เรื่องมันเริ่มขึ้นที่บางปลาม้า สุพรรณบุรี
นานมาแล้ว ตั้งแต่สมัยรัตนโกสิทร์ตอนที่สาม
สุพรรณยามนั้น อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ เช่นหอยขม และแมงจิ้งโก่ง
เรียกว่าจับกินกันได้เป็นที่อิ่มหนำ แทบไม่ต้องปลูกข้าวกันเลยทีเดียว
ชาวบ้านชาวช่องก็หน้าตาผ่องใส จิตใจเบิกบาน เจอกันก็รำตัดรำไทย หยอกล้อกัน
เมืองสุพรรณบุรีนั้นจึงขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองศิลปิน เพราะทรัพยากรอุดมสมบูรณ์
ไม่ขาดแคน ประชาชนจึงมีเวลาสร้างสรรค์ศิลปะมาก
เพราะไม่ต้องดิ้นรนทำกินจนไม่มีเวลา
หิวปั๊บ ก็จับหอยขม แมงอีเหนี่ยว แกล้มชาเขียว อร่อยขึ้นชื่อ
ใครๆก็ว่าสุพรรณนั้นเป็นเมืองหอยใหญ่ ไข่แดง
แหล่งธรรมะ ประเพณีชักพระโด่งดัง
ในเมืองสุพรรณบุรีอันกว้างใหญ่นั้น
ยังมีหมู่บ้านเล็กๆ คือ ไม่ใหญ่มาก ขนาดกำลังดี ประมาณคัพบีนิดๆ
ชื่อบ้านบางปลาม้าลายพาดกลอน
ในหมู่บ้านบางปลาม้าลายพาดกลอนนั่นเอง
ยังมีไอ้หนุ่มลูกทุ่งเมืองสุพรรณขนานแท้
บ้านปลูกอยู่ท้ายทุ่ง ทำนา ขุดบ่อเลี้ยงปลาทำฟาร์มเห็ดเผาะไปตามเรื่อง
ใครๆก็เรียก ทิดผันด้วยความที่เคยบวชเรียนมาหลายพรรษานั่นเอง
ส่วนใครๆที่ไม่เรียกทิดผัน ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ใครๆเขาก็เรียกกันแบบนั้น
ทิดผันมีชื่อจริงว่า ผันน้ำลงคลองข้างวัดประดู่ ชื่อยาวซักนิด
หลวงตาตั้งให้ตอนเกิดใหม่ๆ แกว่าเป็นชื่อมงคล
.
.
.
.
.
ทิดผันหลังจากสึกมาไม่นานก็มาตกหลุมรัดเข้ากับชบา
ที่บังเอิญเจอกันตอนเก็บยอดตำลึงริมรั้ว
เจอกัน สบตากัน ก็ตกหลุมรักกันตรงนั้น
ชบานั้นชื่อจริงหล่อนคือชบาร์เบียร์ ศิษย์เจ้าพ่อลิงกัง
เป็นสาวค่อนข้างห้าว เจอหมาไล่กัดเด็กก็ไล่กัดหมากลับ
เป็นที่ถูกใจของทิดผัน
สองคนนี้ก็รักกันเรื่อยมา ตามประสาหนุ่มสาวชาวทุ่ง
จีบกันทุกวันจนตำลึงไม่มีจะเด็ด เหลือแต่ก้านก็ยังไม่หนำใจ
ชาวบ้านบางปลาม้าลายพาดกลอนก็เห็นว่าสองคนนี้สมกันดี
ต่างก็สนับสนุนด้วยการให้แกงเห็ดบ้าง ให้แกงหอยขมบ้าง
.
.
.
.
.
อยู่มาวันหนึ่ง รู้สึกว่าจะเป็นวันศุกร์
เกิดเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่บางปลาม้าลายพาดกลอน
สิ่งนั้นคือเพลี้ยกระโดด ท้องทุ่งนาถูกเพลี้ยกระโดดเข้าทำลาย
ชาวบ้านไม่เคยเจอเพลี้ยชนิดนี้มาก่อน สงสัยจะเป็นเพลี้ยกระโดดเตะก้านคอ
บางคนออกความเห็นว่ามันน่าจะเป็นเพลี้ยกระโดดเตะตัดขามากกว่า
ชาวบ้านไม่รุ้จะทำเช่นไร หอยขมก็ค่อยๆตายลงไปจนเริ่มขาดแคลน
แมงจิ้งโก่งก็พลอยล้มตายไปด้วยเพราะตรอมใจ
ชาวบ้านไม่รู้จะทำยังไงบางคนจึงได้แต่ทำขนมครก
บางคนก็ทำเป็นไม่แคร์แต่แอบรัก บางคนก็ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว
ทิดผันเห็นท่าไม่ดี ขืนปล่อยให้เป็นเช่นนี้บางปลาม้าลายพาดกลอน
เห็นทีจะสิ้นชื่อกันหมด
ทิดจึงปรึกษากับชาวบ้านทั้งหลาย
พ่อผู้ใหญ่บ้านมีความเห็นว่า ควรมีใครซักคนเดินทางเข้าพระนคร
ไปขอปืนใหญ่มาเป็นอาวุธต่อสู้รักษาบ้านเมืองเอาไว้
แต่ชบาแย้งว่า อาจจะไม่ต้องใช้ปืนใหญ่ให้เปลืองกระสุนดินปืน
เพียงแต่ไปขอวิธีกำจัดเพลี้ยชนิดนี้จากกรมกำจัดเพลี้ยในพระนครก็พอ
ชาวบ้านเห็นด้วยโบกมือกันเย้วๆ
และชบานั่นเองที่อาสาไปพระนคร
ด้วยว่ามันเคยไปมาแล้วหลายครั้ง จึงชำนาญทาง
ทิดผันอาสาไปด้วยอีกคนด้วยความเป็นห่วงคนรัก
ชบาซึ้งใจยอมให้จับมือซ้าย เพราะลูกเสือเขาไม่จับมือขวา
ชบาเคยเรียนวิชาลูกเสือด้วย บอกแล้วว่าเธอห้าว
.
