารด้วยกัน พาทินเดินเข้าไปในห้องของอรอินทุ์ นั่งลงที่เก้าอี้ เขาดูเนือย ๆ อรอินทุ์ เดินเข้ามาเห็น เธอลงนั่งข้าง ๆ เขา
       “เหนื่อยเหรอคะ”
       พาทินส่ายหน้า ขยับไทคลายปมออก
       “เมื่อคืน ดื่มกับพัชรมากไปหน่อย เลยเพลีย ๆ น่ะ”
       อรอินทุ์ยิ้ม เธอมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก เอื้อมมือไปจับมือเขา ส่งความรู้สึกไปให้
       “ตอนเราได้เจอกันครั้งแรก คุณทำให้ฉันมีความรู้สึก อยากจะรู้จักผู้ชายคนนี้ให้มากขึ้น ผู้ชายที่ตั้งคำถามแปลก ๆ มีใครที่ตอบแล้วตรงอย่างใจคุณบ้างไหม เธอเป็นคนแบบไหนนะ”
       พาทินสะดุดกับคำพูดของอรอินทุ์
       “จำได้ไหม คุณถามฉันว่า ถ้าเกิดใหม่ได้ฉันอยากเกิดเป็นอะไร”
       พาทินพยักหน้ารับ
       “ฉันตอบคุณว่าอะไร”
       “ผมไม่มีวันลืมคำตอบนั้นหรอก”
       “ฉันตอบว่าอะไร”
       “เกิดเป็นต้นไม้”
       อรอินทุ์ ยิ้มที่เขายังจำคำของเธอได้
       “ต่อจากนี้ไป เราจะหยั่งรากของเราสร้างครอบครัวไปด้วยกันนะคะ”
       พาทินยิ้มรับ แต่ในรอยยิ้มนั้นมีความรู้สึกอื่นแฝงอยู่





       
       จิราพัชรขับรถกลับมาจากไปส่งพาทินที่สนามบิน เขามองไปที่เบาะข้าง ๆ มีโทรศัพท์มือถือของพาทินตกอยู่ เขาเก็บมันเอาไว้ จิราพัชรลงจากรถ เห็น เสาวนิตย์ที่เดินผ่านประตูทางเข้าหน้าโรงแรม เขานึกบางอย่างได้จากเครื่องแบบที่เธอสวม
       
       จิราพัชรเดินผ่านโถงโรงแรม ไปจนถึงส่วนทำงานโอเปอเรเตอร์ เขากวาดตามองไปทั่ว ไม่เห็นคนที่คิดว่าน่าจะใช่คุณช้อย เขาหันเดินกลับ เสาวนิตย์เดินถือของว่างที่เพิ่งออกไปซื้อกลับมา จิราพัชรเรียกเธอไว้
       “คุณครับ มีพนักงานที่ชื่อช้อยไหม”
       เสาวนิตย์งง
       “ไม่มีค่ะ”
       “คนที่มีลูกสอง”
       เสาวนิตย์หัวเราะ
       “คงไม่ใช่แผนกนี้หรอกค่ะ พวกเรายังโสดกันอยู่”
       จิราพัชรแปลกใจ
       “เหรอครับ ขอโทษด้วยนะครับ”
       เสาวนิตย์เดินเข้าห้อง จิราพัชรมองดูในห้องนั้นอีกรอบ เห็นสามสาว พิชชา เสาวนิตย์ ชุติมานั่งทำงานตามปกติ เขาเดินงง ๆ จากมา
       
       จิราพัชรกลับเข้ามาในห้อง เขานั่งบนโซฟา ยังสงสัยเรื่องคุณช้อย เขามองโทรศัพท์มือถือสองเครื่องที่วางอยู่บนโต๊ะ นึกแผนการบางอย่างออก เขากดมือถือเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องรับสาย แล้ววางบนโทรศัพท์ห้องโทรไปแผนกต่อสาย
       “ฮัลโหล ขอสายคุณช้อยหน่อยครับ ผมเองนะห้อง ๑o๑”
       จิราพัชรรีบออกจากห้อง ตรงไปที่ส่วนทำงานโอเปอเรเตอร์ คุยไประหว่างทาง...จิราพัชรผ่านโถงโรงแรมไปที่ส่วนทำงาน เขาเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงาน เห็นพิชชาคนเดียวที่คุยสายอยู่
       “คุณช้อย ลูกสอง”
       พิชชารู้สึกว่าเสียงที่ได้ยินชัดเกินกว่าที่จะมาจากสาย เธอมองไปที่ประตู เห็นจิราพัชรยืนมองเธออยู่ พิชชาแปลกใจ เธอวางสายทันที
       “คุณช้อย ขอชื่อจริงให้ผมหน่อย อย่าโกหกอีกนะ”
       พิชชาลังเลที่จะบอก
       “พิชชาค่ะ”





