Group Blog
All Blog
|
ทนายอ้วนชวนเที่ยวเมืองเก่า ... อยุธยา - พระราชวังจันทรเกษม อยุธยา - ตอนที่ 2 สถานที่ท่องเที่ยว : พระราชวังจันทรเกษม อยุธยา - ตอนที่ 2, อยุธยา Thailand พิกัด GPS : 14° 21' 56.18" N 100° 34' 29.00" E พระราชวังจันทรเกษม อยุธยา ตอนที่ 2 พลับพลาจัตุรมุข อ่านประวัติ พระราชวังจันทรเกษม อยุธยา ได้ที่ พระราชวังจันทรเกษม อยุธยา – ประวัติ บล็อกที่แล้วได้เล่าถึงประวัติ พระราชวังจันทรเกษม อยุธยา ไปแล้วนะครับ ในบล็อกนี้จะพาไปชมโบราณสถานที่สำคัญแห่งที่หนึ่งที่ตั้งอยู่ภายใน พระราชวังจันทรเกษม อยุธยา กันครับ กำแพงพระราชวัง สิ่งก่อสร้างที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งใช้เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์และที่ทำการมณฑลเทศาภิบาล จนกระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 7 ได้มีการบูรณะซ่อมแซมอีกครั้ง กำแพงพระราชวัง ปัจจุบันก่อเป็นกำแพงอิฐ มีใบเสมา มีประตูด้านละ 1 ประตู รวม 4 ด้าน แต่เดิมนั้นคาดว่ามีกำแพง 2 ชั้น เช่นเดียวกับวังหลวง พลับพลาจัตุรมุข ตั้งอยู่บริเวณใกล้ๆกับกำแพงด้านหน้า ในสมัย ร.4 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างอาคารพลับพลาทรงจตุรมุขแฝด โดยสร้างบนรากฐานของพลับพลาจัตรุมุขเดิมเพื่อใช้เป็นท้องพระโรงสำหรับออกงานว่าราชการและที่ประทับในเวลาเดียวกัน ภายในตั้งแต่งพระแท่นเศวตรฉัตรทำนองเดียวกันกับที่ประทับพระมหากษัตริย์ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 พลับพลาจัตุรมุขชำรุดทรุดโทรม จึงโปรดเกล้าฯ ให้พระยาไชยวิชิต ผู้รักษากรุงเก่าซ่อมครั้งหนึ่งและใช้เป็นศาลาว่าการเมืองกรุงเก่า ในปี พ.ศ. 2447 ใช้เป็นที่ตั้งอยุธยาพิพิธภัณฑสถานจนถึงรัชกาลที่ 7 โปรดเกล้าฯ ให้มีการบูรณะอีกครั้งหนึ่ง โดยให้พระยาโบราณราชธานินทร์เป็นผู้ดูแล การซ่อมคราวนี้ได้รื้อองค์พลับพลาลงทั้งหมด ได้มีการใช้คอนกรีตแทนเครื่องไม้ซึ่งเป็นของเดิม และขยายองค์พลับพลาให้สูงขึ้นอีก 1 ศอก พลับพลาองค์นี้เป็นพลับลาแบบ ฉมุข หรือพลับพลาจัตรุมุขแฝด (พลับพลาแบบจัตรุมุข 2 หลัง เชื่อมเข้าด้วยกัน) ด้านหน้าและด้านหลังมีมุขด้านละ 3 มุข ตรงกลางเชื่อมมุขด้านหนึ่งเข้าด้วยกันเป็นทางเดิน ตั้งอยู่บนชาลา ใกล้กำแพงด้านหน้าตรงประตูด้านตะวันออก มีกำแพงแก้วล้อมรอบ ฐานขององค์พลับพลามีขนาดกว้าง 18.50 เมตร ยาว 31.30 เมตร หลังคามุงกระเบื้อง ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันตกแต่งด้วยลายพระราชลัญจกรปูนปั้นซึ่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมีการบูรณซ่อมแซมหน้าบันโดยเปลี่ยนจากหน้าบันที่จำจากปูนปั้นเป็นไม้แกะสลัก