happy memories
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2556
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
12 มิถุนายน 2556
 
All Blogs
 
รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ (๗)







อ่านเนื้อเรื่องเวอร์ชั่นเกาหลีได้ที่นี่ค่ะ
รักนี้ชั่วนิรันดร์ (๖)



อยู่เพื่อรักเธอ [OST. รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์]



       



บ่ายนั้น...พิชชาเดินออกจากตึก ไปยังมอเตอร์ไซค์ที่จอดเอาไว้ จิราพัชรยืนรออยู่
       
       “ขึ้นรถสิ ผมจะไปส่ง”
       พิชชาสงสัยว่าเขาจะมาไม้ไหน
       “ยิ่งช้า ยิ่งเป็นขี้ปากชาวบ้านนะ”
       พิชชาถอนใจกับนิสัยที่แก้ไม่ได้ของเขา
       
       จิราพัชรขับรถไปตามถนน
       “เรื่องที่ผมพูดไปเมื่อวาน”
       “ฉันรู้ คุณพูดไปเพราะอารมณ์ เพราะโมโห ฉันเข้าใจ ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่เล่าให้พี่ทินฟังหรอก”
       จิราพัชรนึกบางอย่างออก เขาเลี้ยวรถเปลี่ยนเส้นทาง พิชชาแปลกใจ
       “คุณจะทำอะไรน่ะ”
       “พาคุณไปคุยกับไอ้ทิน ให้มันรู้ว่าผมชอบคุณจริง ๆ คุณจะได้ไม่ต้องระแวงว่าผมจะแค่มาหลอกเล่นกับคุณ”
       พิชชาตกใจ
       “คุณจะบ้าเหรอ”
       “อีกไกลนะกว่าจะถึง”
       พิชชามองจิราพัชรแบบไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะเอาแต่ใจตัวเองขนาดนี้ บรรยากาศข้างทาง ทำให้พิชชาน้ำตาไหล คิดถึงความหลังเก่า ๆ ระหว่างเธอกับพาทิน จิราพัชรถามขึ้น
       “เธอเคยอยู่แถวนี้เหรอ”
       จิราพัชรหันไปมองพิชชาที่เหม่อมองบรรยากาศสองข้างทาง
       “คงไม่ได้กลับมาที่นี่นานแล้วสินะ”
       พิชชาหน้าเศร้าสลด
       “นาน...นานมากเลย”






       จิราพัชรพาพิชชาเดินเข้ามาในบ้านเก่าที่เธอเคยอยู่
       “น่าอยู่ดีนี่ เธอเคยมาแล้วล่ะสิ”
       พิชชาสะเทือนใจ มองบ้านที่เต็มไปด้วยความหลัง จิราพัชรกวาดตามองทางโน้นที ทางนี้ที
       “ตอนอยู่ที่โน่น ทินเล่าเรื่องบ้านหลังนี้ให้ฟังบ่อยมาก...ไอ้นั่นอยู่ตรงนั้น ไอ้นี่อยู่ตรงนี้ มันเล่าบ่อยจน ตอนเดินเข้ามานี่รู้สึกเหมือนเป็นบ้านของตัวเองเลย”
       พิชชายังคงยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก
       “ยังไม่มากันเหรอ หรือว่าจะอยู่ข้างบน”
       ขาดคำจิราพัชรก็เดินขึ้นบันไดไป พิชชายืนมองส่วนต่างๆ ของบ้านคิดถึงภาพความหลังที่มี ภาพทั้งความสุข ทุกข์ในความทรงจำปรากฏให้เห็น จิราพัชรลงมาจากชั้นบน
       “ไม่มีใครอยู่”
       พาทินและอรอินทร์กลับมาจากซื้อของ พาทินทักทายเพื่อน
       “ไอ้พัชร มาจนได้นะ”
       พาทินเดินเข้ามา เห็นพิชชาที่ยืนมองบ้าน เขาคิดไม่ถึงว่าเธอจะมา
       “พิชชา”
       พิชชาหันมามองเขา พาทินรู้ว่าเธอมีความรู้สึกแบบไหน
       “พี่คะ”
       พิชชายืนน้ำตาไหลพราก พาทินอึ้งไป
       “พิชชา”
       จิราพัชรชะงัก
       “พิชชา”
       อรอินทุ์และจิราพัชรแปลกใจ กับท่าทีของพิชชาที่แสดงออกว่าเสียใจมาก
       
       อรอินทุ์และจิราพัชรนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก อรอินทุ์มองจิราพัชร
       “เธออย่ามามองฉันแบบนั้น ฉันไม่ได้ทำอะไรนะ คงเป็นเพราะฉัน...”
       “แล้วทำไมพิชชาดูเสียใจขนาดนั้น”
       จิราพัชรถอนใจ
       “อาจจะเป็นเพราะ ฉันบอกพิชชาว่าชอบเขา...ฉันน่ารังเกียจ ถึงขนาดที่เขาต้องเสียใจแบบนั้นเลยเหรอ”
       อรอินทุ์นิ่งคิด เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะจิราพัชรหรือเปล่า








       
       พิชชาเดินอยู่ในห้องที่เธอเคยอยู่ ในห้องเปลี่ยนไปแล้ว แต่ก็ยังทำให้เธอคิดถึงภาพความหลังได้ พิชชามองที่ผ้าม่าน นึกบางอย่างออก เธอเดินไปที่หน้าต่าง เปิดผ้าม่าน เห็นรอยสลักที่ผนัง เขียนว่าห้องของพิชชา พาทินเข้ามาหา
       “นึกแล้วอยากร้องไห้จัง เธอต้องคิดแบบนี้”
       พิชชาหันไปมองพาทินที่เดินเข้ามาในห้อง
       “มันไม่เปลี่ยนไปเลย เธอต้องคิดแบบนี้”
       เธอมองเขาที่มาแหย่เธอแบบเมื่อก่อน
       “ร้องไห้อีกแล้วคนขี้แย พี่ต้องคิดแบบนี้”
       ทั้งคู่แม้จะแหย่กันแบบเมื่อก่อน แต่ความรู้สึกของทั้งคู่ดูเศร้า
       “เลิกทำตัวเหินห่างได้แล้ว พี่ต้องคิดแบบนี้”
       พาทินถึงจะยิ้มรับคำแหย่ แต่แววตาของเขาก็ยังเศร้า
       “พี่จะคิดยังงั้นเหรอ”
       “ค่ะ พี่”
       ทั้งคู่น้ำตาไหลเพราะความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ข้างใน





       
       พาทินและจิราพัชรยืนคุยกัน ที่ลานโล่งริมน้ำ พิชชากับอรอินทุ์เตรียมมื้อเย็นปิกนิคอยู่ไม่ไกลทั้งคู่ จิราพัชรถาม
       “เธอกับทินคงสนิทกันมากสินะ”
       พัชชาหันมาหาอรอินทุ์
       “ใช่ค่ะ...คุณพบพี่ทินได้ยังไงคะ”
       อรอินทุ์ยิ้มแย้มบอก
       “เราสามคน เรียนศิลปะที่ซานฟราน พัชรเป็นคนแนะนำให้รู้จักทินเจอกันครั้งแรก เราทานข้าวด้วยกัน เขาไม่พูดอะไรเลย ฉันคิดในใจว่าเขาคงไม่ชอบฉัน แต่จู่ ๆ เขาก็ถามอะไรแปลก ๆ ออกมา”
       “อะไรเหรอคะ”
       “เขาถามว่าเชื่อเรื่องการไปเกิดใหม่ไหม” อรอินทุ์หัวเราะ “ถึงจะเรียนศิลปะมา แต่ออก
       เดทครั้งแรกกัน ฉันก็อยากได้บรรยากาศที่มันโรแมนติคหน่อยจริงไหม”
       พิชชาคิดตามที่อรอินทุ์เล่า
       “แล้วคุณอรตอบพี่เขาว่ายังไงคะ”
       “ฉันก็ตอบเขาว่า เชื่อเรื่องการไปเกิดใหม่ เขาถามต่อว่า ถ้าฉันเกิดใหม่ได้ ฉันอยากเกิดเป็นอะไร”
       พิชชาคิดตามตลอด
       “คุณอร ตอบว่าอะไรคะ คุณอยากเกิดเป็นอะไร”
       “ฉันบอกเขาว่า อยากเกิดเป็นต้นไม้”
       พิชชาฟังคำตอบของอรอินทุ์ คิดถึงตอนที่พาทินตั้งคำถามเดียวกันนี้กับเธอเมื่อคราวที่ทั้งคู่กำลังจะแยกจากกัน
       “นั่นล่ะ นัดแรกของเรา”
       
       พาทินเห็นจิราพัชรเหม่อ ก็ถามอย่างแปลกใจ
       “คิดอะไรอยู่”
       จิราพัชรหลุดจากภวังค์ เขาถอนใจ
       “ฉันบอกพิชชาไปแล้ว ว่าฉันชอบเธอ ชอบจริง ๆ นะ”
       พาทินมองจิราพัชร นึกไม่ถึงว่าเขาจะทำแบบนั้น
       “ไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้กับใครมาก่อน ฉันชอบพิชชาจริง ๆ ชอบมาก ๆ ด้วย”
       “แล้วเธอว่าไง”
       “ไม่พูดอะไรสักคำ แต่อีกหน่อยฉันจะพิสูจน์ให้เธอเห็นว่า ฉันคู่ควรกับเธอ”
       จิราพัชรหันไปมองพาทินขอความเห็น
       “มึงไม่ขัดข้อง และไม่ขัดขวางใช่ไหม”
       พาทินหัวเราะ
       “ถ้ากูไม่ยอม แล้วมึงจะเลิกคบกับเธองั้นเหรอ”
       “กูไม่ได้มาขออนุญาต เพราะมึงเป็นเพื่อนรักของกู แล้วก็เป็นญาติกับเขา ก็แค่อยากให้คอยช่วยเป็นป๋าดันหน่อย ได้ใช่ไหมล่ะ”
       
       พาทินมองจิราพัชรแบบไม่รู้จะทำอย่างไรกับเพื่อนหัวรั้นดี เขาได้แต่ถอนใจ









ทั้งสี่นั่งกินมือเย็นท่ามกลางบรรยากาศยามเย็นสงบ
       
       “อันนี้ใครทำ” จิราพัชรทำลายความเงียบขึ้น
       “ฉันเอง ทำไมเหรอ” อรอินทุ์หันมาบอก
       จิราพัชรนิ่งคิด
       “จะบอกว่าอร่อย”
       “เชื่อมันไม่ได้หรอก” พาทินหันไปทางพิชชา “ว่าไง”
       พิชชาเอ่ยชม
       “ฝีมือคุณอร ดีค่ะ”
       จิราพัชรหันไปหาพิชชา
       “คุณกับไอ้ทินเป็นญาติทางฝ่ายไหนกันเหรอ”
       พิชชาและพาทินไม่รู้จะตอบจิราพัชรยังไงดี พาทินตัดบท
       “ไม่เห็นสำคัญเลย”
       อรอินทุ์เอ่ยขึ้น
       “ดูจากชื่อที่คล้อง ๆ กัน น่าจะเป็นญาติทางฝ่ายพ่อนะ”
       พาทินเปลี่ยนเรื่อง
       “เออ...เมื่อกี้เห็นคุณสองคนคุยกัน เรื่องอะไรเหรอ”
       “อ๋อ เรื่องที่เราเจอกันครั้งแรกนะค่ะ”
       จิราพัชรหัวเราะ
       “อ๋อ เรื่องนั้นน่ะเอง...ฉันอยากเกิดเป็นต้นไม้ค่ะ”
       จิราพัชรหัวเราะอีก พาทินรู้สึกไม่ดีที่ จิราพัชรพูดเรื่องนั้นเหมือนเป็นเรื่องล้อเล่น จิราพัชรหันไปหาพิชชา
       “แล้วเขาเคยมาถามอะไรแบบนี้กับเธอหรือเปล่า”
       พาทินเครียดขึ้นมา พิชชาเห็นอาการของพาทิน ฝืนยิ้มให้ จิราพัชรถาม
       “เธอตอบว่าไง”
       พิชชาตอบเรียบนิ่ง
       “เกิดเป็นน้องสาวของพี่ค่ะ”
       จิราพัชรยิ้ม
       “โหเป็นฉันปลื้มตายเลยว่ะ”
       จิราพัชรกับอรอินทุ์รู้สึกสนุก ส่วนพาทินและพิชชาเครียด ๆ ไป
       
        อรอินทุ์ ชงกาแฟให้พาทิน พิชชากับจิราพัชรยืนมองบรรยากาศริมน้ำ จิราพัชรหยิบก้อนกรวดที่อยู่แถวนั้นขว้างไปในน้ำ มันแฉลบร่อนไปสองครั้ง เขาหยิบขึ้นมาอีกสองก้อน ยื่นให้พิชชา
       “ลองดู”
       พิชชาขว้างออกไป ก้อนหินโดนน้ำจมหายไป
       “มาผมจะสอนคุณเอง”
       จิราพัชรวางท่าอย่างดี แต่ก็ร่อนไปอย่างมากก็สองครั้งเท่านั้น พิชชาหันมองไปรอบ ๆ เธอหยิบก้อนกรวดใหม่ขึ้นมาอีกสองก้อน
       “ไม่ใช่ ต้องอันแบน ๆ”
       พิชชาชูให้จิราพัชรดูลักษณะของมัน ก่อนที่จะร่อนมันออกไป หินนั้นเหินไปบนผิวน้ำ สามสี่ครั้งก่อนจะจม จิราพัชรหัวเราะแก้เก้อ พิชชาทำได้ดีกว่า เขารู้สึกเสียฟอร์ม
       “แล้วก็ไม่บอกว่าเป็น เห็นท่าทางตอนแรก...”
       “คุณชอบอวดนี่ ฉันก็เลยปล่อย”
       จิราพัชรหัวเราะอีก พิชชาเอามือลูบแขน เขาถอดเสื้อคลุมออก
       “เริ่มเย็น ๆ แล้ว”
       “ไม่ต้องหรอกค่ะ”
       “เอาเถอะ ผมไม่ค่อยหนาว”
       พาทินหันมาเห็น จิราพัชรกำลังคลุมเสื้อให้พิชชา อรอินทุ์หันไปมองทั้งคู่ตามสายตาของพาทิน
       “ดูเหมือนทั้งคู่จะเข้ากันได้ดีนะคะ”
       พาทินไม่ตอบ แค่ยิ้มรับ พิชชาหันมามองพาทินและอรอินทุ์ที่นั่งจิบกาแฟกัน
       