       
       พิชชาเดินตามจิราพัชรมาที่โถงส่วนกลาง ที่ไม่พลุกพล่านมากนัก
       “เธอคือคุณช้อยจริง ๆ เหรอ”
       “ค่ะ”
       จิราพัชรใช้สายตามองรูปร่างของเธอ พิชชารู้สึกไม่ชอบใจที่ต้องมายืนให้เขามอง
       “มีลูกตั้งสองแล้ว ดูไม่เห็นเหมือนคนที่ผ่านการมีลูกเลย”
       “ดิฉันไม่เคยบอกว่า เป็นลูกของตัวเองสักหน่อย”
       “อ้าว แล้วโกหกทำไม บอกว่าตัวเองสี่สิบแล้ว”
       “สายตาที่คุณมองดิฉันเมื่อครู่ ก็รู้แล้วล่ะค่ะว่า คุณเป็นคนแบบไหน”
       “ผมเป็นคนแบบไหนเหรอ”
       “คนที่หว่านเสน่ห์กับผู้หญิงไปเรื่อย ในหัวคุณก็คงมองโลกในแง่เดียว”
       “แง่ไหน”
       “ในแง่ของผู้ชายเจ้าชู้นั่นแหละค่ะ”
       จิราพัชรรู้สึกเหมือนถูกด่า
       “ขอตัวนะคะ เราพนักงานไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมาคุยกับแขกในเวลางาน ขอบคุณที่รับบริการค่ะ”
       พิชชาหันหลังเดินกลับไปที่ส่วนทำงานของเธอ จิราพัชรอยากจะรั้งเธอเอาไว้ แต่พิชชาจ้ำเดินไปไกลแล้ว





       
       ในห้องคอนโดหรูของอรอินทุ์ ข้าวของและภาพวาดหลายขนาดวางพิงไว้ตามมุมต่าง ๆ มีงานศิลปะอื่น ๆ วางกระจายตัวอยู่ที่ต่าง ๆ เหมือนพึ่งขนย้ายเข้ามา อรอินทุ์นำพาทินเข้ามาในห้อง เธอเปิดม่านให้แสงเข้า
       “คุณใช้ที่นี่ทำงานได้นะคะ สว่างดีด้วย”
       “คุณขนมาเองหมดเลยเหรอ”
       “ค่ะ ฉันรู้ว่าคุณอยากเอามันกลับมาเมืองไทยอยู่แล้ว เล่นเอาฉันหมดแรงเหมือนกันนะ”
       พาทินถอนใจ
       “คุณน่าจะบอกผมก่อน”
       “คุณไม่พอใจเหรอ”
       “เปล่าหรอกจ๊ะ คุณนะตั้งใจดี ผมขอบคุณนะ แต่คุณจะเหนื่อยเปล่า ๆ นะสิ”
       “ยังไงเหรอคะ”
       “ผมรับปากจะไปสอนที่หัวหิน”
       อรอินทุ์แปลกใจที่เขาไม่บอกปรึกษาเธอก่อน
       “จำพี่ดนัยได้ไหม คนที่เคยเล่าให้ฟัง เขาสอนอยู่ที่นั่นแล้วก็เช่าพื้นที่ทำงานศิลปะด้วย แกเอ่ยปากชวนให้ไปสอนด้วย ผมก็เลยรับปาก”
       “คุณไม่เห็นปรึกษาฉันเลย” อรอินทุ์งอน
       “ผมขอโทษนะอร”
       “แสดงว่าคุณจะไม่อยู่กรุงเทพ กับฉันสิ”
       “ผมโตมาจากเมืองเล็ก ๆ แบบนั้น ไม่ค่อยคุ้นกับการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ๆหรอก...อีกอย่างผมคิดถึงที่โน่น”
       อรอินทุ์ มองแววตาของพาทินที่เป็นประกาย เมื่อพูดถึงบ้านเกิดของตัวเอง เธอถอนใจ ไม่รั้งเขาเอาไว้
       “เห็นแววตาของคุณแล้ว ฉันคงต้องยอมล่ะ ตามใจคุณเถอะค่ะ”
       พาทินยิ้มให้
       “ขอบคุณที่เข้าใจผมนะ”