แต่ยังคงลวดลายเดิมไว้ทุกประการ หน้าบันด้านหน้ามุขกลาง (ด้านทางเข้า) ลายพระราชลัญจกรพระราชโองการใหญ่ ขอบลายเป็นเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ ลายภายในตอนบนเป็นอักษร 120 เป็นอักษรพราหมณ์ อ่านว่า โอม ตอนล่างเป็นอักษรขอม ถัดลงมาเป็นพระราชลัญจกรสยามโลกัคราช ที่ขอบที่ลายเบญจราชกกุธภัณฑ์ ในขอบลายมีอักษรขอม 4 บรรทัด แปลความได้ว่า ใบประทับตรานี้ของอัครราชาโลกสยามผู้สั่งสอนสรรพชนในแว่นแคว้น โดยพระราชลัญจกรทั้งสองสร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หน้าบันมุขด้านเหนือ ลายพระราชลัญจกรครุฑพ่าห์ เป็นรูปนารายณ์ทรงครุฑ กรอบนอกเป็นวงกลมเรียกว่าองค์เดิม ใช้เป็นตราประจำแผ่นดินมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงปัจจุบัน ถือเป็นตราพระราชลัญจกรสำหรับพระมหากษัริย์ที่จัดอยู่ในกลุ่มพระราชลัญจกรที่เป็นของเก่า อันประกอบด้วยพระราชลัญจกรมหาโองการ พระราชลัญจกรครุฑพ่าห์ และพระราชลัญจกรหงส์พิมาน และพระราชลัญจกรไอยราพต ตามหนังสือเรื่องพระราชลัญจกรและตราประจำตำแหน่งเรียบเรียงโดยพระยาอนุมานราชธน หน้าบันด้านหลังมุขใต้ ลายพระราชลัญจกรสังข์พิมาน เป็นรูปสังข์บนแว่นฟ้าในวิมานรูปปราสาทสามยอด สันนิษฐานว่าน่าจะหมายถึงพระอินทร์ผู้ทรงวิชัยยุตสังข์ หน้าบันด้านหน้ามุขใต้ ลายพระราชลัญจกรหงส์พิมาน เป็นรูปหงส์ประทับอยู่ในวิมานรูปปราสาทสามยอด กรอบนอกเป็นวงกลม ถือเป็นตราพระราชลัญจกรสำหรับพระมหากษัตริย์ที่จัดอยู่ในกลุ่มที่เป็นพระราชลัญจกรที่เป็นของเก่า สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ทรงสันนิษฐานว่าหงส์พิมานน่าจะหมายถึงพระพรหม เทพเจ้าผู้ทรงหงส์เป็นพาหนะ หน้าบันด้านหลังมุขเหนือ ลายพระราชลัญจรไอยราพต เป็นรูปช้างสามเศียร บนหลังช้างเป็นบุษกประดิษฐานอุณาโลม แวดล้อมด้วยฉัตร 4 คัน กรอบนอกเป็นวงกลมเรียกกันว่า องค์ใหญ่ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ทรงสันนิษฐานว่าไอยราพตสื่อความหมายถึงพระอินทร์เทพผู้ทรงช้างเอราวัณเป็นพาหนะ หน้าบันด้านหลังมุขกลาง ลายพระราชลัญจรกมหาโลโต ในกรอบสี่เหลี่ยมตัวอักษรจีนอ่านได้ว่า “เสียมโหลกิกอ๋อง” (เสียมโหล = สยาม อ๋อง = กษัตริย์ ; เจ้าของบล็อก) ตามประวัติเป็นตราที่ได้รับจากจักรพรรดิจีนตั้งแต่สมัยอยุธยา (ในสมัยต้นกรุงศรีอยุธยาเมื่อเริ่มมีการค้ากับจีนเราจะติดต่อค้าขายกับจีนโดยตรงไม่ได้ จักรพรรดิจีนจะไม่ยอมค้าขายกับเรา