.
.
.
การเดินทางในพระนครนั้น ไม่เหมือนการเดินทางแบบไหนที่ทิดผันคุ้นเคย
ไม่เมหือนการเดินธุดงค์ ไม่เหมือนการเดินตามคันนาที่บางปลาม้า
ชบานั้นหรือก็ทำอะไรเร็วว่องตามแบบของเธอ
ทิดผันเงอะๆงะๆ ตามไม่ค่อยจะทัน
ในที่สุดก็พลัดหลงกันที่กลางสามแยกแห่งหนึ่ง
ทิดผันหาชบาไม่เจอ ไม่รู้อยู่ต้นมะพร้าวต้นไหน
อารามหิวข้าว จึงเดินเข้าไปร้านข้าวแกงแห่งหนึ่ง
อิ่มแล้วจึงได้โรงแรมแถวนั้นนอนอยู่หลายคืนก็ไม่เห็นชบามา
ทิดผันคิดไปต่างๆนานา หรือชบาจะวางแผนทิ้งเขาไว้ที่นี่
หรือเธอจะมีคนใหม่ที่พระนครนี่เข้าแล้ว มิน่าถึงได้เข้าพระนครบ่อยๆ
ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ทิดผันกินข้าวไปร้องไห้ไป
ผู้คนก็พากันถามไถ่ว่าทำไมจึงร้องไห้และไม่ใช้ช้อนกลางตักอาหาร
เรื่องราวจึงถูกเล่าขึ้นในร้านนั้นนั่นเอง
วันแล้ววันเล่า ที่เรื่องราวถูกเล่าขาน
จนวันนึงทิดผันคิดได้ ว่าทำไมไม่กลับบางปลาม้าลายพาดกลอนวะเนี่ย?
คิดได้ดังนั้น ก็เลยกลับบ้าน
และที่ชายทุ่งนั้นเอง ชบาวิ่งถลกผ้าถุงมาแต่ไกล
กอดรัดทิดผันด้วยความคิดถึง
เธอไม่ได้เปลี่ยนไปไหน อยู่ที่บางปลาม้าลายพาดกลอนนี่ต่างหาก
.
.
.
.
ร้านอาหารที่สามแยกนั้นเอง เพื่อระลึกถึงเรื่องราวของชาย
ชาวสุพรรณผู้มาร้องไห้ทุกวันอยู่ครึ่งค่อนเดือน
จึงตั้งชื่อร้านตัวเองว่า Suphan cry (สุพรรณคราย)
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
จำเนียรกาลนานมาจนถึงปัจจุบัน ย่านนั้นจึงได้ชื่อว่า สะพานควาย
อันเพี้ยนมาจาก สุพรรณคราย นั่นเอง
.
.
.
.
.
จบบริบูรณ์ครับ นิทานปรัมปรากับตำนานสะพานควาย
เขียนไปดูบอลไปด้วย ยาวเลย
พรุ่งนี้ทำลิ้งค์ให้ตอนเพลๆเด้อ
เพื่อนชาวตะพาบ 91
1.คุณ toor36
2.คุณ เศษเสี้ยว
3.คุณ ugly princess
4.คุณ กะว่าก๋า
5.คุณ newyorknurse 6.คุณ วนารักษ์
7.คุณ ญามี่
8.คุณ คนผ่านทางมาเจอ
9.คุณ NENE77
10.คุณ ทุเรียนกวน ป่วนรัก
11.คุณ เริงฤดีนะ
12.คุณ Pikake
อัพเดตล่าสุด 18:04น.
เพื่อนๆเรามีไปตั้งสำนักในเฟสกันด้วยนะ
ลองกดสิ
อ่านเพลินเลยค่ะ
ดีจังอ่านนิทานปรัมปรา จบด้วยเรื่องสพานควาย
เอโหวดสาขาไหนดีน้า อ่านแล้วชื่อก็ขำๆดีด้วย
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
toor36 Cartoon Blog ดู Blog
วนารักษ์ Literature Blog ดู Blog
เป็ดสวรรค์ Funniest Blog ดู Blog