       
       จิราพัชรนั่งเซ็ง ๆ อยู่ในห้อง เขากดหมายเลขโทรศัพท์ในห้องพัก พิชชารับสาย
       “คุณช้อย”
       “ค่ะ”
       “ต่อหมายเลขนี้ให้ผมหน่อย”
       “สักครู่ค่ะ” พิชชากดโทรศัพท์หมายเลขที่เขาบอกทันที
       
       เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่ห้องรับแขก พาทินเดินออกมารับสาย
       “สวัสดีครับ”
       เสียงจิราพัชรดังมาจากปลายสาย
       “กูเอง”
       “เออ ว่าไง”
       “จะโทรปรึกษามึงเรื่องผู้หญิงหน่อย”
       “นึกยังไงวะ”
       “มึงก็รู้ สเป็คของกู ต้องสูงเพรียว หุ่นนางแบบ”
       “ที่ผ่าน ๆ มาก็เป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ”
       “ก็ใช่นะสิ แต่คุณช้อย...”
       พิชชาต่อสายให้จิราพัชรจากห้องทำงาน เธอแอบฟังเสียงสนทนาของทั้งคู่ เมื่อได้ยินเรื่องพาดพิงมาถึงตัวเองก็รู้สึกหงุดหงิด
       “คุณช้อย”
       “นั่นแหละ เตี้ยก็แล้ว อายุก็เยอะ ใครเขาจะแล แต่กูก็ยังทู่ซี้ไปชอบ สงสัยมาตรฐานตัวเองคงตก ใช่ไหม”
       เสียงหัวเราะที่จิราพัชรตั้งใจกรอกผ่านสายมา ทำให้พิชชารู้ว่า เขารู้ว่าเธอแอบฟังเขาอยู่ พิชชากำลังจะตัดสาย เสียงของพาทินที่พูดโต้จิราพัชรทำให้เธอละมือ
       “นี่พูดถึงเรื่องอะไรของมึง”
       จิราพัชรหัวเราะ
       “ช่างมันเถอะ เรื่องหมั้นเป็นไงบ้าง”
       “ก็เรียบร้อยดี”
       “ยินดีด้วยเพื่อน”
       “ขอบใจ”
       “เออ แค่นี้แหละ ไว้ค่อยเจอกัน”
       พิชชาตัดสาย เธอทบทวนเสียงจากปลายสายที่ได้ยินรู้สึกคุ้นกับน้ำเสียงนั้นมาก
       
       เช้าวันต่อมา...มนตรี ผู้จัดการโรงแรม นั่งรอที่โต๊ะทานอาหารในห้อง มีแฟ้มงานเอกสารวางอยู่บนโต๊ะ จิราพัชรเดินมาจากชั้นบน มนตรีลุกขึ้นยืน
       “สวัสดีครับ ขอโทษที่ต้องรบกวน คุณพัชรแต่เช้า”
       “มีเรื่องอะไรเหรอ”
       มนตรีเปิดแฟ้มให้ดู
       “ท่านให้ผมเอารายละเอียดสรุปผลไตรมาสแรก เกี่ยวกับแผนกบริการลูกค้าต่าง ๆ มาให้คุณพัชรศึกษาดูครับ”
       จิราพัชรเปิดดูคร่าว ๆ
       “คุณแม่เป็นยังไงบ้าง”
       “ก็สบายดีครับ อีกไม่กี่วันก็จะครบรอบวันเกิดของท่านแล้วล่ะครับ”
       “มีงานเลี้ยงใหญ่โต เหมือนทุกปี”
       “คุณพัชรจะขึ้นไปงานท่านไหมครับ”
       “ขอดูก่อนก็แล้วกัน”
       จิราพัชรสะดุดกับหัวข้อหนึ่งในเอกสาร
       “คนรับใช้พิเศษ คืออะไร”
       มนตรีกระแอมในคอ ดูอึกอัก
       “เป็นบริการพิเศษ สำหรับแขกเดอลูกซ์ นะครับ”
       จิราพัชรยังติดใจกับคำอธิบายที่กำกวมของมนตรี
       “คุณพัชรต้องการสักคนไหมครับ”
       
