Group Blog
|
ทนายอ้วนชวนเที่ยว ... เที่ยวเมืองชาละวัน ... พิจิตร - วัดโพธิ์ประทับช้าง พิจิตร สถานที่ท่องเที่ยว : วัดโพธิ์ประทับช้าง พิจิตร, พิจิตร Thailand พิกัด GPS : 16° 18' 10.34" N 100° 18' 56.63" E สถานที่ท่องเที่ยวแห่งต่อไปนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้ไปเที่ยวมาเป็นแห่งสุดท้ายในทริป น่าน – แพร่ – พิษุณุโลก – พิจิตร เมื่อปลายปีที่แล้วครับ สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้อยู่ในจังหวัดพิจิตร เราเดินทางไปเที่ยวชมกันก่อนที่จะกลับบ้านครับ วัดโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร วัดโพธิ์ประทับช้าง ตั้งอยู่ที่ ริมฝั่งแม่น้ำน่านเก่า ด้านทิศตะวันออก ห่างจากที่ทำการอำเภอโพธิ์ประทับช้าง ประมาณ 7 กิโลเมตร อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 27 กิโลเมตร ไปตามถนนสายพิจิตร-วังจิก ก่อนถึงวังจิก 2 กิโลเมตร มีทางแยกซ้าย เข้าสู่อำเภอโพธิ์ประทับช้าง ก่อนถึง อำเภอจะมีทางแยกซ้ายมือเข้าไปอีก 4 กิโลเมตร ถึง วัดโพธิ์ประทับช้าง ตั้งอยู่เลขที่ 246 บ้านโพธิ์ประทับช้าง หหมู่ที่3 ตำบลโพธิ์ประทับช้าง อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร ![]() วัดโพธิ์ประทับช้าง เป็นโบราณสถานที่เก่าแก่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2242 - 2244 ในสมัยพระเจ้าเสือ หรือ พระนามอย่างเป็นทางการว่าสมเด็จพระสุริเยนทราธิบดี (ขุนหลวงสรศักดิ์หรือพ่อเดื่อ พระนามก่อนหน้านั้น) พระมหากษัตริย์สมัยกรุงศรีอยุธยาลำดับที่ 29 (เป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวงลำดับที่ 2) ทรงครองราชย์ในช่วง พ.ศ.2246-2251 เพื่อเป็น อนุสรณ์สถาน ณ สถานที่ประสูติของพระองค์ และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาจากพระเจ้าเสือในปี พ.ศ.2244 เล่ากันว่า ... ในสมัยพระนารายณ์มหาราช พระองค์ได้เสด็จไปนมัสการพระพุทธชินราช ระหว่างทางนางสนมคนหนึ่งเกิดเจ็บครรภ์และคลอดทารกเพศชาย ตรงลานระหว่างต้นโพธิ์กับต้นมะเดื่อ ทรงให้นำรกเด็กน้อยไปฝังไว้ใต้ต้นมะเดื่อ ซึ่งภายหลังได้ขึ้นครองแผ่นดินอยุธยา และทรงพระนามว่า พระเจ้าดอกเดื่อ ตามชื่อต้นไม้ที่ทรงมีประสูติกาล สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงยกเด็กชายให้เป็นลูกให้พระเพทราชา ต่อมานายเดื่อได้รับราชการเป็นขุนสรศักดิ์ เมื่อใกล้สิ้นรัชกาลของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ขุนสรศักดิ์ก็ได้คบคิดกับพระเพทราชาทำการยึดอำนาจแล้วสถาปนาพระเพทราชาขึ้นเป็นกษัตริย์ ส่วนตนเองได้รับการสถาปนาเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล และในปีพ.ศ.2246 จึงปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ รู้จักกันต่อมาว่าพระเจ้าเสือ(สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่8) วัดโพธิ์ประทับช้าง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่านเก่า โบราณสถานจึงหันหน้าลงสู่แม่น้ำน่านที่อยู่ทางทิศตะวันตก เพราะเป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญ เป็นศาสนสถานขนาดใหญ่ มีพระอุโบสถเป็นประธานอยู่กึ่งกลางเขตพุทธาวาส จากข้อมูลสำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย บอกลักษณะแผนผังการใช้พื้นที่ แบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก คือ เขตพุทธวาส และเขตสังฆาวาส โดยมีกำแพงแก้วก่ออิฐสูงใหญ่และคูน้ำแบ่งขอบเขตพุทธาวาสกับสังฆาวาสออกจากกันอย่างชัดเจน เขตพุทธาวาส ล้อมรอบด้วยคูน้ำและกำแพงแก้ว มีซุ้มประตูเข้า 4 ด้าน ภายในกำแพงประกอบด้วย พระอุโบสถ (ประธานของวัด หันหน้าลงสู่แม่น้ำน่านเก่าทางด้านทิศตะวันตกไหลผ่าน เส้นทางคมนาคมในสมัยนั้น) เจดีย์คู่ ปรางค์ราย มณฑป ศาลาราย และฐานสิ่งก่อสร้างต่างๆ ขนาดเล็กเรียงรายอยู่ข้างกำแพง สันนิษฐานว่าอาจเป็นเจดีย์รายหรือแท่นประดิษฐานรูปเคารพ ที่นอกกำแพงด้านทิศเหนือมีฐานอาคารเล็ก 1 หลัง น่าจะเป็นวิหารน้อย และด้านทิศใต้ยังมีวิหารและเจดีย์รายอีก 1 องค์ ซุ้มประตูวัด มีขนาดสูงใหญ่ รูปทรงแบบซุ้มประตูวัดราชบูรณะ และวัดสำคัญอื่นๆในจังหวัดอยุธยา ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() พระอุโบสถ ผังของ วัดโพธิ์ประทับช้าง สร้างให้พระอุโบสถเป็นประธานของวัดตามคติการสร้างวัดในสมัยอยุธยาตอนปลายที่นิยมสร้างพระอุโบสถเป็นประธานแทนพระมหาธาตุ ลักษณะทางสถาปัตยกรรมรูปแบบที่นิยมสร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย ตั้งอยู่บนฐานไพทีสูงมีกำแพงล้อมรอบ ลักษณะของวัดมีพระวิหารสูงใหญ่ขนาด 7 ห้อง อุโบสถมีขนาดกว้าง 16 เมตร ยาว 30 เมตร (รวมมุขเด็จหน้า-หลัง) ลักษณะฐานแอ่นโค้งอยุธยาตอนปลาย ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() พระอุโบสถเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ผนังก่ออิฐหนาเกือบเมตรเพื่อรองรับน้ำหนักโครงหลังคาร่วมกับเสา หลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้อง ด้านหน้ามีประตูทางเข้าพระอุโบสถ 2 ประตู และมุขเด็จด้านหน้า ด้านหลังพระอุโบสมีประตู 2 ประตูและมูขเด็จแต่ไม่มีประตูกลาง กรอบประตูตกแต่งด้วยซุ้มยอดบุษบก ผนังอุโบสถเจาะช่องหน้าต่างเป็นช่องแสงแคบๆ ให้แสงสว่างเข้าด้านใน มีเสาร่วมรับน้ำหนักโครงสร้างเป็นเสาเหลี่ยมย่อมุม ซุ้มหน้าต่างบางซุ้มยังเหลือร่องรอยของลวดลายกนกก้านขดและลวดลายพันธุ์พฤกษาประดับซุ้มอยู่ ลวดลายที่ประดับรอบๆกรอบซุ้มหน้าต่างคล้ายๆกับที่วัดกุฎีดาว จ.อยุธยา นอกอุโบสถมีใบเสมาขนาดเล็กทั้ง 8 ทิศ เป็นเสมาหินชนวน ที่เอวแกะเป็นตัวเหงากนกเปลวพลิ้วสวยงาม มีแถบเส้นขนาดใหญ่ บริเวณกลางใบเสมา เรียกว่า “นมเสมา” ใบเสมาตั้งอยู่บนแท่นฐานก่ออิฐย่อมมุมสิบสองเป็นฐานสิงห์ ใบเสมานี้มีลักษณะคล้ายกันที่วัดบรมพุทธาราม วัดพระยาแมน ในพระนครศรีอยุธยา ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ตรงนี้น่าจะทำไว้สอดคานประตูครับ จะเห็นถึงความหนาของผนัง และเห็นว่าไม่ที่ทำคานประตูท่อนใหญ่มาก ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธานปูนปั้นองค์ใหญ่บนฐานชุกชีที่สูงมาก ชาวบ้านเรียกว่าหลวงพ่อโต หรือ หลวงพ่อยิ้ม หน้าตักกว้าง 4 ศอก กว้าง 5 ศอก เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นประทับบนชุกชี ฐานสิงห์ย่อมุมสิบสอง เป็นพระประธานประจำอุโบสถวัดโพธิ์ประทับช้าง มีอายุได้ 300 ปีเศษ ซึ่งองค์ปัจจุบันนี้เป็นการซ่อมแซมบูรณะขึ้นใหม่หลังจากที่ได้รับความเสียหายจากการ ถูกต้นไม้แถบบริเวณนั้นโค่นทับจนเศียร และองค์พระหักลงได้รับความเสียหาย ชาวบ้านจึงได้ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างขึ้นมาใหม่ เมื่อหลายสิบปี แต่ก็ยังศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพนับถือสืบมา ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() มุมพระอุโบสถด้านหน้ามี พระปรางค์ 2 องค์ขนาบซ้ายขวาด้านละองค์องค์ด้านขวาพังทลายลง พระปรางค์เป็นแบบอยุธยาตอนปลายสูงเพรียวชลูด องค์ที่พังลงยังเห็นรูเสียบแกนไม้ชัดเจน รูปแบบทางสถาปัยกรรมคล้ายคลึงกับพระปรางค์ที่วัดบรมพุทธาราม จ.