เราต้องไปติดต่อผ่าน (คนกลาง) อาณาจักรริวกิว หรือปัจจุบันคือเมืองโอกินาว่า ประเทศญี่ปุ่น จนเมื่อจักรพรรดิจีนยอมที่จะค้าขายโดยตรงกับไทยจึงมอบตรามาให้เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ : เจ้าของบล็อก) ถัดลงมาเป็นพระราชลัญจรมังครคาบก้ว หรือมังกรเล่นแก้ว เป็นตราพระราชลัญจรที่ไม่ปรากฏที่มา สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ทรงสันนิษฐานจากลวดลายว่าอาจจะเป็นของเก่าที่มีมาตั้งแต่รัชกาลที่ 1 และมีหลักฐานว่าในรัชกาลที่ 2 เคยถูกใช้ควบคู่กับพระราชลัญจกรไอยราพต ซึ่งต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานตราพระราชลัญจรนี้ให้เป็นตราสำหรับโบราณคดีสโมสร สิ่งที่สำคัญที่ที่สุดที่จัดแสดงอยูภายใน พลับพลาจัตุรมุข คือ พระราชอาสน์สำหรับประทับนั่ง (ราบ) ของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและนพปฎลมหาเศวตฉัตร พระแท่นบรรทม พระราชยาน และเครื่องราชูปโภคและเครื่องใช้ส่วนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งจะเห็นได้ว่าส่งของหลายอย่างเป็นของตะวันตกครับ เช่น แชนเดอเลีย หม้อกรองน้ำ และเครื่องใช้ส่วนพระองค์หลายอย่างครับ นอกจากนี้ พลับพลาจัตุรมุข พระราชวังจันทรเกษม อยุธยา ยังเคยเป็น location ในการถ่ายทำภาพยนต์และละครหลายๆเรื่อง ที่เห็นชัดๆ คือละครโทรทัศน์เรื่อง ศรีอยุธยา ครับ ขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีสำหรับข้อมูลครับ พระราชวังจันทรเกษม - วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี พระราชวังจันทรเกษม – พิพิธภัณฑ์เสมือนจริง กรมศิลปากร พระราชวังจันทรเกษม – สำนักงานราชบัณฑิตยสภา พระราชวังจันทรเกษม – museum Thailand เที่ยวพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจันทรเกษม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (เที่ยวทิพย์) ตอนที่ ๕ - สมาชิกหมายเลข 2898082 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม:Chantharakasem National Museum : FB Kenniegallery https://www.sookjai.com/index.php?topic=47802.0;wap2 ชอบทั้งผังอาคารและรูปแบบสถาปัตยกรรมของพระราชวังจันทรเกษมเลยครับคุณบอล
พระแท่นบรรทมก็งดงามอลังการมากครับ ปีนี้อากาศร้อนจัดมากจริงๆ แอร์เสียนี่ยังไงก็ต้องรีบซ่อมจริงๆครับ ไม่ว่าจะแอร์บ้านหรือแอร์ในรถก็ตาม สเวนเซ่นส์มาดามชอบรสมะม่วงมากๆเลยครับ ผมไม่กล้ากินเยอะ กลัวเบาหวานจะขึ้นครับ 555 โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 เมษายน 2567 เวลา:12:38:27 น.