       จิราพัชรมองดูข้อความนั้นคิดบางอย่างในใจ






มนตรีทำงานที่โต๊ะ พาณี หัวหน้าฝ่ายบริการลูกค้าเคาะประตู
       
       “เชิญครับ”
       พาณีถือเอกสารโอนพนักงาน ยื่นให้มนตรี
       “นี่อะไรคะ”
       มนตรีมองดูรายละเอียด เขาไม่ตอบอะไร
       “อยู่ๆ จะมาโอนพนักงานรับโทรศัพท์ ไปเป็นแม่บ้าน มีที่ไหนเขาทำกันแบบนี้”
       มนตรีถอนใจ
       “คือแขกห้อง ๑o๑ เขาอยากได้แม่บ้านพิเศษคอยดูแล”
       “ปกติ แผนกแม่บ้านก็ทำตรงนี้อยู่แล้วนี่คะ”
       “แต่คนนี้ แขกเขาระบุมา”
       พาณีเริ่มเข้าใจ
       “ขอมา ยังงั้นเหรอ แล้วเด็กคนนี้ล่ะ เขาว่าไง ที่อยู่ ๆ เอาไปทำงานที่ลดความสามารถของเขา”
       “เงินเดือนก็ยังเท่าเดิม นั่นแหละ”
       “ฉันไม่เห็นด้วยค่ะ มาตรฐานของโรงแรมเราจะเสียไปนะคะ”
       “ก็แค่โยกย้ายพนักงานแค่นั้นล่ะน่า”
       พาณีดูไม่พอใจที่มนตรีทำตามน้ำ
       
       เช้าวันรุ่งขึ้น พิชชาและกิ่งเทียน ยืนคุยกัน กิ่งเทียนยิ้มแย้มดีใจ
       “ดีใจจังที่ได้เจอเธออีก”
       “ไม่เจอกันตั้งนานเลยนะ”
       “ฉันเพิ่งได้บรรจุนี่ล่ะ เธอทำที่นี่มานานหรือยัง”
       “ก็หลายเดือนแล้วล่ะ”
       พาณีเดินเข้ามาในห้อง พิชชารีบบอก
       “ค่อยคุยกันนะ”

       พนักงานเข้าแถวรอฟัง พาณีอบรมเรื่องระเบียบการทำงาน เธอเดินดูความเรียบร้อยของพนักทุกคน ทรงผม เสื้อผ้า ป้ายชื่อ พาณีเห็นป้ายชื่อของพิชชา ก็จำได้ว่าเป็นคนที่ถูกโอนย้ายมา
       “ฉันชื่อพาณี เป็นผู้จัดการแผนกแม่บ้านของที่นี่ หากมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับงาน สามารถมาพูดคุยกับฉันได้โดยตรง ลักษณะงานของแม่บ้าน ทุกคนคงรู้ดีว่า เราต้องไปมีส่วนใกล้ชิดกับแขกของโรงแรมมากกว่าแผนกอื่น แล้วก็งานในส่วนของเรา เป็นด่านแรกที่จะทำให้ชื่อเสียงของโรงแรมดีหรือเสียหายได้ เพราะฉะนั้น พวกเราควรระวังพฤติกรรมต่าง ๆ ที่จะทำให้เกิดความมัวหมองกับชื่อเสียงของโรงแรมด้วยนะคะ หากพนักงานคนใดมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ก็จะถูกไล่ออกสถานเดียว”
       พาณีจงใจเดินมาพูดประโยคสุดท้ายที่พิชชายืน พิชชารับรู้ได้ถึงความจงใจนั้น
       