       จิราพัชรออกมาจากห้องน้ำ เห็นอรอินทุ์นั่งอยู่ที่โซฟาอยู่คนเดียว
       “ทำไมนั่งเหงาอยู่คนเดียวล่ะ”
       “ทินเขาอยากออกไปเดินเล่นแถว ๆ นี้”
       “ไปกับพิชชาเหรอ”
       อรอินทุ์ส่ายหน้าไม่แน่ใจ
       “ฉันไม่เห็นเธอพักใหญ่ๆแล้วนะ”
       “เหรอ”
       จิราพัชรได้แต่สงสัย











       
       พาทินเดินดูบรรยากาศรอบบ้านที่เขาเคยอยู่ พิชชานั่งเหม่อคิดถึงที่บ้านพักข้าราชการเก่า ที่เคยมาหลบฝนกับพาทิน พาทินเห็นพิชชานั่งคิด เขาเดินเข้าไปหา เธอยิ้มให้เขา พาทินถอดเสื้อนอกของเขาคลุมให้
       “ขอบคุณค่ะ”
       พาทินนั่งลงข้างเธอ
       “บ้านหลังนี้ถึงไม่มีใครอยู่ มันก็ยังไม่มีใครมารื้อเนอะ”
       “ฉันไม่ได้มาแถวนี้อีกเลย ตั้งแต่ที่บ้านย้ายไป”
       “อือ พี่จำได้ว่าที่นี่ เป็นที่ ๆ เธอแอบมาร้องไห้เสมอ ๆ เวลาเธอเสียใจเรื่องอะไรพี่จะมาเจอเธอร้องไห้ที่นี่ตลอด”
       พิชชานึกตามที่พาทินพูด
       “ฉันเจ้าน้ำตาขนาดนั้นเลยเหรอ”
       พาทินพยักหน้ารับ
       “อือ แล้วมันเป็นที่หลบฝนตอนเรากลับบ้านตั้งหลายครั้ง จำไม่ได้เหรอ”
       พิชชาคิดอยู่พักใหญ่
       “มันพอจำได้ลาง ๆ”
       พิชชานึกเหตุผลที่เธอไม่อยากจำ
       “คงเป็นเพราะ จริง ๆ แล้วฉันพยายามจะลืมมันให้หมด ทุกช่วงเวลาที่เคยมีความสุข ไม่อยากจำมันเอาไว้เลย เพราะมันเจ็บปวดมากนะ เวลาที่คิดถึง”
       พิชชารู้สึกตัวว่าพูดสิ่งที่จะทำให้พาทินกังวล พาทินนิ่งฟัง เขารู้สึกเจ็บปวดเช่นเดียวกัน
       “พี่คะ รู้ไหมสำหรับฉัน มันทำใจยากจริง ๆ ต้องห้ามใจไม่ปล่อยให้ตัวเองคิดถึงช่วงเวลาที่มีความสุข มันทรมานจริง ๆ”
       พาทินเข้าใจความรู้สึกของพิชชา เขาเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน พิชชายิ้มให้เขาทั้งน้ำตา พาทินนึกบางอย่างออก เขาลุกขึ้นเดินมาหยุดตรงหน้าพิชชา ย่อตัวให้เธอ
       “พี่จะแบกเธอกลับ”
       พิชชาเช็ดน้ำตา พลางหัวเราะ
       “ไม่เอาหรอก ฉันโตแล้วนะพี่”
       “โตแล้วทำไม่ได้เหรอ”
       พิชชาไม่ตอบ เธอลุกขึ้นเดินไป พาทินย่อตัวเก้อ เขายิ้ม ๆ ลุกขึ้นเดินตามเธอกลับไปบ้าน





       
        ค่ำนั้น จิราพัชรและอรอินทุ์ เดินกังวลอยู่ที่สนามหน้าบ้าน
       “ไปไหนของเขานะ โทรศัพท์ก็ไม่เอาไป”
       “แถวนี้ก็เปลี่ยว แล้วก็เงียบด้วย”
       อรอินทุ์สังเกตเห็น คนเดินมาตามทางมืด ๆ
       “คงกลับมาแล้วมั้ง”
       ร่างนั้นเดินลากกระเป๋าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ อรอินทุ์เห็นว่าเป็นแพน
       “นั่นแพนนี่”
       “แพน”
       แพนเห็นอรอินทุ์กับจิราพัชร ยืนอยู่ที่สนามหน้าบ้าน เธอดีใจ
       “อร พี่พัชร”
       แพนวิ่งเข้าไปหาทั้งคู่ด้วยความดีใจ เธอกระโดดกอดจิราพัชร
       “คิดถึงพี่จังเลย”
       