อยุธยา แต่พระปรางค์องค์ด้านซ้ายยอดหักหล่นลงมาบนฐานไพที ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ปรางค์องค์ขวามือสมบูรณ์กว่า ![]() ![]() ![]() ข้างพระอุโบสถมีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองสร้างอยู่บนฐานเดียวกัน คู่กัน ฝั่งละ 2 องค์ ที่ฐานพระปรางค๋์และเจดีย์เจาะช่องโดยรอบ อาจจะเอาไว้วางตะเกียงประทีป ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() มุมกำแพงแก้วด้านหน้ามีศาลารายทั้ง 2 ด้าน (ซ้าย – ขวา) ลักษณะเป็นศาลาโถง ไม่ก่อผนัง ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() มณฑป ตั้งอยู่ทางด้าขวาของพระอุโบสถ ระหว่างศาลาโถงและพระปรางค์ สัณนิษฐานว่าอาจประดิษฐานพระพุทธรูปหรือพระพุทธบาทไม่แน่ใจเพราะไม่เหลือร่องรอย ![]() ![]() ![]() ด้านนอกทางซ้ายของกำแพงแก้วรอบพระอุโบสถมีพระเจดีย์ที่หักพังจนเหลือแต่ฐานชั้นล่างซึ่งเป็นฐานสิงห์ ทำให้สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง ![]() ![]() ![]() ![]() ด้านหลังพระเจดีย์เป็น พระวิหาร เป็นอาคารก่ออิฐ 2 ชั้น หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ผนังด้านทิศเหนือ – ใต้ชั้นล่างก่อช่องประตูด้านละ 3 ช่อง ภายในชั้นล่างของอาคารพบแนวเสา 2 แนว คาดว่าน่าจะใช้รองรับคานของพื้นชั้นที่สองที่ปูด้วยไม้กระดาน ในชั้นที่สองก่อหน้าต่างเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า อาคารชั้นที่ 2 ด้านทิศตะวันตกมียื่นออกไปคล้ายมุขเด็จ รูปแบบของอาคารคล้ายอาคารทรงตึกที่เป็นที่นิยมสร้างกันตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งน่าจะได้รับอิทธิพลมาจากสถาปัตยกรรมยุโรปและตะวันออกกลาง ลักษณะเหมือนพระตำหนักคำหยาด อ่างทอง นักวิชาการบางท่านสันนิษฐานว่าอาคารหลังนี้น่าจะเป็นตำหนักของพระเจ้าเสือ ![]() ![]() ศาลาปลื้องเครื่อง เป็นอาคารก่อฐานสูงไม่มีบันไดขึ้นเพราะน่าจะเอาไว้เทียบพระราชยานแทนเกย ![]() ![]() ![]() นอกคูน้ำด้านหน้าวัดคือ เขตสังฆาวาส บริเวณด้านทิศเหนือมีแนวเสาอาคารขนาดใหญ่ขนาด 9 ห้อง น่าจะเป็นศาลาการเปรียญล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วอีกชั้น ด้านทิศใต้เป็นกลุ่มอาคารที่สันนิษฐานว่าเป็นหมู่กุฎิสงฆ์ ![]() ![]() ด้านหน้าพระอุโบสถนอกกำแพงแก้วมีต้นมะเดื่อซึ่ง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปลูก เนื่องในวโรกาสเสด็จพระราชดำเนินนำคณะอาจารย์และนักเรียนนายร้อย โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ทัศนศีกษาในวันที่ 23 มิถุนายน 2537 ![]() ![]() ปัจจุบันวัดโพธิ์ประทับช้าง ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ตามประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 52 ตอนที่75 วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478 