       จิราพัชรว่ายน้ำอยู่ในสระ พิชชาเดินตามอยู่ที่ขอบสระ
       “ทำไมต้องขอฉันมาเป็นแม่บ้านพิเศษส่วนตัวด้วยคะ”
       จิราพัชรยังคงว่ายน้ำจนถึงขอบสระอีกด้าน
       “ฉันเพิ่งได้บรรจุเป็นพนักงานรับโทรศัพท์ได้ไม่นาน คุณทำแบบนี้ทุกคนจะคิดยังไง หัวหน้าแผนกก็เพ่งเล็งมาที่ฉัน ฉันอาจจะถูกไล่ออกได้นะ คุณควรจะรับผิดชอบนะ”
       จิราพัชรโผล่ขึ้นจากน้ำ จนกระเซ็นไปถูกพิชชา เธอเบี่ยงตัวหลบ
       “แล้วยังไง แนะนำมาสิ”
       พิชชาเอือมกับความเอาแต่ใจของเขา
       “ฉันพูดกับคนอยู่หรือเปล่าเนี่ย”
       จิราพัชรได้ยินคำพูดของเธอ ตั้งใจจะเถียง แต่พิชชาเดินจ้ำไปพ้นรัศมีแล้ว เขาได้แต่ตะโกนไล่หลังไป
       “ระวังให้ดีเถอะ ฉันจะเรียกใช้ไม่ให้หยุดเลย”
       พิชชายังได้ยินหางเสียงของเขา เธอหันกลับมาค้อนเขา จิราพัชรยิ้มเยาะ เขารู้สึกสะใจที่ยั่วเธอได้บ้าง





       
       อรอินทุ์ และพาทินช่วยกันห่อผลงานศิลปะทั้งหมดในห้องพัก เตรียมส่งย้ายไปที่หัวหิน พาทินมองผลงานชิ้นหนึ่งที่เขาวาดเอาไว้นานแล้ว เป็นรูปทะเลที่บ้านเกิด อรอินทุ์ มองเขา อมยิ้มกับผลงานของตัวเอง
       “คุณไม่เคยขอให้ฉันเป็นแบบสักครั้งเลย”
       พาทินละสายตาจากภาพมองเธอ
       “เพราะคุณสวย จนผมวาดยังไงก็ไม่สวยเท่าตัวจริงได้”
       อรอินทุ์ รู้สึกเขินที่เขาชม เธอยิ้ม หน้าแดงพูดแก้เขิน
       “ภาพอะไรเหรอ”
       พาทินมอง ๆ
       “ทะเลที่บ้านเก่าน่ะ”
       “แล้วนี่ใคร”
       อรอินทุ์ ชี้ไปที่รูปผู้หญิงที่ยืนอยู่มุมหนึ่งของทะเลนั้น
       “น้องสาว”
       “แพนเหรอ”
       พาทินส่ายหน้า
       “ลูกพี่ลูกน้อง”
       “เหรอ”






       พาทินคิดถึงอดีต
       “ผมพาเขาไปที่นั่น ไปเที่ยว ไปเล่นกัน เคยวาดหน้าเขาไว้บนหาดทรายที่นั่นด้วย
       “แสดงว่าเธอไม่สวย เพราะคุณวาดรูปเธอ”
       พาทินดูเขินที่จะพูดถึงพิชชา
       “เธอ...เธอไม่สวยหรอก”
       “แล้วตอนนี้เธอทำอะไรอยู่คะ”
       ความสดชื่นที่มีอยู่ของพาทินลดลง
       “ตั้งแต่ย้ายไปอเมริกา เราไม่ได้ติดต่อกันเลย คงย้ายไปแล้วล่ะ”
       พาทินหันไปเก็บของต่อ
       “คงต้องขนกันหลายเที่ยวเลย”
       “ให้ฉันไปด้วยนะ อยากแวะไปหาพัชรด้วย”
       “เอาไว้เข้าที่เข้าทางก่อน แล้วค่อยไปดีกว่านะ ถ้าอยากเจอมัน อีกไม่กี่วันมันก็จะขึ้นมางานวันเกิดแม่ที่กรุงเทพ”
       อรอินทุ์ พยักหน้ารับอย่างเสียดายนิด ๆ
       “ฉันดีใจนะที่พัชรดูมีความรับผิดชอบเป็นผู้ใหญ่ขึ้น”