       “ทำไมไม่โทรมาบอกก่อนว่าจะกลับมา” จิราพัชรถามอย่างแปลกใจ

พิชชาและพาทินเดินกลับมาที่บ้านด้วยกัน หญิงสาวพูดขึ้นอย่างเศร้า ๆ
       
       “คุณอร แพน แล้วก็ฉัน”
       พาทินมองหน้า
       “อะไรเหรอ”
       “ผู้หญิงที่มีความสำคัญที่สุดในชีวิตพี่ไง”
       พาทินส่ายหน้าไม่เห็นด้วย
       “เธอลืมแม่ไปคนหนึ่งนะ”
       “ฉันไม่ลืมหรอก แม่น่ะไม่นับ เพราะแม่อยู่บนหิ้งบูชา”
       “ถ้าเป็นอย่างนั้น ไม่มีอันดับสำหรับเธอนะ”
       “โห ไม่ติดอันดับด้วย น้อยใจชะมัด”
       พาทินหัวเราะเบา ๆ พิชชาแปลความหมายคำพูดของเขาไปเป็นตรงข้าม พิชชางอน
       “แล้วสำหรับชีวิตเธอ พี่อยู่อันดับที่เท่าไหร่”
       “พี่น่าจะรู้อยู่แล้วล่ะ”
       “พี่ไม่รู้หรอก”
       “พี่เป็นอันดับหนึ่งสำหรับฉันเสมอ”
       พาทินตื้นตันเขาพูดอะไรไม่ออก





       
       จิราพัชร อรอินทุ์และแพน นั่งคุยกันอยู่โต๊ะรับแขก
       “ลูกพี่ลูกน้อง บ้านเราไม่มีนะ” แพนแปลกใจ
       จิราพัชรและอรอินทุ์ สับสนกับคำตอบของแพนที่บอก พาทินเปิดประตูเข้าบ้านมา แพนหันไปตามเสียงประตู เห็นพาทินก็ดีใจ
       “พี่ทิน”
       พิชชาเดินตามพาทินเข้ามา แพนหุบยิ้มดีใจลง พิชชาเห็นแพน เธอเองก็ทำหน้าไม่ถูก จิราพัชรและอรอินทุ์ สับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้น








       
       พิชชากับแพนนั่งอยู่ในห้องนอน พิชชาเอ่ยชม
       “เธอดูดีจังเลย”
       แพนส่งผ้าเช็ดหน้าให้ พิชชาที่น้ำตาคลอ
       “หยุดร้องได้แล้ว เธอคงลำบากสินะ”
       “ไม่หรอก”
       “อย่าโกหกเลย”
       “ได้ยินว่าเธอเรียนเก่ง พี่ทินเขาภูมิใจเธอมาก”
       “ไม่ต้องชมฉันหรอก แล้วเธอล่ะ”
       พิชชาไม่รู้จะบอกเรื่องของตัวเองยังไง แพนมองหน้า
       “เธอไม่ได้เรียนต่อเหรอ”
       พิชชานิ่งรับโดยไม่ต้องตอบ
       “แล้วตอนนี้เธอทำอะไรอยู่”
       “ฉันทำงานที่โรงแรม”
       “โรงแรมของพี่พัชรเหรอ แผนกอะไรล่ะ”
       “เป็นแม่บ้าน”
       “อาทิตย์หน้า ฉันก็จะเข้าไปรับตำแหน่งผู้จัดการที่นั่น แล้วบรรจุหรือยัง”
       “ยังเลย...เธอเพิ่งกลับมาถึงเหรอ”
       “ฉันมาถึงสองวันแล้ว แวะไปหาคุณพ่อคุณแม่ที่กรุงเทพ ก่อนจะลงมา”
       พิชชานึกถึงพ่อแม่ ความทรงจำที่คิดลืมก็กลับมา
       “พวกท่านเป็นยังไงบ้าง...ท่าน จำฉันได้ไหม”
       “ไม่รู้สิ”
       พิชชาน้ำตาไหล แพนเห็นพิชชาเป็นแบบนั้น ความรู้สึกสองแบบที่เคยมีกับพิชชาในอดีตมันกลับมาอีก
       “เราย้ายไปอเมริกาก็เพื่อลืมทุกอย่าง พ่อกับแม่ ไม่เคยเอ่ยชื่อเธอในบ้าน ฉันไม่รู้หรอกว่า ท่านคิดยังไง แต่ถ้าย้อนคิดกลับไปมันก็เป็นเรื่องทรมานใจนะ”
       พิชชาน้ำตาไหลออกมาอีก เมื่อคิดถึงความเจ็บปวดเรื่องเธอของพ่อและแม่ แพนไม่พูดอะไรที่เกี่ยวกับพ่อแม่ต่ออีก เธอยิ้มให้
       “ดีใจที่ได้เจอเธออีกนะ ฉันคิดถึงเธอเสมอ”