เห็นแดดแล้วไม่อยากออกไปเที่ยวไหนเลยค่ะ
ความจริงก็อยากไปยุดยา ไปไหวพระเข้าวัด กินกุ้ง แต่แดดมันทรมานจิตทรานใจจริงๆ เรื่องเข้าวัด เลยต้องพับไว้ก่อน ต้มจืดตำลึงกินกี่ทีก็ไม่เบื่อค่ะ แต่นี่ซื้อปวยเล้งมา ว่าจะทำต้มจืดปวยเล้ง ขอบคุณที่แวะไปทักทายที่บล็อกนะคะ ค่าไฟเท่าไร ช่วงนี้ก็ต้องยอมแหละเนอะ มันร้อนเกินไปจริงๆ เข้าครัวนี่เหมือนซ้อมตกนรก อากาศก็ร้อนอยู่แล้ว ไฟหน้าเตายิ่งทำให้ร้อนหนักกว่าเดิม โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 1 เมษายน 2567 เวลา:15:31:00 น.
ที่นี่ยังไม่เคยไปเลยครับ มีโอกาสต้อเที่ยวบ้าง แดดแรงน่าดูเหมือนกัน
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 1 เมษายน 2567 เวลา:21:14:38 น.
พระราชวังสวยงามมากครับ พอบูรณะแล้วยังดูใหม่เอี่ยมเลยนะครับ
โดย: The Kop Civil วันที่: 2 เมษายน 2567 เวลา:10:42:11 น.
ลวดลายแกะสลักหน้าบันงดงามมากนะคะ
ภาพสวยมาก ขอบคุณคุณบอลที่พาเที่ยวค่ะ โดย: Sweet_pills วันที่: 2 เมษายน 2567 เวลา:14:02:47 น.
สวัสดีครับ
จากบล็อก ที่บ้านผมก็ร้อนมากเหมือนกันครับ อากาศไม่ดีมีฝุ่น pm2.5 มากด้วย คุณบอลยังดี ที่ตอนเย็นมีอากาศธรรมชาติดีอยู่ครับ โดย: ปัญญา Dh วันที่: 2 เมษายน 2567 เวลา:20:15:10 น.
เวลาเราทำดี
คนแรกที่รู้สึกสบายใจและมีความสุข ก็คือตัวเราจริงๆครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 เมษายน 2567 เวลา:21:39:29 น.
พลับพลาจัตุรมุข ทรงหลังคางามมากๆเลยนะครับ
นึกถึงสมัยเรียน สถาปัตยกรรมไทย นั่งท่อง ช่อฟ้า หางหงส์ คอสอง หย่อง คืออะไร อยู่ตรงไหนนี่ มึนตึ๊บเลยเชียวครับ555 เฟอร์นิเจอร์โบราณนี่ สวยงามมีมนต์ขลังจริงๆ เห็นแล้วน้ำลายไหล อิอิ รูปด้านภายนอกนี่ กรอบประตูหน้าต่างไม้แกะสลัก ช่องลมไม้ฉลุ ลวดลายงดงามมาก แต่เสียตรงเหล็กดัดนี่แหละนะครับ น้องบอลบอก เหล็กดัดไม่สวยก็ต้องติด ก้เพราะเอ็งจ้องน้ำลายไหลอยู่นี่ไง เดี๊ยะๆ555 โดย: multiple วันที่: 3 เมษายน 2567 เวลา:4:23:21 น.
ตามมาเที่ยวค่ะ หน้าร้อนแล้วรักษาสุขภาพด้วยนะคะ
โดย: Emmy Journey พากิน พาเที่ยว วันที่: 3 เมษายน 2567 เวลา:11:01:19 น.
|
ทนายอ้วน
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 157 คน [?] Friends Blog
|
มาตามเที่ยววังต่อตอนที่2ค่ะ
แดดเปรี้ยงเลยค่ะ ตอนเข้าไปเดินด้านในเย็นไหมคะ
ช่วงนี้มันร้อนจัดจริงๆค่ะ
วันหยุดกะจะกบดานอยู่บ้าน ก็ร้อนจนอยู่ในบ้านยากจริงๆ
ต้องไปนั่งรับลมหน้าบ้าน หลังบ้านแทนค่ะ