       
       จิราพัชรออกจากห้องตรงไปที่โทรศัพท์กดหมายเลขเรียกพิชชา
       “คุณช้อย ผมหิวแล้ว มาด่วนเลยนะ”
       เขาวางหู ยิ้มสะใจ...ครู่ใหญ่ต่อมา พิชชาในชุดฟอร์มของแม่บ้าน วิ่งเข้าห้องมาพร้อมชุดอาหารที่จิราพัชรโทรไปสั่ง เธอมองไปรอบห้องไม่พบเขา ได้ยินเสียงน้ำจากฝักบัวข้างบน เธอค้อนที่เขาแกล้ง พิชชาเห็นบนโต๊ะกลางมีกระป๋องเบียร์เศษอาหาร กระดาษชำระ วางกองเอาไว้ เธอลงมือเก็บกวาดมันลงถังขยะ พิชชาเห็นนาฬิกาข้อมือของเขาวางไว้ เธอหยิบมันขึ้นมาดูและวางกลับไว้ที่เดิม
       พิชชาดูดฝุ่น เช็ดโต๊ะ เก็บของที่วางเกะกะ จัดห้อง จนเสร็จเรียบร้อย แต่จิราพัชรก็ยังไม่ลงมา เธอไปที่ครัวเอาชุดอาหารนั้นใส่จานเตรียมไว้ให้เขา พิชชานึกบางอย่างออก...จิราพัชรลงมาจากห้องน้ำ มองห้องเก็บกวาดเรียบร้อย เขาไปที่ครัวอาหารถูกจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อย เขานั่งลงที่เก้าอี้ หยิบหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมาเปิดอ่าน พลางตักอาหารเข้าปาก แค่เคี้ยวไปสองคำแรก ก็รู้สึกว่ารสชาติอาหารแปลกๆ พอตักกินคำที่สองเขาก็บ้วนมันออกมา





       
       เวลาเที่ยง พิชชากลับมาที่ห้องเก็บอาหาร เธอเห็นจิราพัชรก้ม ๆ เงย ๆ ค้นหาอะไรบางอย่างอยู่
       “มีอะไรหรือคะ”
       “นาฬิกา เมื่อคืนก็วางเอาไว้บนโต๊ะนี้นี่ คืนนี้ต้องไปงานวันเกิดแม่ด้วยสิ”
       “เมื่อกี้ก็ยังอยู่นี่คะ”
       พิชชารีบลงมือช่วยหาทันที
       “ตอนทำความสะอาดเห็นมันหรือเปล่า”
       พิชชาดูเหมือนจะนึกได้
       “อุ้ย”
       พิชชารีบวิ่งออกจากห้อง จิราพัชรมองตาม พอเธอพ้นตา เขาก็เอื้อมมือไปหยิบนาฬิกาที่อยู่ตรงซอก
       โซฟาออกมาเอามาใส่ ยิ้มที่แกล้งเธอได้อีกครั้ง
       
       พิชชาและกิ่งเทียน เปิดดูถุงใส่ขยะ ไล่ค้นไปทีละใบ ๆ กิ่งเทียนส่ายหน้า
       “ไม่เห็นมีเลย แน่ใจหรือเปล่าว่ามันหลงไปอยู่ในขยะ”
       “ก็ไม่แน่ใจนะ แต่ค้นที่ห้องพักแล้วมันไม่อยู่ที่นั่น”
       “เธอนี่มันดวงซวยกับเรื่องนาฬิกาจริงๆ”
       พิชชานึกถึงตอนถูกแพนแกล้งเรื่องนาฬิกาเธอหยุดคิด
       “นั่นสิ เป็นความทรงจำที่ไม่ค่อยดีเลย”
       พิชชายิ่งร้อนใจ ค้นไปค้นมาจนเละ
       “ถุงนั้นฉันดูแล้ว พิชชาใจเย็น ๆ นั่น เละเทะหมดเลย”