       
       พาทิน จิราพัชรและอรอินทุ์นั่งที่โต๊ะรับแขก อรอินทุ์น้ำตาคลอเมื่อรู้เรื่องราวทั้งหมด
       “น่าสงสารพิชชา เธอทนมาได้ยังไง เธอคงคิดถึงคุณมาก ที่ต้องมาจากกันแบบนี้”
       จิราพัชรต่อว่า
       “บ้านมึงใจร้าย มึงก็ใจดำ ทำไมไม่ทำอะไรบ้างวะ”
       อรอินทุ์ปราม
       “พัชร”
       จิราพัชรหยุดปาก พาทินนิ่งคิดคำพูดของเพื่อนเขาไม่โต้แย้งอะไร
       “กูทำอะไรไม่ได้ ทำไม่ได้สักอย่าง”
       พาทินก้มหน้าเสียใจ แพนและพิชชาเดินลงมาจากห้อง
       “พี่ คืนนี้ให้พิชชานอนที่ห้องฉันก็แล้วกัน ฉันจะไปนอนที่ห้องพ่อแม่เอง ฉันจะนอนล่ะ พรุ่งค่อยเจอกันนะ”
       แพนเดินกลับขึ้นไปที่ห้องนอน พิชชารู้สึกว่าตัวเองอยู่ผิดที่ เธอเดินไปหยิบกระเป๋าถือที่วางไว้
       “ฉันเองก็ต้องกลับแล้วเหมือนกัน”
       พาทินชะงัก
       “ทำไมล่ะ”
       อรอินทุ์ไม่เข้าใจ
       “นั่นสิ”
       “พรุ่งนี้เป็นวันทำงาน ฉันต้องตื่นแต่เช้า”
       อรอินทุ์หันไปบอกพาทิน
       “ทินคะไปส่งพิชชาสิคะ”
       “ไม่เป็นไรค่ะ แพนคงอยากคุยกับพี่ คุณพัชรไปส่งฉันหน่อยได้ไหม”
       จิราพัชรรู้สึกแปลกใจกับคำขอของพิชชา ที่ปกติจะเลี่ยงเขาตลอด
       “ได้สิ”
       “ไปเลยนะคะ”
       จิราพัชรช่วยถือกระเป๋าให้พิชชา พาทินยืนมองทั้งคู่เดินออกไป
       
       จิราพัชรและพิชชาเดินไปขึ้นรถ เขาสงสารเธอ พิชชาเหม่อมองข้างทางที่มีแต่ความมืด จิราพัชเอื้อมมืออยากจะลูบหัวเธอเพื่อปลอบโยน แต่เขาก็ไม่ได้ทำ
       “ผมไม่สงสารคุณหรอกนะ”
       พิชชาแปลกใจที่จู่ ๆ เขาก็พูดแบบนั้นออกมาแต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกอะไรนัก
       “ฉันน่าสงสารเหรอคะ”
       “ไม่เลย เพราะตั้งแต่นี้ไปผมจะดูแลคุณเอง”
       พิชชามองจิราพัชร ความรู้สึกของเขามุ่งมั่นจนเธอรู้สึกได้





       
       พาทินเปิดประตูห้องนอน แพนขว้างหมอนใส่เขา
       “นี่มันเรื่องอะไร”
       “ใจเย็นหน่อยสิ พี่ขอโทษที่ไม่ได้บอกเธอก่อน”
       “พี่ อย่าให้แม่รู้เชียวนะ”
       พาทินไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับคำขอของแพน
       “ที่พิชชาแวะมาบ้านนี้ พี่ห้ามให้แม่รู้เลยนะ”
       “แพน”
       “แม่ยังป่วยอยู่ รับเรื่องนี้ไม่ได้หรอก”
       “ที่แม่ไม่สบายมานาน ก็เพราะตรอมใจคิดถึงพิชชามาตลอด”
       “แบบนี้เหรอ”
       “พี่แค่อยากให้แม่ได้พบกับพิชชา พี่ทำให้แม่ได้แค่นี้เอง”
       แพนรู้สึกความเสียใจเดิมกลับมาให้เธอรู้สึกอีกครั้ง
       “ฉันไม่มีความหมายสำหรับบ้านนี้เหรอ พอพิชชากลับมา ฉันก็กลายเป็นคนอื่นใช่ไหม”
       พาทินชะงัก
       “แพน”
       “น้องสาวร่วมสายเลือดของพี่ไง”
       แพนทิ้งตัวนั่งที่เตียง
       “ถึงจะอยู่ที่อเมริกาพร้อมหน้าครอบครัว แต่ฉันรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียว อ้างว้าง แม่ก็เอาแต่คิดถึงพิชชา พี่ก็เข้าหน้าฉันไม่ติด ไม่ยอมมาสนิทกันเหมือนพี่น้องคนอื่น พอเธอกลับมาแล้วฉันจะเป็นยังไงล่ะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าพิชชาอีก”
       “โอเค พี่เข้าใจล่ะ ก็รอจนกว่าพ่อกับแม่จะกลับมา แล้วเรื่องนี้เราค่อยคุยกันอีกที”
       
       แพนรู้สึกยังเจ็บใจ ที่พิชชายังคงวนเวียนไม่ไปจากชีวิตของเธอ






เช้าวันต่อมา...พิชชาเตรียมตัวไปทำงาน เสียงโทรจากพาทินดังขึ้น

“พี่เหรอคะ อยู่ไหนคะ”
“พี่เพิ่งไปส่งอรที่สนามบิน กำลังไปมหาลัย วันนี้เธอเลิกงานกี่โมง”
“บ่ายสองค่ะ”
“งั้นบ่าย ๆ มาเจอกันนะ”
“ค่ะ”
พิชชามองดูความเรียบร้อยของตัวเองที่กระจก ก่อนจะออกจากสตูดิโอ