และกรมศิลปากรกำหนดเขตที่ดินโบราณสถานไว้ทั้งสิ้น 69 ไร่ 1งาน 16 ตาราวา วัดโพธิ์ประทับช้างเป็นโบราณสถานขนาดใหญ่ที่ยังใช้สอยจนปัจจุบัน แม้จะมีอายุกว่า 300 ปีแล้วก็ตาม อีกช่องทางหนึ่งในการติดตาม “ทนายอ้วนพาเที่ยว” Chubby Lawyer Tour - ทนายอ้วนพาเที่ยว https://www.facebook.com/ChubbyLawyerTour/ Chubby Lawyer Tour…….. เที่ยวไป ............. ตามใจฉัน ![]() ![]() ![]() ก่ออิฐหนามากจริงๆ พยายามมโนไปตอนที่สร้างเสร็จใหม่ๆ
คงจะงามมากเลยเนอะ ![]() โดย: nonnoiGiwGiw
![]() ![]() ทนายอ้วน Travel Blog ดู Blog
ชอบคุณที่พาไปเที่ยวจ้า เพลงประกอบเพราะด้วย ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() โดย: หอมกร
![]() ![]() วัดโพธิ์ประทับช้าง ... ไหนโพธิ์ ไหนช้าง คะ
พยายามอ่าน หรือเราพลาดไปตรงไหน แหะ ๆ สวยงามแบบอิฐ ๆ ... ก่อสร้างด้วยอิฐจำนวนมหาศาล อ่านประวัติศาสตร์ที่มาของวัด ทำให้นึกถึงละครเรื่องบุพเพสันนิวาส นึกได้ถึงตัวละครที่เล่นเป็นฉาก ๆ เลยค่ะ ได้ความรู้ประกอบสถานที่จริง ได้อรรถรสดีเลย ขอบคุณนะคะ ![]() โดย: ฟ้าใสวันใหม่
![]() ![]() กำลังสนใจสถาปัตยกรรมในสมัยก่อนพอดีเลยค่ะ แต่วัดนียังแยกไม่ออกว่าเป็นสมัยไหนๆ ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ
![]() โดย: melody_bangkok
![]() เห็นแล้วอยากไปบ้างครับ อาการร้อน แดดแรงน่าดู แต่แดดแบบนี้ถ่ายรูปสวย
สถาปัตยกรรมและซากอิฐเด่าแก่แบบนี้ พวกนักท่องเที่ยว จีน ญี่ปุ่น ชอบนะ โดย: คุณต่อ (toor36
![]() ![]() สวยงามมากๆ
ต้องไปๆเยี่ยมชมให้ได้ ครั้งนึงในชีวิต โดย: เริงฤดีนะ
![]() ![]() สวัสดีวันอาสาฬหบูชา มาตามไปวัดด้วยคนนะคะ ^^
โดย: a whispering star
![]() พิจิตรผ่านบ่อยแต่ไม่เคยแวะวัดนี้เลย
ทั้งๆที่วัดก็ดัง...ขอบคุณที่นำมาให้ชมครับ โดย: wicsir
![]() |
BlogGang Popular Award#19
![]() ทนายอ้วน
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Friends Blog
|
https://www.thaipost.net/main/detail/11299
https://2017.sadoodta.com/content/%E0%B8%A7%E0%B8
%B1%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%98
%E0%B8%B4%E0%B9%8C%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0
%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8
%8A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87-
%E0%B9%82%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0
%B8%93%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8
%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B
%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0
%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8
%B0%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2
%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0
%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8
%AD%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%98%E0%B8%A2ล%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E
0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B
8%95%E0%B8%A3
https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail
/itemid/21627
https://siamrath.co.th/n/62689