       
       จิราพัชรนั่งกินมื้อเที่ยงอยู่คนเดียวอยู่ในสโมสรด้วยความหิว พิชชาเดินเข้าไปหา วางนาฬิกาเรือนใหม่ให้เขา จิราพัชรมองนาฬิกานั้น หยิบขึ้นมาดู
       “ขอโทษด้วยค่ะ ฉันหานาฬิกาของคุณไม่เจอ ตอนนี้ขอให้คุณใช้เรือนนี้ไปก่อนนะคะ”
       จิราพัชรวางนาฬิกานั้นไว้ที่เดิม
       “ดิฉันจะซื้อใช้คืนให้ทีหลัง นาฬิกาของคุณราคาเท่าไหร่คะ”
       “แพงเอาการอยู่นะ ตอนซื้อมาก็ สามพันเหรียญ”
       พิชชาคำนวณค่าจากราคาที่เขาบอก เธอตกใจเมื่อคิดเป็นเงินไทย
       “แพงขนาดนั้นเชียวเหรอ”
       พิชชาตะลึง จิราพัชรเห็นอาการตกใจของเธอก็เปลี่ยนท่าที
       “ไว้คุยเรื่องนี้ทีหลังนะ”
       เขาเลิกชายเสื้อดูเวลา พิชชาเห็นนาฬิกาที่ข้อมือเขาก็จำได้
       “เอ๊ะ” พิชชายิ้มดีใจ “คุณเจอมันแล้วเหรอคะ”
       พิชชาโล่งใจ สักพักเธอค่อย ๆ ลำดับเรื่อง ก็เข้าใจ เขาแกล้งเธอ
       “มื้อเช้าอาหารอร่อยนะ”
       พิชชาโกรธที่เขาแกล้งในสิ่งที่ฝังใจกลัวของเธอ
       “แค่ล้อเล่นน่า”
       พิชชายกแก้วน้ำที่วางอยู่ข้าง ๆ สาดน้ำใส่หน้าเขา แขกโต๊ะอื่นที่เห็นก็ตกใจ หันไปมองทั้งคู่
       “ล้อเล่นเหรอ” พิชชาน้ำตาคลอ “คุณไม่คิดถึงใจคนอื่นที่ต้องทุกข์ร้อน เพราะอาจจะต้องถูกมองว่าเป็นขโมย คนอย่างคุณมันใจดำ ฉันเกลียดคนแบบนี้ที่สุด”
       จิราพัชรมองเธอเสียใจ เขารู้สึกผิด พิชชาร้องไห้ เธอรู้สึกตัว ลืมไปว่าเขาเป็นแขกคนหนึ่งของโรงแรม พิชชากลั้นสะอื้นไว้
       “ขอโทษจริงๆค่ะ ดิฉันขอตัวนะคะ”
       พิชชาเดินจากไป จิราพัชรหยิบนาฬิกาที่เธอซื้อมาใช้เขามาดู รู้สึกเห็นใจเธอ
       
       บ่ายวันนั้น พิชชาออกจากห้องกำลังจะกลับบ้าน ระหว่างทางสวนกับพาณี
       “พิชชา เธอจะไปไหนน่ะ”
       พิชชาหยุดเดิน หันไปตามเสียงเรียก
       “กลับบ้านค่ะ”
       “อ้าว นี่เธอยังไม่ย้ายเข้ามาอยู่หออีกเหรอ”
       “กำลังจะย้ายเข้ามาค่ะ จะกลับไปเก็บของที่บ้านก่อน”
       “แล้วก็ที่อยากจะเตือนเธอเอาไว้หน่อย ที่นี่มันเป็นโรงแรมที่มีแขกเข้ามาพักตลอดเวลา ทำงานที่นี่ไม่ใช่มาเล่นขายของนะ อย่าทำสิ่งที่จะทำให้ชื่อเสียงของโรงแรมเสียหาย”
       พาณีพูดจบก็หันเดินออกไป พิชชาเรียกไว้
       “เดี๋ยวค่ะ ฉันทำอะไรเสียหายเหรอคะ”
       “นี่เธอ อย่ามาต่อปากต่อคำกับฉัน ที่เธอเอาน้ำสาดหน้าแขกที่ห้องอาหาร เมื่อบ่ายนี้ นั่นน่ะเสียหายไหม มีคนเห็นตั้งหลายคน”
       พิชชาเถียงไม่ออก เธอเงียบยอมรับ
       “อย่าให้มีอะไรแบบนี้ซ้ำสอง ฉันเซ็นไล่ออกจริง ๆ เธอไม่ได้กลับมาทำงานที่นี่อีกแน่ ๆ”
       พาณีกวาดตามองพิชชาที่นิ่งเงียบ ตั้งแต่หัวจรดเท้า
       “อ้อ แล้วอย่าใช้ทางลัดอื่นด้วยล่ะ”
       พิชชารู้สึกได้ถึงคำพูดส่งท้ายของพาณีที่ดูถูกเธอ พิชชามองพาณีเดินจากไปด้วยความท้อใจ