ในมหาวิทยาลัยศิลปากร...พาทินเดินดูลูกศิษย์ ทำงานในวิชาเรียน พนักงานธุรการเข้ามาหา
“อาจารย์พาทินคะ มีคนมาขอพบค่ะ”
พาทินรู้สึกแปลกใจที่มีคนมาหา

​พาทินมาที่โถงนอกห้องเรียน เห็นพงษ์เดินวนไปมารอพบเขา
“มีธุระอะไร”
พงษ์ลูบแก้มข้างที่เคยโดนชก
“หมัดหนักเหมือนกันนะคุณ ยังรู้สึกเจ็บ ๆ อยู่เลย”
“เข้าเรื่องดีกว่า มีอะไร”
“ก็เรื่องของพิชชา” พงษ์จ้องมองพาทิน “แกคงเลี้ยงมันอยู่สินะ”
“ฉันขอตัวก่อน”
พาทินเดินหนีอย่าเบื่อหน่าย
“ตอนนี้แม่ไม่ค่อยสบาย”
พาทินหยุดฝีเท้า
“ฉันไม่ขอมากมายหรอกน่า”
พาทินเดินต่อ
“ถ้าลูกศิษย์รู้ว่านายมีผู้หญิงอยู่ด้วย มันจะงามหน้านะ”
พาทินยังไม่ใส่ใจ เขาส่ายหน้าเดินต่อ
“โรงแรมคงไล่พิชชาออกแน่ ถ้ารู้เรื่องเข้า”
พาทินหยุด พงษ์รู้สึกว่าจับจุดของพาทินได้แล้ว






พิชชาเดินตรงไปที่คณะเพื่อพบพาทิน ขณะเดียวกันนั้น พาทินเดินออกมาที่หน้าตึก พงษ์เดินตามมา ในมือเขามีเงินจำนวนหนึ่ง พงษ์พับเงินใส่กระเป๋า พิชชาเห็นเธอรู้ทันทีว่าพงษ์มาทำอะไร พิชชาวิ่งเข้าไปหาทั้งคู่ระดมมือทั้งตบ ทั้งเหวี่ยงใส่ไม่นับ พงษ์ตั้งตัวไม่ทัน
“แกมันเลวกว่าอะไรทั้งหมด ทำไมต้องคอยรังควานให้ฉันทุกข์ใจตลอด ไปให้พ้นนะ อย่ามายุ่งกับพี่ทินนะ”
พาทินดึงพิชชา ห้ามเธอไว้ พงษ์สะบัดหลุด เขาหัวเราะ
“ไว้ค่อยเจอกันทีหลัง ฉันไปก่อนล่ะ”
พงษ์วิ่งหนีไป พิชชาร้องไห้คับแค้นใจ พาทินปลอบ
“ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะพิชชา”
พาทินกอดเธอไว้

จิราพัชรเดินออกจากตึก แพนนั่งเล่นรอที่สวน เธอเห็นเขา วิ่งเข้าไปทัก ควงแขน
“พี่พัชร”
จิราพัชรไม่ทันตั้งตัวที่แพนเข้ามาถึงตัว
“เดี๋ยว ๆ นี่อะไร ถึงเนื้อถึงตัวผู้ชายเป็นแล้วเหรอเรา”
จิราพัชรแกะแขนของแพนที่คล้องแขนเขาไว้ออก แพนค้อนหมั่นไส้ที่เขาทำเป็นถือตัวกับเธอ
“แหม ๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนมีแต่จะดีใจ เดี๋ยวนี้ แตะตัวกันไม่ได้เหรอ”
จิราพัชรยิ้มรับ
“เธอจะเข้ามาเริ่มงานอาทิตย์หน้าไม่ใช่เหรอ”
“ก็ใช่ แต่ช่วงนี้ฉันว่าง ก็อยากมาหาพี่ ไปกินข้าวกันนะ นะ”
แพนเข้าไปคล้องแขนเขาดึงเดินไป จิราพัชรยิ้มที่แพนดึงดัน
“ก็ได้ ๆ”

ขณะที่นั่งทานข้าวด้วยกัน แพนถามอย่างตรงไปตรงมา
“พี่ควงคนใหม่อยู่เหรอ”
จิราพัชรยิ้มแปลกใจ
“รู้ได้ไง”
แพนยิ้มเยาะ
“ฉันรู้จักพี่ดี”
จิราพัชรพยักหน้ารับ
“พี่ว่าที่เราเลิกกันน่ะดีแล้ว”
“ทำไมล่ะ ฉันไม่ดีพอหรือไง”
จิราพัชรคิด ๆ
“พี่ทินของเธอว่าไงรู้ไหม มันบอกว่าเรานิสัยเหมือนกันมากไป”
“แล้วคนนี้ พี่จะคบสักกี่เดือนล่ะ”
“คนนี้พี่จริงจัง”
แพนมองจิราพัชร เห็นแววตาของเขาจริงจัง
“จริงเหรอ” แพนนิ่งคิด “ฉันได้พบพ่อพี่ที่กรุงเทพ”
“เหรอ แล้วไง”
“ท่านอยากให้พี่แต่งกับฉัน”
“ท่านน่าจะเลิกคิดได้แล้ว ฉันก็เคยบอกท่านไปว่าเราเลิกกันแล้ว”
แพนค้อนที่เขาเน้นย้ำคำว่าเลิกกัน
“เออๆ รู้แล้วน่า”
จิราพัชรยิ้ม ดูเขาไม่ยี่หระความรู้สึกของเธอนัก แพนก็ไม่รู้สึกโกรธหรือไม่พอใจ เธอยอมรับเพราะรู้ว่า มันต้องลงเอยแบบนี้