       
       พิชชาขี่มอเตอร์ไซค์เข้าหมู่บ้านมาเธอเห็นรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ที่รั้วบ้าน พิชชาขับเลยไป จอดแอบที่ใต้ต้นไม้ห่างออกไป ยืนหลบมองที่รั้วหน้าบ้าน สุนทรี พงษ์ และประชา ยืนคุยกันอยู่ ประชาส่งกล่องของขวัญให้สุนทรี เธอไม่อยากรับ แต่พงษ์คะยั้นคะยอ สุนทรีรับแบบเสียไม่ได้ ประชาเดินกลับไป พงษ์เดินไปเปิดประตูให้ แล้วขึ้นรถขับออกไป พิชชารอจนรถเลี้ยวออกไปจากซอย
       
       สุนทรีนั่งกินเหล้า พิชชานั่งอยู่ข้าง ๆ
       “แม่”
       “แค่แก้วเดียวน่า”
       สุนทรียกแก้วดื่ม
       “ที่หอ เขาให้กลับบ้านได้อาทิตย์ละครั้ง”
       “เมื่อกี้ คุณประชา เขาเอาของมาฝากไว้ให้ แม่รู้ว่าแกไม่ชอบเขา แต่เขาช่วยประกันตัวพี่แกออกมา บ้านนี้เขาก็...” สุนทรีถอนใจ “ช่างมันเถอะ”
       พิชชารู้ความรู้สึกของสุนทรี ที่ลำบากใจจะเอ่ยปากเรื่องที่ประชาอยากได้เธอไปเป็นเมียเขา พิชชา
       เข้าไปกอดสุนทรี
       “หนูขอโทษนะแม่ ที่ทำให้แม่ลำบากใจ แต่หนูยังอยากอยู่กันแม่ลูกแบบนี้ไปให้นานอีกหน่อย ปีหน้าบัญชีฝากเงินของหนูก็ถอนออกมาใช้ได้แล้ว แม่เอาไปใช้หนี้ เราจะได้สบาย ไม่ต้องไปพึ่งใครเขาอีกนะแม่นะ”
       สุนทรีรับความรู้สึกที่พิชชาต้องลำบากเพราะเธอและพงษ์ สุนทรีเห็นใจลูก
       “แม่เสียใจนะที่แกต้องลำบากแบบนี้ ตอนนั้นแม่น่าจะปล่อยแกไป”
       “แม่ก็…”
       ทั้งคู่ไม่พูดอะไรอีก กอดและโยกตัวปลอบกันและกัน
       
       พิชชาเข้ามาในห้อง เก็บเสื้อผ้าและของส่วนตัวลงกระเป๋า เธอเปิดกล่องที่เก็บของสำคัญออก ในนั้นมีถ้วยสองใบที่มีรูปเธอและพาทิน เธอมองถ้วย ความรู้สึกคิดถึงเขาท้นใจ เธอน้ำตาไหล กอดถ้วยนั้นไว้กับอก



เนื้อเรื่องจาก manager.co.th

ภาพจาก
manager.co.th
เฟซบุค Autumn in my heart' in brief
กระทู้ มีรูปพี่ชายยยยยจากเมื่อคืนมาฝากค่ะ










เนื้อเรื่องที่ในนสพ.คม ชัด ลึก
ภาพจาก กระทู้พันทิป












คลิปละครจาก Autumn mi My Heart Thailand


รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ - ตอนที่ 4 (by Truevisions)





บีจีจากคุณยายกุ๊กไก่ กรอบจากคุณ somjaidean100

Free TextEditor





 

Create Date : 28 พฤษภาคม 2556
0 comments
Last Update : 18 มิถุนายน 2556 21:41:22 น.
Counter : 3516 Pageviews.


haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.