พาทินและพิชชากลับมาที่สตูดิโอ พบดนัยกำลังเก็บของ จัดระเบียบสตู ดนัยชี้ที่นาฬิกาข้อมือเตือนว่า พาทินมาสาย
“ขอโทษทีพี่ เดี๋ยวผมจะลงมือเลย”
พิชชาบิดผ้าที่เพิ่งซักเสร็จ พาทินถูพื้น เขาหยุดมือ แอบมองพิชชาที่ทำงาน ดนัยเดินเข้ามา เห็นสายตาของพาทินที่มองพิชชา เขารู้สึกว่าสายตาของพาทินมีความรักที่พิเศษแฝงอยู่












พิชชาตากปลอกหมอน พาทินเป็นลูกมือคอยช่วย
“มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง วันแรกที่เข้าไปสอน ลูกศิษย์คิดว่าพี่ยังเป็นนักศึกษาอยู่ สงสัยคงหน้าอ่อน”
พิชชานิ่งมองพาทินสังเกต ตามที่เขาบอก เธอไม่เห็นด้วย
“หน้าพี่ยังกะลุง”
พาทินหัวเราะเบา ๆ กับคำแซวของเธอ
“เมื่อกี้ที่มหาลัย เธอดุยังกะเสือ พี่ยังตกใจเลย ไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนั้นมาก่อน”
พิชชาอารมณ์สลดลง
“ชีวิตของฉันต้องเจอคนแบบนี้มาตลอดเลยนี่นา”
“ขอโทษนะ ถ้ารู้ว่าเธอไม่สบายใจ พี่คงไม่ให้เงินหมอนั่น”
พิชชามปลง
“ช่างมันเถอะพี่”












พิชชาสะบัดผ้าปูที่นอน ตากที่ราว เงาของเธอทาบลงบนผ้าปูสีขาว พาทินยืนมองเงาของเธอที่ฝั่งตรงข้าม พิชชายิ้ม เธอนึกบางอย่างออก ออกท่าทางเงาเป็นรูปต่าง ๆ พาทินหัวเราะ เขาเอ่ยปากเดาถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ทำออกมา
“พี่คะ รู้ไหมว่าฉันคิดอะไรอยู่”
พิชชาส่งภาษาใบ้ บอกว่า เธอคิดถึงเขามาก พาทินเข้าใจ
“ฉันคิดถึงเธอมาก” เขายิ้มให้ "ตาพี่บ้าง”
พาทินทำแบบเดียวกัน แต่เขาอยู่คนละด้านของแสง พิชชาเลยมองไม่เห็น
“ไม่เห็นเลยพี่”
“เธอเดินมาใกล้ ๆ สิ เอาล่ะหันหลังมา”
พิชชาหันหลังให้ พาทินใช้นิ้วเขียนข้อความบนหลังของเธอ
“พี่คิดถึงเธอ”
พิชชารู้สึกถึงข้อความที่เขาเขียน หัวใจเธอเต้นแรง พาทินหันหลังของเขาให้เธอเขียนข้อความลงไป
“พี่มีความสุขไหม”
พาทินนิ่งคิด หัวใจพองโต เขาไม่ตอบ พิชชามองหลังเขาที่ผ่านม่านผ้านั้นเป็นแค่รูปร่าง เธอหันหลังแล้วเอาหลังของเธอพิงหลังของเขา

ทั้งคู่ยืนพิงหลังกันมีเพียงผ้าบาง ๆ ที่คั่นกลางระหว่างสัมผัสของคนทั้งสอง



เนื้อเรื่องจาก
manager.co.th


ภาพจาก
manager.co.th
รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ : พฤหัสบดีที่ ๑๓ มิ.ย.










เนื้อเรื่องที่ในนสพ.คม ชัด ลึก
ภาพจาก กระทู้พันทิป












คลิปละครจาก Autumn mi My Heart Thailand


รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ - ตอนที่ ๗ (by Truevisions)





บีจีจากคุณยายกุ๊กไก่ กรอบจากคุณ somjaidean100

Free TextEditor





Create Date : 12 มิถุนายน 2556
Last Update : 18 มิถุนายน 2556 21:53:22 น. 0 comments
Counter : 2443 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.